ตอนที่ 47 .. “ น้ำตาแห่งความอาลัย ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 47 .. “ น้ำตาแห่งความอาลัย ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

     เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

 (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

ขอขอบคุณ ค่าย Polydor (Thailand) ที่เอื้อเฟื้อเพลงของ Teresa Teng ให้มาประกอบในนิยาย

Who will love me - Teresa Teng

https://www.youtube.com/watch?v=WCxAX81IVu4

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 47 .. “ น้ำตาแห่งความอาลัย ”

   หลังจากที่ถล่มพวกบ่อนเถื่อนจบแล้ว ปูนขอคุยกับเผด็จเป็นการส่วนตัวสองคน จึงเดินไปพูดที่หน้าผา ปูนตัดสินใจบอกเผด็จ

“คุณอาคะ” ปูนเดินมาจับมือเผด็จ แตงโมยืนดูอยู่ห่างๆเชื่อใจแฟนสาว ว่าต้องจบเรื่องนี้ได้แบบขาวสะอาดเสียที

“หนูรักอามากนะ แต่หนูก็ไม่อยากเจ็บและเป็นเมียเก็บของใคร หนูขอไปตามทางของหนูนะ ยอมเจ็บตอนนี้ดีกว่า ที่จะรอให้อาเด็จมาหาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หนูอยากได้คนที่อยู่กับเธอจริงๆตลอดเวลา หนูต้องเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียว ไม่ใช่ตัวสำรองหรือนางบำเรอของใคร ขอให้คุณอาเข้าใจหนูด้วยนะ หนูขอเลิกกับอาเด็จโดยเด็ดขาด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อะไรที่ผ่านๆมาก็ถือซะว่ามันเป็นความทรงจำที่ดี สิ่งดีๆที่เคยมีให้แก่กันก็แล้วกันนะคะคุณอา จำไว้ว่าหนูรักอาและไม่เคยเกลียดอาเลย หนูจะขอจำเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน นะคะคนดี” แล้วปูนก็หอมแก้มเผด็จทั้งสองข้างและจูบลาเผด็จแบบดูดดื่ม เป็นครั้งสุดท้าย

   และทิ้งท้ายไว้ เพื่อให้เผด็จรู้ว่า เธอได้ตัดเผด็จขาดจริงๆจากชีวิตรักแบบผัวเมีย ไม่ใช่แค่ประชด คงเหลือแต่ความรู้สึกดีๆแค่ความรักแบบญาติผู้ใหญ่เท่านั้น “หนูตัดสินใจแต่งงานกับพี่โมแล้ว กลางเดือนนี้ ถ้าว่างก็ช่วยไปงานของหนูด้วยนะคะที่รักของหนู”

   จากนั้นปูนก็เดินไปจับมือแตงโมและเดินหายไปจากตรงนั้น แล้วก็มารวมตัวกันที่ชายป่า เพื่อจะเดินทางกลับที่พัก จุดเริ่มต้นครั้งแรก เพราะเผด็จเรียกให้รถมารับแล้ว ก่อนที่จะขึ้นรถ ปูนก็เลยประกาศข่าวดีให้กับเพื่อนๆซะเลยเพราะอยู่กันครบทุกคน

“เพื่อนๆทุกคน ฟังทางนี้กันหน่อยนะคะ กลางเดือนนี้ ถ้าใครว่างอย่าลืมมางานแต่งของปูนกับพี่โมด้วยนะคะ”

   ทุกคนปรบมือให้เกลียวเลย จบไปอีก 1 คู่ “เราจะแต่งพร้อมกัน 2 คู่เลยค่ะ พร้อมกับทับทิมและผู้กำกับ อย่าลืมนะคะ ไปกัน” ทุกคนแสดงความดีใจกับปูนและทับทิมที่จะมีการแต่งงานคู่พร้อมกัน โบว์และเบ็นซ์ก็คงต้องแสดงความดีใจนะที่หมดคู่แข่งไปอีก 1

***** ///// *****

   เมื่อฮอร์มาถึงโรงพยาบาล หมอไตรทศมารอรับและพาเนตรเข้าไปรักษา ความลับที่เนตรท้องก็เปิดเผยทันทีเมื่อหมอไตรทศตรวจพบว่า เนตรตั้งครรภ์ได้อ่อนๆแล้ว ประมาณ 2 เดือนนิดๆ จึงรีบมาเตือนเทียนหอมกับเนเน่ให้รับรู้ และพาไปพักที่ห้องพิเศษทันที

“คุณเทียนหอม นี่คุณปล่อยให้คุณเนตร ออกไปทำงานแบบนี้ได้ยังไง มันอันตรายกับเด็กในท้องนะคุณ ดีนะที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น”

   เทียนหอมงง “เดี๋ยวนะ หมอ เด็กที่ไหน หมอบอกว่าเด็ก เด็กในท้องใครนะ ช่วยบอกพี่ให้เข้าใจนิดนึงซิพี่ไม่เข้าใจ”

“นี่คุณหอมไม่รู้เหรอครับ ว่าคุณเนตรตั้งครรภ์หนะ” พอไตรทศบอกว่าเนตรท้องถึงกับผงะทันที

“อะไรนะ คุณหมอว่าไงนะ ช่วยบอกพี่อีกทีชัดๆซิ” เทียนหอมขอฟังอีกครั้ง

“ครับ คุณเนตรตั้งครรภ์ได้อ่อนๆแล้ว ประมาณ 2 เดือนนิดๆครับ ดีนะที่เด็กไม่เป็นอะไร พูดภาษาชาวบ้าน คือไม่แท็งค์หนะครับ ให้ไปชก เตะ ต่อยรุนแรงได้ยังไง เลิกได้แล้วนะครับ ผมแนะนำได้แค่นี้แหละครับคุณพี่ ถ้าไม่อยากให้เด็กเป็นอะไรไปซะก่อน มันคงไม่โชคดีแบบนี้เสมอไปนะครับ ผมเตือนได้เท่านี้แหละ” แล้วหมอไตรทศก็รีบเดินไปดูคนไข้คนอื่นต่อ

“แม่เนตรมีน้อง แม่หอม หนูมีน้องแล้ว” เทียนหอมมานั่งลงที่เก้าอี้ หน้าไม่ดีเลย แต่เนเน่กลับดีใจเพราะได้น้อง

“เออๆ” เทียนหอมจะดีใจ หรือเสียใจดีเนี่ย กรรมเวรจริงๆเด็กเอ๊ย ที่มาเกิดกับเนตร เทียนหอมร้องไห้ออกมา

   น้ำตาแห่งความอาลัย มันบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน สำหรับเทียนหอมว่า วันเวลาแห่งการจากลา คงมาถึงเร็วขึ้นแล้ว

“แล้วมันจะใช้ชีวิตกันยังไงเนี่ย” นึกแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง “นี่ถ้าพี่เด็จรู้ เขาจะดีใจหรือเสียใจเนี่ย”

“ไปลูก ไปดูแม่เนตรกัน” ระหว่างเดินไปห้องพิเศษ เทียนหอมก็คิดไปตลอดทาง

“จะบอกดีไหม คงต้องรอให้เนตร มันฟื้นก่อนค่อยว่ากัน เพราะนี่มันชีวิตของมัน เฮ้อ”

>>>>> ***** <<<<<

   อัธวุฒิเมื่อกลับถึง กทม. ก็รีบมาเคลียร์กับ ผบ.คนใหม่ ในเช้าวันอาทิตย์ที่บ้าน ผบ.แทนที่จะถูกด่ากลับได้คำชมเชย เพราะได้หน้าโดยไม่ต้องออกแรงจึงมีอารมณ์ดี ไม่เอาผิดกับอัธวุฒิ

“มาแล้วมาแล้ว นั่งๆก่อน” ผบ.อารมณ์ดี เพราะงานออกมาดี

“เอาอะไรดี บรั่นดีหรือวิสกี้ เอามาให้หมดเลย” อัธวุฒิงง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับท่าน ผมงงไปหมดแล้ว” ผบ.ยิ้มแล้วพูด

“แหม..คุณนี่ทำได้ดีมากจริงๆ นักข่าวชมเปาะกันไม่หยุดปาก อะไรกันข่าวออกดังตั้งแต่เมื่อคืน นี่คุณไม่ได้ฟังข่าวตัวเองเลยเหรอเป็นไปได้ไง โทรศัพท์ดังที่บ้านผมไม่ขาดสาย ผมรับฟังข่าวดีรับคำขอบคุณไม่ได้นอนทั้งคืนเลย รู้ไหม นายตำรวจหนุ่มใหญ่ฝีมือดี พันตำรวจเอก อัธวุฒิ ปัญจโชติ นำทีมบุกถล่มบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่อุ้มผาง หลบซ่อนอยู่ภายใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้สำเร็จ โดยเสียกำลังพลเพียงนิดเดียว ทั้งนี้เพราะมีการวางแผนที่ดีจาก ผบ.ตร.นฆัสกร ภาคภูมิ สถานการณ์ตอนนี้จึงทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชนตลอดเวลา และเป็นศัตรูกับสิ่งผิดกฏหมาย”

“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปดูเมียผมก่อน ช่วงนี้เผอิญเธอไม่ค่อยสบาย”

   แล้วอัธวุฒิก็เดินกลับออกมาด้วยอาการมึนงง “ใครให้ข่าวแบบนั้นวะ ผลงานมันเป็นของเฮียเด็จแท้ๆแล้วชื่อเฮียไปไหน”  

>>>>> ----- <<<<<

  หลังจากที่จบงานทลายบ่อน ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปสู่โลกปกติอย่างสบายใจสักที เพราะไม่ต้องหนีใครอีกแล้ว แป๋วก็สามารถออกไปใช้ชีวิตที่ร้านโทรศัพท์ขายของได้ตามปกติ เบ็นซ์สามารถแก้ข่าวที่ว่าเธอเป็นอาชญากรได้ขาวสะอาด 100 % สามารถรับงานได้มากกว่าเดิม กันตภณก็สามารถเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ได้แบบเปิดเผย เพราะฐานพังไปแล้วไม่รู้จะทำอะไร ปริ๊นซ์ก็ยังคงทำหน้าที่ผู้ช่วยทนายนักสืบเช่นเดิม ต้นกล้าและคร้ามก็เป็นเกษตรกรที่มีชีวิตแบบสุขสบาย ทับทิมกับปูนก็กลับมาใช้ชีวิตครูที่สอนศิลปะการป้องกันตัวได้แบบไม่ต้องคอยหลบนักข่าวอีก และแตงโมก็สามารถกลับมาเป็นทนายที่มีประวัติข่าวสะอาดอีกครั้ง

----- ***** -----

   หลังจากที่กลับมาจากศึกอุ้มผาง เผด็จก็กลับมาอยู่บ้านตามปกติไม่ออกไปไหน ไม่กลับไปที่คอนโดอีกเลย เพราะถือว่าได้ยกและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเนตรไปแล้ว จึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวขอใช้ชีวิตให้กับลูกๆบ้าง เพ็ญดีใจที่เผด็จกลับมาเสียที จึงย้ายตัวเองกลับมาจากบ้านพ่อและเลี้ยงฉลองที่สามีพ้นผิดในทุกข้อหาทุกกรณี พ่อก็อาการดีขึ้นสามีก็แข็งแรงปลอดภัยเพ็ญมีความสุขมาก วันนี้จึงพาพ่อและนมแม้นมาทานข้าวที่บ้านเผด็จ ทุกคนอยู่กันครบ นานๆจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ซะทีหลังจากที่รอโอกาสนี้มานานแสนนาน แม่ผาด,ขนมผิง,ขนมเบื้อง,เกศ,นมแม้น,เชี่ยว,เพ็ญและเผด็จ

