ปาฏิหาริย์ซาตาน 8 : ลานฝึก (Rewrite)

ปาฏิหาริย์ซาตาน

-A A +A

ปาฏิหาริย์ซาตาน 8 : ลานฝึก (Rewrite)

  "ยัยเอลรับมือได้ไม่เลวเลยนะ" ดิโมล่าเอ่ยขึ้นกับอินแชนดี้ที่นั่งดูการต่อสู้ของสองสาวอยู่ริมสนาม

  "เอลชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่เอาจริงฝีมือก็ไม่ได้แย่หรอก" อินแชนดี้วิจารณ์เพื่อนกลางสนามฝึก

            แวมไพร์รุกเข้าหาเอลลิก้าอีกครั้ง เพลงดาบของแวมไพร์ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ทำให้เอลลิก้าที่ไม่ได้ช่ำชองด้านการต่อสู้เป็นหลักรับมือลำบากพอดู แต่เธอก็พยายามหาทางรุกกลับบ้าง ทว่าโอกาสก็ช่างน้อยนิดสำหรับระดับฝีมืออย่างเธอ เด็กสาวพยายามหาทางเผด็จศึกหลายครั้ง แต่แวมไพร์ก็ป้องกันไว้ได้ทุกครั้ง แล้วพลิกเกมกลับจนเธอเกือบแพ้

  "พวกแกคิดว่าอย่างเอลมีโอกาสจะชนะไพร์บ้างไหม?" ฟาร์เน่ชวนคุยอย่างนึกสนุก

  "อย่างยัยไพร์น่ะเรอะจะแพ้" ดิโมล่าพูดไปตามประสบการณ์ที่คบกับฝ่ายนั้นมานาน เธอเห็นฝีมือด้านกีฬา และทักษะการต่อสู้ของแวมไพร์มาตั้งหลายครั้ง รวมถึงวีรกรรมที่ไปมีเรื่องต่อยกับพวกผู้ชายด้วย ดูจากสถิติแล้ว แวมไพร์เคยแพ้นับครั้งได้ทีเดียว

            แปะๆๆ แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาจากอินแชนดี้ เมื่อเห็นว่านาฬิกาทรายหมดเวลาแล้ว สาวมาร์ทสุขุมจึงลุกเดินเข้าไปหาคู่ต่อสู้กลางสนาม

  "ไพร์ชนะอีกจนได้" ฟาร์เน่พูดขึ้นหลังจากจบการแข่งขัน เธอจับตาดูเพื่อนสาวทั้งสองตลอด จึงรู้ว่าใครสามารถฟันเข้าจุดสำคัญของฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน

  "เยี่ยมมากทั้งสองคน สมกับที่ฝึกหนักมาหลายวัน เอลไปพักได้ ส่วนแก ไพร์ จะพักก่อนหรือจะต่อเลย" อินแชนดี้หันไปบอกเอลลิก้าแล้วหันมาถามสาวห้าวของกลุ่ม

  "ต่อเลย" แวมไพร์บอกด้วยความมั่นใจ ได้ยินอย่างนั้นดิโมล่าจึงก้าวออกไปกลางลานบ้าง

  "วู้ๆๆ สู้เข้าพวกแก!" ฟาร์เน่ส่งเสียงมาไม่ไกล ก่อนจะยื่นถุงกระเพาะแกะใส่น้ำให้เอลลิก้าที่เดินเข้ามานั่งพักรรับไปดื่ม

            จากนั้นอินแชนดี้ก็เดินกลับมา เธอยกนาฬิกาทรายขึ้น แล้วพลิกคว่ำอีกครั้ง

  "เริ่ม!!" อินแชนดี้ตะโกนบอกสองสาวกลางลาน

            เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ดิโมล่าจู่โจมดาบเข้าหาแวมไพร์ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ แทบเอาแวมไพร์ไม่ทันตั้งตัว ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เกินความสามารถที่เธอจะต้านไว้ได้ เพลงดาบของดิโมล่ารวดเร็วและดุดันกว่าเอลลิก้ามากอยู่ ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็สามารถฟันถูกจุดสำคัญของแวมไพร์ไปได้ถึงสามที่ แวมไพร์ไม่ยอมแพ้ พยายามตีแต้มตามมาติดๆ ฝีมือสองคนนี้ไม่ห่างกันมากนัก วาดลวดลายหลบหลีก ยกดาบรับ ฟาดกลับอย่างคล่องแคล่วไม่แพ้กัน

  "อู้หู แรงสมบุคลิกดิมเลยนะ" ฟาร์เน่วิจารณ์ด้วยความลุ้นระทึกและตื่นเต้น เอลลิก้าและอินแชนดี้เพียงนั่งมอง ยังไม่พูดอะไร

