March Time Traveler ตอนที่ 8 รอยแยกอสูร

March Time Traveler

-A A +A

March Time Traveler ตอนที่ 8 รอยแยกอสูร

รอยแยกอสูร

 

    “ตายแล้ว ตายแน่ๆมัวแต่คุยกับคุณป้าเจ้าของร้านเพลิน ไปจุดเกิดรอยแยกอสูรสายเลย พวกที่รอเราต้องคิดว่าเราเป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบแน่เลย หมดกันภาพพจน์ที่อุตส่าคิดไว้ว่าจะสร้างความประทับใจแรกพบ”มาร์ชบ่นอุบ แล้วก็เร่งความเร็วรถมอเตอร์ไซค์ขึ้น 

 

    2 นาทีต่อมามาร์ชก็มาถึงที่จุดเกิดรอยแยกมิติตามที่ป้าเจ้าของร้านแปดดาวได้บอกกับเขา มาร์ชจอดรถมอเตอร์ไซค์ได้ก็กวาดสายตามองหารอยแยกมิติ ก่อนจะเห็นมันอยู่ใกล้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง ลักษณะรอยแยกมิตินั้น มันเหมือนกับรอยแตกบนพื้นดิน แต่มันลอยตั้งฉากกับพื้นในอากาศ มีหมอกสีแดงไหลออกมาจากรอยแยกนั่นตลอดเวลา มองลึกเข้าไปตรงกลางรอยแยกนั่น จะเห็นเหมือนมีสายฟ้าแลบแปล๊บๆอยู่ด้วย มาร์ชเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตรงไปทันที 

 

    “ขอโทษที่ผมมาสายครับ”มาร์ชรีบพูดขอโทษพร้อมยกมือไหว้ ทันทีที่วิ่งมายืนตรงหน้ารอยแยก แล้วเจอชาย 2 คนยืนคุยกันอยู่

 

    “เอ้า ใช่พ่อหนุ่มความจำเสื่อมหรือเปล่า”ชายค่อนข้างมีอายุ มีหนวดดำเงาถามมาร์ช

 

    “หะ ห๊ะ อะ อ่อใช่ครับใช่”มาร์ชตกใจที่อยู่ๆก็ถูกเรียกว่าพ่อหนุ่มความจำเสื่อม แต่ก็พอจะรู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกแบบนี้ หน้าของป้าเจ้าของร้านแปดดาวลอยมาปรากฏในหัวทันที มาร์ชส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองตามเสียง

 

    “ฮ่าๆครั้งแรกก็ต้องมีตื่นเต้นมั่งเป็นธรรมดา ฉันก็เคยเป็นมาก่อน”ลุงอีกคนที่ผมบนหัวเป็นสีขาวแทบจะทั้งหัวพูดขึ้น

 

    “ฮ่าๆจริงด้วย ฉันจำได้ว่าแก เตรียมของมาลงรอยแยกอสูรเต็มเลย ยังกับจะไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นเดือนๆแหนะตาขาว”ชายที่มีหนวดดำเงาพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจ

 

    “เหอะๆ ไม่ต้องมาทำเป็นว่าข้าหรอกตาหนวด แกเองก็ร้องไห้ตอนเจอเผ่าอสูรครั้งแรกนี่ ข้าจำได้”ตาขาวย้อนคืนเพื่อนที่ชื่อตาหนวด ทั้งคู่จ้องหน้ากันเหมือนจะมีเรื่อง แต่อยู่ๆก็หัวเราะออกมาพร้อมกันเสียงดัง

 

    “เอ่อคุณลุงทั้ง 2 ครับ”มาร์ชเรียกแล้วก็ยกมือขึ้นมานิดนึงก่อนจะโบกไปมาเล็กน้อยให้คุณลุงทั้ง 2 คนเห็น

 

    “อะ อ่าวลืมพ่อหนุ่มความจำเสื่อมไปเลย ฮ่าๆ นี่พ่อหนุ่มความจำเสื่อม กลุ่มที่ต้องเข้าไปในรอยแยกเพิ่งจะเข้าเมื่อกี้นี่เอง ถ้าพ่อหนุ่มตามไปตอนนี้น่าจะตามทัน”ลุงหนวดที่หันมาเห็นมาร์ชยืนโบกมือพูดขึ้น

 

    “เอ้ามัวยืนรออะไรล่ะเข้าไปเลย”ลุงขาวพูดจบก็ออกแรงผลักมาร์ช จนมาร์ชพุ่งเข้าไปในรอยแยกแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

 

    มาร์ชเข้ามายืนในรอยแยกอสูรแล้วก็กวาดสายตามองรอบตัว ข้างในนี้เหมือนอุโมงค์สีแดง ที่ด้านบนมีสายฟ้าแลบแปล๊บๆตลอดเวลา มาร์ชเดินตามอุโมงค์ไปไม่นานก็โผล่ออกไปที่ดินแดนของเผ่าอสูร

 

                 

 

                       ข้อความ

 

     ท่านได้เข้าสู่รอยแยกมิติอสูร ตอนนี้ท่านอยู่ในดินแดนอสูรเรียบร้อยแล้ว

 

    “เนี่ยนะดินแดนของเผ่าอสูร ฉันพอจะรู้แล้วทำไมมันถึงอยากบุกโลกมนุษย์นัก”มาร์ชพูดกับตัวเองหลังจากเห็นสภาพของดินแดนเผ่าอสูร มันเป็นที่กว้างมองไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา ผืนดินแตกระแหงเพราะความร้อนที่สูงมาก ต้นไม้ยืนต้นแห้งตายทุกต้น มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความแห้งแล้ง มีไอความร้อนระเหิดขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน ยิ่งบวกกับท้องฟ้าที่เป็นสีชมพูออกแดง ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูร้อนระอุและดูหดหู่ไปพร้อมๆกัน

