March Time Traveler ตอนที่ 17 บังเอิญ

March Time Traveler

-A A +A

March Time Traveler ตอนที่ 17 บังเอิญ

ตอนที่ 17 บังเอิญ

 

    “รู้แบบนี้ฉันน่าจะเรียกมารน้อยกับเทพน้อยออกมาตั้งแต่แรก ไม่งั้นฉันคงไม่ต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับมาอีกเป็นชั่วโมงแบบนี้”มาร์ชบ่นออกมาหลังจากต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม

    “นายท่านสู้ๆเจ้าค่ะ อีกนิดเดียวก็น่าจะถึงแล้วล่ะเจ้าค่ะ”เทพน้อยที่นั่งบนไหล่ซ้ายของมาร์ช พูดให้กำลังใจมาร์ช

    “นายน้อยฉลาดสมกับที่จะเป็นจอมมารรุ่นต่อไปเลยขอรับ สามารถใช้ประโยชน์อันเล็กน้อยจากกลิ่นได้กลิ่นเหม็นพวกเผ่าอสูรของข้าน้อย เพื่อเป็นเครื่องมือในการตามหาพวกเผ่าอสูร สุดยอดจริงๆเลยขอรับ”มารน้อยพูดยอมาร์ชเป็นการใหญ่ มาร์ชเองก็ไม่ได้ขัดแต่กลับยิ้มหน้าบานรับคำเยินยออย่างภูมิใจซะอีก

    “ถึงจุดที่กุญแจสุ่มให้เข้ามาตอนแรกแล้ว ขอนั่งพักเอาแรงสักหน่อยนะ”มาร์ชพูดจบก็นั่งลงเอาหลังพิงก้อนคริสตัลก้อนใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขุดมัน มาร์ชเปิดดูระยะเวลาที่เหลือ 05:57:05 ชั่วโมง มาร์ชนั่งพักผ่อนหย่อนใจโดยมีมวยระหว่างมารน้อยกับเทพน้อยให้ดูด้วยตลอด 3 นาที มาร์ชลุกขึ้นบิดตัวไปมาเล็กน้อย

    “ไปลุยกันต่อดีกว่า”มาร์ชหันไปหามารน้อยและเทพน้อยที่นั่งเท้าแขนหอบอยู่ที่พื้น มันรีบบินไปนั่งที่ไหล่ของมาร์ชคนละข้างอย่างรู้งาน มาร์ชก็ออกเดินทางต่อ แต่เดินมาได้ไม่ถึง 200 เมตร กล่องข้อความก็เด้งขึ้นตรงหน้าแจ้งเตือนเขา

 

                  ข้อความ

    เผ่าอสูรคางคกบิน(ระดับ 10) เตรียมจู่โจม

    เผ่าอสูรคางคกบิน(ระดับ 10) เตรียมจู่โจม

    เผ่าอสูรคางคกบิน(ระดับ 10) เตรียมจู่โจม

    เผ่าอสูรคางคกบิน(ระดับ 12) เตรียมจู่โจม

 

     “โชคดีจริงๆที่ตัดสินใจเรียกมารน้อยกับเทพน้อยออกมา ไม่งั้นฉันก็เดินไปอีกทางจนหมดเวลาแน่ๆเลย”มาร์ชพูดแล้วแหงนหน้ามองคางคกสี่ตัว ที่กำลังกระพือปีกสีดำขรุขระไม่ต่างจากผิวบนตัวของมัน อยู่ติดกับเพดานถ้ำที่สูงเกือบ 6 เมตร พวกมันสามตัวมีขนาดตัวเท่ากับลูกโบว์ลิ่ง แต่อีกหนึ่งตัวขนาดตัวเท่ากับลูกบาสเกตบอล

    ‘แผละ แผละ แผละ’เสียงหยดของเหลวสีขาวพุ่งลงตรงพื้นที่มาร์ชเคยยืนอยู่ มาร์ชเห็นพวกมันทำท่าคล้ายกับจะพ่นอะไรออกจากปากใส่เขา ก็เลยระวังตัวเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อมันพ่นของเหลวสีขาวมา มาร์ชเลยกระโดดถอยหลังเพื่อหลบทันที

    “มารน้อยหลบเข้าไปอยู่ในเงาฉันก่อนนะ ส่วนเทพน้อยก็หายตัวแล้วหลบในที่ปลอดภัยก่อน”มาร์ชหันไปบอกมารน้อยกับเทพน้อย แล้วทั้งสองก็ทำตามในทันที

    “เราฝึกแต่วิชาการต่อสู้ด้วยอาวุธระยะประชิดหลายแขนง แต่ดันไม่ได้ฝึกการใช้อาวุธระยะไกลเลย ในโลกแห่งความเป็นจริง อาวุธระยะไกลก็มีแต่ปืน แต่ในระบบร้านค้าไม่มีปืนราคาถูกขายเลย ขั้นต่ำก็ 10 ล้านลิด เพราะมันคงจะโกงเกินไปถ้าเกมมันหาซื้อปืนมาใช้ได้ง่ายๆ”มาร์ชพึมพำแต่ยังคงเคลื่อนที่หลบของเหลวสีขาวที่คางคกบินโจมตีใส่เขาตลอดเวลา 

