STARCIN ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 11 ยัง (รีไรท์)

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 11 ยัง (รีไรท์)

8 กรกฎาคม พ.ศ.2575

“อืม…” เซนลืมตาตื่นด้วยสภาพงัวเงียมองไปรอบ ๆ เห็นคานะและเพื่อน ๆ จากทีมอื่นอีกหลายคน แต่ละคนสภาพสะบักสะบอมแขนขาหักผิดรูปบางคนก็เหลือเพียงแค่กายหยาบ

“เฮ้ !” เซนฝืนลุกจากเตียงเดินออกจากเต็นท์แต่ก็มีใครบางคนเดินสวนเข้ามาพอดี

“เซน” ฟรานทักทายด้วยยิ้มสบายใจที่เห็นเซนฟื้น

“คนอื่นเป็นยังไงบ้าง?” เซนถามถึงเพื่อน ๆ ก่อนเป็นอันดับแรกแววตาล่อกแล่กสับสนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

“กลับไปที่เตียงก่อนเถอะ” ฟรานประคองเซนมาที่เตียง เขากวาดสายตาคนรอบตัวอีกครั้งสิ่งเดียวที่เห็นคือความทุกข์ระทมจนอยากจะร้องไห้

“แซมกับนาริล่ะ?” สายตากลอกมองฟรานด้วยความหวังอันน้อยนิด

“พวกเธอ...ไม่รอด” ฟรานตอบกลับเสียงหรี่เบาราวกับไม่อยากให้ได้รู้ความจริง หลังจากบอกกล่าวเสร็จเธอไม่อยากรบกวนนานนักและไปดูคานะที่เตียงข้าง ๆ แทน

สภาพจิตใจของแต่ละคนย่ำแย่ถึงที่สุดเด็ก ๆ ที่เอาแต่เรียนหนังสืออย่างปกสิสุขกลับโดนเรียกมายังโลกแห่งนี้ แม้ตอนแรกจะปรับตัวกับการฝึกโหด ๆ ได้แต่เมื่อต้องมาเห็นเพื่อน ๆ ตายต่อหน้าความรู้สึกมันคนละโลกกันเลย ต่อให้เป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งแค่ไหนแต่เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มันก็ทำใจได้ยากยิ่ง

“อ้าวฟรานฉันหาตั้งนาน เขาเรียกแล้วรีบไปกันเถอะ” ซากิเดินเข้ามาเจอฟรานพอดีจึงจับข้อมือและลากตัวเธอไป

“มีอะไรให้ช่วยอีกไหมครับ?” ซึฮากิกล่าวทักทหารแพทย์หนุ่มที่คอยดูแลทุกคนตลอด

“ไม่มีแล้วจ้ะ เธอเองก็ไปพักผ่อนเยอะ ๆ เถอะ” นายทหารที่เคยดูแลซึฮากิพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขณะกำลังตรวจสภาพแผลของทหารฝึกหัดทั้งหลายอยู่

หลังจากเรียกรวมพลด้วยคนที่เหลือน้อยนิดแต่เลวาธานกลับยิ้มอย่างภาคภูมิใจเหมือนกับได้เห็นหมูที่เลี้ยงไว้พร้อมขาย

“ยินดีกับพวกแกด้วยที่ผ่านการทดสอบ”

“พวกเธอทั้งห้าคนคือผู้มีสิทธิผ่านไปขั้นต่อไป” เขาเดินไปรอบ ๆ กวาดสายตามองเหล่าทหารฝึกหัด

“พรุ่งนี้พวกนายต้องเดินทางไปเมืองหลวง เตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของให้พร้อม” หลังจากเลวาธานพูดจบก็แยกย้ายกันไปที่ห้องของตัวเองโดยมีผู้ที่ผ่านการทดสอบคือ ฟราน ซากิ ชาญ พีช และซันนี่

ฟรานนั่งพับเสื้อผ้าและของใช้ใส่กระเป๋าจู่ ๆ น้ำตาก็เอ่อล้นไหลหยดลงบนกองเสื้อผ้าของใช่เหล่านั้น

ทั้งหมดนี่คือการทดสอบเหรอ? แล้วแซมกับนาริล่ะ พวกเขาต้องมาตายเพราะเรื่องพรรค์นี้เนี่ยนะ มือทั้งสองขย้ำเสื้อผ้าตรงหน้าโดยไม่รู้ตัวอีกทั้งยังกัดฟันพูดไปด้วย หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเธอก็หยิบสร้อยข้อมือที่ใช้หินเวทที่เธอพยายามสะสมไว้ทำขึ้นมา