 

    “ว่าแต่กลุ่มที่เข้ารอยแยกมีกี่คนเนี่ย ยังไม่ทันได้ถามคุณลุงด้านนอกเลย ก็โดนผลักให้เข้ามาซะก่อนแล้ว แล้วนี่ฉันต้องไปทางไหนเนี่ย”มาร์ชยืนเกาหัวหันซ้ายหันขวา

 

    “ไอสไตน์เธอช่วยแสกนหาเส้นทางให้ฉันหน่อยสิ”มาร์ชพูดขึ้น

 

    ‘.................ฟิ้ววว’ มีแต่เสียงลมพัดผ่านเอาเศษกิ่งไม้ไหลตามแรงลม

 

    เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ

 

    “อ้ากกกก นี่มันดินแดนของเผ่าอสูรนี่หว่า มันจะเปิดใช้ระบบวงแหวนได้ยังไง มันไม่มีดาวเทียม สงสัยฉันต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะงานนี้”มาร์ชใช้มือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มตัวลงมองหารอยเท้าของกลุ่มที่ออกเดินทางไปก่อน แต่เนื่องจากดินมันแข็งมากเลยไม่ทิ้งรอยเท้าไว้เลย มาร์ชพยายามหาอยู่สักพักก็ถอดใจ

 

    “เห้อไหนๆก็ไหนๆละ ลุยมันคนเดียวเนี่ยแหละ อ่ะจริงดิเรามีอุปกรณ์พวกนั้นอยู่นี่ คิดอะไรดีดีออกละ เปิดกระเป๋ามิติ ฮ่าๆๆๆ”มาร์ชพูดจบก็ล้วงมือเข้าไปหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋ามิติออกมา แล้วมาร์ชก็เริ่มใช้อีเต้อขุดหน้าดินแข็งๆเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 3x3 เมตร ตรงปากทางเข้ารอยแยกมิติ พอขุดหน้าดินแข็งออกไปได้ลึกประมาณเมตรกว่ามาร์ชก็นั่งหอบ มาร์ชกวาดสายตาอ่านข้อความรายงานการสร้างทักษะขุดดิน

 

    “โอ้ยยยย แข็งอะไรขนาดนี้เนี่ย หวังว่าจะคุ้มค่า ที่เสียแรงลงมือนะ”มาร์ชบ่นแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อ ก่อนจะลุกขึ้นขุดต่อโดยใช้เสียม และพลั่ว เมื่อลึกท่วมหัวมาร์ชแล้วมาร์ชก็กระโดดขึ้นมาจากหลุม ใช้เชือกมัดกับต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด แล้วหย่อนลงไปในหลุมก่อนจะใช้เชือกนั่นปีนลงไปขุดต่อ หลังจากเอาหน้าดินออกไปได้ ดินที่เหลือก็ไม่ได้แข็งมากมาร์ชเลยใช้เวลาไม่นานนักก็ได้หลุมที่ลึก 5 เมตร จากนั้นมาร์ชก็ไปหาตัดไม้มาเหลาตรงปลายให้แหลมประมาณ 10 กว่าอันแล้วเอาลงไปปักไว้ที่ก้นหลุมแล้วปีนเชือกขึ้นมา แล้วไปหากิ่งไม้ที่ไม่แข็งแรงมาวางทับๆกันที่ปากหลุมก่อนจะเขี่ยดินมากลบไว้ แล้วเกลี่ยให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนตัดไม้ก็มีกล่องข้อความสร้างทักษะตัดไม้ ตอนเหลาปลายไม้ให้แหลมก็ได้รับข้อความทักษะเหลาไม้

 

    “กินเวลากว่าที่คิดนะเนี่ย สาธุขอให้พวกอสูรมาติดกับดักนี่สัก 20 ตัวเถอะ ไม่ดิ 10 ตัวพอเดี๋ยวมันจะพากันปีนออกมาได้ถ้าลงไปเยอะเกิน”มาร์ชเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มจะมืดแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษดินตามเนื้อตัวออก แล้วเก็บอุปกรณ์ที่เหลือเข้ากระเป๋ามิติ

 

    “จริงสิ พวกกลุ่มที่ออกเดินทางไปก่อนต้องจุดกองไฟแน่ถ้ามืดแล้ว เราจะหาพวกเขาเจอแน่ๆ”มาร์ชคิดจบก็เดินหันหน้าออกจากรอยแยกแล้วรีบวิ่งตรงไปทันที มาร์ชวิ่งสลับกับเดินผ่านไป 3 ชั่วโมงเพราะมาร์ชนับเวลาด้วยตลอดเวลาที่เดินทางมา มาร์ชต้องการเช็คความฟิตของร่างกายตัวเองไปในตัว

 

    “อ่ะนั่นไง กลุ่มที่ออกเดินทางมาก่อน”มาร์ชพูดขึ้นหลังจากเห็นแสงไฟจากที่ไกลๆเลยรีบมุ่งหน้าตรงไปทางนั้นทันที เกือบ 10 นาทีมาร์ชก็มาถึงใกล้บริเวณที่เห็นกองไฟ 

 

    ‘พรึ่บ ผัวะ พลัก’จู่ๆมาร์ชก็รู้สึกว่ามีคนโผล่มาที่ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว บวกกับมันค่อนข้างจะมืดเลยทำให้มาร์ชมองไม่เห็น คนๆนั้นได้เตะมาที่ชายโครงของมาร์ช แต่มาร์ชยกขาและแขนขึ้นกันเอาไว้ได้ ก่อนจะสวนออกไปด้วยฝ่ามือ แต่มาร์ชรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างมาบังเอาไว้ได้ คนๆนั้นก็พุ่งหายไปจากสายตามาร์ชอีกครั้ง 