    “ขืนเอาแต่หลบแบบนี้ไปเรื่อยๆ สักพักเราก็คงจะหมดแรง แต่ไอ้พวกนี้ดันบินทิ้งระยะห่างไม่ให้เราโจมตีได้ด้วยนี่สิ”มาร์ชมองไปที่คางคกบิน ที่กำลังบินสูงจนติดกับเพดานถ้ำ แล้วก็มองหาตัวช่วยไปด้วย แต่ก็ยังหาอะไรไม่ได้เพราะในถ้ำนี้มีแต่คริสตัลส่องแสงเท่านั้น

     “ลองดูนี่หน่อยดีกว่า”มาร์ชพูดแล้วก็วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาทำได้ ตอนนี้ความเร็วของมาร์ชนั้นเท่ากับเสือชีต้าร์ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 75 ไมล์ต่ชั่วโมง หรือประมาณ 3 เท่าของความเร็วมนุษย์ปกติ มาร์ชวิ่งไปตามพื้นแล้วก็ไต่ไปตามผนังถ้ำ แต่เมื่อไปถึงจุดสูงสุดมาร์ชก็ต้องโค้งกลับเพราะน้ำหนักของดาบเหล็กที่ถืออยู่มันมากเกินไปที่จะวิ่งไต่ด้านบนได้

    “บ้าชิบดาบเหล็กนี่หนักและใหญ่มากจนเกะกะ ทำให้การวิ่งไม่ถนัดเลย”มาร์ชคิดถึงปัญหาของเขาได้ในทันที แล้วมาร์ชก็เก็บดาบเหล็กเข้าไปในกระเป๋ามิติ ก่อนจะเปิดระบบร้านค้าขึ้นมา แล้วดึงเอามีดสั้นออกมาถือไว้ในมือ 2 เล่ม 

    “จุกเลยนะเนี่ยฉัน จากเศรษฐีจะกลายเป็นยาจกแล้ว เล่มละตั้ง 50,000 ลิด”มาร์ชยกแขนข้างขวาขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลเพราะเสียลิดก้อนโตไป ก่อนจะเริ่มควงมีดสั้นสีเงินในมือไปมาอย่างชำนาญเพื่อสร้างความคุ้นเคย ด้วยท่าทางการใช้มีดสั้นของวิชาต่างๆ

 

                  ข้อความ

    ผลจากการกระทำ สร้างทักษะพื้นฐานการใช้มีดสั้นKali(ขั้นสูงสุด)

ทักษะนี้เป็นทักษะติดตัว จะทำให้การใช้อาวุธประเภทมีดสั้น เพิ่มการโจมตีและความคล่องแคล่วขึ้น 20%

 

    ผลจากการกระทำ สร้างทักษะพื้นฐานการใช้มีดสั้นSilat(ขั้นสูงสุด)

ทักษะนี้เป็นทักษะติดตัว จะทำให้การใช้อาวุธประเภทมีดสั้น เพิ่มการโจมตีและความคล่องแคล่วขึ้น 20%

 

    ผลจากการกระทำ สร้างทักษะพื้นฐานการใช้มีดสั้นไทยโบราณ(ขั้นสูงสุด)

ทักษะนี้เป็นทักษะติดตัว จะทำให้การใช้อาวุธประเภทมีดสั้น เพิ่มการโจมตีและความคล่องแคล่วขึ้น 20%

 

    “ว้าว รู้แม้กระทั่งวิชามีดสั้นของฟิลิปปินส์และมาเลเซียด้วยสินะ ไม่ว่าจะกี่ครั้งฉันก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับระบบเกมอันนี้จริงๆ แต่ในที่สุดฉันก็มีทักษะที่เพิ่มความคล่องแคล่วแล้ว”มาร์ชอ่านข้อความจบ ก็ตั้งท่าวิ่งอีกรอบมาร์ชลองวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง คราวนี้มาร์ชไต่ขึ้นไปจนถึงเพดานถ้ำได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความสูงของถ้ำทำให้ไม่สามารถที่จะวิ่งบนเพดานถ้ำได้ มาร์ชเลยออกแรงถีบเท้าเพื่อเป็นแรงส่งพุ่งเข้าใส่คางคกบิน แต่พวกมันก็ไม่ได้บินอยู่กับที่เพื่อรอความตายที่มาร์ชกำลังจะมอบให้ มันบินหลบเขาได้อย่างง่ายดาย 

    “ว่าแล้วเชียวการจัดการพวกบินได้นี่ยากเกินไป สำหรับคนที่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิดแบบฉัน”มาร์ชพูดแล้วก็มองหาที่ที่จะใช้เหยียบเพื่อลงพื้น