“กิจัง !” ฟรานเคาะประตูห้องของซึฮากิแววตาสับสนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงต่อเลื่อนมองตรงหน้า

“มีอะไร?” ประตูเปิดออกทำให้ซึฮากิสบตากับฟรานพอดี

“คิดซะว่าเป็นเครื่องรางแล้วกัน” ฟรานยื่นสร้อยข้อมือให้แถมยังจับแขนซ้ายซึฮากิผูกให้เสร็จสรรพ

“อืม...ขอบใจ” แม้ซึฮากิจะไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากนักแต่ฟรานกลับยิ้มกริ่มและรีบเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปทันที

9 กรกฎาคม พ.ศ.2575

ในช่วงเช้าตรู่พวกเธอตื่นมาเตรียมตัวและยืนเป็นระเบียบอยู่ที่จุดรวมพล ในขณะที่มีรถม้ามาจอดตรงหน้าสองคัน

“ไว้เจอกัน” เซน คานะที่ฟื้นตัวแล้วออกมาโบกมือลา

“พวกนายก็ตามมาเร็ว ๆ นะ” ฟรานตะโกนตอบกลับด้วยท่าทางดีใจพยายามสร้างแรงกระตุ้นให้เพื่อน ๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอีก

11 กรกฎาคม พ.ศ.2575

นานวันผ่านไปเมื่อร่างกายของทุกคนพร้อมอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาทั้งหมดถูกจัดเป็นทีมเดียวกันหมดและถูกฝึกโดยเลวาธานเป็นหัวหน้า วิธีฝึกจะให้ทหารแต่ละนายคิดขึ้นเอง อาจจะเป็นการดวลกัน ไปดันเจี้ยนที่ใหม่หรือแบบอื่น ๆ

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่เคยอยู่ทีมเดียวกับชาญถูกเตะอัดเข้าที่ท้องเพราะดวลกับทหารฝึกแล้วแพ้ ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นแต่ไม่ว่าใครที่แพ้หรือทำตามคำสั่งไม่ได้ก็จะถูกซ้อมจนเลือดตกยางออก

วันถัดมาก็จะฝึกแบบเดิมเมื่อทำไม่สำเร็จก็จะถูกซ้อมอีกเป็นแบบนี้อย่างต่อเนื่องหลายอาทิตย์จนร่างกายของทหารฝึกหัดมีแต่รอยช้ำและแผลอักเสบจำนวนมาก

22 กรกฎาคม พ.ศ.2575

“ว่าไงคุณซึฮากิ” นัตโตะยิ้มเยาะกล่าวทักทาย

“มีอะไรล่ะถั่วเน่า” ซึฮากิตอบกลับแต่ทำเป็นไม่สนใจนัก

“ฉันอยากคุยด้วยสักหน่อย” นัตโตะเดินตีคู่มากับซึฮากิแม้เขาจะทำเป็นหูทวนลมแต่สุดท้ายก็ได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งพร้อมกับการที่นัตโตะยื่นของบางอย่างให้ซึฮากิ จากแววตาหยิ่งยโสค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความเหน็ดเหนื่อยที่รอคอยความหวังเล็ก ๆ อยู่

23 กรกฎาคม พ.ศ.2575

เลเวลสามแล้วสินะ ในขณะที่คนอื่น ๆ หลับใหลอยู่ซึฮากินอนดูสเตตัสของตัวเอง เลเวลของเขาขึ้นมาเป็นสามทั้งพลังเวท มานาและพลังทางกายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับตอนที่มาที่นี่ครั้งแรก

เดอะบอดี้ เป็นเวทมนตร์ประเภทเสริมกำลังหรือเปล่านะ แม้ตอนแรกเขาจะไม่ได้สังเกตแต่ก็มีเวทมนตร์แปลก ๆ โผล่ออกมา

เมื่อฟ้าสางในตอนที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วเขาก็ได้ตั้งสติเพื่อใช้เวทมนตร์

[เดอะบอดี้]

ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแสดงว่าเป็นเวทมนตร์ติดตัวที่ไม่ต้องเรียกใช้ ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้แต่ปิดเรื่องเงียบก่อนไว้ดีกว่า

เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องก็เห็นเซนและคานะยืนคุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด

“ไม่เอาแล้ว ฉันขอหายไปเลยยังจะดีกว่า” คานะพูดเสียงแผ่ว ๆ ทั้งน้ำตา เซนที่ได้ยินทำได้แค่กอดให้ความอบอุ่นเพราะตัวเขาเองก็มีความคิดนั้นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเช่นกัน

“จะหนีไหมล่ะ?” ซึฮากิเร่งฝีเท้าเดินตามไปจนทันและพูดสิ่งที่ทำให้พวกเขายิ้มแห้ง ๆ

“ถ้าอยากจริง ๆ ฉันจะบอกแผนให้ฟัง”

“พวกเราอยากหนี” คานะพยักหน้าตามเซน

“งั้นคืนนี้เตรียมตัวไว้ เมื่อฉันเคาะผนังห้องสามครั้งให้คานะเปิดหน้าต่างออกมาได้เลย”

เวลาตีหนึ่งขณะที่ทุกอย่างกำลังเงียบสงบมีเพียงคานะและเซนที่คอยฟังสัญญาณของซึฮากิอยู่

โชคดีที่พวกเราไม่เคยมีการหลบหนีทำให้พวกทหารยามมีเพียงแค่สองคน ด้วยเวทมนตร์ที่มีเราสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่าคนอื่นและสามารถลดทัศนวิสัยของคนอื่นได้อีกด้วย

ซึฮากิแอบปีนหน้าต่างออกมาข้างนอกโดยมียามเฝ้าด้านหน้าค่ายและด้านหลังค่าย เขาร่ายเวทมนตร์ใส่ทหารยามที่เฝ้าหลังค่ายเพื่อเพื่อน ๆ ปีนหน้าต่างออกมาได้ง่ายขึ้น เมื่อเคาะผนังส่งสัญญาณเรียบร้อยพวกเขาก็ย่องไปหาทหารยามที่ด้านหน้าอีกคน

“เฮ้อ ง่วงชะมัดเลย…” ซึฮากิใช้หินทุบไปหัวของเขาครั้งเดียวหมดสติทันที

“ไปเอาม้าที่คอกแล้วไปที่เมืองนั่น” ซึฮากิชี้เส้นทางที่จะไปเอาม้าแล้วเดินนำไปอย่างใจเย็น

“จะไปไหนกัน?” เมื่อเดินไปถึงคอกม้าก็เห็นนาธาที่ยืนดักรออยู่แล้ว พวกเซนและคานะต่างก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น

“ผมไม่อยากทำร้ายคุณเท่าไร” ซึฮากิชักมีดออกมาตั้งท่าเตรียม

นาธายิ้มในหน้าเดินเข้ามาหาซึฮากิแต่ไม่มีท่าทีที่จะสู้ด้วยซ้ำ

“ไปเถอะ” นาธาเดินผ่านพวกเขาไปและยังโบกมือให้ก่อนจะหายไปจากสายตา

ซึฮากิไม่รอช้ารีบจูงม้าออกมาสองตัวโดยให้เซนและคานะขี่ไปด้วยกัน พวกเขาสามารถหนีออกมาจากค่ายได้ถึงแม้การขี่ม้าของเซนจะทุลักทุเลจนคานะต้องมาขี่แทน

“อะอ้าว ! นาธาออกมาทำอะไรดึกดื่นแบบนี้” นาธาที่กำลังดูลาดเลาให้พวกซึฮากิได้เจอเข้ากับเลวาธานยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่

“ไม่ใช่เรื่องของแก” นาธาเลี่ยงที่จะสบตาเดินผ่านเลวาธานไป

“เดี๋ยวก่อน” เลวาธานคว้าแขนนาธาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงพวกเซนก็เดินทางถึงเมืองแล้ว โชคดีที่เมืองไม่มีกำแพงหรือประตูสำหรับตรวจคนทำให้พวกเขาสามารถแฝงตัวเข้าไปได้ง่ายยิ่งกับชุดทหารมันทำให้ชาวเมืองไม่กล้ายุ่งหรือสงสัยเลยสักนิด

“กิ...เราจะไปไหนต่อล่ะ” เซนถามพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง

“ถ้าจะหนีให้ได้ก็ต้องหนีออกนอกประเทศหรืออย่างน้อยก็ต้องไปให้ไกลที่สุด” ซึฮากิเดินไปเรื่อย ๆ แม้จะดึกแล้วก็ตามแต่ก็มีผู้คนบางส่วนเดินไปมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักผจญภัย

“เฮ้พวก ! จะไปไหนมิทราบ” ซึฮากิตกใจหันไปหาที่มาของเสียงได้เห็นเลวาธานและนายทหารอีกหนึ่งคนมิหนำซ้ำทหารนายนั่นยังลากอะไรบางอย่างมาด้วย

“ทักทายเพื่อนเก่าแกสักหน่อยไหมล่ะ นาธา” สิ่งที่ถูกลากมาด้วยก็คือนาธาในสภาพเลือดท่วมไร้สติเลือดที่ไหลตามทางที่ลากมาสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวเมืองไม่น้อยจนเกิดความวุ่นวาย

“รีบหนีเร็ว” ซึฮากิตั้งสติออกตัววิ่งก่อนใคร

กำแพงยักษ์ผุดขึ้นล้อมรอบพวกเขาไว้ก่อนที่จะหนีได้ทัน เหลือเพียงแค่ซึฮากิ เซน คานะและเลวาธานที่อยู่ภายในนี้

“เด็กสมัยนี้ดื้อกันจริง ๆ ต้องสั่งสอนให้เข็ด” เลวาธานพุ่งเข้าเล็งชกไปที่เซนทันทีโชคดีที่เขายกดาบขึ้นกันได้ทันแต่ก็ถูกแรงหมัดกระแทกไปติดกำแพง

“เซนลุกเร็ว !” ซึฮากิยิงเวทวายุใส่ด้วยดาบของเขาแต่เลวาธานก็ใช้กำปั้นที่มีถุงมือเหล็กผลักลูกกระสุนที่มองไม่เห็นกระเด็นออกไปได้อย่างง่ายดาย

เลวาธานวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วปล่อยหมัดขวาเข้าใส่ซึฮากิแต่ก็ยกโล่ขึ้นกันได้ทัน ขณะที่ซึฮากิกำลังจะสวนกลับเลวาธานก็ปล่อยหมัดซ้ายเสยขึ้นอีกครั้งทำให้ซึฮากิต้องกระโดดถอยออกมาเสียก่อน จังหวะนั้นคานะก็ยิงลูกธนูพร้อมกับร่ายเวทให้กับมันพุ่งตรงเข้าไปที่หัวของเลวาธาน

[เสริมกำลังระดับห้า]” ลูกธนูที่รวดเร็วและแม่นยำถูกแรงกระแทกจากมานาของเขากระเด็นออกไป แรงกดดันของพลังที่ต่างกันทำให้คานะเริ่มสั่นกลัวแต่ในขณะเดียวกันเซนก็พุ่งเข้าโจมตีด้วยดาบฟันเฉียงจากทางขวา เลวาธานใช้มือของเขาคว้าและจับดาบของเซนไว้ได้แม้เซนจะออกแรงดึงกลับแค่ไหนก็ไม่ได้ผล

ซึฮากิวิ่งเข้ามาทางตรงข้ามเหวี่ยงดาบเล็งไปที่ท้องอย่างรวดเร็วแต่เลวาธานก็หันมาเห็นพอดีจึงคว้าจับดาบไว้ได้ทัน

ช่วงเวลาที่มือทั้งสองข้างของเลวาธานไม่ว่างซึฮากิก็ใช้โล่กระแทกเข้าที่หัวสร้างแรงสั่นสะเทือนจนโล่แตกในทันทีแต่ก็ทำให้เลวาธานได้แผลเสียที

“ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย” เลวาธานสะบัดดาบทั้งสองที่จับไว้จนพวกเซนและซึฮากิกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง คานะพยายามดึงสติกลับมาได้ยิงศรเวทมนตร์ใส่เลวาธานอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะถูกปัดออกจนหมดแต่มันก็ช่วยซื้อเวลาให้กับซึฮากิและเซนได้

แค่ยื้อเวลาให้เสริมกำลังหมดก่อนก็พอ ซึฮากิชักมีดสั้นที่พกไว้ออกมาใช้เวทมนตร์ที่สร้างหมอกดำมืดปกคลุมภายในกำแพงจนหมด เขาเป็นคนเดียวที่เดินไปไหนมาไหนได้อิสระเพราะเวทมนตร์วิสัยทัศน์