 

    ‘อาศัยความมืดในการโจมตีได้ดีมากๆ’มาร์ชคิดในใจเสร็จก็ต้องเอียงคอหลบบางอย่างที่พุ่งเข้ามาที่หน้าเขาอย่างรวดเร็ว 

 

    ‘บึม’เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อสิ่งที่พุ่งใส่เขา มันไปโดนใส่ซากต้นไม้ต้นหนึ่งเข้า ไฟลุกท่วมต้นไม้นั่นทันที มันสว่างไปทั่วทำให้มาร์ชสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของคนที่พุ่งใส่เขาเมื่อกี้

 

     “อ้าวไม่ใช่พวกกาวิตี้นี่ หรือพ่อหนุ่มจะเป็นพ่อหนุ่มความจำเสื่อม”ชายที่พุ่งเข้าโจมตีมาร์ชพูดก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวแล้วเดินเข้ามาหามาร์ชแทน

 

    “ใช่ครับ ผมคือคนที่ขอเข้ามาดูรอยแยกอสูรเองครับ”มาร์ชตอบแล้วมองไปรอบๆตัวที่ตอนนี้มีคนอีก 4 คนยืนล้อมเขาไว้อยู่

 

    “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ตอนนี้ฉันว่าเราควรจะย้ายที่กันก่อนดีกว่า เสียงระเบิดเมื่อกี้น่าจะเรียกเผ่าอสูรมากันเยอะเลยล่ะ”ชายแก่ที่อ้วนลงพุงคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นทุกคนก็ไปเก็บเครื่องใช้ส่วนตัวแล้วรีบออกเดินทางย้อนกลับไปทางที่มาร์ชเพิ่งใช้เดินมา เดินมาได้สัก ครึ่งชั่วโมงชายคนที่โจมตีมาร์ชก็บอกให้กางเต็นท์นอนพักกันตรงนี้ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำที่พักของตัวเองก่อนจะไปหาเศษไม้มาจุดกองไฟไว้ตรงกลาง แล้วทุกคนก็ออกมานั่งล้อมวงกัน

 

    “ฮ่าๆตกใจหมดเลยนึกว่าเป็นพวกกาวิตี้สะอีกนะเมื่อกี้ ฉันชื่อเสือนะ เป็นหัวหน้ากลุ่มสำรวจรอยแยกอสูรระดับ 1”ชายคนที่โจมตีมาร์ชพูดแนะนำตัวเองก่อนจะชี้มือไปทางชายแก่ที่อ้วนลงพุง

 

    “ส่วนคนนี้ชื่อตาหมู นู่นยายหน่อย นั่นตาแว่น ส่วนอีกคนที่กำลังหักกิ่งไม้อยู่นั่น ตาวัฒน์ล่ะ”

 

    “ผมชื่อมาร์ชครับ สวัสดีลุงๆป้าๆทุกคนนะครับ”มาร์ชพูดแล้วก็ยกมือไหว้ทีละคน

 

    “มาร์ชสินะ แล้วเธอเป็นเกริสที่มีพลังอะไรล่ะ ฉันจะได้รู้เอาไว้เผื่อเวลาเจอเผ่าอสูรจะได้คอยระวังพลังของพ่อหนุ่ม”ลุงเสือถามมาร์ช

 

    “เอ่อ ผมไม่ได้เป็นเกริสครับ”มาร์ชตอบแล้วกระพริบตาปริบๆ

 

    “หาาาา”ลุงป้าทุกคนร้องออกมาเสียงดัง

 

    “ชู่ววว อย่าเสียงดังสิเดี๋ยวก็ต้องย้ายที่อีกหรอก พอดีไม่ต้องนอนกันคืนนี้”ลุงวัฒน์ที่เดินกลับมาร่วมวงหลังเก็บเศษไม้มาได้หอบใหญ่ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเอง

 

    “อย่ามาอำพวกฉันหน่อยเลย อำคนแก่มันบาปนะรู้ไหม”ลุงหมูพูดขึ้น

 

    “เปล่าอำนะครับ ผมพูดจริงๆ”

 

    “แล้วเมื่อกี้ที่เธอรับการโจมตีของตาเสือได้นั่น ทำได้ยังไง คนธรรมดาไม่น่าจะทำแบบนั้นได้ หรือว่าเธอเป็นทหารหรอ”ป้าหน่อยถามมาร์ช มาร์ชเห็นว่าถ้าปฏิเสธเรื่องเป็นทหาร คงคุยกันเรื่องนี้ทั้งคืนแน่ๆเลยพยักหน้าโกหกออกไป

 

    “แล้วเมื่อกี้ได้ยินลุงเสือพูดถึงกาวิตี้อะไรเนี่ย คืออะไรหรอครับ”มาร์ชถามกลับมั่ง

 

    “ก็พวกเกริสนั่นแหละ มันไม่สังกัดองค์กรไหน ไม่ประกาศตัวว่าเป็นเกริสอิสระ แต่พวกมันจะไล่ฆ่าเกริสเพื่อแย่งชิงจินไป ช่วงนี้มีข่าวว่ามันออกล่าจินด้วยการแอบตามเข้ามาในรอยแยกอสูร”ลุงเสืออธิบาย หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งคุยกันสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะจัดเวรยามผลัดกันเฝ้าทีละ 2 คนมาร์ชได้เฝ้ากะสุดท้ายคือช่วงก่อนจะเช้ามาร์ชเลยขอตัวไปนอน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับทันที

 