    ‘แกร๊งส์ ฟุบ ฟุบ ฟุบ’มาร์ชใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในคริสตัลเพื่อชะลอการตกจากที่สูง ก่อนจะดีดตัวไปเหยียบบนแท่งคริสตัล แท่งอื่นที่อยู่ใกล้ๆก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่พื้น

    “รู้งี้ฉันน่าจะเรียนยิงธนูด้วยก็ดี ราคาธนูในเกมนี้ราคาแค่ไม่กี่ลิดเอง” 

    ‘เปรี๊ยะ ครืน’เสียงคริสตัลก้อนที่มาร์ชใช้มีดสั้นแทงเพื่อใช้ในการชะลอความเร็วแตกแล้วก็ถล่มลงมาที่พื้นข้างๆมาร์ช มาร์ชเหลียวมองไปที่คริสตัลได้แป๊บเดียวก็ต้องเลิกมอง แล้วหันมาให้ความสนใจกับการหลบการโจมตีของคางคกบินที่เริ่มโจมตีใส่เขาอีกครั้ง

    “เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน”มาร์ชที่กระโดดหลบการโจมตีไปด้านหลัง อยู่ๆมาร์ชก็เกิดอาการมึนหัวขึ้นมาจนทรงตัวไม่ได้ ถึงกับต้องนั่งชันเข่าที่พื้น

    “ฉันยังไม่โดนการโจมตีจากพวกมันเลย แล้วทำไมฉันถึงเวียนหัวล่ะ”มาร์ชพูดแล้วก็มองไปรอบตัวเพื่อหาสาเหตุ

    “นายท่านเจ้าคะ เทพน้อยว่าน่าจะเป็นเพราะพิษที่พวกคางคกโจมตีลงมาที่พื้น มันระเหยขึ้นมาในอากาศ แล้วนายท่านก็สูดเข้าไปโดยไม่รู้ตัวรึเปล่าเจ้าคะ”เทพน้อยที่ยังอยู่ในโหมดหายตัวพูดขึ้นใกล้ๆกับมาร์ช

    “อ่อเป็นแบบนี้นี่เอง ขอบใจมากนะเทพน้อย เพราะมัวแต่หาทางจัดการกับคางคกบิน เลยมองข้ามเรื่องสำคัญนี้ไป”มาร์ชพูดขอบใจเทพน้อยแล้วก็กระโดดถอยหลัง เพื่อให้ออกมาจากบริเวณที่มีพิษคางคกบินระเหยอยู่ พวกคางคกบินมันบินตามมาร์ชมาแค่ระยะสุดเขตที่พิษละเหยก็บินกลับไปที่เดิม

    “นายน้อยขอรับ ทำไมนายน้อยไม่โจมตีระยะไกล ด้วยวิธีการของนายน้อยล่ะขอรับ”มารน้อยที่โผล่ออกมาจากเงาพูดขึ้น

    “วิธีการของฉัน”มาร์ชขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วใช้นิ้วชี้ที่หน้าตัวเองอย่างสงสัย

    “ก็นั่นไงขอรับ”มารน้อยว่าแล้วก็ชี้ไปที่กองเศษคริสตัลที่กองอยู่บนพื้น

    “อ่ออย่างงี้นี่เอง ขอบใจมากมารน้อย”มาร์ชหันไปขอบใจมารน้อยเสร็จ ก็วิ่งไปที่กองเศษคริสตัลทันที มารน้อยเองก็กระโดดเข้าไปหลบในเงาของมาร์ชอย่างรู้งาน

    “วิธีง่ายๆแบบนี้ ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้นะ แต่ก็อย่างคำโบราณว่านั่นแหละ เส้นผมบังภูเขา แต่เส้นสายใยรักของเราใหญ่กว่าเส้นผมนะ ฮ่าๆ”มาร์ชพูดจบก็หัวเราะมุกของตัวเองก่อนจะหยิบเอาเศษคริสตัลมาถือเอาไว้ในมือ มาร์ชนึกถึงภาพของลุงหมูขึ้นในหัวแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปาเศษคริสตัลในมือเข้าใส่คางคกบิน ด้วยความแข็งแกร่งที่ถูกเพิ่มขึ้นมาจากการถืออาวุธประเภทมีดสั้น 60% เศษคริสตัลก็พุ่งเข้าใส่คางคกบิน ไม่ต่างจากความเร็วของลูกธนูเลย พวกมันไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ ก็พากันร่วงลงมาที่พื้นกันหมด มาร์ชก็รีบพุ่งเข้าไปหาแล้วใช้มีดสั้นจัดการพวกมันในทันที

     

                  ข้อความ

    ท่านได้กำจัดเผ่าอสูรคางคกบิน(ระดับ10) ได้รับค่าประสบการณ์ในการเลื่อนระดับ

 

    ท่านได้รับศิลาอสูร(ระดับ 1)จำนวน 3 ก้อน

    ท่านได้รับศิลาอสูร(ระดับ 2)