“เล่นของยากอีกละ” เลวาธานกระตุกยิ้มใหญ่แม้ซึฮากิจะพยายามลอบเข้ามาฟันด้วยมีดสั้นหลายรอบแต่ก็โดนเวทเสริมกำลังป้องกันไว้ได้หมด

[ฝนดินกรวด]” กลุ่มก้อนหินเล็กแหลมมากมายพุ่งลงมาจากฟากฟ้ากินพื้นที่ภายในกำแพงทั้งหมดจนไม่อาจหาที่หลบได้

ภายในหมอกดำมืดพวกเขาร่ายเวทโล่มานาป้องกันได้ทันเพราะได้ยินเสียงเลวาธานร่ายเวทมนตร์ก่อน

จากนั้นเลวาธานก็เหวี่ยงแขนสุดแรงอัดที่พื้นตรงหน้าแรงกระแทกของหมัดนั่นทำให้หมอกบริเวณใกล้เคียงกระจายออกไป

“จะมามอบตัวหรือให้ฉันไปหาเอง !” เขาตะโกนไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้มเยาะสุขใจที่เหมือนกับกำลังสนุกกับการไล่ล่าพวกเซน

คานะแอบเดินย่องไปอีกทางแต่ก็ดันไปเหยียบเศษก้อนหินทำให้เลวาธานได้ยิน เขาพุ่งเข้าใส่ชกไปที่ต้นทางของเสียงทันที เพียงชั่วพริบตาที่คานะรู้สึกตัวก็ถูกหมัดของเลวาธานอัดเข้าที่หน้ากระแทกตัวเธอลอยปลิวไปติดกับกำแพง

เสียงอะไร? เซนได้ยินเสียงดังโครมครามใกล้ ๆ จึงรีบวิ่งไปหาต้นตอของเสียง หมอกรอบ ๆ เริ่มจางลงเห็นคานะนอนหมดสติอยู่ด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก เซนโกรธจนเส้นเลือดปูดกัดฟันแน่นและวิ่งเข้าใส่เลวาธานด้วยมีดสั้นเล่มเดียวที่เหลือ

“ยอมออกมาเองแบบนี้น่ารักจริง ๆ” เลวาธานปัดมีดของเซนด้วยหลังมือก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดขวาใส่หน้าของเซนทันที ถึงเขาจะยกแขนป้องกันหน้าได้ทันแต่มันก็ไม่อาจลดแรงกระแทกอันหนักแน่นที่ส่งตัวเขากระเด็นออกไปหลายเมตร

“ยังไม่ทันได้สนุกสักเท่าไรเลย” สีหน้าของเขาห่อเหี่ยวลงไปพร้อมกับออร่ามานาที่ค่อย ๆ จางหาย ซึฮากิที่คอยดูอยู่อีกทางกำลังย่องเข้ามาโดยไม่ให้เขารู้ตัว

ต้องลองใช้มันแล้ว ซึฮากิสบตากับเซนแล้วชี้คานะที่นอนอยู่

เซนตั้งหลักยืนขึ้นอีกครั้งจากนั้นรีบวิ่งไปหาคานะทันทีก่อนที่ซึฮากิจะร่ายเวทวายุของเขา สร้างพายุขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของพื้นที่ภายในกำแพง เพียงได้สัมผัสเสี้ยวเล็ก ๆ ของพายุนั่นมันก็ทำให้เลวาธานเลือดตกยางออกแต่เขาก็ไหวตัวทันกระโดดถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เซนอุ้มคานะและกลับมารวมตัวกันขณะที่ซึฮากิพยายามบังคับเวทพายุนั่นให้พัดตามเลวาธานแต่ก็ช้าเกินไปทำได้เพียงสร้างระยะห่าง

เมื่อเป็นเช่นนั้นเซนจึงวิ่งไปดักอีกทางและร่ายเวทลูกบอลเพลิงยิงใส่เลวาธานอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว

“ยุ่งยากจริง ๆ [หมัดตรง]” เลวาธานร่ายเวทไปที่ถุงมือทั้งสองข้างออกหมัดแลกกับลูกบอลเพลิงหน้าตาเฉย ไม่มีลูกบอลเพลิงลูกไหนที่ผ่านหมัดของเขาไปได้และยังวิ่งตรงเข้ามาหาเซนอีกด้วย