    “นี่..พะ..พ่อหนุ่ม”เสียงลุงเสือปลุกมาร์ช แต่แค่ลุงเสือแตะไปโดนตัวมาร์ชเบาๆนิดเดียวมาร์ชก็ตื่นแล้วลุกขึ้นนั่งเลย

 

    “ถึงกะเฝ้ายามแล้ว ออกไปกัน”ลุงเสือพูดจบก็มุดออกจากเต็นท์ไป มาร์ชมุดออกมาได้ก็ยืนยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะรับขวดน้ำที่ลุงเสือยื่นมาให้ล้างหน้าแล้วเดินไปนั่งที่ข้างกองไฟ 

 

    “งั้นพวกฉันไปนอนก่อนนะ”ลุงแว่นพูดจบก็หาวนอนออกมาหนึ่งที แล้วก็เดินนำหน้าป้าหน่อยเข้าไปในเต็นท์

 

    “แล้วนี่พ่อหนุ่มคิดยังไงถึงอยากเข้ามาในรอยแยกอสูรล่ะ”เสียงลุงเสือถามขึ้น

 

    “ผมเบื่อๆอ่ะครับลุง เลยอยากเที่ยวไปเรื่อยๆ”มาร์ชตอบ

 

    “ฝีมือพ่อหนุ่มไม่ธรรมดาเลยนะ จากที่ปะทะด้วยเมื่อคืน น่าจะไปรับจ้างเป็นบอดี้การ์ดอะไรแบบนั้น ไม่ดีกว่ารึ ทำงานตรงความสามารถที่ตัวเองมี”

 

    “อ่อ ขอบคุณครับที่แนะนำ ไว้ผมจะเก็บไปคิดนะลุง ว่าแต่ลุงครับทำไมลุงวัฒน์ไม่เข้าไปนอนในเต็นท์ละครับ นอนแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”มาร์ชถามแล้วชี้ไปที่ลุงวัฒน์นอนอยู่ เพราะในดินแดนอสูรนี้พอดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว อากาศก็เปลี่ยนเป็นหนาวมากๆ ทันที

 

    “อ้อ พอดีนั่นเป็นเงื่อนไขการใช้จินของตาวัฒน์เขาน่ะ”ลุงเสือตอบ แต่พอเห็นมาร์ชทำหน้างงๆก็หัวเราะออกมา

 

    “เอาเป็นว่ารอดูเองแล้วกัน ฉันอธิบายไม่ค่อยเก่งอ่ะ”ลุงเสือพูดต่อ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนถึงเช้า พอพระอาทิตย์ขึ้นอุณหภูมิก็สูงขึ้น ไม่ถึง 15 นาทีอากาศที่เคยหนาวเย็นก็กลายเป็นร้อน 40 องศาเซลเซียส พวกลุงๆป้าๆที่นอนในเต็นท์รีบกระโดดออกมานอกเต็นท์บ่นกันอุบ 

 

    “ร้อนโว้ยยยย”ลุงแว่นตะโกนหลังจากวิ่งออกมาที่นอกเต็นท์แล้ว

 

    “ไม่ช็อกก็ดีแค่ไหนแล้ว เล่นห่มผ้าตั้ง 4 ผืน”ป้าหน่อยที่ตามออกมาพูด

 

    “เอาล่ะตื่นกันหมดแล้วก็เอาอาหารออกมานั่งกินกันเลยละกัน เดี๋ยวจะได้เก็บข้าวของแล้วไปลุยกันต่อ รอยแยกนี่ไม่น่ากว้างมาก วันนี้ก็ลุยรวดเดียวจบกันเลย”ลุงเสือพูด จากนั้นทุกคนก็หยิบถุงอาหารที่เตรียมมาออกมากิน ส่วนมาร์ชที่ไม่ได้เตรียมมา ก็ได้ของลุงเสือแบ่งให้ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปเก็บของ แล้วออกเดินทางกัน 

 

    ครึ่งชั่วโมงต่อมามาร์ชและกลุ่มก็เดินทางมาถึงจุดที่ปะทะกันเมื่อคืน และมันก็เป็นแบบที่ลุงหมูคาดการณ์ไว้ว่าพวกเผ่าอสูรจะต้องตามเสียงระเบิดมา เพราะตอนนี้ทั่วบริเวณนั้นมีเผ่าอสูรอยู่เต็มไปหมด

 

    “นั่นเผ่าอสูรโคลนดำ”ลุงเสือพูดแล้วชี้ให้มาร์ชดู มาร์ชมองตามก็เห็นเป็นเหมือนกองโคลนสีดำหลายๆกองบนพื้น มีบางกองที่มันนูนสูง แล้วกำลังเคลื่อนที่ไปมาช้าๆ มันมีรูที่เหมือนจะเป็นปากของมัน แต่มาร์ชมองไม่เห็นตาของมัน

 

    “ลุยกันเลยพวกเรา”ลุงเสือพูดจบทุกคนก็วางสัมภาระลงที่พื้น แล้วลุงเสือก็ตั้งท่าเหมือนจะออกตัววิ่ง แต่ไม่ชันเข่าลงที่พื้น ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนเสือที่พุ่งใส่เหยื่อของมัน

 

    “ฝากดูของหน่อยนะ แล้วก็อย่าเข้าไปใกล้ละเดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอา”ลุงหมูพูดแล้วก็หักข้อมือตัวเองก่อนจะก้มลงใช้มือแทงที่พื้นดิน แล้วยกแผ่นดินขึ้นมาแผ่นใหญ่แล้วทุ่มเข้าใส่กลางวงเผ่าอสูร ลุงเสือที่กำลังจะพุ่งโจมตีต้องเบรกตัวโก่งเพื่อหลบแผ่นดินที่ลอยมา

 