“มาค่ะมา ชนๆกันหน่อย ชนเลย วันนี้เพ็ญมีความสุขมากๆเลย เพ็ญรอวันนี้มานานมากเลย”

“พี่เพ็ญ อย่าเวอร์ เดี๋ยวน้องหนูก็ไหลออกมาหรอก ท้องโตออกขนาดนั้นหนะ” ขนมผิงแซว

“ไม่มีปัญหา พี่ป้องกันมาดี มาค่ะ เอ้าพี่เด็จ นี่ของโปรดพี่ ทานเยอะหนูตักให้ หมูทอดกระเทียม”

“เป็นไงบ้างเต๋า อย่าคิดมากนะน้องพี่เข้าใจ ข่าวที่ออกมา มันบิดเบือนทั้งนั้นเลย ผลงานมันของแกแท้ๆทั้งนั้น แล้วดูซิชื่อที่ออกมามันดันกลายเป็นผลงานของอัธวุฒิกับนฆัสกร ได้ยังไงวะ ชุบมือเปิบชัดๆ”

“ใช่พี่เด็จ” เพ็ญเข้าข้างสามี พอตักอาหารจนพูนจานสามี ก็นั่งลง

“อาป๋องได้หน้าไปเลย หนูไม่ชอบเลย นิสัยแบบนี้ ไม่น่าคบนะ เลิกคบได้แล้ว”

“มันไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดหรอกนะ ไอ้ข่าวที่ออกหนะ ไอ้ป๋องมันก็ไม่รู้ มันอยู่กับผมตลอด แล้วจะเอาเวลาไหนไปแก้ข่าวเอาหน้าแบบนั้น โน้นผมว่า ไอ้ผบ.ตร.คนใหม่นั่นมากกว่าที่สั่งให้คนของมันให้ลงข่าวแบบนั้น เชื่อผม ผมคบกับมันมาหลายปี งานแบบนี้ มันไม่ทำหรอก” แล้วก็ตักข้าวทานไปด้วย แบบไม่สนใจข่าวสารที่บิดเบือน ทำหน้าเฉยๆ จนทุกคนไม่อยากยุ่ง ยกเว้น..

“แล้วพี่เด็จจะทำยังไงต่อหละคะจากนี้” เกศถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็คงจะอยู่บ้านพักผ่อนสักระยะนะ” เผด็จพูดไปทานไป

“พูดแบบนี้ แสดงว่า ยังจะมีงานต่ออีกซิคะเนี่ย” เกศรู้ใจสามี จึงกล้าพูด

“ครับ เกศนี่รู้ใจพี่จริงๆ” เผด็จเอาส้อมชี้ไปที่เกศ เพ็ญทำหน้าไม่พอใจ

“พี่จะไปไหนอีก ก็ไหนบอกหยกๆเมื่อกี้ว่า จะอยู่บ้านไม่ไปไหนแล้ว”

“ใช่พี่จะอยู่บ้านพักสักเดือนนึงให้มันสบายใจ แล้วก็ไปทำธุรกิจต่อไง แก่แล้ว เพื่อนฝูงพี่ก็มีไม่เยอะนะ เพ็ญก็น่าจะรู้”

“แล้วไป อย่าให้รู้เชียวนะว่า แอบไปหาอีหนูคนไหนอีก หนูไม่ยอมแล้วนะคราวนี้ อยู่บ้านดูแลหนูบ้างเถอะนะพี่หนูขอร้องหละ ไอ้ที่ผ่านมาหนูไม่ว่า เพราะนั่นถือว่าหนีคดี ตอนนี้ไม่มีคดีแล้ว น่าจะอยู่กับครอบครัวได้ซะทีนะ ท้องหนูก็โตขึ้นทุกวัน ลูกมันก็คงจะคิดถึงพ่อนะพี่ นี่ไงลองจับดูซิ” เพ็ญจับมือเผด็จมาจับที่ท้องตัวเอง เผด็จยิ้มๆแล้วเลยเล่นกับลูกเลย

“สวัสดีครับลูกพ่อ คิดถึงพ่อไหมครับ” เผด็จเอาหูขวาแนบที่ท้องเมีย

“คิดถึงครับ หนูคิดถึงพ่อเด็จครับ” เพ็ญแกล้งดัดเสียงเป็นลูก ฮากันทั้งวง

“พี่เพ็ญนี่ ทำได้เหมือนจริงๆ แล้วนี่เมื่อไหร่จะรู้ครับว่าน้องผมเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” ขนมเบื้องถาม

“ต้อง 5 เดือนครับ ถ้าพี่จำไม่ผิดนะ เห็นหมอบอกอย่างนั้น นี่มันพึ่ง 4 เดือนนิดๆเอง”

“แล้วนี่เตรียมชื่อไว้ให้ลูกรึยังหละคุณหนู” นมแม้นถาม

“ยังเลยค่ะนม ใช่พี่เด็จหนูก็มัวยุ่งๆพี่พรุ่งนี้เราไปหาซื้อของให้ลูกด้วยนะ จะได้หาหนังสือตั้งชื่อให้ลูกด้วย”

“พี่เพ็ญ เดี๋ยวนี้เขาดูตามเน็ตกันแล้วชื่อหนะ เชย” ขนมเบื้องแซว

“ฉันรู้หยะ แต่ฉันจะหาดูแล้วเก็บเอาไว้ต่างหาก นะนะพี่นะ พรุ่งนี้เราไปเดินเที่ยวซื้อของให้ลูกด้วยนะพี่นะ”

“ครับ ได้ครับ” เกศจ้องมองดูอากัปกิริยาของเผด็จ เหมือนจะไม่มีความสุขเท่าใดนัก แต่ก็ต้องยอมฝืนๆไป

“แม่ครับ ทำไมถึงเงียบไปเลยหละ นานๆผมจะได้มาเจอแม่นะ ยิ้มให้ลูกคนนี้ชื่นใจหน่อยได้ไหมแม่”

   เชี่ยวสังเกตุว่าแม่นมของตัวเองดูหน้าเหมือนอมทุกข์ยังไงก็ไม่รู้

“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่แก่แล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไร” พูดจบก็รวบช้อนส้อมและลุกเดินขึ้นข้างบน

“ย่าขา เดี๋ยวหนูตามขึ้นไปนวดให้นะคะ” ขนมผิงตะโกนตามไป

“แม่เค้าเป็นอะไรวะเต๋า พี่มาทำอะไรให้แม่เขาไม่สบายใจรึเปล่าเนี่ย”

“ไม่หรอกพี่ เขายังโกรธผมอยู่ เรื่องที่ผม..” แล้วก็กระซิบที่ข้างหูขวาพี่ชาย

“เรื่องไอ้ผิงและเรื่องผู้หญิงของผมทุกคน” เชี่ยวถึงกับอ้าปากเหวอเลย

“จริงดิ ขนาดนั้นเลยเหรอ” แล้วเชี่ยวก็ลุกขึ้นตามไปคุยกับแม่ข้างบน

****** ----- *****

   ทุกคนมีงานทำเบ็นซ์ไปถ่ายแบบ แป๋วก็ร้านโทรศัพท์ แต่โบว์ไม่มีงานเพราะไม่ได้รับสอนพิเศษมานานแล้ว จึงไม่มีใครโทรมาติดต่องานอีกเลยจึงเสมือนตกงาน เพราะข่าวที่ออกช่วงนั้นจึงทำให้ลูกค้ากลัว เมื่อรู้ว่าเผด็จสามีกลับไปอยู่กับเพ็ญ เธอจึงตัดใจกลับไปอยู่ที่เกาะของเธอดีกว่า อย่างน้อยก็ดูแลลูกน้อยของเธอได้อากาศดี ร่างกายจะได้แข็งแรง แต่ความลับไม่มีในโลก

   ขณะที่โบว์กำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวย้ายครั้งใหญ่เพราะคิดว่า ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้อยู่กับเผด็จอีกแล้ว จึงเก็บของทั้งหมดและย้ายไปอยู่ที่เกาะเป็นการถาวร จนทำให้พี่สาวตัวเองต้องแปลกใจว่าทำไมโบว์ถึงเก็บของเยอะขนาดนั้น ไหนบอกว่าไปแค่ไม่กี่วัน แต่นี่มันเหมือนจะย้ายออกเลย จึงทำให้เบ็นซ์สงสัยเป็นอย่างยิ่ง

“นี่ไอ้โบว์ ถามจริงแกจะทำอะไร ไหนบอกจะขอแค่ไปพักสมองพี่ก็ให้ไป แต่นี่มันเหมือนว่าแกจะย้ายบ้านเลยนะ บอกมา”

“ไม่มีอะไรหรอกพี่ พี่เบ็นซ์คิดมากน่า ไม่มีอะไร หนูไม่อยากขนไปขนมา ไปคราวนี้ก็เลยจะขนไปเยอะหน่อย หนูไม่มีงานทำเหมือนพวกพี่นี่ ไม่แน่หนูอาจจะหางานทำที่นั่นเลยก็ได้ เพราะที่นี่มันไม่มีงานให้หนูทำแล้วนี่ จริงไหม”

“มันก็จริง แต่เอ..อันที่จริงหน้าตา หุ่นแกดูไปดูมามันก็ไม่เลวนะ มาเป็นนางแบบเหมือนพี่ไหม พี่จะบอกเจ๊บีให้ รับรองแป๊บเดียวดังเหมือนพี่แน่” เบ็นซ์พยายามจะรั้งน้องให้อยู่

“ไม่หละพี่ ตอนนี้หนูชอบธรรมชาติที่เกาะมากกว่า สดชื่นดี”

   ที่จริงโบว์ไม่อยากอยู่ให้แสลงใจมากกว่า เพราะโบว์สัญญากับเพ็ญเอาไว้ว่า จะไม่มาเจอหน้าเผด็จอีก จึงต้องทำให้ได้

“พี่ถามจริง แล้วอาเด็จผัวแกไม่ติดต่อกลับมาเลยเหรอ” โบว์ทำหน้าไม่ดี

“ปล่อยเขาเถอะพี่ หนูทำใจได้แล้ว” โบว์เอาของวางเทินกันสองชั้นแล้วก็ยกเดินไป

   โบว์กำลังยกของยกลังเดินไปที่ประตูคอนโดกล่องบังหน้าเธออยู่ จู่ๆเบียร์เปิดประตูแล้ววิ่งเข้ามาชนโบว์อย่างแรงไม่ทันมองว่าใครทำอะไรอยู่ จนโบว์ล้มลงก้นกระแทกพื้นอย่างแรง โบว์นอนเอามือจับท้องนอนบิดร้องไห้ออกมา เบ็นซ์สังเกตุว่ามีเลือดไหลออกมาจากกางเกงโบว์เพราะวันนี้โบว์ใส่กางเกงขาสั้นสีขาว