 

    ท่านได้รับเหรียญลิดแดง(ระดับ 1) เหรียญมูลค่า 1,000 ลิด จำนวน 3 เหรียญ

    ท่านได้รับเหรียญลิดแดง(ระดับ 2) เหรียญมูลค่า 2,400 ลิด

 

     “ฉันหลงรักเผ่าอสูรก็ตรงจุดนี้นี่น้า”มาร์ชมองดูลิดที่เพิ่มขึ้นหลังจากก้มเก็บเหรียญลิด

    “ได้เวลารวยกันแล้วล่ะ ลุยกันต่อเถอะมารน้อย เทพน้อย”มาร์ชพูดแล้วก็ก้มเก็บเศษคริสตัลที่อยู่ที่พื้นใส่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำและกระเป๋าเสื้อฮู้ดสีขาวที่เขาสวมใส่จำนวนหนึ่ง

    “เจ้าค่ะ/ขอรับ”ทั้งคู่รับคำพร้อมกัน แล้วก็พากันพุ่งไปเก็บเศษคริสตัลมาถือเอาไว้ 

    “ยัยอ่อนเก็บได้แค่ 2 ก้อนเองหรอ”มารน้อยพูดแล้วก้มเก็บเศษคริสตัลก้อนที่ 3 ขึ้นมาถือ

    “ฉันเก็บได้เยอะกว่าแกแน่นอนไอ้มารเน่า”เทพน้อยเถียงกลับแล้วก็หยิบเศษคริสตัลที่พื้นมาเพิ่มอีก 2 ก้อน

    “ยัยอ่อนอย่างเธอจะมาเทียบกับฉันได้ยังไง”มารน้อยพูดแล้วก็ยิ้มก่อนจะก้มเก็บเศษคริสตัลก้อนที่ 4และ5 ขึ้นมา

    “ใช่ฉันไม่เทียบกับมารเน่าแบบแกหรอก เพราะยังไงฉันก็เก่งกว่า”ว่าแล้วเทพน้อยก็ก้มเก็บก้อนที่ 5และ6ขึ้นมา จากนั้นทั้งคู่ก็ยืนเถียงกันแล้วก็พากันหยิบเศษคริสตัลแข่งกัน จากแค่ถือก็กลายเป็นหอบเอาไว้

    “นี่ทั้งคู่จะแข่งกันก็ระวังเศษคริสตัลจะบาดตัวเองด้วยล่ะ”มาร์ชพูดแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วหันหลังเดินไปช้าๆ

    “นายท่านรอด้วยเจ้าค่ะ”เทพน้อยตัดสินใจทิ้งเศษคริสตัลที่หอบอยู่ แล้วเก็บมาเพียงแค่ 4 ก้อน ก่อนจะบินไปนั่งที่ไหล่ด้านซ้ายของมาร์ช

    “ยัยอ่อนเก็บมาแค่ 4 ก้อนเองหรอ”มารน้อยที่ทิ้งเศษคริสตัลที่หอบเหมือนกับเทพน้อย แต่ก็เก็บมา 5 ก้อน พูดขึ้นที่ไหล่ขวาของมาร์ช พร้อมกับชูเศษคริสตัลขึ้นล้อเลียนเทพน้อย เทพน้อยสะบัดหน้าหนี มาร์ชได้แต่อมยิ้มในท่าทีของทั้งคู่ มาร์ชเดินมาได้ไม่ถึง 50 เมตรจากจุดที่เพิ่งจัดการอสูรคางคกบิน เขาก็เจออสูรคางคกบินอีกกลุ่ม มาร์ชไม่รอให้กล่องข้อความแจ้งเตือนจนครบ เขารีบหยิบเศษคริสตัลที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมา แล้วปาใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว

 

     ภายในถ้ำคริสตัลไม่ไกลจากมาร์ช

    “นี่ตาเสือ คริสตัลพวกนี้ถ้าเอาไปขายได้ราคาเยอะมากเลยนะเว้ย”ลุงแว่นพูดขึ้นในขณะที่กำลังลูบคริสตัลก้อนใหญ่อยู่

    “ตาแว่นเอ้ย แกไม่ได้เป็นคนแบกของ อย่าพูดเหมือนกับว่าจะเอามันกลับได้ง่ายๆสิวะ”ลุงหมูรีบพูดแทรกทันที เพราะถ้าพูดถึงหน้าที่แบกของหนักก็คงไม่พ้นตัวเองแน่นอน

    “ไหนๆก็อุตส่าห์เข้ามารอยแยกมิติอสูรแล้วเจอของดีดีทั้งที จะไม่เอากลับไปหน่อยหรอ”ป้าหน่อยเองก็ชอบคริสตัลเลยออกเสียงสนับสนุนลุงแว่น