    ‘ตูมม’แผ่นดินที่ลอยกระแทกลงที่พื้นซะส่วนใหญ่โดนใส่เผ่าอสูรโคลนดำแค่ 2 ตัว

 

    “ตาเสือหลบไปหน่อย”เสียงลุงแว่นพูดขึ้น แล้วก็กระดกน้ำหนึ่งขวดลงท้องไป ลุงเสือได้ยินก็รีบพุ่งตัวออกจากตรงนั้นทันที

 

    “สายน้ำซัดสาด”สิ้นเสียงลุงแว่น น้ำก็พุ่งออกมาจากปากของลุงแว่นเป็นสายน้ำขนาดใหญ่ แต่ทันใดนั้นเอง

 

    “ผู้พิทักษ์แห่งไฟ จงร่ายรำด้วยเพลิงแห่งการทำลายล้าง”ป้าหน่อยท่องมนต์อะไรบางอย่างก่อนที่ลูกไฟก้อนใหญ่จะพุ่งออกจากมือป้าหน่อยลอยเข้าไปตรงกลางวงเผ่าอสูร

 

    ‘ช่าาาาาา’เสียงลูกไฟปะทะกับสายน้ำจนเกิดการระเหยกลายเป็นไอน้ำ ไม่โดนใส่เผ่าอสูรโคลนดำสักนิด

 

    “ยายหน่อยทำไมปล่อยลูกไฟมาขวางทางสายน้ำของฉัน”ลุงแว่นที่ยืนตรงข้ามกับป้าหน่อยตะโกนขึ้น

 

    “ก็ใครบอกให้แกไปปล่อยอยู่ตรงนั้นล่ะ ฉันมายืนร่ายมนต์ตรงนี้ก่อนตั้งนานแล้ว”ป้าหน่อยเถียงกลับ

 

    ‘กรืด กรืด’พวกเผ่าอสูรโคลนดำเริ่มเคลื่อนที่เข้าหาแต่ละคนที่กำลังแยกกันโจมตีอยู่ มันพยายามที่จะทับทุกคนให้อยู่ใต้ตัวมัน คนที่มันตามไม่ทันเลยมีแค่ลุงเสือคนเดียว นอกนั้นก็ปล่อยพลังกันสะเปะสะปะ พลางวิ่งหนีไปด้วย มีก็แต่ลุงวัฒน์ที่นั่งหนาวสั่นเหมือนคนเป็นไข้อยู่ข้างมาร์ช

 

    “ลุงวัฒน์ไม่ไปช่วยพวกเขาหน่อยหรอครับ”มาร์ชถามขึ้นหลังจากเห็นการต่อสู้สุดมั่ว

 

    “เดี๋ยวเขาอยากให้ช่วยก็มาหาฉันเองแหละ”ลุงวัฒน์ตอบมาร์ชไม่ได้กังวลอะไร ราวกับว่านี่คือเรื่องปกติที่เจอได้ทุกวัน

 

    “ตาวัฒน์รักษาฉันหน่อยสิ ไอ้เผ่าอสูรมันใช้ปากรัดข้อมือฉันซะแรงเลย”ลุงหมูพูดขึ้น มาร์ชเห็นที่ข้อมือลุงหมูเป็นสีม่วงปูดบวม เท่าที่มองมาร์ชคิดว่าน่าจะมีกระดูกหักแน่ๆ แต่พอเดินมาถึงที่ลุงวัฒน์นั่งอยู่จู่ๆลุงวัฒน์ก็สั่งน้ำมูกใส่ตรงข้อมือลุงหมูเฉยเลย มาร์ชถึงกับเบิ่งตาโต

 

    “ถูเอาเองนะตาหมู”ลุงวัฒน์พูดแล้วสูดน้ำมูกกลับเสียงดัง แต่พอมองไปที่ข้อมือลุงหมูหลังจากที่ละเลงน้ำมูกสักพักข้อมือที่บาดเจ็บอยู่ก็หายทันที การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเผ่าอสูรค่อยๆตายไปทีละตัว ส่วนทางด้านลุงๆป้าๆก็ผลัดกันเดินมาให้ลุงวัฒน์สั่งน้ำมูกใส่ตรงที่ได้รับบาดเจ็บ ในที่สุดเผ่าอสูรโคลนดำ 26 ตัวก็ถูกกำจัดจนหมด ทุกคนต่างเหนื่อยหอบกันหมด เลยนั่งพักนอนพักกัน มีลุงวัฒน์คนเดียวที่เดินไปที่ซากของอสูรโคลนดำก่อนจะก้มลงไปหยิบก้อนหินสีแดงที่อยู่ในตัวของเผ่าอสูรโคลนดำที่ตายแล้วนั่น

 

    “นั่นอะไรหรอครับ”มาร์ชถามลุงวัฒน์ที่เดินกลับมานั่งข้างๆเขา

 

    “ศิลาอสูรน่ะ เอาไว้กลับไปขายที่โลก พวกเขาเอามันไปแปรรูปใช้ทำนู่นนี่นั่น”ลุงวัฒน์ตอบ

 

    “แล้วเป็นไงมั่งพ่อหนุ่ม ได้เห็นการต่อสู้ของเกริสกับเผ่าอสูรครั้งแรก แฮ่กๆ”ลุงเสือถามแล้วก็หอบเหนื่อย

 

    “แปลกหูแปลกตาสุดๆครับลุง แต่ลุงอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยพักผ่อนก่อนครับ”มาร์ชตอบ

 

    “ป่ะพวกเราหายเหนื่อยกันแล้วก็ไปลุยกันต่อเถอะ รอยแยกยังไม่ปิดแบบนี้แสดงว่ายังเหลือเผ่าอสูรอยู่”ลุงเสือลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นตามตัวออก หลังจากพักกันได้สักพัก ลุงเสือเดินตรงไปที่กองสัมภาระที่วางไว้กำลังจะหยิบ

