บทที่ 48: ประชุมสองฝ่าย

-A A +A

บทที่ 48: ประชุมสองฝ่าย

..."เอาล่ะ... ในเมื่อทุกคนเห็นตรงกันแล้ว... มาเริ่มวางแผนกันเถอะว่า... เราจะ 'เยียวยา' บาดแผลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ได้อย่างไร"
คำพูดของลีน่าในตอนท้ายของค่ำคืนที่ผ่านมา... ได้กลายเป็นคำถามที่หนักอึ้งที่สุดในรุ่งเช้าของวันต่อมา...
ห้องประชุมของรถแรคคูนที่เคยดูทันสมัย บัดนี้กลับดูคับแคบและอึดอัดเมื่อต้องรองรับ "สภาสงคราม" ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์... ตัวแทนจากสองโลกนั่งล้อมวงอยู่หน้าจอโฮโลแกรม... ไม่ใช่ในฐานะผู้รอดชีวิต... แต่ในฐานะ "ผู้เยียวยา"
"ก่อนที่เราจะพูดถึง 'วิธี' การรักษา" ลีน่ากล่าวเปิดประเด็น "ดิฉันต้องการให้เราทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนว่า 'ผู้ป่วย' ของเราคืออะไรกันแน่... 'เสียงกระซิบ'... มันไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์... แต่มันคืออะไร"
ทุกคนหันไปมองโอไรออนและไลราโดยอัตโนมัติ
โอไรออนหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิ "มันไม่ใช่ 'เสียง' เดียวครับ" เขาเริ่มต้นอธิบาย "มันคือ... คลื่นความถี่ทางจิตที่ซ้อนทับกันเป็นล้านๆ ชั้น... เหมือนกับเสียงของคนที่กำลังกรีดร้องอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่พร้อมๆ กัน... แต่ละเสียงเต็มไปด้วย 'ข้อมูล' ที่แตกสลาย... ความทรงจำสุดท้าย... อารมณ์สุดท้าย... ความกลัว... ความโกรธ... ความสับสน... มันคือ 'ข้อมูลผี' (Ghost Data) ที่กำลังเล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ"
"มันคือ 'เสียงสะท้อน' ของมหาวิบัติครั้งนั้น" ไลราเสริมอย่างแผ่วเบา "พวกเขาไม่รู้ตัวว่าตายไปแล้ว... พวกเขาแค่... 'ติดอยู่'... ติดอยู่ในวินาทีที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต... และกำลังร้องขอความช่วยเหลือ"
ครามพยักหน้าช้าๆ "คนของข้าเรียกมันว่า 'ลมหายใจแห่งความโศกเศร้า'" เขากล่าวผ่านลินดา "มันคือความทรงจำของโลก... ก่อนที่มันจะแตกสลาย"
"ถ้าอย่างนั้น 'ผู้ป่วย' ของเราก็คือ 'ความทรงจำ' ที่เป็นพิษ" ศิลาสรุป "แล้วเราจะ 'รักษา' ความทรงจำได้อย่างไร"
"นั่นคือคำถามต่อไป" ลีน่ากล่าว เธอหันไปทางคราม "ท่านคราม... ในฐานะผู้ที่อยู่กับบาดแผลนี้มาทั้งชีวิต... ท่านพอจะบอกได้ไหมว่าเราควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน"
ครามไม่ได้ตอบในทันที เขาหลับตานิ่ง... ราวกับกำลัง "ฟัง" แผนที่ที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่ในความทรงจำของเขา "บาดแผลของโลก... ไม่ได้เจ็บปวดเท่ากันทุกที่" เขาเริ่มต้นเล่า "มันมี 'ใจกลาง' ของมันอยู่... เหมือนกับบาดแผลบนร่างกายที่ต้องมีจุดที่เลือดออกมากที่สุด... บรรพบุรุษของเราเรียกมันว่า 'จุดชีพจรแห่งผืนดิน'"
"น่าสนใจมาก!" เอลาราอุทานขึ้น "แล้ว 'จุด' เหล่านี้มันอยู่ที่ไหนบ้างคะ"
"มันกระจายอยู่ทั่วทุกดินแดน" ครามตอบ "ดินแดนทางตะวันออก... ที่ซึ่งบรรพบุรุษของเราเรียกว่า 'ทุ่งหญ้าแห่งน้ำตานอง'... 'เสียงกระซิบ' ที่นั่นไม่ได้เกรี้ยวกราด... แต่มันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและการสูญเสีย... ส่วนดินแดนทางใต้ที่ร้อนระอุ... 'ดินแดนสุริยันพิโรธ'... เสียงที่นั่นไม่ใช่ความเศร้า... แต่คือ ความโกรธแค้น... และบ้านของเรา... 'วงกตแห่งเสียงสะท้อน'... เสียงที่นี่เต็มไปด้วยความสับสน"
...มันคือเสียงของโซลานาและมาคีที่ยังคงถกเถียงกันไม่จบสิ้น...
ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวที่ครามได้เปิดเผยออกมานั้น... ได้สร้างแผนที่โลกใบใหม่ขึ้นมาในหัวของทุกคน มันไม่ใช่แค่ดาวเคราะห์... แต่คือร่างกายของผู้ป่วยขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยบาดแผล... และพวกเขาคือศัลยแพทย์กลุ่มเดียวในจักรวาลที่รู้ว่าจะต้องรักษาที่ไหน
"ถ้าอย่างนั้น... เป้าหมายของเราก็ชัดเจน" ลีน่ากล่าวขึ้น เธอซูมภาพโฮโลแกรมเข้าไปใน "วงกตแห่งเสียงสะท้อน"... ทวีปที่พวกเขาอยู่ "เราต้องเริ่มต้นจากที่นี่... หาทางเยียวยาบาดแผลในบ้านของเราเองก่อนเป็นอันดับแรก"
"เราสามารถใช้รถแรคคูนเป็นฐานที่มั่นเคลื่อนที่!" ศิลาพูดเสริมอย่างกระตือรือร้น "เดินทางไปยัง 'จุดชีพจร' แต่ละจุด... ใช้เซ็นเซอร์ของเราวิเคราะห์ 'ลักษณะ' ของบาดแผลทางจิตในแต่ละที่... แล้วปรับแก้คลื่นความถี่จากเครื่องปล่อยโซนิกเพื่อทำการ 'รักษา' เฉพาะจุด! มันเป็นไปได้! มันเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!"
บรรยากาศในห้องประชุมเต็มไปด้วยความหวังเป็นครั้งแรก... พวกเขามีเป้าหมาย... พวกเขามีแผนการ... และพวกเขาก็มีทีมที่หลอมรวมสองโลกเข้าด้วยกัน...
แต่แล้ว... ความหวังนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจที่หนักอึ้งของเอลารา
เธอยืนขึ้นและเดินไปที่จอโฮโลแกรม... ปัดภาพแผนที่โลกที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทิ้งไป... และดึงภาพรายงานความเสียหายของรถแรคคูนขึ้นมาแทนที่
"แผนการทั้งหมดนี้มันก็ดีอยู่หรอกค่ะท่านผู้บัญชาการ..." เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่หนักแน่น "...แต่เราจะไปที่นั่นได้ยังไง... ในเมื่อเราไม่มีแม้แต่ยานพาหนะที่จะพาเราไปถึงแม่น้ำสายต่อไปด้วยซ้ำ"
กราฟแท่งสีแดงฉานปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอ... มันคือรายการความเสียหายที่ยาวเป็นหางว่าว
"ระบบขับเคลื่อนฝั่งซ้ายเสียหายหนัก... ดิฉันพอจะซ่อมให้มันเคลื่อนที่ได้... แต่เราจะเดินทางได้ด้วยความเร็วไม่เกินสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงบนพื้นราบเท่านั้น... และไม่มีทางข้ามพื้นที่ภูเขาได้เลย"
เธอชี้ไปยังอีกส่วนหนึ่ง "เตาปฏิกรณ์เย็นทำงานไม่เสถียร... มันจ่ายพลังงานได้แค่ 60% ของระดับปกติ... นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถใช้ระบบป้องกันตัวเองและเครื่องมือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์หนักๆ พร้อมกันได้"
"และที่เลวร้ายที่สุด..." เธอกล่าวพลางซูมเข้าไปที่ภาพของชิ้นส่วนที่แตกละเอียด "...เครื่องสร้างวัสดุ (Fabricator)... หัวพิมพ์ควอนตัมของมันร้าว... เราไม่สามารถสร้างชิ้นส่วนอะไหล่ที่ซับซ้อนขึ้นมาใหม่ได้อีกต่อไป... เราทำได้แค่ปะผุ... ด้วยสิ่งที่เรามีเหลืออยู่เท่านั้น"
เธอปิดหน้าจอรายงานลง... เหลือเพียงความเงียบที่น่าอึดอัดเข้ามาแทนที่
"เรา... ติดอยู่ที่นี่" เร็กซ์กล่าวสรุปออกมาเบาๆ
คำพูดนั้นคือความจริงที่โหดร้ายที่สุด... แผนการที่ยิ่งใหญ่... ภารกิจเยียวยาโลก... ทั้งหมดมันคือความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้... ตราบใดที่พวกเขายังติดอยู่ในป่าแห่งนี้พร้อมกับเศษเหล็กที่ใกล้จะพังเต็มที
"มีทางเดียว..." ศิลาพูดขึ้นมาในที่สุด เสียงของเขาเบาหวิว "...มีสถานที่เดียวในโลกนี้ที่มี 'เครื่องสร้างวัสดุ' ระดับ 4 และมีทรัพยากรพอที่จะซ่อมยานของเราให้กลับมาสมบูรณ์ได้..."