    “เดี๋ยวข้าช่วยแบกด้วยก็ได้ตาหมู รอยแยกมิติอสูรรอบนี้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย อสูรเป็นประเภทบินแบบนี้ รู้สึกว่าพลังตัวเองไร้ประโยชน์ไปเลย”ลุงเสือพูดขึ้น

    “ต้องแบบนี้สิเพื่อนยาก เราเอากลับไม่มากแค่เพื่อนแบกไหวแค่นั้นพอ ใช่ไหมตาวัฒน์”ลุงแว่นพูดแล้วเหลียวไปขอความเห็นลุงวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

    “อือ”ลุงวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วกลุ่มลุงเกริสอิสระก็ช่วยกันขุดคริสตัลแล้วเอาใส่กระเป๋าสัมภาระของตัวเองคนละนิดคนละหน่อย แต่กระเป๋าสัมภาระของลุงหมูกับลุงเสือที่ใส่ไปมากกว่าเพื่อน

    “เนี่ยนะเอาเท่าที่แค่เพื่อนแบกไหว อึบ”ลุงหมูบ่นก่อนจะออกแรกยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นสะพาย

    “ไหนๆก็ออกแรงขุดแล้วมจะทิ้งก็เสียแย่”ลุงแว่นพูดแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะตัวเองตั้งใจขุดออกมาเยอะเองตั้งแต่แรก

    “ไม่ต้องมายิ้มหรอก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันแกนะตาแว่น อึบ”ลุงเสือบ่นบ้าง แล้วก็ยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นสะพาย

    “เห็นแกสองคนแบกกระเป๋าหนักแล้วก็คิดถึงไอ้หนุ่มความจำเสื่อมเนอะ”ป้าหน่อยพูดขึ้น

    “นั่นนะสิ เมื่อเช้าพ่อหนุ่มนั่นก็มาเอาวัตถุดิบให้เจ๊บุษราที่เรือนกระจกด้วย”ลุงแว่นพูด

    “ตอนแรกก็จะไปชวนพ่อหนุ่มนั่นมาลงรอยแยกมิติอสูรด้วย แต่รอยแยกนี่ดันมาโผล่ซะเที่ยงคืนก็เลยไม่อยากจะไปรบกวน”ลุงเสือพูดแล้วล้วงเอานาฬิกาพ็อกเก็ตสีทองออกมาดูเวลา

    “แต่ฉันโทรไปหาเจ๊บุษราแล้วนะ แต่เจ๊แกบอกว่าไอ้หนุ่มความจำเสื่อมมันเพิ่งจะหนีนักข่าวมาตอนเช้า คงไม่มาลงรอยแยกมิติกับพวกเราหรอก”ลุงหมูพูดขึ้น แล้วทุกคนก็หันไปมองหน้าลุงหมูกันหมด

    “หนีนักข่าว พ่อหนุ่มนั่นไปทำอะไรมา ถึงต้องหนีนักข่าว”ลุงเสือเหมือนจะสนใจเรื่องของมาร์ชมาก เลยรีบถามลุงหมู 

    “ไม่ต้องจ้องฉันขนาดนั้น ฉันก็รู้มาเท่าที่เจ๊บุษราเล่าให้ฟังนั่นแหละ”ลุงหมูพูดขึ้น แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องของมาร์ชที่ได้ยินมาจากป้าบุษราให้เพื่อนฟัง 

 

    ‘ฮะ ฮะ ฮัดเช้ย’มาร์ชจามเสียงดัง แล้วใช้หลังมือเช็ดที่ปลายจมูกหลังก้มเก็บศิลาอสูรและเหรียญลิดที่ได้จากการฆ่าอสูรคางคกบิน

    “นายท่านไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ”เทพน้อยถามขึ้น

    “นั่นสิ ข้าน้อยเห็นนายน้อยจามมาสักพักแล้วนะขอรับ”มารน้อยรีบพูดสนับสนุน

    “ไม่น่าเกี่ยวกับไม่สบายหรอก ฉันว่ากำลังมีคนคิดถึงฉันอยู่น่ะ”มาร์ชตอบแล้วก็ยิ้มให้ทั้งคู่

    “งั้นแสดงว่านายน้อยต้องใช้ชีวิตลำบากแน่ๆเลย ตอนไม่มีข้าน้อยอยู่ด้วย”มารน้อยพูดขึ้นแล้วทำหน้าเศร้า แต่มาร์ชกับเทพน้อยทำหน้างงเพราะคำพูดของมารน้อย

    “ลำบากยังไงไอ้มารเน่า”เทพน้อยถามขึ้น

    “ก็นายน้อยจะต้องจามตลอดเวลา เพราะฉันคิดถึงนายน้อยตลอดเวลาเลยน่ะสิยัยเทพอ่อน”มารน้อยตอบหน้าตาย 

    “ฮ่าๆๆๆ”มาร์ชได้ฟังมุกของมารน้อยก็ขำออกมา

    “อย่าไปฟังมันเลยเจ้าค่ะนายท่าน ไอ้มารเน่ามันบ้าเจ้าค่ะ”เทพน้อยทำท่ากระซิบกระซาบที่ข้างหูของมาร์ช

