บทที่ 118: ไททันเทพอสูร อาซา
ตอนที่ดาบในมือของเฝิงเจิ้งกั๋วกำลังจะฟันเข้าใส่เป้าหมาย หลินหยวนก็หายตัวไป
เขาหายไปไหน!
แม้แต่สายตาของนายพลเฝิงก็ยังมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจในขณะที่ร่างกายของเขาชะงักค้าง
ทันใดนั้นเสียงของหลินหยวนก็ดังเข้ามาในหู
“ท่านนายพล คุณอย่าทำเหมือนกับว่าคนอื่นโง่กันหมดสิ” สิ้นเสียงพูด หมัดสายฟ้าก็กระแทกเข้าที่หลังของฝ่ายตรงข้าม
ปัง!
แรงกระแทกทำให้เฝิงเจิ้งกั๋วกระเด็นไปไกลจากจุดเดิมหลาย 10 เมตร ก่อนจะร่วงกระแทกพื้นเต็มแรง
ความจริงแล้วตั้งแต่ที่อีกฝ่ายก้าวเข้าสู่ประตูเงา หลินหยวนก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าตนจะถูกลอบโจมตี
ดังนั้นเขาจึงอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา
ทันทีที่เฝิงเจิ้งกั๋วปรากฏตัวที่ข้างหลัง เขาก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียวที่จะใช้พลังเทเลพอร์ต
แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
“แค่ก ๆ” เฝิงเจิ้งกั๋วกระอักเลือดออกมาท่ามกลางฝุ่นผงลอยฟุ้ง จากนั้นเขาก็พยายามลุกขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากขณะจ้องหลินหยวนด้วยดวงตาขุ่นมัว
“ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น… หลินเทียนเชวี่ย ฉันขอยอมรับเลยว่าแกมีลูกชายที่ดีมาก”
แม้แผนการจับเจ้าเด็กนี่เป็นตัวประกันจะล้มเหลว แต่แววตาของนายพลเฝิงก็ยังไม่มีความรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่า ‘อาซา’ ใกล้จะมาถึงแล้ว
ทันใดนั้นหมอกสีดำภายในเมืองหย่งเย่ก็ถาโถมเข้าสู่ตำหนักราวกับสึนามิ
ไม่นานหมอกดำมืดก็ก่อตัวเป็นใบหน้าขนาดมหึมา
มันเป็นใบหน้าที่คล้ายกับเทพปีศาจ
ทันทีที่ใบหน้านี้ปรากฏขึ้น ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจนต้องหันกลับไปมอง
แล้วใบหน้าที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกดำก็เปล่งเสียงออกมาในขณะที่มันจับจ้องไปที่หลินเทียนเชวี่ย “มนุษย์กึ่งเทพ ข้าอยากคุยกับเจ้า”
เพียงแค่เสียงก็ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
หลินหยวนที่ได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกได้ถึงเลือดในกายที่กำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง
“ขอเพียงแค่เจ้ายอมปล่อยทาสของข้า ข้าก็จะปล่อยให้ทุกคนออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
หลินเทียนเชวี่ยเองก็สบตากับอีกฝ่ายอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ถ้าแกอยากคุยกับฉัน ทำไมไม่เอาร่างจริงมาคุยล่ะ? ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคนขี้ขลาดอย่างแก”
สิ้นเสียงพูด ใบหน้าที่เป็นเหมือนเทพปีศาจก็หัวเราะออกมาทันที “ฮ่า ๆๆ ขี้ขลาดงั้นเหรอ? น่าสนใจจริง ๆ นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าข้า ต้องขอยอมรับตามตรงว่าร่างจริงของข้าอยู่ห่างจากเมืองหย่งเย่ไปถึง 3,000 ลี้ แต่ด้วยพลังของเจ้า ก่อนที่ข้าจะไปถึง ข้าเกรงว่าทาสของข้าจะตายด้วยน้ำมือของเจ้าเสียก่อน”
“ถือเสียว่าข้าให้เกียรติเจ้า… อย่างน้อยเราก็คุยกันได้”
หลินเทียนเชวี่ยกระชับดาบสายฟ้าและพูดพร้อมทำหน้าดุดันว่า “ถ้าแกอยากคุยกับฉันก็ย่อมได้! แต่ก่อนจะคุย แกบอกชื่อตัวเองมาให้ฉันรู้ก่อน แกเป็นใคร?”