ดุษฎีนคร"
คำพูดของศิลาแขวนอยู่กลางอากาศที่ตึงเครียด... มันคือความหวังเดียว... และในขณะเดียวกัน... มันก็คือทางเลือกที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่สุด
"เรากลับไปไม่ได้"
ครามเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย "นครของพวกเจ้า... มันได้ปิดตัวเองจากโลกภายนอกไปแล้ว พวกเขาหวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่นอกกำแพง... พวกเขามองว่าป่าคือโรคระบาด... และมองว่าพวกข้าคือคนป่าเถื่อน"
เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลีน่า "และตอนนี้... พวกเจ้าก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกข้าแล้วในสายตาของพวกเขา พวกเจ้าคือ 'ผู้ปนเปื้อน'... คือคนนอกรีตที่ไปคลุกคลีกับคนป่า... พวกเขาจะไม่เปิดประตูต้อนรับ... แต่จะเปิดฉากยิงใส่พวกเจ้า"
"นั่นคือความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ!" เร็กซ์สวนกลับอย่างเดือดดาล "การอยู่ที่นี่ต่อไปคือการรอวันตายอย่างช้าๆ! แต่การกลับไปที่นคร... อย่างน้อยเราก็ยังมี 'โอกาส'!"
"โอกาสที่จะถูกตัดสินประหารชีวิตน่ะรึ!" เอลาราโต้กลับ "ดร. เอริส คุมอำนาจสภาส่วนใหญ่อยู่นะคะ! เขาจ้องจะเล่นงานท่านผู้บัญชาการมาตลอด! การกลับไปตอนนี้ก็เหมือนการเดินเข้าปากเสือ!"
การถกเถียงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ... จนกระทั่งลีน่ายกมือขึ้น
"เควิน" เธอกล่าวเสียงเรียบ "ฉายภาพโฮโลแกรม... ฐานข้อมูลประวัติศาสตร์... 'โลกเก่า'... ช่วงศตวรรษที่ 21"
ทุกคนเงียบลง... ภาพโฮโลแกรมสามมิติของดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นกลางห้องประชุม... โลก... บ้านที่แท้จริงของบรรพบุรุษของพวกเขา
ลีน่าซูมเข้าไปที่แผ่นดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟ "นี่คือ 'ยุโรป'" เธอกล่าว "ทวีปที่เต็มไปด้วยชนเผ่าและอาณาจักรนับร้อย... พวกเขาทำสงครามกันมานานนับพันปี... ฆ่าฟันกันด้วยเรื่องไร้สาระ... แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ใหญ่กว่า... พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะรวมตัวกัน... เหมือนกับพวกเราในตอนนี้"
เธอปัดภาพโฮโลแกรม... เปลี่ยนเป็นทวีปที่กว้างใหญ่ไพศาลอีกแห่ง "นี่คือ 'เอเชีย'... ทวีปที่เต็มไปด้วยปรัชญาเก่าแก่และความเชื่อที่หลากหลาย... แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย... พวกเขาเรียนรู้ที่จะผสาน 'อดีต' เข้ากับ 'อนาคต'... เหมือนกับที่ 'ความรู้' ของท่าน... กำลังจะผสานเข้ากับ 'ข้อมูล' ของเรา ท่านคราม"
และสุดท้าย... เธอฉายภาพทวีปใหม่อีกซีกโลกหนึ่ง "'อเมริกา'... ดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อพยพจากทั่วทุกมุมโลก... พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า... คนที่แตกต่างกันสุดขั้ว... สามารถมารวมตัวกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ได้"