“ไอ้โบว์ เลือด ทำไมแกมีเลือดไหลออกมาจากกางเกง”

   เบียร์ได้ยินจึงรีบวิ่งกลับมาดู “พี่โบว์หนูขอโทษ หนูรีบหนูไม่ได้ตั้งใจ”

“ไอ้เบียร์ ช่วยพี่ดูซิว่านั้นเลือดใช่ไหมที่กางเกงไอ้โบว์หนะ เร็วช่วยพี่ก่อน รีบพามันไปที่โรงพยาบาลก่อน นอนบิดอยู่นั่นหนะ”

“ได้พี่ ได้” แล้วก็รีบพาโบว์ไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากถึงมือหมอ เบ็นซ์ก็รีบโทรหาแป๋วทันที

“ไอ้แป๋ว ทำอะไรอยู่ รีบมาก่อน” เบ็นซ์กำลังตกใจ “ทำไม เกิดอะไรขึ้น” แป๋วกำลังขายของให้ลูกค้า

“ไอ้โบว์” เบ็นซ์ตกใจเมื่อเห็นที่ตรวจครรภ์ ในกระเป๋าน้องสาวตอนค้นหาบัตรประชาชนให้กับโรงพยาบาล

“ไอ้โบว์ทำไม” แป๋วไม่เป็นอันขายของแล้ว

“มันโดนไอ้เบียร์วิ่งชนแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้นอย่างแรงนะซิ”

“มันก็แค่ล้มแล้วแกจะกลัวอะไรวะ ฉันกำลังขายของให้ลูกค้าอยู่ เรื่องแค่นี้ ทำไมแกต้องโทรหาฉันด้วยวะ”

“มันมีเลือดออกมาจากช่องคลอดด้วย” เบ็นซ์พยายามรวบรวมสติ

“เมนต์รึเปล่า แกก็อย่าตื่นตกใจไปเลย” แป๋วก็ยังไม่สนใจเพื่อน

“ฉันกลัวว่ามันจะไม่ใช่นะซิ เพราะฉันเจออะไรบางอย่างของมันในกระเป๋า ตอนฉันล้วงหยิบบัตรประชาชนหนะแก ไอ้แป๋ว ฉันกลัวว่ามันจะ..” เบ็นซ์รวบรวมสติอีกครั้ง

“เออๆ แกรออยู่นั่นเลย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน โรงบาลอะไร บอกมา เครๆ ฉันไปตอนนี้แหละ ไอ้อ้นขายแทนพี่ที พี่มีธุระ ขอตัวนะคะ มีธุระด่วนจริงๆ” แล้วแป๋วก็รีบไปหาเบ็นซ์ที่โรงพยาบาล

   พอแป๋วมาถึง เบ็นซ์ก็เอาที่ตรวจครรภ์ที่อยู่ในกระเป๋าโบว์ให้แป๋วดู

“แกไอ้โบว์มันท้อง แกคิดเหมือนฉันไหม ตอนที่เราเจอมันครั้งสุดท้ายหนะ ที่มันไม่มีแรง ฉันถามเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมบอกหนะ”

“ฉันว่าแล้วว่ามันต้องใช่” แป๋วคิดไม่ผิด

“แกรู้แล้วทำไมแกไม่บอกฉันไอ้แป๋ว แล้วตอนศึกที่อุ้มผางก็ปล่อยให้มันออกไปต่อสู้เตะต่อยกับไอ้พวกนั้นได้ยังไง ไอ้แป๋ว แกทำได้ยังไง แกคิดอะไรอยู่ ทำไม หลานเรานะโว๊ย แกไม่กลัวมันแท็งค์รึไงห๊ะ เฮ๊ย”

“ก็ฉันไม่แน่ใจ ฉันขอโทษ” แป๋วพยายามจะอธิบาย น้ำตาแห่งความอาลัย ไหลออกมาจากเบ้าตาของแป๋ว

“ไม่แน่ใจ ยังไงก็ควรจะกันเอาไว้ก่อน ถ้างั้น เนตร ก็คงจะเป็นเหมือนไอ้โบว์หนะซิ ไม่เห็นเหรอ เป็นหนักกว่าไอ้โบว์อีก ถึงกับสลบเลยหนะแก โอ๊ย คุณอานะ ทำไมเจ้าชู้แบบนี้เนี่ย” เบ็นซ์อารมณ์เสีย

“ไง แล้วยังจะอยากได้เป็นผัวอีกคนไหม รู้แบบนี้เนี่ย” แป๋วแซว

“ไม่แล้ว ไม่เอา ถึงจะรักยังไง ฉันก็ไม่เอา เจ้าชู้มาก รักแบบนี้ ฉันขอบาย”

   ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ เบียร์วิ่งมาบอกว่า หมอออกมาแล้ว

“หมอออกมาแล้วพี่ เขาขอพบผู้ปกครองพี่โบว์”

   ทุกคนวิ่งไปหาหมอ “คุณหมอคะ ตกลงน้องหนูเป็นยังไงบ้างคะ”

“ถือว่าโชคยังดีนะคะ ที่เด็กในท้องไม่เป็นไร มาได้ทันเวลา ไม่งั้นเราคงต้องเสียเด็กที่อยู่ในท้องของเธอแล้ว คราวหน้าพยายามนะคะ อย่าให้เธอล้มกระแทกแรงๆแบบนี้อีก น้องเค้าอาจจะแท็งค์ลูกได้”

“เดี๋ยวนะคุณหมอ เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าน้องหนูท้องเหรอคะ” เบ็นซ์ถามหมอเพื่อความแน่ใจ

“ค่ะ อ้าว..นี่ยังไม่มีใครรู้เหรอคะว่าคนไข้กำลังท้องอ่อนๆอยู่ 2 เดือนแล้วค่ะ”

“อย่าลืมนะคะคราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก จะแท็งค์เอาง่ายๆนะคะ หมอคงเตือนได้เท่านี้” แล้วก็เดินจากไป

   แล้วเบ็นซ์ก็มานั่งเอามือกุมขมับ น้ำตาแห่งความอาลัย ไหลออกมาทันที เบ็นซ์ไม่มีความสุขและไม่สบายใจ ยิ่งมารู้ว่าโบว์ท้องแบบนี้ งานนี้ต้องขอบใจเบียร์ทางอ้อม เพราะถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจครั้งนี้ แล้วพามาโรงพยาบาลเนี่ย ก็คงจะไม่รู้ว่าโบว์ท้องแน่นอน ยิ่งทำให้เธอไม่พอใจเผด็จขึ้นมาทันที เบ็นซ์จะไปเอาเรื่องเผด็จ แป๋วห้ามไว้ รอให้โบว์ฟื้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน

   เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง เบียร์ขอตัวกลับไปทำธุระแล้ว โบว์รู้สึกตัวขึ้นมา อันดับแรกที่เธอนึกได้

“ลูก ลูกแม่ ลูก” โบว์เอามือคลำท้องตัวเอง แป๋วกับเบ็นซ์จึงรีบวิ่งมาดู

“ลูก ลูกแม่ ลูก ลูกจ๋า แม่ขอโทษ” โบว์กำลังสติแตกกลัวลูกไม่อยู่ แก้วตาดวงใจถ้าไม่อยู่แล้วเธอจะทำยังไง

“ไอ้โบว์” เบ็นซ์มาดึงสติน้อง ตอนนี้โบว์เหมือนสติแตก

“พี่เบ็นซ์ ลูก ลูกหนู พี่ลูกหนูยังอยู่ไหม พี่ลูกหนู” โบว์ถามพี่สาวตรงๆ

“อยู่อยู่ ยังอยู่ โบว์ ฟังพี่” แป๋วตะคอกจนโบว์ตั้งสติได้ “ฟังพี่ ฟัง ดูปากพี่” โบว์จึงนิ่งได้

“ลูกแก ยังอยู่ ปลอดภัยดี จบนะ เครนะ แล้วฟังพี่นอน นอนลงก่อน แล้วตั้งสติฟังพี่”

“ลูก ลูก” โบว์ยังคงเพ้อ แล้วเอามือลูบท้อง “อยู่กับแม่ก่อนนะลูกนะขอบคุณสวรรค์ ที่หนูยังอยู่กับแม่นะลูก”

“แกท้อง แล้วทำไมไม่บอกพี่” เบ็นซ์ถามดีๆ

“หนูขอโทษพี่” พอสติกลับมา จึงเริ่มพูดกันรู้เรื่อง น้ำตาแห่งความอาลัย ของโบว์ก็แตกออกมาทันที

“เพราะความดื้อของแกเห็นไหม ดีนะที่หลานฉันไม่เป็นอะไร รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองท้อง ทำไมถึงยังออกไปเตะต่อยสู้รบตบมือกับเขาอย่างนั้น ดีนะที่ลูกแกไม่ไหลออกมาตอนนั้นหนะ ทำไปได้ยังไง ไม่เอานะ ต่อไปนี้ห้ามแกเป็นนางแมวป่าอีกแล้วนะ เข้าใจไหม”

   โบว์พยักหน้า “แล้วนี่แกจะเอายังไง จะบอกผัวแกไหม เขาจะได้ดีใจ”

“อย่านะพี่ หนูขอนะ อย่าบอกเค้า” โบว์ไม่อยากให้เผด็จรู้ กลัวเผด็จเอาลูกไปจากเธอ

“ทำไมหละ แกก็เป็นแบบนี้ทุกที ใจอ่อน ทีแบบนี้ไม่กล้า ไม่ได้ ฉันไม่ยอม ยังไงคุณอาเค้าต้องรับผิดชอบ หลานฉันต้องมีพ่อ”

“พี่เบ็นซ์หนูขอนะพี่นะ หนูไหว้หละพี่ แค่นี้หนูก็เจ็บพอแล้วนะพี่นะ อย่าให้หนูต้องด้านหน้าไปทำเหมือนเพ็ญเลย ไปกราบเท้าเขาเพื่อขอผัวคืนเนี่ยนะ หนูทำไม่ได้หรอกพี่ ลูกหนู หนูเลี้ยงเขาได้ นะพี่นะ ถือว่าหนูขอนะพี่นะ หนูกลัวว่าคุณอาจะเอาลูกหนูไป”

“เบ็นซ์ ฉันว่าปล่อยมันเถอะ ที่มันพูดมันก็ถูกนะ เราก็มีศักดิ์ศรี ยอมเจ็บตรงนี้ตอนนี้ ต่อไปมันจะได้จบๆเสียที เด็กคนเดียวหลานพวกเรา ทำไมเราจะเลี้ยงกันเองไม่ได้วะ จำได้ไหมว่า พวกเราโตกันมายังไง เราดูแลกันได้อยู่แล้ว หลานคนเดียวสบายมากนะเชื่อฉัน ฉันเห็นด้วยกับมัน ไม่ต้องไปบอกพ่อมันหรอก ถ้าเกิดคุณอารู้ รับรองเค้าเอาลูกไอ้โบว์ไปแน่” แป๋วก็ไม่อยากยกหลานให้ใคร