            ผ่านไปหลายนาที แต้มของแวมไพร์และดิโมล่ายังไม่ทิ้งห่างกันนัก แวมไพร์นำดิโมล่าอยู่สามแต้ม แล้วไม่นานดิโมล่าก็ฟันเข้าจุดสำคัญตีแต้มขึ้นมาอีกสองแต้ม เหลืออีกแต้มเดียวก็จะสามารถตีเสมอแวมไพร์ได้ แต่แวมไพร์ก็ไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นง่ายๆ เธอใช้ทักษะและเทคนิคที่เหนือชั้นกว่าฟันเข้าจุดสำคัญตีห่างออกไปได้อีก

  "ไม่ยอมจริงๆสินะ" คนที่อินแชนดี้เอ่ยถึงคือแวมไพร์ ที่จะไม่ยอมให้ใครตีเสมอแล้วคว้าเอาชัยชนะในด้านที่เธอถนัดที่สุดไปได้ง่ายๆ ส่วนเอลลิก้ายังเงียบอยู่ ไม่ว่าอะไร

  "ใกล้หมดเวลาแล้วสิ ดูซิใครจะพลิกเกมคว้าชัยชนะไปได้" ฟาร์เน่พูดพลางจับตาที่สองสาวกลางลานด้วยความสนใจ

            แปะๆๆ เสียงปรบมือของอินแชนดี้ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อจบการแข่งขันของคู่นี้ แวมไพร์ยังสามารถรักษาแชมป์ไว้ได้ตามเคย ด้วยการตีห่างออกไปถึงหกแต้มในเกือบนาทีสุดท้าย

  "ยัยไพร์ชนะอีกแน่" ดิโมล่าพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจตนเอง หอบน้อยๆและมองอินแชนดี้ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

  "เสียใจด้วยดิม แกถูกไพร์ตีห่างได้ในนาทีสุดท้ายถึงหกแต้มนะ" อินแชนดี้บอกด้วยรอยยิ้มปกติ

  "คิดอยู่แล้วล่ะ" ดิโมล่าสะบัดเสียงอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ใช่การหงุดหงิดเพื่อนตนเอง แค่ไม่ชอบใจตนเองมากกว่าที่ตีเสมอหรือชนะแวมไพร์ไม่ได้อีกครั้ง

  "ตาแกสินะไอ้แชน" แวมไพร์ถามเพื่อน ก่อนอินแชนดี้จะพยักหน้าให้

  "ตาไอ้แชนแล้ว ใกล้ถึงคิวฉันแล้วสิ กี่ครั้งๆก็ยังไม่ชินแฮะ" ฟาร์เน่พูดกับเอลลิก้าพลางถูมือเย็นๆให้คลายความตื่นเต้น

  "ฟาร์ทำได้อยู่แล้วล่ะ เอลเชื่อแบบนั้นนะ" เอลลิก้าหันมาให้กำลังใจพร้อมรอยยิ้มหวาน

  "งั้นไปพักล่ะ" ดิโมล่าพูดแค่นั้นก็เดินเข้ามาหาพวกฟาร์เน่ที่นั่งอยู่ริมสนามฝึก แล้วอินแชนดี้ก็หันมา

  "เอล ฝากจับเวลาและนับคะแนนด้วย!" อินแชนดี้ตะโกนบอก ฟาร์เน่ที่นั่งอยู่ใกล้นาฬิกาทรายกับกระดานจดคะแนนที่สุดจึงหยิบพวกมันส่งให้เอลลิก้า

  "เดี๋ยวฉันช่วยดูเวลาให้ เอลจดคะแนนไปแล้วกัน" ฟาร์เน่บอกเพื่อนข้างๆ

            หลังจากเอลลิก้าจัดท่าเตรียมจดคะแนนเรียบร้อย เธอก็ยกนาฬิกาทรายขึ้นพลิก แล้ววางลงให้ฟาร์เน่ช่วยดูให้

  "เริ่มได้!!" เอลลิก้าตะโกนบอก จากนั้นการต่อสู้ระหว่างสองสาว แวมไพร์และอินแชนดี้ ที่ทั้งกลุ่มทราบกันดีว่าฝีมือใกล้เคียงกันที่สุด จะจับดาบพุ่งใส่กัน