 

    “ลุงๆป้าๆสู้กันจนเหนื่อยผมมาดูเฉยๆแบบนี้คงไม่ดี ให้ผมขนสัมภาระไปให้ละกันนะครับ”มาร์ชเดินไปยืนตรงหน้าลุงเสือแล้วพูด

 

    “ไหวหรอพ่อหนุ่มของเยอะนะ”ลุงเสือถามกลับ

 

    “สบายครับ ผมจะได้ฟิตร่างกายไปด้วย”มาร์ชตอบยิ้มๆแล้วจัดการมัดสัมภาระรวมกันก่อนจะยกขึ้นสะพายที่หลังแล้วออกเดินทาง

 

     ่อ่ะ หนักกว่าที่คิดแหะ’มาร์ชคิดในใจ ก่อนจะกันฟันก้าวเท้าเดิน เดินทางกันมาได้สักพัก ลุงเสือก็หยิบนาฬิกาพ็อกเก็ตสีทองออกมาดูเวลา

 

    “เที่ยงแล้วล่ะ พักหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”ลุงเสือพูด แล้วทุกคนก็เดินมาช่วยกันยกสัมภาระลงจากหลังมาร์ช แล้วหยิบเอาถุงอาหารออกมากินกัน คราวนี้ลุงแว่นเป็นคนแบ่งถุงอาหารให้มาร์ช มาร์ชรับมาแล้วก็ฉีกถุงอาหารออกแล้วนั่งกิน 

 

     “ลุงๆป้าๆครับการลงรอยแยกอันตรายขนาดนี้ทำไมลุงๆป้าๆถึงต้องมาเสี่ยงกันด้วย”มาร์ชถามขึ้นหลังจากที่เห็นแต่ละคนบาดเจ็บกันก่อนหน้านี้

 

     “ฮ่าๆพ่อหนุ่มคิดหรอว่าพวกฉันอยากจะมาเสี่ยงชีวิตแบบนี้”ลุงเสือถามกลับแทนคำตอบ

 

     “อ้าวแล้วพวกลุงเข้ามาเสี่ยงกันทำไม”

 

     “การเป็นเกริสแบบนี้ มันทำให้พวกลูกหลานพากันอิจฉาอยากจะมีบ้าง แต่เมื่อมีไม่ได้ก็พากันรังเกียจพวกเราแทน พอเห็นเรานั่งอยู่ที่บ้านก็จะพากันต่อว่าเสียๆหายๆ จนพวกเราทนกันไม่ไหวต้องออกจากบ้าน จนเจอกับเจ๊บุษราเจ้าของร้านแปดดาวนั่นแหละที่ชักชวนให้รวมกลุ่มกันทำแบบนี้”ลุงหมูอธิบาย มาร์ชก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารกันต่อโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย แล้วทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อหลังจากกินเสร็จเรียบร้อย 

 

    

 

     เกือบสองชั่วโมงต่อมา...

 

     “ทุกคนหยุดก่อน ด้านหน้ามีเผ่าอสูรโคลนดำ ประมาณ 30 ตัว แต่รอบนี้จะเจอหัวหน้ามันด้วยนะ”ลุงเสือพูดขึ้นหลังใช้กล่องส่องทางไกลส่องไปเจอเผ่าอสูร

 

    “งั้นก็ลุยกันเลย”ลุงหมูพูด จากนั้นทุกคนก็พยักหน้ากำลังจะพุ่งออกไปแต่ก็ต้องหยุดชะชักเพราะมาร์ช

 

    “ลุงๆป้าๆครับผมอยากจะขออะไรหน่อยครับ”มาร์ชพูดขึ้น

 

    “ถ้าเรื่องลิดไม่ต้องห่วงเรากะจะแบ่งให้พ่อหนุ่มเท่าๆกับพวกเรานั่นแหละ”ลุงแว่นพูด

 

    “เปล่าครับ ผมอยากให้พวกลุงๆป้าๆโจมตีเผ่าอสูรตามคำแนะนำของผมครับ”มาร์ชตอบ เล่นเอาทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

 

     “ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่ เผื่อพ่อหนุ่มจะมีวิธีใหม่ๆมาเสนอ สั่งมาได้เลย”ลุงเสือพูด แล้วทุกคนก็พยักหน้าพร้อมกัน

 

     “ครับถ้างั้นผมขอรู้รายละเอียดจินของทุกคนก่อนนะครับ”มาร์ชพูดจบ ลุงเสือก็แจงรายละเอียดความสามารถของแต่ละคนให้มาร์ชฟัง

 

     ลุงวัฒน์ใช้น้ำมูกในการรักษา

 

     ลุงเสือกลั้นหายใจเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่

 

     ลุงแว่นดื่มน้ำเพื่อใช้การโจมตีด้วยน้ำ

 

     ลุงหมูใช้พลังงานไขมันเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวเอง

 

     ป้าหน่อยต้องหลับตาท่องมนต์เพื่อใช้พลังไฟ ยิ่งหลับตานานยิ่งได้พลังที่รุนแรง 

 