“แต่เขาต้องรับรู้นะว่าไอ้โบว์อุ้มท้องลูกเขาอยู่” เบ็นซ์ยังคงไม่ยอม เพราะไม่อยากให้น้องเสียเปรียบเมียคนอื่นๆ

“ไม่รู้หนะดีแล้ว ดีไม่ ดี ถ้าเขารู้เขาจะมาเอาลูกไอ้โบว์มันไป มันจะยุ่งนะ แกก็รู้นิสัยคุณอาเค้าดีนี่ ว่าเป็นยังไง”

“เออ จริงด้วย สรุปไอ้โบว์ก็โดนเจาะไข่แดงฟรีๆซิวะเนี่ย” เบ็นซ์อารมณ์เสียไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ไม่หรอกพี่” โบว์บอกออกมา “ทำไมแกถึงพูดแบบนั้น” เบ็นซ์อยากรู้เหตุผล

“อาเด็จได้ยกเกาะนั้นให้หนูแล้ว” โบว์เลยบอกความจริง “ว่าไงนะ โบว์ไหนแกพูดอีกทีซิ” เบ็นซ์ไม่แน่ใจในหูตัวเอง

“หนูบอกว่าคุณอาเผด็จได้ยกเกาะนั้นให้หนูแล้ว หนูเซ็นต์รับมาแล้วเรียบร้อย เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง พวกพี่ไม่เชื่อใช่ไหม พี่เอากระเป๋าหนูมาซิ” แล้วแป๋วก็ส่งกระเป๋าสะพายโบว์ให้ โบว์หยิบ แฟ้มแข็งแฟ้มนึงขึ้นมาแล้วส่งให้เบ็นซ์กับแป๋วดู

“ชัดเจนไหมพี่ แค่นี้หนูก็พอใจแล้ว อย่างน้อยหนูก็ได้เกาะทั้งเกาะไม่อดตายแล้วหละ และก็มีตัวแทนของเขาอยู่ในท้องหนูแล้ว หนูคงไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้วหละพี่ นะพี่นะ เชื่อหนูนะพี่นะ ปล่อยเขาไปเถอะ หนูขี้เกียจไปสู้รบตบมือกับใครอีกแล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ แค่นี้หนูกับลูกก็สบายไปทั้งชาติแล้วพี่” โบว์ยืนยันคำตอบเดิม

 เบ็นซ์เอามือมาลูบหัวน้อง “เอา ในเมื่อแกตัดสินใจแล้ว ก็ตามนั้น เพราะชีวิตมันเป็นของแก” จึงทำให้เบ็นซ์ต้องตามใจน้อง

***** +++++ *****

   เมื่อเนตรฟื้นตัวขึ้นมาก็ต้องเจอกับคำถามที่ตัวเองก็ตอบไม่ได้ ว่าตัวเองท้องแล้วทำไมไม่ยอมบอกใคร ทำให้เทียนหอมไม่พอใจที่เนตรไม่ป้องกันตัวเองหรือจงใจกันแน่ ทะเลาะกันอยู่พักใหญ่ ต่อหน้าเนเน่

“แกท้อง แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันห๊ะ ไอ้เนตร ลูกแกนะโว๊ย นี่แกไม่รักมันเลยรึไง” เทียนหอมไม่พอใจ

“ว่าไงนะพี่ พี่ว่าอะไรนะ พี่ว่าหนูท้องอย่างนั้นเหรอ” เทียนหอมพยักหน้า แล้วทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าเนตรไม่รู้ว่าตัวเองท้อง

“อะไรกันไอ้เนตรนี่แกอย่ามาบอกฉันนะว่า แกไม่รู้ว่าตัวเองท้องหนะตลกแล้วแก ฉันไม่เชื่อแกหรอกแกอย่ามา สตอใส่ฉัน”

“จริงพี่ หนูไม่รู้จริงๆ ถ้ารู้แล้วหนูจะออกไปสู้รบต่อยตีกับเขาทำไม หนูก็รักและเป็นห่วงลูกหนูเหมือนกันนะพี่” เนตรเถียง

“แล้วทำไมแกไม่ไปหาหมอ ถ้าแกไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร ปล่อยมาได้ยังไงตั้ง 2 เดือน อาการก็ออกขนาดนั้น เป็นฉัน ฉันไปหาหมอตรวจแล้วและอีกอย่าง แกไม่ได้สังเกตุตัวเองรึไงว่าเมนต์แกขาดไปกี่เดือนกี่ครั้งแล้ว อะไร อย่างอื่นหนะเก่ง แต่เรื่องนี้กลับโง่”

   เนตรพูดอะไรไม่ออก เอามือกุมท้องตัวเองอย่างเดียว บ่อน้ำตาแตกทันที น้ำตาแห่งความอาลัย และก็ยิ้มออกมาด้วย

“ลูกจ๋า หนูมาอยู่เป็นเพื่อนแม่แล้ว ขอบใจที่ไม่หนีแม่ไปไหน อยู่กับแม่นานๆนะลูก แม่อยากเห็นหน้าหนูไวๆแล้วครับ”

   เนเน่เดินเข้ามาหาแม่ “แม่ตอนนี้แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ หนูดีใจมากเลยที่แม่มีน้องให้หนู รักแม่จัง หนูจะไปบอกข่าวดีกะพ่อ”

“ไม่นะลูกอย่า” เนตรดึงแขนเนเน่ไว้ จนเทียนหอมงงว่าห้ามทำไม

“ทำไมหละไอ้เนตร พี่เด็จต้องรู้นะว่าแกมีน้อง ไม่งั้นแกจะเสียเปรียบเมียคนอื่นๆเค้านะ เพ็ญมันยังเอาตัวพี่เด็จไว้ได้เลย ในเมื่อแกก็เป็นเมียคนหนึ่งที่มีลูกให้เขาด้วยอีกต่างหาก แกก็ต้องไปทวงสิทธิ์ซิ”

“ไม่หละพี่ สำหรับหนู ได้แค่นี้หนูก็พอใจแล้ว พี่เด็จเค้าไม่ได้รักหนูสักเท่าไหร่นักหรอก อีกอย่างลูกที่เกิดขึ้นมาเนี่ย มันก็เกิดมาจากความผิดพลาดของใจหนูเอง เพราะตอนนั้นเขานึกว่าหนูเป็นโบว์”

“แต่แกก็ยอมทั้งๆที่แกรู้อยู่แล้วว่าเขารักใครเนี่ยนะ โอ๊ย นี่ตกลงแกบ้าหรือแกสติไม่ดีกันแน่วะไอ้เนตร นี่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับแกแล้วนะ ขอถามอะไรจริงๆสักข้อเถอะ ไหนๆมันก็เกิดเรื่องขึ้นมาขนาดนี้แล้ว”

“อะไรหละพี่ ถามมาได้เลย” เนตรดึงแขนเนเน่มานั่งข้างๆเธอ

“แกรักพี่เด็จไหม” เทียนหอมยิงคำถามตรงๆเลย

“รัก มากด้วย พี่ถามทำไม” เทียนหอมก็ยังไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมถึงไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้ของๆเรากลับมาหละ อีนังเพ็ญอะไรนั่น พี่เด็จเขาก็ไม่ได้รัก พี่เขายังยอมอยู่ด้วย เพราะเอาลูกมาอ้าง ตอนนี้แกก็มีลูกให้กับเขาแล้ว แกก็เอาบ้างดิ เพ็ญมันทำได้ แกก็ต้องทำได้ ฉันว่าพี่เด็จเขารักแกมากว่าเพ็ญอีกนะ เท่าที่ฉันสังเกตุ”

“ไม่หรอกพี่ ช่างเถอะ หนูตัดสินใจแล้ว ว่าหนูจะไม่สู้อะไรกะใครอีกแล้ว ยอมจริงๆในเมื่อตอนนี้หนูก็มีตัวแทนของคนที่หนูรักอยู่กับหนูแล้ว ในท้องหนูเนี่ย หนูถึงบอกพี่ไงว่าเขาไม่ได้รักหนูหรอก หนูก็เลยไม่อยากที่จะไปทวงสิทธิ์อะไรกับเขา”

   เนตรเอามือตบแขนลูกสาวเบาๆ “เข้าใจแม่นะลูก ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รักพ่อนะ แต่แม่ไม่อยากที่จะต้องเจ็บมากกว่านี้” เนเน่พยักหน้า

“เอ้อ..ตามใจแกนะเนตร เพราะนี่มันก็ชีวิตของแก พี่คงจะเข้าไปยุ่งไปแตะต้องอะไรไม่ได้ ในเมื่อแกตัดสินใจแล้ว พี่ก็คงจะทำได้แค่ดูแลแกอยู่ห่างๆ แบบนี้แหละ” เนเน่ก้มลงกอดแม่และหอมท้องแม่ เพราะรักน้องคนนี้มาก เนตรเอามือลูบหัวลูกสาว

“ขอบใจมากนะพี่ เนเน่ด้วยนะลูก จำไว้อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เด็จว่าหนูมีลูก หนูอยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที”       

   สุดท้ายเนตรก็ขอร้องเพื่อนและลูก ว่าอย่าบอกเผด็จ “หนูรู้ตัวดีพี่ ว่ามาทีหลัง หนูขอนะ หนูเลี้ยงลูกตามลำพังได้ไอ้เน่มันก็อยู่”

“ดี ถ้าแกคิดแบบนั้น ดังนั้นต่อแต่นี้ไป แกต้องห้ามเป็นหงส์ฟ้าอีก เข้าใจไหม ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวแกเอง”

“ค่ะพี่ หนูก็คิดอย่างนั้น เพราะหนูก็ไม่อยากให้ลูกหนูเป็นอะไรไปมากกว่านี้” เนตรเอามือกุมท้องแล้วก็หอมหัวเนเน่

“ดี..ไอ้เน่” เนเน่ลุกขึ้นมา “ขาแม่หอม” เทียนหอมรีบบอกทันที

“เดี๋ยวถ้าแกกลับบ้านไปบ้านวันนี้นะ แกเก็บชุดหงส์ฟ้าของแม่แกลงกล่องไปเลย และหาที่เก็บให้มิดชิด ทำได้ไหม”

   เนเน่ยกนิ้ว Ok เนตรรับปากหอมว่าต่อไปนี้จะไม่เป็นหงส์ฟ้าอีกและหันไปหอมแก้มลูกสาว แล้วดึงมากอด

“พี่หอม หนูจะขอไปอยู่เมืองนอกและทำงานที่นั่น พี่คงไม่ว่าหนูนะ”

“เออ ก็อย่างที่พี่บอก มันเป็นสิทธิ์ของแก” เทียนหอมเอื้อมมือไปจับมือขวาเนตร แล้วตีเบาๆ

“หนูขอเวลา Clear เรื่องเงินและร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้หน่อย และสัญญาว่าจะไม่พบพี่เด็จอีก หนูขอแค่นี้ เห็นใจหนูเถอะ ขอเวลาทำใจด้วย นะพี่นะ” เทียนหอมยิ้มให้ แล้วเนตรก็หันไปยิ้มให้ลูกสาว เอามือเสยผมลูกเล่น