    “เทพน้อย มารน้อยฉันถามหน่อยสิ ทำไมถึงพยายามอยากให้ฉันเป็นจอมเทพจอมมารล่ะ คนอื่นๆที่เหมาะสมกว่าฉันน่าจะมีอีกเยอะเลยไม่ใช่หรอ”มาร์ชที่รู้สึกสงสัยเรื่องนี้มานานแล้วเลยถามขึ้น

    “ก็เพราะว่านายน้อย คือ...” ‘ผัวะ’มารน้อยที่กำลังจะตอบคำถามมาร์ช อยู่ๆก็กระเด็นจากไหล่มาร์ชลงที่พื้น

    “เธอถีบฉันทำไมยัยอ่อน”มารน้อยพูดขึ้นทันทีที่ลุกขึ้นได้

    “ก็แกปากมากไม่เข้าเรื่องไงไอ้มารเน่า นายท่านเจ้าคะ เรื่องนี้นายท่านเป็นคนสั่งห้ามพวกเราเองว่าห้ามบอกอะไรกับนายท่านเด็ดขาด ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม นายท่านต้องเข้าใจเทพน้อยด้วยนะเจ้าคะ”เทพน้อยด่ามารน้อยมองตาเขียวปัด เสร็จก็รีบหันมาคุยกับมาร์ช

    ‘ฉันกะจะหลอกถามพวกนี้ดูสักหน่อย แต่ลักไก่ไม่ได้เลยแหะ’มาร์ชคิดในใจแต่ก็ยังส่งยิ้มให้กับเทพน้อย

ส่วนมารน้อยนั้นรีบเอามือปิดปากตัวเอง หลังจากเกือบหลุดปากออกไป

    “โอเคฉันไม่ถามอะไรแล้ว เทพน้อยไม่ต้องโกรธมารน้อยหรอกนะ”มาร์ชเห็นว่าเทพน้อยรอบนี้ค่อนข้างจริงจังต่างจากการทะเลาะที่ผ่านๆมา ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น 

    “เจ้าค่ะ”เทพน้อยรับคำแล้วก็บินกลับมานั่งที่ไหล่ซ้ายของมาร์ช ส่วนมารน้อยก็บินขึ้นมานั่งที่ไหล่ขวาของมาร์ช

    “ขอโทษ”มารน้อยพูดเบาๆแต่มันก็ดังพอจะได้ยินกันทั้งสามคน

    “อี๋ ไอ้มารเน่าพูดขอโทษ ขนลุกเป็นบ้าเลย”เทพน้อยพูดแล้วทำท่ากอดแล้วลูบตัวเองเหมือนขนลุก มารน้อยได้เห็นท่าทีของเทพน้อยก็แยกเขี้ยวใส่ ส่วนเทพน้อยก็แลบลิ้นกลับไป มาร์ชอดยิ้มออกมาไม่ได้

    “ไปลุยกันต่อดีกว่า ถ้ำนี่น่าจะลึกพอตัวเลย ถึงฉันจะยังไม่รู้เรื่องอะไรมาก แต่จะให้เป็นจอมเทพจอมมารก็คงต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ถึงจะเป็นได้จริงไหม”มาร์ชพูดแล้วหันไปมองมารน้อยกับเทพน้อย ทั้งคู่พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับมาร์ช ก่อนที่มาร์ชจะเดินไปตามถ้ำต่อทันที

 

     กลุ่มเกริสอิสระ

     “ถ้าเรื่องที่ตาหมูพูดมาเป็นความจริง แสดงว่าที่ฉันรู้สึกเมื่อเช้าก็ไม่ได้คิดไปเองน่ะสิ”ลุงเสือพูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวของมาร์ชจากลุงหมู

    “ฉันก็เล่าตามที่ฟังมาจากเจ๊บุษราแกนั่นแหละ แล้วเมื่อเช้าที่ว่ารู้สึกเรื่องอะไรหรอ”ลุงหมูถามขึ้นแล้วทุกคนก็หันมามองลุงเสือด้วยความสนใจ

    “ก็เมื่อเช้าตอนที่ไปจับบ่าของพ่อหนุ่มมาร์ช ฉันรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่ลงรอยแยกมิติอสูร แต่ฉันก็ถามไปตรงๆนะว่า ได้รับจินมาหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็บอกว่าไม่”ลุงเสืออธิบาย

    “พ่อหนุ่มนั่นได้รับจินแล้วแต่พูดโกหกแกรึเปล่าตาเสือ”ป้าหน่อยพูดขึ้น

    “แต่ฉันดูแววตาของเขาแล้วนะ ถ้าคนโกหกจริงทำไมฉันจะมองไม่ออก ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะยายหน่อย”ลุงเสือตอบ