เธอปิดภาพโฮโลแกรมลง... เหลือเพียงความเงียบ
"ท่านมองว่าเราแตกต่างกัน ท่านคราม... 'ชาวฟ้า' กับ 'คนป่า'... แต่ความจริงก็คือ... เราทุกคนมาจาก 'บ้าน' ที่แตกสลายหลังเดียวกัน" เธอกล่าว "และบรรพบุรุษของเราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า... หนทางเดียวที่จะเอาชนะวิกฤตที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้... คือการ 'รวมกัน'"
"การกลับไปที่ดุษฎีนคร... ข้ารู้ว่ามันเสี่ยง" เธอยอมรับ "แต่การอยู่ที่นี่... คือความพ่ายแพ้ที่แน่นอน... ข้าขอเลือกที่จะเสี่ยง... ดีกว่ายอมจำนนต่อความกลัว... เหมือนที่บรรพบุรุษของเราเคยทำผิดพลาดมาแล้ว"
คำประกาศของลีน่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความมุ่งมั่นนั้น... กลับถูกสวนกลับมาด้วยกำแพงแห่งตรรกะที่เย็นเยียบของเอลารา
"ด้วยความเคารพค่ะท่านผู้บัญชาการ" เอลาราพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย " 'ความกล้าหาญ' ที่ท่านพูดถึง... ในทางทฤษฎีเกมแล้ว... มันคือตัวแปรที่เรียกว่า 'การตัดสินใจที่ไร้เหตุผล' (Irrational Decision-Making) มันคือการเดิมพันที่อัตราต่อรองทั้งหมดอยู่ฝั่งตรงข้าม"
เธอฉายภาพโฮโลแกรมใหม่ขึ้นมา... มันคือ "เมทริกซ์การประเมินความเสี่ยง" (Risk Assessment Matrix) ที่เต็มไปด้วยตัวเลขและกราฟที่ซับซ้อน
"ดิฉันได้ทำการจำลองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดจากการเดินทางกลับไปยังดุษฎีนคร" เธอกล่าวพลางชี้ไปยังกราฟแท่งสีแดงฉานที่พุ่งสูงเกือบจะทะลุเพดาน "ตามทฤษฎีความน่าจะเป็นแล้ว... โอกาสที่เราจะถูก 'กำจัด' ทันทีที่เข้าใกล้กำแพงเมือง... มีสูงถึง 87.4%"
"ตัวเลขนั่นมันไม่มีความหมาย!" เร็กซ์เถียง "มันไม่ได้คำนึงถึงความสามารถของเรา!"
"ตรงกันข้ามค่ะท่านเร็กซ์" เอลาราสวนกลับ "มันคำนึงถึงทุกอย่าง... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... 'จิตวิทยา' ของชาวดุษฎีนคร"
เธอฉายภาพประกอบขึ้นมา... มันคือข้อความจาก "หลักการพื้นฐานแห่งยูโทเปีย"... ตำราที่เด็กทุกคนในนครต้องท่องจำ "ประชากรทั้งหมดของดุษฎีนครถูก 'ปรับสภาพทางจิต' (Psychological Conditioning) มาตลอดสามร้อยปีให้หวาดกลัวและปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกภายนอก... พวกเขาถูกสอนว่าป่าคือ 'โรคระบาด'... และคนป่าคือ 'พาหะ'... การที่เรากลับไปในสภาพนี้... พร้อมกับ 'คนป่า'... ในทางทฤษฎีแล้ว... เราไม่ต่างอะไรกับเชื้อไวรัสที่พยายามจะกลับเข้าไปในร่างกายที่ปลอดเชื้อ... ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขา... ซึ่งก็คือกองกำลังป้องกัน... จะทำลายเราทันทีโดยไม่มีการไต่สวน"
"นั่นมันแค่ทฤษฎี!" เร็กซ์คำราม "แต่ในทางปฏิบัติ... เราคือทีมสำรวจที่เก่งที่สุด! เราคือความหวังของพวกเขา!"