            แวมไพร์แทงดาบตรงเข้าหน้าท้องของอินแชนดี้ตรงๆ ก่อนเธอจะฟันดาบสาวห้าวลงแล้วกระโดดออกห่าง แวมไพร์ไม่ยอมปล่อยเพื่อนให้ถอยไป ตั้งหลักได้ก็กระโจนเข้าหาพร้อมยกดาบฟาดเข้าใส่ อินแชนดี้ยกดาบรับก่อนจะยันที่หน้าท้องอีกฝ่ายอย่างแรง แต่แวมไพร์แทบไม่รู้สึกจุกเพราะเกราะที่กันช่วงลำตัวไว้และการเกร็งหน้าท้องรับการกระแทกของเธอ สาวมาร์ดนิ่งใช้จังหวะที่แวมไพร์ชะงักวิหนึ่งจู่โจมเข้าใส่ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง

            สองดาบปะทะกันอย่างหนักหน่วง แม้จะสู้ผ่านมาถึงสองคนแล้ว แรงของแวมไพร์ก็ยังไม่ตกมากนัก สามารถรับแรงดาบของอินแชนดี้ได้สบายอยู่ สองสาวผลัดกันรุกผลัดกันรับเสมอกัน แต้มบนกระดานคะแนนไล่ตามกันโดยทิ้งห่างไม่นานนัก ผลแพ้ชนะอยู่ที่วินาทีสุดท้าย ใครจะสามารถฉวยคะแนนได้ก่อนกัน

            เคร้ง เคร้ง เคร้ง ฉึบ

            เคร้ง เคร้ง ฉึบ

            เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ฉึบ เคร้ง ฉึบ

            เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ฉึบ ฉึบ

  "ฝีมือไม่ตกเลยนะไพร์" อินแชนดี้ชมขณะที่มือยังพัลวันกับการรับและโต้กลับดาบแวมไพร์อยู่

            เคร้ง ฉึบ ฉึบ ฉึบ สองสาวตวัดดาบใส่กันไม่ลดละ ตานี้ค่อนข้างชิงไหวชิงพริบกันน่าดู เพราะฝ่ายหนึ่งก็เชี่ยวชาญด้านต่อสู้โดยตรง และอีกฝ่ายหนึ่งก็ฉลาดพลิกแพลงลูกเล่นและฉกฉวยโอกาสได้หลายครั้ง

  "ตอนนี้ไอ้แชนนำอยู่หนึ่งแต้ม เวลาใกล้หมดแล้ว ไอ้ไพร์มันจะรักษาแชมป์ได้อีกไหมเนี่ย" ฟาร์เน่ลุ้นเมื่อเห็นคะแนนบนกระดานในมือเอลลิก้า และนาฬิกาทรายข้างๆตัว

  "คาดเดาไม่ได้เลยคู่นี้ ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะมาตลอดนี่นะ" เอลลิก้าออกความเห็นบ้าง

  "ห้า สี่ สาม"

            ฉึบ

  "สอง"

            ฉึบ

  "หนึ่ง" ฉึบ ดิโมล่านับถอยหลังให้

  "หมดเวลา!!" ฟาร์เน่ตะโกนขึ้น ก่อนจะรีบหันมาทางเอลลิก้าด้วยความอยากรู้ "ใครชนะเอล?" เธอถามด้วยหน้าตาตื่นเต้นสุดๆ

  "ไพร์จ้ะ"

            พอได้ยินคำบอกผล ฟาร์เน่ก็ร้องขึ้นด้วยความทึ่งพร้อมกับดิโมล่าที่ส่งเสียงแสดงความยินดีให้เพื่อนสาวผู้ชนะอีกครั้ง และเพื่อให้เกียรติอินแชนดี้ที่สามารถเชือดเฉือนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อเช่นกัน

  "วู้ๆๆ ไพร์ แกชนะอีกแล้ว!!/ วู้ๆๆๆ!!"

  "หึ" อินแชนดี้หัวเราะขึ้นจมูก "ตานี้แกชนะ"

  "ตาหน้าฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก" แวมไพร์บอก ก่อนสองสาวจะยกหมัดต่อยกันกลางอากาศเป็นการชื่นชมฝีมือของอีกฝ่าย

  "ตาแกแล้วไอ้ฟาร์!" แวมไพร์หันมาหาฟาร์เน่ที่ส่งเสียงอยู่

  "รู้แล้วน่า นี่แกจะไม่พักบ้างหรือไง!" ฟาร์เน่ขานตอบ

  "แค่นี้ยังไหว ออกมา เร็ว จะได้พักสักที!" แวมไพร์ว่าขณะรอฟาร์เน่ค่อยๆเดินทอดน่องเข้ามาหา

            เวลาฝึกของพวกสาวๆผ่านไปเกือบเที่ยงวันแล้ว ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ชี้เกือบกลางหัว แสงของมันจ้าและร้อนจัดทำเอาห้าสาวทั้งแสบตา แสบผิว ร้อนเหงื่อไหลทั้งตัว และรู้สึกเพลีย แข่งคู่สุดท้ายจบอย่างคาดผลไม่ยาก ทุกคนก็พากันหลบเข้ากระโจมพักทันที เพราะทานแรงแดดไม่ค่อยไหว