เทพปีศาจจ้องอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเอง “ไททันเทพปีศาจ อาซา เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อข้ามาก่อน แต่ข้าเชื่อว่าพลังของข้านั้นเพียงพอที่จะเจรจากับเจ้าได้ เพราะข้าก็คือไททันที่มนุษย์เรียกกันว่าไททันโลกาวินาศ ไททันระดับ 9”
หลังจากที่อาซาเอ่ยประโยคนี้ สีหน้าของหลินหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
หลี่หวงเหยียนที่อยู่ด้านข้างเองก็มองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าไททันที่มาปรากฏตัวในเมืองหย่งเย่ก็คือไททันโลกาวินาศ สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยปรากฏในสนามรบมาก่อน
เมื่อเทียบกับทั้ง 2 คน ปฏิกิริยาของหลินเทียนเชวี่ยนั้นกลับดูสงบนิ่งมากกว่า
เพราะพลังของเขาได้มาถึงระดับนี้แล้ว
ดังนั้นแม้จะมีไททันโลกาวินาศมายืนอยู่ต่อหน้า สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ถัดมา แม่ทัพมังกรกล่าวเยาะเย้ยอีกฝ่ายว่า “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนทรยศธรรมดาจะเรียกไททันโลกาวินาศออกมาได้”
“นายพลเฝิง แกเก่งมากจริง ๆ”
ทันใดนั้นสีหน้าของเฝิงเจิ้งกั๋วก็แสดงออกถึงความโล่งใจที่เอาชีวิตรอดมาได้
เขารู้ดีว่าถ้าหากท่านอาซามาปรากฏตัวที่นี่ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ถูกเผ่าไททันทอดทิ้ง
และเขาจะไม่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แน่นอน
จากนั้นเทพปีศาจอาซาก็เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า “มนุษย์กึ่งเทพ ตอนนี้ข้าก็ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองแล้ว ทีนี้เรามาเจรจากันดีไหม เงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก เจ้าเพียงแค่ปล่อยทาสของข้าและไททันมังกรเพลิงตัวนี้ไป”
“ในทางกลับกัน ข้าก็จะปล่อยให้พวกเจ้าออกไปจากเมืองหย่งเย่อย่างปลอดภัย เจ้าคงรู้ดีว่าถึงแม้ว่าเจ้าจะฆ่าพวกมันไป พวกเจ้าก็ไม่มีทางหนีไปจากเผ่าไททันของเราได้หรอก”
“เพราะนี่มันเป็นความอัปยศอดสูที่เผ่าไททันของเราได้รับ! แต่หากเจ้ายอมไว้ชีวิตทั้ง 2 ข้าสัญญาว่าจะไม่ขัดขวางในระหว่างที่เจ้าเดินทางกลับ”
“มนุษย์กึ่งเทพ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดเรื่องนี้ให้ดี เพราะการไว้ชีวิตทาสนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน ข้าจะให้เวลาเจ้าคิด 1 นาที ข้าหวังว่าเจ้าจะเลือกหนทางที่ดีที่สุดก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
ทว่าสิ่งที่ไททันเทพปีศาจไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่มันพูดจบ หลินเทียนเชวี่ยทำเพียงแค่แสยะยิ้มออกมา
แล้วเขาก็ยกดาบสายฟ้าสีม่วงในมือเล็งไปที่ใบหน้าของอาซา “ไสหัวไปซะ!”
เมื่อไททันเทพปีศาจได้ยินคำพูดของหลินเทียนเชวี่ย ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
“มนุษย์กึ่งเทพ เจ้าเลือกเองนะ”
ในทางกลับกัน สายตาของแม่ทัพมังกรกลับไม่มีความกลัวเลยสักนิด “เรียกมนุษย์กึ่งเทพอยู่ได้ ฉันมีชื่อ จำเอาไว้ว่าฉันชื่อหลินเทียนเชวี่ย!”
จังหวะนั้นชายวัยกลางคนก็ตวัดดาบสายฟ้าฟาดฟันเข้าใส่หมอกสีดำเบื้องหน้าเต็มแรง
ตูม!
แล้วแสงดาบที่ควบแน่นกับพลังสายฟ้าก็ได้ทำลายหมอกดำจนสลายไปทันที
ทว่าหลังจากที่หมอกดำสลายไป มันก็กลับมารวมตัวกันเป็นใบหน้าของไททันเทพปีศาจอย่างรวดเร็ว
แต่คราวนี้อาซากลับไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
“ดี! ดีมาก!” ใบหน้าของไททันเทพปีศาจเปลี่ยนเป็นดุดัน “หลินเทียนเชวี่ย ข้าจำชื่อเจ้าได้แล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เลือกแบบนี้!”