"อดีต" ศิลาพูดแทรกขึ้นมาเบาๆ แต่กลับหนักแน่น "เรา 'เคย' เป็นความหวัง... แต่ตอนนี้... เราคือ 'ผู้ละเมิดกฎ' ข้อที่ร้ายแรงที่สุด... คือการนำ 'ความไม่รู้' กลับเข้ามาในโลกที่สมบูรณ์แบบ... ดร. เอริสจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการกำจัดเราได้อย่างง่ายดาย... และสภาส่วนใหญ่ก็จะเห็นด้วยกับเขา... เพื่อรักษา 'ความมั่นคง' ของระบบเอาไว้"
"แล้วจะให้เราทำยังไง!" เร็กซ์ตะโกนอย่างสุดจะทน "จะให้นั่งรอความตายอยู่ที่นี่รึไง! อย่างน้อยมันก็ยังมีความน่าจะเป็น 12.6% ไม่ใช่รึไง!"
"ความน่าจะเป็นที่ต่ำกว่า 15%... ในทางสถิติแล้วถือว่ามีค่าเท่ากับ 'ศูนย์'" เอลาราตอบกลับอย่างเย็นชา
"ตรรกะของพวกเจ้า... มันเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง" ครามกล่าวขึ้นมาเป็นครั้งแรก เขาพูดผ่านลินดา "พวกเจ้าคำนวณทุกอย่าง... แต่กลับลืมคำนวณ 'หัวใจ' ของมนุษย์"
" 'หัวใจ' ไม่ใช่ตัวแปรที่วัดค่าได้" ศิลาเถียง
"งั้นรึ" ครามยิ้มที่มุมปาก "แล้ว 'ความกลัว' ที่ทำให้บรรพบุรุษของเจ้าสร้างกำแพงนั่นขึ้นมาล่ะ... มันวัดค่าได้หรือไม่... 'ความหวัง' ที่ทำให้พวกเจ้าออกเดินทางมาที่นี่... มันวัดค่าได้หรือไม่... และ 'ความรับผิดชอบ' ที่พวกเจ้ากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้... มันมีสมการอะไรรองรับ"
คำถามของครามทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ต้องนิ่งเงียบไป...
"เจ้ามองเห็นแต่ตัวเลขแห่งความตาย" ครามกล่าวต่อ "แต่ข้ากลับมองเห็น 'เส้นทาง' ที่ซ่อนอยู่ในนั้น... แม้ว่ามันจะบางเบาเพียงใดก็ตาม... เพราะบางครั้ง... เส้นทางที่อันตรายที่สุด... ก็คือเส้นทางเดียวที่นำไปสู่การมีชีวิตรอด"
คำพูดที่เต็มไปด้วยปรัชญาของครามนั้น... กลับถูกสวนกลับมาด้วยตรรกะที่เย็นชาและเป็นระบบของลีน่า
"ท่านกำลังพูดถึง 'อคติของผู้รอดชีวิต' (Survivorship Bias)" เธอกล่าวขึ้น น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีความก้าวร้าว แต่กลับเต็มไปด้วยความเฉียบคมของนักวิเคราะห์ "ท่านเห็นแต่ 'เส้นทาง' ของผู้ที่รอด... แต่ท่านไม่ได้เห็นสุสานนับล้านของผู้ที่เลือก 'เส้นทางที่อันตรายที่สุด' แล้วล้มเหลว... ในทางสถิติแล้ว... การเลือกเส้นทางที่มีความน่าจะเป็นต่ำที่สุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า... มันไม่ใช่ความกล้าหาญ... แต่มันคือการฆ่าตัวตายทางคณิตศาสตร์"
เธอฉายภาพโฮโลแกรมใหม่ขึ้นมา... มันคือ "ทฤษฎีการล่มสลายของระบบที่ซับซ้อน" (Complex System Collapse Theory)
"ดุษฎีนคร... คือระบบที่ซับซ้อนและเปราะบาง" เธออธิบาย "มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ 'ป้องกัน' ความผิดพลาดทุกรูปแบบ... การที่เรา... ซึ่งเป็น 'ตัวแปรที่ไม่รู้จัก' (Unknown Variable)... พยายามจะกลับเข้าไป... มันอาจจะไม่ได้แค่ทำให้เราถูกกำจัด... แต่มันอาจจะสร้าง 'ปรากฏการณ์ระลอกคลื่น' (Ripple Effect) ที่จะทำให้ทั้งระบบล่มสลายลงได้"
"ท่านผู้บัญชาการกำลังจะบอกว่า... การกลับไปของเราอาจจะทำลายเมืองทั้งเมืองได้งั้นเหรอครับ" ศิลาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ
"เป็นไปได้" เอลารายืนยัน "ถ้าสภาเกิดความแตกแยก... ถ้าประชาชนเกิดความตื่นตระหนก... มันอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ง่ายๆ... และเมืองที่พึ่งพาเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบในการดำรงชีวิต... ไม่สามารถรองรับความขัดแย้งภายในได้เลยแม้แต่น้อย"
"แล้วจะให้เราทำยังไง!" เร็กซ์คำรามอีกครั้ง "จะให้เรายอมรับความน่าจะเป็น 0% ของการอยู่ที่นี่ต่อไปรึไง!"