   เนตรคิดเหมือนโบว์ ในเมื่อเธอมีทายาทตัวแทนของคนที่เธอรักแล้ว ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเองที่เมืองนอกหอมไม่ยอมก็ต้องยอม “หนูไปด้วย จะไปอยู่กับแม่ ไม่รักพ่อแล้ว ขอไปเลี้ยงน้องดีกว่า” เนเน่บอก เนตรก็ไม่ได้ว่าอะไร

“ได้ซิลูก รับปากแม่แล้วนะว่าจะช่วยแม่เลี้ยงน้อง แล้วอย่ามาขยันแค่ตอนแรกๆหละ ทำให้แม่ดีใจเก้อหละ เด็กน้อย”

   ทุกคนก็หัวเราะแบบมีความสุข ครอบครัวน้อยๆที่ไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากความสุขที่แท้จริงเท่านั้น อย่างน้อยเนตรก็มีลูกตั้งสองคน แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้น เนตรจึงโทรหาสุนีย์ และบอกให้สุนีย์จัดการเรื่องนึงให้ทันที

****** ----- *****

   เนตรอัปสรยังมีลูกชายบุญธรรมอีกคนอายุประมาณ 5 ขวบกว่า ที่เธอรับเลี้ยงเอาไว้หลังจากที่รับเนเน่มาเมื่อ 10 ปีแล้ว เด็กน้อยคนนี้แม้กระทั่งเผด็จและเนเน่ก็ไม่รู้ มีแต่สุนีย์เท่านั้นที่เป็นธุระให้เพียงคนเดียว เป็นเด็กที่เนตรพบและถูกชะตามากโดยบังเอิญ ที่สถานเด็กกำพร้าเพชรรัตน์นี่แหละ ชื่อใต้ฝุ่น เป็นเด็กที่กล้า ไม่ค่อยที่จะเกรงกลัวใคร ใครขอจับแตะตัวก็ไม่ได้ แต่เมื่อเจอเนตร เด็กน้อยผู้นี้กลับชอบ ให้จับ ให้อุ้ม ให้หอมและติดเนตรแจ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เนตรหลงเด็กคนนี้ด้วยเช่นกัน

<<<<< ===== >>>>>

       สุนีย์กลับใจมาเป็นคนดีได้ โดยตีตัวออกห่างและไม่ช่วยฉัตรเทพในการทำผิดกฏหมายอีก เพราะเนตรได้ช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่ฐานลับโดนถล่มนั่นแหละ จากการทำงานผิดพลาดให้กับฉัตรเทพ ฉัตรเทพจึงสั่งคนมาเก็บสุนีย์เพื่อปิดปาก เนตรได้เข้ามาช่วยเหลือได้ทันด้วยความบังเอิญ เมื่อตอนที่มาหาลูกชาย เมื่อรอดชีวิตสุนีย์จึงขอรับใช้ในฐานะหนี้ชีวิต บุญคุณนี้สุนีย์ไม่เคยลืม เนตรยอมรับการขอบคุณ แต่เนตรไม่ยอมรับการที่จะมาเป็นหนี้ชีวิต

“ขอให้เราถือว่าเป็นญาติกันนะ ต่อไปนี้ คุณสุนีย์คือน้าสาว ตั้งแต่นี้ไปเนตรขอเรียกคุณว่าน้าสุนะ”

“ได้ๆ สุยินดี ให้สุทำอะไรสุก็ยอม เพราะถ้าคุณเนตรไม่มาช่วยสุ ปาดนี้สุคงตายไปแล้ว จะให้สุทำอะไรสุยอมทั้งนั้น ขอบใจมาก”

“ยินดีคะน้า” สุนีย์ดีใจที่ไม่ตาย อายุก็ปาเข้าไปตั้ง 54 แล้วก็จริงแต่ก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ดูโลกอีก

“ถ้ามีโอกาสก็ช่วยส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่ของหนูที่กาฬสินธุ์ด้วยนะ นี่ค่ะเงินและเบอร์บัญชี อ้อ..อีกเรื่อง อย่าลืมเอาเงินเข้าบัญชีให้กับเจ้าใต้ฝุ่นลูกหนูด้วยนะ หนูต้องรีบไปก่อน เพราะหลบตำรวจอยู่ ฝากด้วยนะ”

..... +++++ .....

   เนตรจึงมีสุนีย์ที่จะช่วยเหลือเพื่อทำงานบางอย่างได้ วันนี้เนตรเลยมาหาสุนีย์และวานสุนีย์ทำพาสปอร์ตให้ใต้ฝุ่นด้วย

“น้าสุ หนูจะย้ายไปทำงานอยู่เมืองนอกแล้วนะ จะเอาเจ้าฝุ่นไปด้วยไม่อยากทิ้งมันไว้ที่นี่สงสารมัน แค่นานๆมาหามันก็คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” เนตรเอามือลูบหัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง และเอามือใต้ฝุ่นมาจับท้องตัวเอง

“รู้ไหมฝุ่น ตอนนี้หนูมีน้องแล้วนะลูก ไปอยู่กับแม่ไปเลี้ยงน้องด้วยกันนะ” ใต้ฝุ่นพยักหน้า เนตรดีใจมากที่ฝุ่นยอมไปด้วย

“กี่เดือนแล้วค่ะคุณเนตร” ใต้ฝุ่นเปลี่ยนมากอดแม่ เนตรมองหน้าสุนีย์

“ไม่เอาค่ะ หนูบอกน้าสุแล้ว ว่าอย่าเรียกแบบนี้ หนูไม่สบายใจเลย เราเป็นญาติกันนะคะ หนูเป็นหลาน อย่าเรียกคุณ ให้เรียกว่าเนตรเฉยๆ นะหนูขอร้อง สำหรับเด็กคนนี้ 2 เดือนแล้วค่ะ อีกไม่นานน้าก็จะได้เป็นยายแล้วนะ” เนตรยิ้มแล้วอุ้มใต้ฝุ่นขึ้นมาอุ้ม

“ได้ค่ะคุณ เอ๊ย เนตร..น้าขอบใจเนตรมากนะ” เนตรส่งยิ้มให้สุนีย์ แล้วก็หอมแก้มลูกชายด้วย เนตรมีความสุขมาก

“แล้วจะไปกันกี่คนเนี่ย น้าจะได้ทำพาสปอร์ตได้ถูก” แล้วก็เดินไปคุยไป

   ใต้ฝุ่นเป็นลูกชายที่เนตรรักมากอีกคนหนึ่ง ตั้งแต่เธอหนีตำรวจ เธอก็ไม่ค่อยได้มีเวลามาหาเลย ใต้ฝุ่นเป็นเด็กหัวดี มีสัมมาคารวะ และมีความกตัญญู เนตรรับเลี้ยงเด็กคนนี้มาได้เกือบ 3 ปีแล้ว ตั้งแต่ 2 ขวบ จึงผูกพันกันมากพอๆกับเนเน่

%%%%%% ----- %%%%%%

   และแล้ววันสำคัญวันที่เพื่อนๆและทุกคนรอคอยก็มาถึง 15 พฤษภา วันแต่งงานของทับทิมกับอัธวุฒิและปูนกับแตงโม งานจัดได้ใหญ่โตมาก ไม่แพ้งานของเผด็จเลย ทุกคนมาร่วมงานแม้กระทั่งเผด็จ แต่ไม่มา 2 คนคือ โบว์และเนตร

“เบ็นซ์ อาขอคุยด้วยหน่อยซิ” แป๋วสะกิดบอกไปเถอะ จะได้จบๆเรื่อง

“คุณอามีอะไรกับหนูเหรอคะ” เผด็จเอามือเอื้อมมาจับมือทั้งสองของเบ็นซ์

“คุณอาจะทำอะไรหนะปล่อยนะคะ นี่มันในงานและอีกอย่างตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว อย่าค่ะ มันไม่ดีเดี๋ยวเพ็ญมาเห็นเข้ามันจะเกิดเรื่องนะ ปล่อย” เบ็นซ์พยายามป้องกันตัวเอง แต่เผด็จไม่สนใจ

   เผด็จดึงเบ็นซ์ออกไปอีกมุมนึงที่ปลอดคน แล้วก็หอมเบ็นซ์ทันที พยายามจะล่วงเกิน เบ็นซ์ตบหน้าเผด็จอย่างแรง

“คุณอาทำยังงี้ได้ยังไง กักขระ อย่าทำแบบนี้กับหนูอีกนะ หนูไม่ชอบ หนูไม่ใช่อีตัวข้างทางราคาถูกนะ ที่พออยากเมื่อไหร่ แล้วคิดจะเอาได้ตลอดเวลา หนูไม่อยากได้ชื่อว่าใช้ผัวร่วมกับน้องสาว ไปเลย ถ้าคิดว่าจะมาทำแบบนี้ ต่อไปเราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”

   เผด็จกอดเบ็นซ์จากข้างหลัง เพราะยังรักและตัดใจจากเบ็นซ์ไม่ได้ “คุณอาหนูบอกให้ปล่อย” เผด็จไม่สนใจ ยังคงระดมจูบแก้มเบ็นซ์ทั้งซ้ายและขวา จนเบ็นซ์ต้องใช้ส้นเท้าขวากระทืบลงไปที่รองเท้าขวาของเผด็จ เขาจึงปล่อยเบ็นซ์ได้ แล้วหันมาตบหน้าอย่างแรง ส้นรองเท้าของเบ็นซ์หักทันที เบ็นซ์ชี้หน้าเผด็จ

“อย่านะคะ อย่าทำแบบนี้กับหนูอีก หนูขอบอกไว้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่อยากให้หนูเกลียดอาไปมากกว่านี้”

“แต่อารักหนูนะเบ็นซ์ ที่ผ่านมาอาขอโทษ ที่ละเลยหนูไป แต่หนูต้องเข้าใจอานะว่าอามีภาระกิจที่ต้องทำ”

“รักเหรอ อารักหนูเหรอ ถ้าอารักหนูอาคงไม่ทำให้หนูเสียใจขนาดนี้หรอก แล้วไอ้โบว์หละอาเอามันไปไว้ที่ไหน ถ้าอาบอกว่ารักหนู ถึงหนูจะรักอามากแค่ไหน แต่หนูก็รักน้องหนูมากกว่า ในเมื่ออาย่ำยีหัวใจหนูไปแล้วครึ่งนึง ขอเถอะค่ะ ขอที่เหลืออีกครึ่งนึงให้หนูมีความทรงจำดีๆของอาให้หนูเก็บไว้บ้างได้ไหม หนูขอร้อง” เบ็นซ์พูดออกมาด้วยความโกรธและสีหน้าที่จริงจัง

   เพ็ญกำลังเดินตามหาสามี ตะโกนเรียกมาตามทาง เบ็นซ์ได้ยิน “นั่นไงค่ะ คนที่อาจะต้องดูแลและรับผิดชอบ” แล้วเบ็นซ์ก็รีบวิ่งหนีออกไปเผด็จวิ่งไปดึงเบ็นซ์มากอดแล้วดึงหลบเพ็ญจากตรงนั่น เอามือปิดปากเบ็นซ์เอาไว้สักพักพอเพ็ญเดินไปจากตรงนั้น เผด็จก็ปล่อยมือที่ปากเบ็นซ์ เบ็นซ์จะพูด เผด็จประกบปากจูบเบ็นซ์ทันที เบ็นซ์ทุบแขนเผด็จอยู่หลายทีจนหมดแรงทุบ เคลิ้มกับรสจูบของเผด็จที่กำลังจูบเธออยู่ สักพักเผด็จก็ถอนปากออกมา “จำไว้นะ ว่าอารักหนู ไม่ต่างไปจากที่อารักโบว์” เบ็นซ์มองหน้า