            พักเหนื่อยในกระโจมได้ไม่นานทั้งห้าสาวก็ชวนกันไปอาบน้ำ เพราะทนเหนียวตัวกับเหงื่อที่ไหลโชกร่างไม่ได้ กลับมาก็รับประทานมื้อเที่ยง แล้วแยกย้ายกันทำสิ่งที่แต่ละคนสนใจ อย่างฟาร์เน่และแวมไพร์ก็หลับ อินแชนดี้คว้าหนังสือที่เจอในหีบใบหนึ่งในกระโจมออกมาอ่านเล่น เอลลิก้าก็นั่งสมาธิ ส่วนดิโมล่ากึ่งนั่งกึ่งนอนวาดรูป ซึ่งหาอุปกรณ์มาจากคนในค่าย จนกระทั่งเย็นๆหน่อยพวกเธอก็ชวนกันไปอาบน้ำอีกรอบ

            หลังอาบน้ำกันเสร็จ ระหว่างที่พวกสาวๆกำลังเดินกลับไปยังกระโจมพัก พวกเธอก็เห็นพวกห้าหนุ่มขี่ม้านำพวกลูกสมุนโจรทะเลทรายเดินเข้ามาทางด้านหน้าค่าย

  “เข้ามาร่าเริงแบบนี้ ไปปล้นมาได้อีกแล้วล่ะสิ” ดิโมล่าพูดขึ้น

  “ปล้นกลับมากี่ครั้ง กี่ครั้ง ไม่ยักมีใครตามมาปราบถึงค่ายหรือไงนะ?”ฟาร์เน่อดสงสัยไม่ได้

  “พวกนั้นวางแผนค่อนข้างรัดกุม ทิ้งกับดักปิดเส้นทางติดตามจนหมด แถมเห็นว่าการจะมาถึงเขตทะเลทรายที่ค่ายตั้งอยู่ได้จะต้องใช้กลไกพิเศษด้วย ไม่งั้นก็ยากมาถึง”อินแชนดี้เล่าเรื่องที่รู้จากการพูดคุยกับอาสตาร์นอกรอบการฝึกให้เพื่อนๆทราบ

  “ร้ายใช่เล่น”ดิโมล่าวิจารณ์ตามความรู้สึก ก่อนทั้งห้าสาวจะละความสนใจจากพวกหนุ่มๆ แล้วพากันเดินกลับที่พัก

 

  “ฉันออกไปเดินเล่นหน่อยนะ" เข้ากระโจมได้พักใหญ่ จู่ๆดิโมล่าก็นึกอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกขึ้นมา จึงหันไปบอกเพื่อนๆทั้งสี่ที่ต่างทำกิจกรรมแต่ละอย่างอยู่บนฟูกนอนบ้าง ที่โต๊ะบ้าง หรือมุมใดมุมหนึ่งในกระโจมบ้างให้รับรู้ไว้

  “ด้านนอกอากาศเย็นมากนะ อีกอย่างก็ค่ำแล้วด้วย ยังจะออกไปไหนอีกหรือ?" เอลลิก้าถามย้ำด้วยความเป็นห่วง

  “อื้ม ไม่ต้องห่วงหรอก” ดิโมล่ายิ้มให้ เป็นเชิงบอกให้สบายใจได้ แล้วจึงเดินออกมา

            ดิโมล่าแอบขี่อูฐออกมาจากชุมโจรเงียบๆคนเดียวกับตะเกียงหนึ่งดวง ก่อนมาหยุดนั่งดูท้องฟ้าพร่างพราวด้วยดาวนับล้านกลางทะเลทรายกว้าง สายลมอ่อนๆโชยมาช้าๆพัดผมของเธอให้ปลิวไสว

  “คืนนี้เป็นคืนข้างแรมหรือ" ดิโมล่ามองดวงจันทร์เซี่ยวที่เริ่มปรากฏออกมาจากม่านรัตติกาลพลางเอ่ยอย่างสงสัย

  “ก็ใช่น่ะสิ” เสียงห้าวเท่จากใครคนหนึ่งเอ่ยมาจากด้านหลัง ทำเอาดิโมล่าสะดุ้งโหยงรีบหันไปมองทันที

  “นายตามฉันมาได้ไง ตอนไหน?!” ดิโมล่าถามอย่างแปลกใจ เธอรู้ว่าเป็นคนกันเองจากเสียงที่คุ้นหู และแสงคบเพลิงที่อีกฝ่ายนำติดมาด้วยก็ส่องสว่างพอให้เธอเห็นเขาค่อนข้างชัดเจน

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.