"ไม่" ลีน่าตอบ "แต่เราต้องหา 'ทางเลือกที่สาม'... ทางเลือกที่ไม่ได้อยู่บนเมทริกซ์การประเมินความเสี่ยงของเอลารา"
"แล้วมันคืออะไร"
"ข้าไม่รู้" ลีน่าส่ายหน้า "แต่ข้ารู้ว่ามันต้องมี... มันต้องมีตัวแปรที่เรายังมองไม่เห็น... มันต้องมีวิธีที่จะ 'เปลี่ยนแปลง' อัตราต่อรองนั้นได้"
" 'ความเชื่อใจ' "
เสียงที่ดังขึ้นมานั้นเบามาก... แต่กลับดึงความสนใจของทุกคนไป... มันคือเสียงของ ไลรา
เธอนั่งอยู่เงียบๆ มาตลอด... แต่บัดนี้เธอกำลัง "มอง" ไปที่ทุกคน... ไม่ใช่ด้วยดวงตา... แต่ด้วยหัวใจ
"ท่านเอลารา... ท่านคำนวณ 'ความน่าจะเป็น' จากข้อมูลที่ท่านมี... แต่ท่านลืมใส่ 'ความเชื่อใจ' ที่ท่านครามมีให้กับป่า... และ 'ความเชื่อใจ' ที่ท่านเร็กซ์มีให้กับนคร... ลงไปในสมการ"
เธอหันไปทางลีน่า "ท่านผู้บัญชาการ... ท่านกำลังมองหา 'ทางเลือกที่สาม'... แต่ท่านกลับลืมไปว่าเราได้สร้างมันขึ้นมาแล้ว... ที่นี่... ในห้องนี้... มันคือ 'ทีม' ของเรา... ทีมที่เกิดจากการรวมกันของสองโลก"
คำพูดของเธอคือจุดเปลี่ยน...
"เธอพูดถูก..." โอไรออนเสริมขึ้นมา "ผม 'ได้ยิน' มัน... ในการถกเถียงของพวกเรา... มันไม่ได้มีแค่คลื่นเสียงที่ขัดแย้งกัน... แต่มันมี 'คลื่นใต้น้ำ' (Sub-harmonic) ของความต้องการที่จะปกป้องกันและกันอยู่ด้วย... ตรรกะของพวกท่านอาจจะกำลังต่อสู้กัน... แต่ 'เจตจำนง' ของพวกเรา... มันกำลังพยายามจะหาทางออกร่วมกัน"
บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยการเผชิญหน้า... ค่อยๆ เปลี่ยนไป... พวกเขาไม่ได้กำลังเถียงกันในฐานะ "ชาวฟ้า" กับ "คนป่า" อีกต่อไปแล้ว... แต่กำลังถกเถียงกันในฐานะ "ครอบครัว" ที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต...
คำพูดของไลราและโอไรออนได้ทลายกำแพงแห่งการเผชิญหน้าลง... แต่กลับทิ้งไว้ซึ่งความเงียบที่หนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม...
เพราะถึงแม้ว่า "เจตจำนง" ของพวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว... แต่ "ความเป็นจริง" ที่โหดร้ายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง... พวกเขายังคงติดอยู่ระหว่างทางเลือกที่เป็นไปไม่ได้สองทาง... คือการยอมตายอย่างช้าๆ ในป่า... หรือการเดินกลับไปตายที่บ้านเกิด...
ทุกสายตา... ทั้งจากนักวิทยาศาสตร์และเหล่าพราน... ต่างจับจ้องไปที่คนคนเดียว... ลีน่า
ในฐานะผู้บัญชาการ... เธอคือคนสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ...