“เบ็นซ์อาจจะดูว่าอาเอาเปรียบเอาแต่ได้ รักโบว์แล้วยังจะมาบอกรักเบ็นซ์อีก นิสัยไม่ดีก็ชั่งอาไม่สน ทำไงได้ ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ก็เบ็นซ์ของอาอยากเกิดมาน่ารักทำไม ถึงอาจะมีโบว์ อาก็มีหนูได้อีกคน ถ้าหนูรักอา ทุกอย่างมันก็จบจริงไหม”

   เบ็นซ์ไม่พูดอะไร “ปล่อย หนูจะกลับ” เผด็จมองหน้าเบ็นซ์ แต่เบ็นซ์เมินหน้าหนี “ปล่อย” เบ็นซ์ทำหน้าบึ้งตึงทันที

“ถ้าอารักหนูจริงอย่างที่พูด อาต้องปล่อยหนู ปล่อย ตกลงจะปล่อยไหม ไม่งั้นหนูร้องให้คนในงานช่วยจริงๆนะเอ้า คอยดู อย่าคิดว่าหนูไม่กล้านะ” เผด็จยอมใจจริงๆ แพ้สายตาของเบ็นซ์ในครั้งนี้ เขาจึงค่อยๆดึงตัวเบ็นซ์ขึ้นมายืนกอด

   เบ็นซ์ไม่พูดอะไร จัดชุดจัดเครื่องแต่งตัว ทำผมให้ดูดีกว่าเมื่อกี้แล้วก็ถอดรองเท้าข้างซ้ายออกมาถือคู่กันที่มือขวา แล้วก็เดินออกไปอย่างช้าๆด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เผด็จดึงมือขวาเบ็นซ์ไว้ เบ็นซ์หันมามองด้วยสายตาที่โกรธและไม่ใยดีอีกแล้ว เธอพยายามจะตัดใจและตัดขาดจากผู้ชายคนนี้ให้ได้สักที อย่าไปหลงคารมหวานๆของเขาอีก ต้องทำแบบปูนให้ได้ เธอคิดอย่างนั้น แล้วเธอก็สะบัดแขนจากเผด็จอย่างแรง น้ำตาแห่งความอาลัย ของเบ็นซ์ก็พรั่งพรูออกมาทันทีอย่างแรง เธอตัดใจรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้น ดีนะที่ชุดของเบ็นซ์เป็นกระโปรงยาวคลุมพื้นจึงไม่มีใครเห็นข้างล่าง ปล่อยให้เผด็จฝันค้างอีกตามเคยกะว่าคืนนี้จะพาเบ็นซ์ไปขึ้นสวรรค์สักหน่อยก็เลยอดอีกจนได้ เพราะเธอไม่เล่นด้วยซะแล้ว

   แป๋วเดินตามหาเพื่อน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนต้องโทรตาม โทรเท่าไหร่เบ็นซ์ก็ไม่รับสาย เพราะเธอแอบหลบมานั่งร้องไห้อีกมุมนึงของโรงแรมตรงบันได้หนีไฟ แป๋วเดินมาได้ยินเสียงใครร้องไห้จึงตามเสียงไปดู พอเห็นเป็นเบ็นซ์ จึงวิ่งเข้าไปหา

“ไอ้เบ็นซ์ เป็นอะไร ทำไมเสื้อผ้าแกขาดแบบนี้ ใครทำอะไรแก อย่าบอกนะว่าคุณอา ก็เมื่อกี้แกไปกับเขานี่ แล้วนี่ทำไมแกมาอยู่ตรงนี้คนเดียว เค้าทำอะไรแก บอกฉันมา ฉันจะไปเอาเรื่องเขาเอง เบ็นซ์” เบ็นซ์เอามือซ้ายดึงแขนเพื่อนไว้

“อย่าแป๋ว อย่า ปล่อยเขาไปฉันขอร้อง ฉันขอร้อง แค่นี้ฉันก็เจ็บไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว”

“เขาทำอะไรแกไหนบอกฉันมาซิ เค้ารังแกอีกแล้วใช่ไหมไอ้เบ็นซ์ โธ่เอ๊ย เบ็นซ์ เมื่อไหร่แกจะหลุดพ้นวิบากกรรมรักของแกไปได้ซะทีเนี่ย ดูซิต้องมารักผู้ชายคนเดียวกันกับน้องสาว รักคนเจ้าชู้แบบนั้นหนะ คนดีๆอีกถมเถ ทำไมไม่ไปรักวะ”

“ฉันพยายามแล้วนะแป๋ว ฉันพยายามแล้ว แต่เค้าไม่ยอมเลิกเค้าบอกเค้ารักฉันอยากได้ฉันเป็นเมียอีกคน ถึงเขาจะมีโบว์แล้ว เขาก็ไม่แคร์ เขาจะเอาฉันเป็นเมียให้ได้แก แล้วฉันจะทำยังไง แกจะให้ฉันทำยังไง หนีไปไหนเขาก็ตามรังควานใจฉันไม่เลิก ฉันอุตส่าห์หนีแล้วนะบอกเขาไปแล้วนะ แต่เขาก็ไม่ฟัง แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ฉันทำไม่ได้ที่จะใช้ผัวคนเดียวกันกับน้องหนะ แกเข้าใจฉันไหม แต่ฉันก็รักเขา แกช่วยบอกฉันทีไอ้แป๋ว ว่าฉันควรทำยังไง ทำยังไง” แล้วก็หันไปซบอกเพื่อน ร้องไห้ออกมาไม่หยุด

“โธ่ เบ็นซ์เอ๊ย ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยแกยังไงแล้ว ก็คงจะมีแต่ตัวแกเองนี่แหละ ที่ต้องเอาชนะใจของตัวแกเองให้ได้นะเพื่อน”

   เพ็ญเตินตามหาสามีจนเจอ เผด็จเดินออกมาจากหลังภาพแต่งงานของปูนและแตงโม แบบตาเหม่อลอยนิดหน่อย จัดชุดจัดเครื่องแต่งกาย แล้วยิ้มให้กับเพ็ญ “มาทำอะไรตรงนี้หนะพี่เด็จหนูตามหาตั้งนาน”

   เผด็จไม่พูดอะไร ยิ้มให้อย่างเดียว แล้วก็เดินเข้าไปในงานทันที ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“วันนี้ ผมจัดงานนี้ให้กับเพื่อนๆที่อยู่ใน กรุงเทพฯนะครับ ส่วนใครที่อยากจะตามไปร่วมงานที่ลำพูน พรุ่งนี้ผมก็ขอเชิญด้วยนะครับ ไปเหนื่อยและสนุกกันอีกวันนึง ใครจะไป ไปลงชื่อได้เลยที่หน้าประตูนะครับ” แตงโมกล่าว

“หอมเลย หอมเลย” เพื่อนๆตะโกนขึ้นมา ปูนหน้าแดงเลย แล้วแตงโมก็บรรจงหอมแก้มขวาภรรยาสุดที่รักอย่างมีความสุข

“พี่ปูน สู้ๆ เจ้าสาว อย่ายอมแพ้สู้เขาหอมกลับเลย” เปาเปา ตะโกนขึ้นไป ปูนก็กลั้นใจหันไปหอมแก้มซ้ายสามี แล้วยืนหน้าแดงต่อ

“อ้าวแล้วคู่นี้หละ ผู้กำกับ อย่าให้แพ้เค้า” จ่าหมง ตะโกนขึ้นไป “จ๊วบเลย จ๊วบเลย”

   อัธวุฒิกล้าๆกลัวๆ “กลัวเมียนี่หว่า” จ่ามิ่งแซว อัธวุฒิรีบรวบตัวทับทิมมาหอมอย่างเร็ว

“ไหนใครว่าผมกลัวเมีย” อัธวุฒิเกทับทันที เปาเปาจ้าวเดิมเอาอีก ตะโกนบอก

“พี่ทิม อย่ายอมแพ้ ต้องเอาคืน อย่าให้แพ้พี่ปูน ทับทิมรีบหันไปโน้มคอสามีมาหอมแก้มซ้าย แล้วก็หันมายืนยิ้ม

   เผด็จมองปูนอย่างเสียดาย เกศเดินหลบไปหาเทียนหอม “เป็นไงบ้างเพื่อน เจอตัวแกวันนี้ก็ดีแล้ว” เกศเอ่ยขึ้นมา

“สบายดี แล้วแกมีอะไรกับฉันหละ” หอมถามเพื่อนด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วหันไปที่เผด็จสามีแห่งชาติ

“ก็เรื่องพี่เด็จนั่นแหละ มีเรื่องที่จะบอกและก็ขอโทษด้วยกับสิ่งต่างๆที่ผ่านมาด้วย เรายังคงเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมนะหอม”

“คิดมากน่าเกศ ฉันไม่เคยโกรธอะไรแกเลย ยังไงเราก็คือเพื่อนกันตลอดไป” แล้วก็กอดกัน

“ฉันตัดสินใจแล้วนะแก ที่จะออกไปจากชีวิตเขาเสียที” เกศบอกขณะที่กอดหอมอยู่ แล้วก็แยกตัวออกมา

“หมายถึงพี่เด็จหนะเหรอ” เกศพยักหน้า แล้วก็หาที่นั่งคุยกัน

“ฉันคิดว่ายื้อไปก็คงเท่านั้น ฉันก็รู้ว่าที่ผ่านมาพี่เด็จเขาไม่เคยรักฉันเลย ฉันคิดไปเองคนเดียว ที่ผ่านมาหนะ Sex เสียมากกว่า พอฉันมาคิดๆดูมันก็ทำให้ฉันไม่มีความสุข มีคนตามจีบตามตื้อฉันก็ตั้งหลายคน แล้วทำไมฉันต้องไปจมอยู่กับความรักจอมปลอมกับคนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าความรักของฉันอย่างเขาด้วยวะ จริงไหมหอม”

“ก็ตามใจแกนะ อย่าว่าแต่แกเลย ฉันก็คิดเหมือนแกแหละ ก็ว่าจะไปเหมือนกัน เพราะตอนนี้ฐานก็ไม่มี เงินเดือนก็ไม่มีแล้ว เงินเก็บก็เหลือไม่มาก ฉันคงต้องหางานทำใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขาบ้างเสียทีเหมือนกัน แกดูซิหนะ ยัยเพ็ญเดินท้องโย้ตามผัวพวกเราต้อยๆไม่ห่างเลย ฉันคงไม่อยากที่จะไปแย่งอะไรกับเด็กรุ่นนี้แล้วหละมันไม่มีประโยชน์ สู้เอาเวลาไปทำมาหากินเลี้ยงตัวเองดีกว่า ความรู้เราก็มีจริงไหมเพื่อน ถามว่ายังรักพี่เด็จอยู่ไหม ฉันก็ขอบอกตามตรงว่ารักนะ เพราะว่าเค้าเป็นรักแรกและรักสุดท้ายของฉัน”