“เอาไป !” ซึฮากิยกเลิกเวทพายุและวิ่งโยนดาบยาวให้เซน เขารับดาบได้พอดียกขึ้นตรงหน้าตั้งท่าเตรียมพร้อมและร่ายเวทเพลิงเคลือบดาบเป็นสีแดงและวิ่งเข้าใส่เลวาธานทันที

“อยากลองเหรอ?” เลวาธานง้างแขนเตรียมปล่อยหมัดขวาเต็มที่สบตากับเซนขณะที่เขาง้างดาบขึ้นเตรียมฟันเช่นกัน

หมัดของเลวาธานเข้าปะทะกับคมดาบของเซน เสียงและแรงกดดันที่แผ่ออกมาทำให้คานะรู้สึกตัวอีกครั้งและรีบคว้าเอาธนูออกมาและยิงใส่เลวาธานปักเข้าที่ขาและลำตัวสร้างบาดแผลได้จำนวนมาก

ส่วนซึฮากิก็วิ่งเข้าใส่จากด้านหลังเลวาธานใช้มีดฟันเข้าไปที่กลางหลัง เซนใช้จังหวะที่เลวาธานเสียหลักฟันเฉือนตั้งแต่หัวไหล่ไปยันหน้าท้องแต่ดาบของเซนก็โดนกันไว้ได้โดยหลังมือของเลวาธานก่อนจะสะบัดดาบกระเด็นไปพร้อมกับตัวเซน จากนั้นก็หันไปหาซึฮากิคว้าแขนไว้ได้ก่อนที่เขาจะหนีได้ทัน

เลวาธานจับแขนของซึฮากิไว้แน่นก่อนจะตีเข่ากระแทกแขนหักบิดไปอีกฝั่ง คานะกรีดร้องที่เห็นเพื่อน ๆ เจ็บตัวกระหน่ำยิงศรเวทมนตร์ใส่ไม่ยั้งแต่เลวาธานกลับเอาตัวซึฮากิมาบังแทนทำให้เขาโดนศรเวทมนตร์ทะลวงร่างกายหลายจุดโชคดีที่ไม่โดนจุดอันตราย

ไม่นะ คานะหน้าเสียเมื่อเห็นศรเวทมนตร์ของเธอโดนหลายขุดซึฮากิจนแน่นิ่งไปก่อนที่เลวาธานจะโยนเขาทิ้งลงพื้น

เราต้องทำได้สิ เล็งที่หัวให้โดน คานะตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งขณะจับคันธนูและยิงมันออกไป ศรเวทมนตร์ที่เกิดจากมานาเปลี่ยนเป็นสายน้ำไหลวนรอบ ๆ พร้อมด้วยอสรพิษสีฟ้าครามที่แหวกว่ายไปมาพุ่งตรงเข้าไปหาเลวาธาน

[แข็งกล้า]” เลวาธานยืนอยู่กับที่และตั้งการ์ดพร้อมรับลูกศรเวทมนตร์ของคานะ เมื่อศรเวทมนตร์เข้าปะทะกับเกราะมานาที่เคลือบร่างเลวาธานไว้มันก็สลายหายไปแต่ก็ส่งแรงกระแทกผลักร่างหนา ๆ ของเขาล้มลงไปได้ ขณะเดียวกันเซนก็เหวี่ยงดาบหวังเล็งที่คอของเลวาธานแต่เขาก็เห็นเสียก่อนจึงเลี่ยงจุดตายได้ทัน

“ทำได้ดี” เลวาธานยิ้มวางมาดทั้ง ๆ ร่างกายเต็มไปด้วยแผลก่อนจะลุกขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เรามาสนุกกันต่อเถอะ !” เลวาธานหันไปสะบัดหลังมือกระแทกเข้ากับดาบของเซนจนเสียหลักและต่อยเข้าที่หน้าของเซนทันทีจนกระเด็นลงไปนอนกับพื้น ทำให้ดาบที่ถืออยู่กระเด็นหลุดมือไปด้วย

ขณะที่เซนคลานไปหยิบดาบคานะก็ยังยิงธนูใส่เลวาธานอยู่เรื่อย ๆ แต่เขาก็หันมาปัดออกได้สบาย ๆ เมื่อเดินตามเซนทันเขาก็จับคอเสื้อและยกตัวเซนลอยขึ้น

[หมัดเสย]” เลวาธานง้างหมัดไปข้างลำตัวพร้อมกับบิดเอวเล็กน้อยในขณะที่เซนพยายามดิ้นสุดกำลัง