     “งั้นก่อนอื่นเลยครับ คิดว่าตรงที่เผ่าอสูรอยู่คือหน้าปัดนาฬิกา ป้าหน่อยไปยืนที่เลข 5 ลุงเสือช่วยคุ้มกันป้าหน่อยด้วยครับ ส่วนลุงหมูครับลุงไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นดินแผ่นใหญ่เพื่อโจมแบบเสียเปล่า แต่ลุงเน้นความแม่นยำด้วยการโจมตีขนาดเล็กดีกว่า”มาร์ชพูดจบป้าหน่อยก็ไปยืนทิศ 5 นาฬิกาหลับตาลงท่องมนต์ เผ่าอสูรโคลนดำก็รีบเคลื่อนที่เข้าไปเพื่อจะโจมตี แต่ลุงเสือก็เข้ามาขวางเอาไว้ ทำให้ป้าหน่อยยังคงยืนหลับตาต่อไปได้ ส่วนลุงหมูหลังจากยกแผ่นดินก้อนใหญ่ออกมาได้ก็บีบมันแตกให้เล็กพอดีมือก่อนจะปาเข้าใส่อสูรโคลนดำอย่างแม่นยำ ถึงแม้จะต้องปาตัวเดิมซ้ำถึง 6-7 รอบ แต่มันดีกว่าตอนแรกที่ลุงโยนก้อนใหญ่ออกไปแบบสุ่มๆ ลุงหมูเริ่มรู้สึกสนุกก็ปาออกไปไม่หยุดแล้วหัวเราะชอบใจเสียงดัง

 

    “ลุงแว่นครับ หลังจากที่ป้าหน่อยโจมตีให้ลุงแว่นไปประจำที่ทิศ 7 นาฬิกา แล้วโจมตีอสูรที่เหลือรอดนะครับ”มาร์ชสั่งการต่อ ลุงแว่นก็รีบไปประจำตำแหน่งตามที่มาร์ชบอกทันที

 

     “ส่วนลุงวัฒน์ครับ ลุงสั่งน้ำมูกใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้เลยครับ เพราะอาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นได้ตลอด”ลุงวัฒน์ก็รีบทำตามที่มาร์ชบอก 

 

     ‘บึมมมม’เสียงไฟที่ปล่อยออกจากมือป้าหน่อยระเบิดเผ่าอสูรโคลนดำตายทันที 20 ตัว บาดเจ็บอีก 5 ลุงแว่นเห็นก็รีบกินน้ำแล้วใช้สายน้ำโจมตีใส่ทันที ส่วนลุงหมูกำจัดไปแล้ว 5 ตัว เหลือเพียงแค่หัวหน้าเท่านั้น ที่รู้ว่ามันคือหัวหน้าเพราะมันเป็นก้อนโคลนสีดำใหญ่กว่าเผ่าอสูรโคลนดำตัวอื่นๆ ลุงเสือที่กลั้นหายใจมานานก็หยุดกลั้นหายใจ พร้อมกับความเร็วที่ลดลง จู่ๆก็มีก้อนโคลนสีดำพุ่งเข้าใส่ลุงเสืออย่างรวดเร็วจำนวนหลายก้อน จนทำเอาร่างลุงเสือกระเด็นไปตามแรงกระแทก

 

    “ลุงวัฒน์ครับปาผ้าเช็ดหน้าเมื่อกี้ให้ลุงเสือเลยครับ”ลุงวัฒน์ไม่รอช้ารีบปาผ้าเช็ดหน้าไปให้ลุงเสือทันที ลุงเสือคว้าผ้าเช็ดหน้าก่อนจะละเลงน้ำมูกใส่บริเวณตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

 

    ‘อี๋ ฉันขอสาบานเลยว่าฉันจะไม่บาดเจ็บเด็ดขาด’มาร์ชคิดในใจหลังเห็นลุงเสือละเลงน้ำมูก ก่อนจะตั้งสติหันไปหาลุงแว่น

 

    “ลุงแว่นป้าหน่อยครับ หันหน้าเข้าหากันกะจังหวะดีๆแล้วใช้พลังเข้าใส่กันเลยครับ”ตอนแรกทั้งคู่เหมือนจะลังเลเล็กน้อย แต่พอเห็นหัวหน้าเผ่าอสูรกำลังจะโจมตีใส่ลุงเสืออีกครั้งทั้งคู่เลยต้องตัดสินใจทำ

 

    ‘ช่าาาาาาา’ทันทีที่น้ำและไฟปะทะกันมันก็ระเหยกลายเป็นไอน้ำจนบังการมองเห็นของหัวหน้าเผ่าอสูร มันเริ่มโจมตีมั่วด้วยการพ่นก้อนโคลนไปทั่ว 

 

    “ลุงหมูครับรบกวนงัดดินขึ้นมาก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ทีครับ”มาร์ชหันไปบอกลุงหมู ลุงหมูพยักหน้าเล็กน้อย ไอน้ำเริ่มหายไปหมดแล้ว

 

    “ย้ากกกกก”ลุงหมูออกแรงงัดดินขึ้นมาก้อนใหญ่มาก แต่สภาพลุงหมูหลังจากงัดก้อนดินขึ้นมาได้เปลี่ยนจากอ้วนลงพุงกลายเป็นคนผอมแห้งแรงน้อยไปแล้ว

 

    “ทุกคนหลบหลังก้อนดินก่อนครับ”สิ้นเสียงมาร์ชทุกคนก็มารวมตัวกันหลังก้อนดิน

 

    “เอาไงต่อพ่อหนุ่มมันโจมตีไกลแบบนี้เข้าไปจัดการไม่ได้เลย”ลุงเสือถามขึ้น มาร์ชขมวดคิ้วเข้าหากันกำลังคิดหาทาง

 

    “ฉันหมดแรงแล้ว ตัดฉันออกจากแผนไปได้เลย”ลุงหมูพูดขึ้น

 

    “ฉันก็เหลือน้ำไม่มากแล้วคงโจมตีได้อีกแค่ครั้งเดียว”ลุงแว่นเสริม

 

    ‘เราต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว ก้อนดินนี่ไม่น่าจะกันการโจมตีได้อีกไม่นาน’มาร์ชคิดในใจ