   พูดไปน้ำตาก็ไหลออกมา มันเป็นน้ำตาแห่งความอาลัยเสียมากกว่า ซึ่งทั้งสองคนก็คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปทั้งคู่พร้อมๆกัน กับการกระทำของใครบางคนที่อาจจะมองดูเหมือนว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวก็ไม่เชิง

“แล้วแกคิดว่าจะไปไหนจะไปทำอะไร คิดไว้รึยัง”เกศถามหอม

“ยังเลย แต่เท่าที่คิดได้ตอนนี้นะ ฉันก็คงต้องหาแปลหนังสือ รับจ้างแปลภาษาอังกฤษหรือจีนไปก่อน”

“เออก็ดี แกจบมาทางนี้นี่นะ ฉันเอาใจช่วย เพื่อน” เกศตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“แล้วแกหละเกศ ถ้าออกจากบ้านพี่เด็จแล้วแกจะไปทำอะไรที่ไหน”

“ฉันก็คงจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ ส่วนอย่างอื่นค่อยว่ากัน เมื่อก่อนยังอยู่ได้ แล้วทำไมตอนนี้จะอยู่ไม่ได้วะ”

“แล้วไอ้ผิงลูกแกหละ แกไม่คิดถึงมันและห่วงมันแล้วเหรอ”

“นี่ก็อีกเรื่องบอกตามตรง กลุ้มคิดไม่ตกหวะ ฉันอยากจะบอกความจริงมันเหมือนกัน แต่ก็ติดตรงที่สัญญากับพี่เด็จเขาเอาไว้แล้ว ก็เลยไม่อยากจะหักหาญน้ำใจเขา แล้วค่อยว่ากัน”

“แล้วถ้าแกออกไป มันจะไม่ถามไม่ตามเหรอ ผูกพันกันมากขนาดนี้ เกศเอ๊ย โอย พูดแล้วน้ำตาก็ไหลหวะ สงสารเด็กมันเหลือเกิน อุตส่าห์ได้อยู่กับแม่แท้ๆแล้ว นึกว่าจะมีความสุข ดั๊นต้องมาพัดพรากจากกันอีกแล้ว”

“ทำไงได้หละวะเพื่อน” พูดจบ น้ำตาแห่งความอาลัย ของเกศก็ไหลออกมาอีกครั้งทันที

   แล้วก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังยิ้มสนุกสนานกับเพื่อนๆที่อยู่ในโต๊ะ ขนมผิงหันมาเจอหน้าเกศก็ยกแก้วน้ำให้ เกศก็ยกแก้วของเธอให้เช่นกัน “เอ้า..สู้ๆเพื่อน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในงาน

***** ..... *****

   หลังจากงานแต่งงานของ 2 สาวได้ 1 วันโบว์ก็เดินทาง สุขภาพเริ่มแข็งแรงดีขึ้นบ้าง หมอจ่ายยาบำรุงครรภ์ให้ไปอย่างดี โบว์ตัดสินใจฝากท้องที่นี้เลยเพราะเห็นว่าบริการดีและใกล้คอนโดเธอที่กรุงเทพฯ หมอนัดมาดูอาการเป็นระยะๆอย่างน้อยเดือนละครั้ง

   ส่วนเนตร เทียนหอมและเนเน่ดูแลอย่างดี และไม่ให้เป็นหงส์ฟ้าอีกเลย เก็บชุดไว้อย่างดี เทียนหอมรับงานแปลมาทำ ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ เพราะฐานโดนพังยับไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่มีข่าวคราวของพวกทีมพญายมอีกเลย และพวกเธอทั้งหมดหลบหน้าเผด็จทั้งคู่ จะมีก็แต่เนเน่ที่โดนปล่อยให้รับหน้าคนเดียว เผด็จไปตามหาเมียอีกสองคนที่คอนโดเก่าเขา หลังจากที่พลาดเบ็นซ์ไปแล้ว

“พ่อหนูขอ หนูบอกแล้วไงว่าอย่ามา พ่อก็ไม่เชื่อ เห็นไหมว่า ไม่มีใครอยู่ แม่เนตรไปต่างจังหวัดกลับกาฬสินธุ์ไปหายาย แม่หอมก็ไปด้วย เหลือหนูอยู่คนเดียว หนูจะไปทำงานแล้ว ถึงพ่อจะมีบัตรที่นี่ เข้าออกได้ แต่พ่ออย่าลืมนะว่า พ่อยกที่นี่ให้แม่แล้ว หนูว่าต่อไปนี่พ่ออย่ามาอีกเลยจะดีกว่า หนูขอคีย์การ์ดคืนด้วยแล้วกัน”

   แล้วเนเน่ก็ถือวิสาสะค้นตัวพ่อหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกงเผด็จออกมาถือเอาไว้

“หนูขอนะพ่อ หนูไปหละ อ้อ..หนูฝากด้วย แล้วอย่าลืมปิดประตูให้หนูด้วยนะ บาย”

   แล้วเนเน่ก็หอมแก้มซ้ายขวาพ่อและขอตัวออกไปทำงาน ปล่อยให้เผด็จเดินเหม่อลอยอยู่คนเดียวในห้อง เขาเดินไปที่หน้าต่างที่เคยยืนเคียงข้างกับนางแมวป่าและเพ่งสายตาไปข้างนอก มองท้องฟ้าที่ไกลแสนไกล แล้วก็ถอนหายใจ เนตรกับหอมแอบอยู่อีกห้อง (ห้องของหอม) เนตรมองลอดกระจกห้องหอมออกไปเห็นเผด็จยืนอยู่ที่ระเบียง เนตรร้องไห้ออกมา น้ำตาแห่งความอาลัย ที่เธอต้องตัดใจจากผู้ชายคนนี้ให้ได้ เทียนหอมเอามือปิดปากเนตรเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงหลุดรอดออกไปให้เผด็จได้ยิน ไม่นานเผด็จก็กลับออกไปจากห้องตรงเข้าบ้านตัวเองทันที พอเผด็จออกไปจากห้อง เทียนหอมก็ปล่อยมือ เนตรฟูมฟายออกมาอย่างเต็มที่ เทียนหอมเอามือมาลูบหัวน้องสาว “ร้องออกมาเนตร ร้องออกมาให้หมด แล้วต่อไปแกจะได้ไม่ต้องร้องไห้ ให้กับผู้ชายคนนี้อีก”

***** >>><<< *****

   เผด็จหมดแรงที่จะตามหาเนตรอัปสรกับเทียนหอมแล้ว จึงต่างคนต่างอยู่ ทางเกศก็เช่นกัน เมื่อเพ็ญกลับมาครั้งนี้ เธอจึงตัดใจเหมือนกันว่าคงต้องไปเสียที จึงขอย้ายออกไปแบบถาวร ไม่กลับมาอีกเลยและช่วงนี้นี่เอง เมื่อเกศไปอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้เธอได้ ได้เจอกับหมอหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งซึ่งมีอายุน้อยกว่าเธอไม่มากประมาณ 5 ปี บ่อยขึ้น เขามาจีบเธอได้สักระยะหนึ่งเกือบปีแล้ว ประมาณ 8 เดือน และเขาก็รอคำตอบของเกศ เพราะปลายกรกฎาคมนี้เขาต้องย้ายไปประจำที่อเมริกาแล้ว เขาจึงอยากจะให้เกศเดินทางไปอยู่ด้วยกับเขา เกศินีก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงทำให้เธอคิดหนัก ตัดสินใจที่จะตัดใจจากเผด็จสักที เพราะไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ แต่ปัญหามันอยู่ที่ขนมผิงนี่นะซิ เธอจะเอายังไงกับลูกดี เธอเลยต้องคิดหนักตลอดมา

****** ----- *****

   มีคนหมั่นไส้เทียมฟ้า เพราะชอบกร่าง ถือว่าเป็นลูกชายของมาเฟียใหญ่ จึงไม่มีใครกล้าแตะ จึงมีคนว่าจ้างให้ 6 นักฆ่าตัวปลอม ใครก็ได้ 1 ในนั้นมาจัดการให้หน่อย คืนนี้เทียมฟ้ากำลังสนุกสนานกับเพื่อนในผับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท คฑา ก็มาเป็นบอดี้การ์ด ขับรถให้มาเป็นเพื่อนให้เช่นเคยเหมือนเดิมแต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน เพราะคิดว่าไม่มีอะไรจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในรถเท่านั้น

   กำจรรับงานนี้เพราะคิดว่าน่าจะเก็บแบบเงียบๆและง่ายที่สุด เขาจึงเลือกใช้มีดสั้นด้ามกำลังพอเหมาะมือเก็บซุกซ่อนเอาไว้อย่างดี พวกที่ค้นตัวค้นยังไงก็ค้นไม่เจอ ด้านในเสียงเพลงก็ดัง จึงไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไร ใครทำอะไรก็คงไม่มีทางรู้แน่นอน เทียมฟ้ากำลังสนุกสนานกับเพื่อนที่โต๊ะมองไปรอบข้างก็ไม่น่าจะมีอะไร กำจรใส่ถุงมือสีดำ ชุดเสื้อเจ๊กเก็ตดำทมึน สวมแมส ใส่หมวกและแว่นดำ เดินดุ่มๆตรงเข้าไปประชิดแกล้งชนเทียมฟ้าแล้วใช้ความเร็วใช้มีด จ้วงแทง จ้วงแทงที่ลำตัว 5 แผล เทียมฟ้าล่วงลง หมดลมหายใจต่อหน้าเพื่อนๆหมดสิทธิ์ร้องเพราะกำจรเอามือซ้ายปิดปากเทียมฟ้าไว้ขณะที่แทง

   แล้วก็รีบเดินออกไปจากผับนั้น โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคนเยอะมากนึกว่าเทียมฟ้าเมา แต่พอเพื่อนไปจับตัวดู แล้วเลือดติดมือมา หญิงสาวคนหนึ่งจึงร้องตะโกนวี๊ดออกมาทันที จนในผับต้องปิดเพลงแล้วมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นว่ามีคนโดนแทงตายจึงต้องแจ้งเหตุให้ตำรวจมาดู ผับนี้อยู่ในท้องที่ความรับผิดชอบของอัธวุฒิ ไม่นานอัธวุฒิก็มาถึง คฑาได้แต่ยืนดูทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะไม่นึกว่าจะเล่นกันถึงตายแบบนี้ ทุกครั้งมักจะมาดักปล้นและทำร้ายกลางทาง ไม่นึกว่าจะเล่นแบบประชิดตัว

“ขอทางก่อนนะครับ จ่ามิ่ง จ่าหมง ไปขอดูกล้องวงจรปิดซิว่ามีอะไรผิดสังเกตุไหม ดูเวลาด้วยว่าเกิดตอนไหน