    “เรื่องของพ่อหนุ่มนั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า เราเจอทางแยกแล้วเอาไงต่อดี”ลุงแว่นชี้ไปที่ทางแยกด้านหน้าของพวกเขา ทุกคนเดินมาหยุดเกาหัวกันตรงบริเวณหน้าทางแยกกันหมด

    “ถ้ามีทางแยกแบบนี้ก็คงต้องแบ่งคนเอาไว้เฝ้าตรงนี้ ไม่งั้นพวกเผ่าอสูรอาจจะตลบหลังเราแล้วออกไปที่ปากทางเข้ารอยแยกมิติเอาได้”ลุงเสือพูด แล้วเอามือบีบตรงดั้งตัวเอง เพราะรู้สึกไม่ชอบสถานการณ์ที่ต้องแบ่งกลุ่มออกแบบนี้เลย

    “งั้นคนที่โจมตีอสูรคางคกได้ อย่างยายหน่อยกับตาแว่นต้องแยกกันไป”ลุงหมูพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันกับตาหมูอยู่เฝ้าที่นี่ ส่วนที่เหลือไปด้วยกันเลยหมดเลย”ลุงแว่นเสนอ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยก็เลยแยกกลุ่มกันตามที่ลุงแว่นเสนอมา

    “อยู่นี่ก็อย่าประมาทล่ะ ช่วงนี้พวกกราวิตี้ลอบตามเข้ามาในรอยแยกมิติอสูรบ่อยขึ้น เมื่อ 3 วันก่อน กลุ่มเกริสอิสระจากหมู่บ้านอื่นก็เพิ่งโดนพวกมันจัดการไป”ลุงเสือที่กำลังจะแยกตัวไปหันมาบอกกับลุงหมู

    “ไม่ต้องห่วงถ้ามันมาจริงฉันสู้ไม่ได้ ฉันก็จะวิ่งลากพวกมันไปหาพวกแกเองนั่นแหละ”ลุงหมูหันไปตอบ แต่ลุงเสือไม่ได้อยู่ฟังแล้ว เพราะรีบเดินตามป้าหน่อยกับลุงวัฒน์ที่เดินไปกันไกลแล้ว

 

    “ยาฮู้ โชคดีสุดๆไปเลยคืนนี้ ระดับฉันเลื่อนเป็นระดับ 11 แล้ว”มาร์ชพูดแล้วก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

    “ยินดีด้วยเจ้าค่ะนายท่าน”เทพน้อยพูดแล้วยิ้มออกมา

    “นายน้อยเก่งที่สุดเลยขอรับ”มารน้อยพูดแล้วก็บินวนไปมาร่วมแสดงความดีใจกับมาร์ชด้วย

    “นี่ฉันฆ่าพวกคางคกบินไป 91 ตัว นอกจากจะได้ศิลาอสูรกับเหรียญลิดแล้ว บางตัวก็ดร็อปขวดโพชั่นยาพิษมาด้วย ไม่พอมีการดร็อปหนังมันมาด้วย น่าเกลียดน่ากลัวแบบนี้จะเอาไปทำอะไรดี”มาร์ชเก็บขวดโพชั่นยาพิษเข้าใส่ในกระเป๋ามิติ แต่ทำท่าขยะแขยงหนังคางคกบิน เลยใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้หยิบแล้วยกขึ้นดู

    “ทางนี้ทางตัน เดินย้อนกลับกันเถอะ”เสียงลุงเสือพูดขึ้น 

    “นั่นมันเสียงลุงเสือนิ ทำไมลุงเสือเข้ามาที่นี่ได้ล่ะ”มาร์ชตกใจที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงลุงเสือดังขึ้น

    ‘โผละ’มาร์ชเผลอปล่อยหนังคางคกบินหลุดจากมือมาคลุมหัวตัวเอง

    “นายน้อยเล่นอะไรหรอขอรับ”มารน้อยถามขึ้นทันทีที่เห็นหัวมาร์ชมีหนังคางคกบินคลุมอยู่

    “ชู่วว มารน้อยเบาๆหน่อย เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก”มาร์ชที่ดึงหนังคางคกบินออกจากหัวได้รีบยกนิ้วชี้แตะที่ปากแล้วพูดเสียงเบาๆ เพราะไม่อยากให้พวกลุงเสือได้ยินเสียงมารน้อย จากนั้นมาร์ชก็รีบเดินตามเสียงลุงเสือที่ได้ยินไปทันที

    “เอ๊ะ ทางตันนี่แล้วทำไมฉันได้ยินเสียงลุงเสือล่ะ หรือฉันจะหูแว่วไปเอง”มาร์ชที่วิ่งมาจนถึงสุดถ้ำแต่เห็นเป็นสีดำทึบก็เลยเข้าใจว่าเป็นทางตันพูดขึ้น

    “ไม่นะเจ้าคะ เทพน้อยก็ได้ยินเสียงมนุษย์เพศชายดูท่าทางจะสูงอายุด้วยเหมือนกันเจ้าค่ะ”เทพน้อยบอก