พอมันพูดจบ ใบหน้านั้นก็สลายหายไป
ในเวลาเดียวกัน เฝิงเจิ้งกั๋วก็ทรุดตัวคุกเข่าตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ท่านอาซา! ท่านจะทิ้งผมไปไม่ได้นะ! ผมเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน! ความดีความชอบที่ผมมีต่อเผ่าไททันนั้น ดวงตะวันและจันทราเป็นพยาน”
“ผมจะตายไม่ได้… ผมตายไม่ได้!”
สำหรับคนเห็นแก่ตัวอย่างเฝิงเจิ้งกั๋ว การมอบความหวังแก่เขาแล้วปล่อยให้เขาสิ้นหวังนั้นเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุด
ในตอนนี้สีหน้าของนายพลเฝิงซีดเผือดในขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“หมารับใช้ไททันอย่างแก ตอนนี้แกไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว” เสียงของหลินเทียนเชวี่ยดังขึ้นขัดจังหวะเฝิงเจิ้งกั๋วอีกครั้ง
“แม้แต่เผ่าเดียวกันแกยังกล้าทรยศ แกคิดจริง ๆ เหรอว่าเผ่าไททันจะจริงใจกับแก ในสายตาของพวกมัน แกก็เป็นเพียงเบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น”
เฝิงเจิ้งกั๋วหันไปมองคนพูดด้วยน้ำตานองหน้า
แม้แต่หลินหยวนกับหลี่หวงเหยียนก็ยังไม่คาดคิดว่าชายคนนี้จะเศร้าโศกเป็นเหมือนกัน
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองซ้ำ ๆ
เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ!
“นายพลหลิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันสมควรตาย!”
“แต่ได้โปรด เห็นแก่ที่เรารู้จักกันมานาน ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าฆ่าฉันเลย นายพาฉันกลับไปก็ได้ ฉันยินดีที่จะสารภาพต่อหน้ากองทัพเพื่อรับโทษจำคุก!”
ขณะที่เฝิงเจิ้งกั๋ววิงวอน เขาก็ยังคงตบหน้าตัวเองไม่หยุด
หลังจากหลินเทียนเชวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “นายพลเฝิง ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนไร้ยางอายแบบแกอยู่บนโลกนี้ แกไม่สมควรเป็นทหารของหัวเซี่ย!”
ทันใดนั้นไหล่ของเฝิงเจิ้งกั๋วก็เริ่มสั่นเทา
เขากำลังหัวเราะ!
“หลินเทียนเชวี่ย ตอนที่ฉันวางแผนทำร้ายแก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของแก ฮ่า ๆๆ!” นายพลเฝิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา! แต่ฉันทำผิดตรงไหน ฉันก็แค่อยากมีชีวิตอยู่ ตอนอายุ 13 บ้านเกิดของฉันถูกไททันถล่มราบคาบ พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ล้วนต้องตายในหายนะครั้งนั้น แล้วฉันก็เป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้”
“นับตั้งแต่วันนั้น ฉันก็เข้าใจแล้วว่าพลังของมนุษย์เพียงอย่างเดียวไม่อาจเทียบกับไททันได้หรอก ฉันจึงได้ละทิ้งความเชื่อทั้งหมดเพื่อทำลายมวลมนุษยชาติ ทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไปได้ เพื่ออยู่รอดูโลกที่ดีขึ้นในอนาคต”
“ฉันไม่อยากตายเหมือนคนพวกนั้นที่ไม่มีใครจารึกจดจำ บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยที่ไม่ทำอะไร ไม่ว่าโลกนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะมีชีวิตอยู่ ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่!!”
หลังจากเฝิงเจิ้งกั๋วเล่าถึงชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของตัวเอง เขาก็เริ่มคลุ้มคลั่ง
แต่หลินเทียนเชวี่ยยังคงพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “ใช่แล้ว แกสามารถฆ่าคนเป็นร้อยเป็นพันเพื่อตัวแกเองได้ ถ้านรกมีจริง ฉันคิดว่านั่นคือจุดหมายปลายทางของแก!”
สิ้นเสียงนั้น ดาบสายฟ้าก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกของเฝิงเจิ้งกั๋ว
แล้วมันก็ได้แทงอวัยวะภายในของเขาจนขาดวิ่นแม้แต่หัวใจก็หยุดเต้นลงทันที
ฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวได้แต่เบิกตามองภาพตรงหน้าก่อนจะทรุดลงกับพื้น
แล้วคนทรยศที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพในที่สุดก็ตายอยู่ภายใต้คมดาบของหลินเทียนเชวี่ย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 92
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น