 

    “งั้นเอาตามนี้นะครับ”แล้วมาร์ชพูดอธิบายแผนการให้ทุกคนฟัง

 

    ‘ตึง ตึง ตึง ตึง’เสียงก้อนโคลนปะทะกับก้อนดินจนในที่สุดก้อนดินก็เริ่มร้าว ร่างของลุงเสือเคลื่อนที่ออกไปทางซ้ายของก้อนดินอย่างรวดเร็ว หัวหน้าอสูรก็รีบหันไปยิงไล่ตามหลังลุงเสือทันทีเหมือนกัน 

 

    ‘ครืน’เสียงก้อนดินแตกแล้วพังลงเพราะสายน้ำที่ลุงแว่นโจมตีใส่ ทันใดนั้นเองก็มีก้อนไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากมือป้าหน่อยตรงไปที่ร่างของหัวหน้าอสูร มันที่มัวแต่ไล่โจมตีลุงเสืออยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นลูกไฟที่พุ่งใส่

 

    ‘บึมมม’ลูกไฟระเบิดทันทีที่โดนใส่ร่างหัวหน้าอสูร

 

    “สำเร็จ”ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันด้วยความดีใจ ก่อนที่ถูกคนจะต้องเบิ่งตาค้างเมื่อจู่ๆซากโคลนสีดำขนาดใหญ่ค่อยๆขยับจนแตกออกจากกัน แล้วมีร่างโคลนสีดำขนาดเล็กรีบเคลื่อนที่ออกมาแล้วเคลื่อนที่หนีไปอย่างรวดเร็ว

 

    “ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย”ลุงเสือที่วิ่งกลับมาสมทบกับกลุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นร่างโคลนสีดำเคลื่อนที่หายไปจนลับสายตา

 

    “ปล่อยมันไปเถอะครับ สภาพมันน่าจะบาดเจ็บหนัก ลุงๆป้าๆพักให้หายเหนื่อยกันก่อนเดี๋ยวเราค่อยตามไปจัดการมันทีหลังก็ได้ครับ”มาร์ชพูดขึ้น แล้วก็มองตามหลังลุงวัฒน์ที่ลุกขึ้นเดินไปไล่เก็บศิลาอสูร

 

    “ยังไงก็ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม ถ้าเป็นปกติพวกฉันคงใช้เวลานานกันกว่านี้เยอะ ดีดีไม่ดีต้องหนีไปตามกำลังเสริมมาเพิ่มด้วย”ลุงเสือพูด มาร์ชพยักหน้ายิ้ม หลังจากนั้นทุกคนที่พักจนหายเหนื่อยแล้วก็พากันตามหาอสูรโคลนดำจนเริ่มถอดใจ

 

    “มันไปหลบอยู่ของมันกันเนี่ย นี่ก็หาจนทั่วแล้วนะ”ป้าหน่อยบ่นอุบ

 

    “นั่นดิ นี่ก็เดินย้อนกลับมาจนจะถึงปากทางเข้ารอยแยกแล้วนะ”ลุงแว่นพูดเสริม

 

       

 

                               ข้อความ

 

        ท่านได้กำจัดเผ่าอสูรหัวหน้าโคลนดำ(ระดับ 7) ได้รับค่าประสบการณ์ในการเลื่อนระดับ

 

ทำให้ระดับของท่านเพิ่มเป็นระดับ 3 

 

      ‘ได้ยังไง อย่าบอกนะว่ามันตกไปในกับดักที่ฉันทำ’มาร์ชคิดในใจ  

 

      “ลุงๆป้าๆครับมันตายแล้วครับ”มาร์ชพูดแล้วยิ้มแห้งๆออกมา

 

     “พ่อหนุ่มรู้ได้ยังไง”ลุงเสือถาม ทุกคนหันมามองมาร์ชด้วยความสงสัย มาร์ชไม่ตอบอะไรแต่พาทุกคนเดินตรงไปที่กับดักที่เขาทำเอาไว้

 

     “โอ้โห นี่พ่อหนุ่มทำเองหรอ”ลุงเสือพูดขึ้นเมื่อเดินมาเห็นกับดักที่มาร์ชทำ 

 

     “อย่ามัวแต่คุยกัน พ่อหนุ่มรีบลงไปเอาศิลาอสูรก่อนที่รอยแยกจะปิดตัวลงเหอะ”ลุงวัฒน์เอ่ยปากเตือน มาร์ชก็รีบเอาเชือกไปผูกกับต้นไม้แล้วปีนลงไปที่ก้นหลุมอย่างระมัดระวัง

 

                     ข้อความ

 

      ท่านได้รับศิลาอสูร(ระดับ2) 

 

     ศิลาอสูรนี้เป็นเหมือนจิตวิญญาณของอสูรที่ถูกบีบอัดจนกลายเป็นก้อน สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างสิ่งต่างๆ

 

     มาร์ชอ่านข้อความหลังจากก้มหยิบก้อนศิลาอสูร มาร์ชกำลังจะปีนขึ้นไป พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างใต้เศษดินที่ถล่มลงมา

 

     “นี่พ่อหนุ่มยังไม่เสร็จอีกหรอ”เสียงลุงหมูตะโกนถาม 

 

     “ครับๆกำลังขึ้นไปครับ”มาร์ชตอบแล้วรีบเอื้อมมือไปคว้าของที่ถูกทับอยู่ใต้ดินนั่น

 

    

 

    

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ นิทราการ

มันมากเลยครับพี่อ่านไปเหมือนผมกำลังได้ดูอนิเมะอยู่เลยครับ บรรยายได้ดีมากครับชอบมากเลย ผมรออ่านต่อนะครับรีบๆอัพนะครับ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.