    “ใช่ขอรับเสียงชายแก่พูดว่า ทางนี้เป็นทางตัน ให้ย้อนกลับกัน ข้าน้อยก็ได้ยินขอรับ”มารน้อยช่วยยืนยันอีกเสียง

    “ถ้าอย่างงั้นฉันก็ไม่ได้หูแว่ว แสดงว่านั่นคือเสียงของลุงเสือจริงๆ แต่ถ้ำมันสุดแค่ตรงนี้หรือว่าสีดำๆนี่จะเป็นเหมือนกำแพงกั้นอยู่ ถ้าทำลายกำแพงนี่เราก็จะทะลุไปหาลุงเสือได้สินะ ไปแกล้งพวกลุงเสือให้ตกใจเล่นหน่อยดีกว่า”มาร์ชพูดแล้วก็ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปหามารน้อยกับเทพน้อย

    “ทั้งคู่กลับไปรอยแยกมิติของตัวเองก่อนนะ ฉันอยากเก็บเรื่องของทั้งสองเอาไว้เป็นความลับน่ะ”

    “ได้เจ้าค่ะนายท่าน”เทพน้อยพูดแล้วก็เปิดรอยแยกมิติขึ้น เทพน้อยทำท่าเหมือนกับตอนที่ออกมาเพื่อทำความเคารพมาร์ช แล้วก็เดินเข้ารอยแยกมิติไป มาร์ชยิ้มแล้วก็โบกมือให้

    “ข้าน้อยไปก่อนนะขอรับ อย่าลืมเรียกข้าน้อยออกมาบ่อยๆนะนายน้อย”มารน้อยทำตาละห้อยแล้วบินเข้าไปในรอยแยกมิติที่เปิดขึ้น มาร์ชยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ เพราะท่าทางของมารน้อย

    “เอาล่ะต่อไปก็ต้องทำลายกำแพงนี่ก่อน กระเป๋ามิติ”มาร์ชพูดแล้วก็หยิบดาบออกมา จากนั้นมาร์ชก็ง้างดาบขึ้นเหนือหัวเพื่อจะออกแรงฟันดาบ

    ‘วืด’ “อะ อะ โอ้ย”ดาบที่น่าจะฟันเข้าตรงกำแพงสีดำตรงหน้ากลับไม่สัมผัสอะไรเลย จนทำให้มาร์ชที่ออกแรงฟันดาบพุ่งไปข้างหน้า จนเซแล้วคะมำลงที่พื้นเลยร้องออกมา

    “อะไรกันเนี่ย ไม่ใช่กำแพงกั้นหรอกหรอ”มาร์ชลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นตามตัวก่อนจะหันไปดูกำแพงสีดำที่เพิ่งจะทะลุเข้ามา

 

                   ข้อความ

    ท่านได้เข้าสู่รอยแยกมิติอสูร ตอนนี้ท่านอยู่ในดินแดนอสูรเรียบร้อยแล้ว

 

    ‘ตึง’ “โอ๊ยเจ็บ”มาร์ชอ่านข้อความจบแต่ยังสงสัยเรื่องกำแพงสีดำตรงหน้า เลยทดสอบเดินกลับเพื่อทะลุออกไป แต่กลายเป็นว่าไม่สามารถเดินทะลุได้เลยชนเข้าอย่างแรงจนร้องออกมาเสียงดัง

    “เข้าได้ออกไม่ได้ซะงั้น อู้ย เจ็บๆ”มาร์ชยกมือขึ้นจับจมูกตัวเอง

    “ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะ นี่น่าจะเป็นรอยแยกมิติอสูรที่เปิดออกไปที่โลก กำแพงดำนี่ก็คืออาณาเขตที่แบ่งดินแดนอสูรไปในรอยแยกสินะ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้กุญแจดันสุ่มฉันมาที่นี่ด้วย”มาร์ชพูดขึ้นแต่ก็ยังจับจมูกตัวเองอยู่

    “เดี๋ยวสิ ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่าถ้าพวกลุงเสือจัดการเผ่าอสูรหมดรอยแยกมิติก็จะปิด แล้วฉันก็ต้องถูกส่งออกไปที่ปากทางเข้าพร้อมกับพวกลุงเสือ แล้วฉันจะแก้ตัวยังไงล่ะเนี่ย แน่นอนจะบอกว่าตามเข้ามาก็ไม่ได้ เพราะลุงหนวดกับลุงขาวต้องบอกว่าไม่เห็นฉันตอนเข้ามา”มาร์ชเหมือนเพิ่งจะนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็เลยยกมือขึ้นกุมที่ขมับทันที

    “นี่สินะที่เขาว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว แค่คิดจะแกล้งพวกลุงเสือแต่กลับต้องมานั่งปวดหัวเรื่องนี้แทน เอาไงต่อดีวะเรา เดินตามพวกลุงเสือไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยหาทางแถเอาละกัน”มาร์ชว่าแล้วก็เดินไปตามพวกลุงเสือ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.