คานะตัดสินใจขว้างคันธนูทิ้งเพราะมานาและลูกธนูหมดจากนั้นก็วิ่งเข้ามาระยะประชิดถือมีดสั้นหวังแทงจากด้านหลัง

หมัดอันแสนหนักอึ้งต่อยเข้าที่ท้องอย่างจังจนเซนนอนกุมดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน

คานะใช้มีดสั้นแทงเข้าที่แผ่นหลังหนา ๆ โดยไม่ได้ใช้เวทมนตร์ช่วยทำให้มันสร้างบาดแผลให้เลวาธานได้ตื้นเกินไป

เลวาธานก็หันมากระชากผมของเธอดึงขึ้นสูงและใช้หมัดเสยต่อยไปที่ท้องเหมือนกับเซน คานะล้มลงไปดิ้นทรมานจะเป็นจะตายแต่ไม่ทันไรเลวาธานก็เตะอัดเข้าไปที่หน้าของเธอต่อจนกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร แล้วจึงหันมากระทืบเซนไม่ว่าจะท้อง หน้า หลัง หัว แขนขาจนเซนนอนนิ่งไป

เลวาธานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองสภาพอันน่าสมเพชของพวกเซนด้วยสายตาที่หยิ่งผยองราวกับกำลังด่าว่าพวกแกมันก็แค่ขยะที่จะทิ้งเมื่อไรก็ได้

“เดี๋ยว !” เลวาธานเดินตรงดิ่งไปหาคานะต่อแต่เซนก็จับขาของเขาไว้แน่นแม้เลวาธานจะถีบหรือเตะไปไม่รู้กี่ครั้งเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ เมื่อเลวาธานรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกคานะแทงเข้าที่ท้องด้วยมีดสั้นของเธอซ้ำเข้าที่แผลเดิม

“นังนี่ !” เขาเลวาธานตบเข้าที่บ้องหูของคานะจนเธอหมดสติทันที เซนที่เห็นแบบนั้นใช้แรงเฮือกสุดท้ายกัดเข้าไปที่ขาของเลวาธานพร้อมกับเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาอันดุดันราวกับอยากจะฆ่าให้ตายสักร้อยรอบ

“แกนั่นแหละไปตายซะ !” เลวาธานกระทืบขาลงไปที่หน้าของเซนซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนหมดสติไปอีกคน

ทุกอย่างมันช่างเงียบสงบได้ยินแต่เสียงซุบซิบของผู้คนและเสียงของรถม้าที่เคลื่อนผ่านไปมา เลวาธานคลายเวทกำแพงออกเผยให้เห็นฝูงชนมากมายที่กำลังมุงอยู่รอบ ๆ กำแพง แต่เขาก็หาสนใจไม่

ฉันทำอะไรอยู่? ร่างกายมันไม่ยอมขยับเลย คานะตื่นขึ้นมาอีกครั้งขณะที่เลวาธานกำลังขนย้ายพวกเขา นอนมองเซนที่ถูกลากไปทั้งน้ำตากัดฟันเจ็บใจที่ทำได้แค่มองดู

ใครก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง ฉันไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกแล้ว คานะได้แต่ภาวนาอยู่ในใจแม้จะขยับแขนได้นิดหน่อยช่วยให้คลานไปหาได้

ภาพของแซมและนาริผุดขึ้นมาในหัวทำให้เธอน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวพยายามส่งเสียงที่แผ่วเบาเรียกขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้างแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามา ทำได้แค่มองดูพวกเธอด้วยสายตาที่เศร้าสร้อยเห็นใจแต่ก็คิดได้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

“เฮ้ย ! จะไปไหน?” คานะลุกขึ้นด้วยแรงอันอ่อนระทวยตะโกนใส่เลวาธานจ้องมองด้วยความเคียดแค้นโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหยิบคันธนูขึ้นมา

“เด็ก ๆ สมัยนี้มันก็อึดกันใช่เล่นเลยนะ” เลวาธานยิ้มและขำแห้งโยนเซนลงพื้นทำเหมือนสิ่งของก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัยเดินตรงเข้ามาหาคานะ