ลีน่าหลับตาลง... ในหัวของเธอไม่ได้มีแค่เสียงของเพื่อนร่วมทีม... แต่ยังมีเสียงของ "อดีต" และ "อนาคต" ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เสียงของตรรกะ... เสียงของโซลานา... เสียงของดร. เอริส... มันกรีดร้องอยู่ในหัวของเธอ... "87.4% คือความล้มเหลว! การกลับไปคือการทำลายทุกสิ่ง! คือการทรยศต่อหลักการแห่งเหตุผล! เจ้ากำลังจะพาพวกเขาไปตาย!"... ภาพของเมทริกซ์การประเมินความเสี่ยงสีแดงฉานของเอลาราปรากฏขึ้นมาในความคิด... มันคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้...
แต่แล้ว... ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา...
มันคือเสียงของประสบการณ์... เสียงของมาคี... เสียงของคราม... "แล้วเจ้าจะยอมจำนนต่อตัวเลขรึ?" เสียงนั้นถามกลับอย่างสงบนิ่ง "เจ้าจะยอมให้ 'ความกลัว' ที่บรรพบุรุษของเจ้าเคยพ่ายแพ้... กลับมาเอาชนะเจ้าอีกครั้งรึ? เจ้าจะทิ้ง 'ความรับผิดชอบ' ที่เจ้าเพิ่งจะค้นพบ... เพียงเพราะเส้นทางมันดูอันตรายเกินไปงั้นรึ?"... ภาพของร่างที่ถูกแช่แข็งนับร้อยในโถงแห่งนิรันดร์ปรากฏขึ้นมาซ้อนทับ... พวกเขาคือผลลัพธ์ของการเลือก "เส้นทางที่ปลอดภัย"...
ลีน่าลืมตาขึ้น...
แววตาของเธอไม่ได้มีความสับสนอีกต่อไปแล้ว... มันคือแววตาที่นิ่งสงบ... แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่น่าสะพรึงกลัว... แววตาของคนที่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
"เอลารา... ตรรกะของเธอไร้ที่ติ" เธอกล่าวขึ้นเป็นคนแรก "ศิลา... ความกังวลของคุณก็สมเหตุสมผล... และท่านคราม... คำเตือนของท่านก็คือความจริงที่พวกเราต้องยอมรับ"
เธอหยุดและมองหน้าทุกคน "และพวกคุณทุกคนพูดถูก... การเดินทางกลับไปยังดุษฎีนครที่พวกเรา 'จากมา'... คือภารกิจฆ่าตัวตายที่มีโอกาสสำเร็จแค่ 12.6%"
"แต่..." เธอกล่าวต่อ "...เราจะกลับไปที่นคร 'แห่งนั้น'"
"เราจะกลับไป... เพื่อ 'เปลี่ยนแปลง' มัน"
"ภารกิจของเรา... ไม่ใช่แค่การกลับไปเพื่อซ่อมยาน... แต่มันคือการนำ 'ภาระแห่งความจริง' ที่เราได้แบกรับร่วมกันนี้... กลับไปมอบให้กับพวกเขา... เราจะไม่ลอบเข้าไป... เราจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือ... แต่เราจะกลับไปในฐานะ 'ผู้ถือสาส์น'... เราจะบังคับให้พวกเขาต้อง 'ฟัง' ... บังคับให้พวกเขาต้อง 'เห็น' ในสิ่งที่เราได้เห็น"
เธอหันไปทางเอลารา "ตัวแปรที่เมทริกซ์ของเธอไม่ได้คำนวณเข้าไป... คือพลังของ 'ความจริง'... มันคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่เรามี... มันอาจจะทำลายเรา... หรือมันอาจจะปลดปล่อยพวกเขา... ข้าไม่รู้... แต่มันคือความเสี่ยงเดียวที่คุ้มค่าพอที่จะลอง"
เธอยืนขึ้นเต็มความสูง... "ภารกิจของเราชัดเจนแล้ว" เธอกล่าว "หนึ่ง... เราต้องเอาชีวิตรอดจากการเดินทางที่ยาวไกลที่สุดกลับไปให้ถึงขอบกำแพงนคร... สอง... เราต้องหาทางเข้าไปข้างใน... และสาม... เราจะเปลี่ยนโลก"
"สภาสงคราม... สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้"
"...การเดินทางกลับบ้านอันยาวไกล... ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว"

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.