   สุดท้ายเทียมฟ้าตายเพราะความกร่าง ถูกกำจรฆ่า เพราะมีคนว่าจ้าง ขวางทางธุรกิจ ไม่ใช่ใคร กงจักรทองนั่นเอง แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะค่าจ้างโอนผ่านธนาคาร และคนว่าจ้างก็จ้างคนกลางมาติดต่อสัตยาอีกที หลายต่อมาก คฑาสืบรู้มาจนได้จากวงในว่า ใครคือเพชรฌาตในงานครั้งนี้ แต่ตามหาที่มาของผู้ว่าจ้างไม่ได้ พอแทนไทรู้ว่าเพชรฌาตที่ลงมือฆ่าลูกชายเขาคือคนของฉัตรเทพ นักฆ่าจากจันทร์เสี้ยว จึงทำให้แทนไทโมโหและโกรธ ฉัตรเทพมาก จึงโทรศัพท์ไปหาฉัตรเทพทันที

“แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉัตรเทพ รู้ทั้งรู้ว่าเทียมฟ้าเป็นลูกชายฉัน แล้วทำไมแกถึงให้คนของแกมาฆ่าลูกฉันทำไม”

“ผมก็พึ่งรู้ข่าวเมื่อเช้านี่เอง ผมไม่ใช่คนรับงานสัตยาโน้น และอีกอย่าง พวกนั้นมันก็ไม่รู้จักลูกชายเสี่ย เสี่ยจะมาว่าผมไม่ได้นะ ใครจ้างมา ผมก็รับทำให้หมด ก็ถือซะว่าเป็นดวงซวยของลูกชายเสี่ยก็แล้วกันนะ”ฉัตรเทพพูดง่ายมาก

   ทำให้แทนไทเสียใจมาก ประกาศล้างบางฉัตรเทพเลิกเป็นพันธมิตร ต่อกันทันที

“เออ..ถ้าแกพูดแบบนี้ ได้งั้นเราขาดกัน งานทุกอย่างที่ร่วมหุ้นฉันยกเลิกหมด แล้วคอยดูอาณาจักรแกจะต้องพังพินาศในเร็วๆนี้”

“ก็ตามใจเสี่ยนะผมไม่ห้ามเสี่ย มีเรื่องที่จะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหม” แล้วแทนไทก็วางสายทันที

   ฉัตรเทพก็ใช่ว่าจะดีใจ เพราะเสียคู่ค้าธุรกิจรายใหญ่ไปอีก 1 ไหนจะแหล่งทำมาหากิน จึงเรียกดรัณกับสัตยามาทันที

“ดรัณ สัตยา ออกมา อยู่ไหนกัน ออกมาเดี๋ยวนี้”

   ดรัณออกมาคนเดียว เพราะสัตยา ไปหาข่าวเรื่องที่ซ่อนของโบว์

“ไอ้สัตยาไปไหน ทำไมไม่ออกมา รู้ไหมว่าทำความฉิบหายให้ฉันเข้าแล้ว”

“สัตยาไปหาข่าวเรื่องที่กบดานนังโบว์ นายมีเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องเทียมฟ้า ลูกชายแทนไทหละก็ นายอย่าไปคิดมากเลย แค่คนๆเดียว มันไม่มีผลกระทบอะไรกับงานของเราหรอกนาย” ดรัณให้คำยืนยัน

“ทำไมจะไม่มี คราวบ่อนเมื่อเดือนที่แล้วก็หนนึงแล้วนะ ฉันยังไม่ได้สะสางคดีกับพวกแกเลย ทั้งเงินทั้งทอง หมดๆพังบรรลัยหมด ทำไมนะไอ้เผด็จ มันถึงไม่หยุดจองเวรจองกรรมฉันซะทีนะ ทำไม”

“อ้าว ก็ไหนข่าวเขาบอกว่า เป็นผู้กำกับอัธวุฒิไงหละคะนาย ที่นำทีมไปบุกหนะ”

“โกหกทั้งนั้น” ฉัตรเทพบอก “นายรู้ได้ยังไง” ดรัณสงสัย ฉัตรเทพจึงบอกความจริงให้กับดรัณ

“ก็ข่าวพวกนั้น แทนไท มันให้ลูกน้องของมัน เปลี่ยน ความจริงข่าวที่จะออกหนะมันต้องเป็นชื่อเผด็จ แทนไทมันอยากให้ ผบ.คนใหม่ ลูกน้องมันได้หน้ามีผลงาน ก็เลยเปลี่ยนชื่อเผด็จออกและเอาเป็นอัธวุฒิใส่เข้าไปแทน แล้วบอกสื่อว่าเป็นความคิดมันหนะซิ”

\\\\\ ----- /////

   งานศพของเทียมฟ้าค่อนข้างเงียบเหงา ต่างจากของจีจี้ เพราะเทียมฟ้ามีแต่เพื่อนกิน พอถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ไม่ค่อยมีใครมา จะมีก็แต่พวกของอัธวุฒิ เพราะเกรงใจขิง ขิงเข้ามาปลอบใจพ่ออีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบ 2 เดือนจากงานศพจีจี้ งานนี้ขิงก็เป็นแม่งานอีก อัธวุฒิจะเอาหมายจับมาจับแทนไทเพราะหลักฐานคดีของบ่อนที่อุ้มผางค่อนข้างจะเด่นชัด แต่ทับทิมขอไว้ เพราะคงจะไม่ดีแน่ถ้าจะมาจับคนในงานแบบนี้ อีกอย่างแทนไทก็มีศักดิ์เป้นพ่อตาของอัธวิทย์ด้วย จะทำอะไรก็ต้องไว้หน้าหน่อย

“อย่าพี่ หนูขอ เชื่อหนู มันไม่ดีแน่ ถ้าพี่จะมาจับเขาตอนนี้ ยังไงๆเขาก็หนีกรรมของเขาไม่พ้นหรอก รอไปอีกสักระยะก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เห็นไหม ลูกสาว ลูกชาย ต้องมาตายจากไปก่อนวัยอันควร แค่นี้เขาก็ทุกข์มากพอแล้ว นึกว่าทำเพื่อขิงนะพี่”

   อัธวุฒิ ยอมทำเพื่อเมีย ไม่จับแทนไท จึงเก็บหมายจับ แล้วเดินเข้างานแบบแขกคนหนึ่งเท่านั้น งานนี้กลับเป็นงานที่ขิงสบายจริงๆเพราะ นับคนได้ในศาลาได้ประมาณ 20 คนเท่านั้น อัธวิทย์ อัธวุฒิ ทับทิม แตงโม ปูน จ่ามิ่ง จ่าหมง หมอไตรทศ ม่านมุก ปริ๊นซ์อ้อม ต้องตา คฑา สน และคนใช้ในบ้านอีก 2-3 คน งานนี้ของขอจัดแค่ 3 วัน เพราะดูแล้ว คงไม่มีใครมา แทนไทก็ไม่ได้ว่าอะไรตามใจลูกสาว “ป๊าทำใจดีๆนะ ตอนนี้เราก็เผาแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยมาเก็บกระดูกนะ สน ขิงวานหน่อยนะ คฑาด้วย ช่วยพาป๊ากลับบ้านที เดี๋ยวขิงจะไปจัดแจงเรื่องค่าใช้จ่ายก่อน ฝากด้วย”

   แล้วขิงก็เดินจากไปพร้อมอัธวิทย์ หลังจากงานเผาศพของเทียมฟ้าจบลง วันรุ่งขึ้น คฑาก็ขอลาออกจากแทนไททันที

“นายครับ” แทนไทหันมาด้วยสีหน้าเศร้าซึม ขณะที่นั่งอยู่หน้าบ้าน

“ว่าไง มีอะไรกับฉันรึคฑา” คฑากล้าๆกลัวๆ แต่ก็ต้องกล้าไม่งั้นคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

“ผมมาขอลาออกจากงานครับนาย” แทนไทไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าสักวันมันก็มีวันนี้

“เอาซิ ตามสบายฉันเข้าใจ กาลเวลาผ่านไป อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป อะไรๆมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกคนก็มีหนทางและทางเดินของตัวเอง สำหรับเธอ อันที่จริงไม่ต้องทำงานรับใช้ฉันก็ได้ เพราะเธอมันก็แค่ลูกของคนเก่าแกของฉัน ทุกวันนี้ที่เธอยอมอยู่ เพื่อดูแลลูกๆให้กับฉัน ฉันก็ขอบขอบใจมากๆนะคฑา ตอนนี้พวกลูกๆฉันเค้าก็ไม่อยู่กันแล้ว เธออยากจะไปใช้ชีวิตตามทางของเธอก็ไปเถอะฉันไม่รั้งหรอกนะ และไม่ว่าด้วย ขอให้มีความสุขในชีวิตก็พอแล้ว” แทนไทกวักมือให้คฑาเข้ามาใกล้ๆ

   เอามือขวาวางบนหัวคฑาแล้วก็ให้พรเหมือนกับว่าคฑาเปรียบเสมือนลูกชายของเขาอีกคนหนึ่ง

“ขอให้เธอมีความสุข ทำมาหากิน ทำมาค้าขาย มีความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยๆนะ ไอ้ลูกชาย” คฑาพนมมือรับพร

   แล้วแทนไทก็ถอดสร้อยคอทองคำหนักเกือบ 5 บาทที่เขาใส่อยู่ วางให้บนมือคฑา แล้วก็บีบมือคฑา

“เก็บเอาไว้นะ ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันให้เธอในฐานะที่เธอทำงานกับฉันมานาน หนทางข้างหน้าจะเป็นยังไงเป็นเช่นใด ก็ขอให้ฝ่าฟันผ่านอุปสรรคไปให้ได้นะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี และใจจริงลึกๆแล้วเธอก็ไม่อยากมาทำงานแบบนี้หรอก ฉันผิดเองที่ลากเธอลงมาลงขุมนรกกับฉันแบบนี้” แล้วก็ลุกขึ้นเดิน

“ดูซิ ตอนนี้ฉันเหลือใครบ้างที่อยู่รอบกายฉัน ไม่มีเลยแม้แต่สักคนเดียว อีกไม่นานฉันก็คงจะไม่ได้ยืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้อีกแล้ว ฉันรู้ความผิดของฉันมันมากมายเหลือเกิน อะไรจะเกิด มันก็คงต้องปล่อยมัน” แทนไทยืนดูอาณาจักรของเขาก่อนที่มันจะล่มสลาย

   น้ำตาแห่งความอาลัย ของชายชราผู้หนึ่งซึ่งไหลออกมาเพราะพึ่งสำนึกถึงความผิดของตัวเอง หลังจากที่ได้สูญเสียลูกแท้ๆทั้งสองคนไปในเวลาที่ไล่เลี่ยกันไม่ถึงเดือน อาจจะเป็นเพราะเวรหรือกรรมก็ไม่รู้ที่ไม่ได้มาลงที่เขาโดยตรง จึงมาส่งผลทางอ้อมกับคนในครอบครัวแทน แทนไทไม่ได้ห้ามอะไรคฑา เพราะลูกๆก็ไม่เหลือสักคนแล้ว ไม่รู้ว่าจะสร้างยิ่งใหญ่ไปให้ใคร อีกอย่าง ตัวเองก็คงจะถูกออกหมายจับแน่ๆในไม่กี่วันนี้ เพราะหลักฐานที่บ่อนมันชัดเจนมาก บั้นปลายชีวิตคงต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกอย่างแน่นอน

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 48 .. “ ได้เสีย ”

 

ตอนที่ 47 .. “ น้ำตาแห่งความอาลัย ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.