ขณะเดียวกันเลวาธานก็หันไปเห็นซึฮากิรู้สึกตัวตื่นพยายามลุกขึ้นช้า ๆ

ไม่ว่าเขาจะต้องการสิ่งใดก็ตาม ฉันขอมอบให้ ชายหนุ่มปรากฏขึ้นต่อหน้าเหมือนเป็นภาพลวงตายิ้มตอบรับคำสัญญาของคานะ

เธอง้างคันธนูที่ใช้มานาจำนวนมากเกินกว่าที่เธอมียิงศรเวทมนตร์ขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงขึ้นเหนือเมืองแห่งนั้น

เพียงไม่กี่วินาทีท้องฟ้าโปร่งก็เต็มไปด้วยเมฆฝนที่มีเสียงฟ้าแลบอยู่เป็นระยะ ๆ และก่อนที่เลวาธานจะเข้าถึงตัวคานะก็มีฟ้าผ่าลงมาโดนเลวาธานเต็ม ๆ เสียงที่เกิดขึ้นดังไปจนถึงค่าย เขายืนชักกระตุกอยู่พักหนึ่งลูกตากลอกไปมา แรงที่จะยืนก็แทบจะหายไปหมด ขณะเดียวกันซึฮากิก็ชี้มีดสั้นไปที่เลวาธานด้วยมือซ้ายที่เหลืออยู่

ลาล่ะเลวาธาน เขาร่ายเวทกระสุนวายุด้วยมานาอันน้อยนิดที่เหลือยิงออกไปสองนัดติดเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้างของเลวาธาน เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงโหยหวนร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วบริเวณนั้นท่ามกลางสายตาชาวเมืองที่กำลังตกตะลึง

“เซน !” ซึฮากิวิ่งไปหาเซนและใช้เวทรักษาพอที่จะกลับมายืนได้เองขณะเดียวกับที่คานะล้มฟุบลงพื้น

“นายอุ้มคานะมาด้วยเร็ว !” เซนที่เห็นแขนของซึฮากิใช้การไม่ได้จึงรีบวิ่งไปอุ้มคานะก่อนที่พวกเขาจะพากันวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปโดยที่มีทหารอีกคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและไล่ตามพวกเขาทันที

“เข้าไปหลบในนั้น” พวกเขาวิ่งผ่านตรอกซอกซอยมาจนเห็นรถม้าอยู่คันหนึ่ง ซึฮากิช่วยเซนยกคานะเข้าไปในรถม้าที่มีผ้าคลุมทึบและปิดผ้านั่นไว้จนได้ยินเสียงวิ่งของนายทหารผ่านไป

เซนถอนหายใจและยิ้มหน้าเจื่อนเหมือนกำลังสงสัยว่าเรารอดจริง ๆ ใช่ไหม ไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไปเพราะผ้าที่อยู่ในรถม้าที่พวกเขานอนทับอยู่มันนุ่มมาก ๆ

ซึฮากิเองก็ปลดปล่อยร่างกายนอนอย่างสบายใจทั้งที่พวกเขาอาจจะถูกจับได้ แต่ถึงจะอยากหนีต่อร่างกายก็ไม่ขยับไปเสียแล้ว

24 กรกฎาคม พ.ศ.2575

เสียงเกือกม้าที่เดินไปอย่างช้า ๆ ทำให้ซึฮากิตื่นและเมื่อเปิดผ้าคลุมรถออกไปเพียงนิดเดียวก็รู้สึกแสบตา

ดูจากพระอาทิตย์ก็คงจะประมาณเที่ยงแล้ว ซึฮากิปิดผ้าให้สนิทอีกครั้งและหันมาดูพวกเซนและคานะนอนกันอย่างสบายใจได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของพวกเขาทำเอาซึฮากิเกือบยิ้มตามออกมาบ้าง

ต่อจากนี้เราจะพยายามคิดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ครั้งสุดท้ายที่เราได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวมันเมื่อไรก็ไม่รู้ แววตาแห่งความหวังเลื่อนมองใบหน้าของเพื่อน ๆ ทั้งสอง

เราจะรักษามันไว้ให้ได้ เพื่อนที่เชื่อใจได้ดั่งครอบครัว เพื่อนที่พากันรอดตายมาด้วยกัน

“ฉันจะหาบ้านที่...สามารถอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจให้ได้...” เสียงอันริบหรี่เบาลงจนเงียบไปพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนแห่งความหวังครั้งใหม่

 

จบภาคปฐมบท STARCIN

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ Solar Shine

วันที่ 14 เจอกัน ตอนต่อ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.