บทที่ 25 ความมืดที่ย่างกาย

-A A +A

บทที่ 25 ความมืดที่ย่างกาย

 

 

บทที่ 25 ความมืดที่ย่างกาย

 

ความเงียบสงบเข้าปกคลุมถ้ำลับแลในป่าลึก แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาเป็นทางยาว เผยให้เห็นร่างของ เอเรน ที่หลับใหลอย่างอ่อนล้า โดยมี เซเลเน่ นอนซบอยู่ข้างๆ อย่างไร้เดียงสา และ ลีร่า ที่กลับคืนสู่ร่างเดิมแล้ว กำลังนอนเอนกายอยู่ไม่ห่าง

 

แต่ในห้วงนิทราของเอเรน... ทุกสิ่งกลับไม่สงบสุข

 

เอเรนยืนอยู่กลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยศพ เขาไม่ใช่เอเรนคนปัจจุบัน แต่เป็นเอเรนในร่างเดิม... ชายหนุ่มจากอีกโลก เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและเขม่าควัน กำดาบในมือแน่น ดวงตาว่างเปล่า

 

เบื้องหน้าของเขาคือ อดีตผู้กล้า ที่เคยเป็นพวกพ้องของเขา พวกเขายืนล้อมวงอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มเย็นชาที่เต็มไปด้วยการทรยศ

 

“ขอโทษนะ เอเรน... แต่พลังของแกมันอันตรายเกินไป” อดีตผู้กล้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นเคยเป็นน้ำเสียงของเพื่อนที่เขาวางใจ

 

“พวกแก... คิดจะทำอะไรกับฉัน”

 

 เอเรนถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

 

แต่ไม่มีใครตอบคำถามของเขา มีเพียงดาบศักดิ์สิทลับธิ์ที่โชนแสงสีทองอร่ามพุ่งเข้าปักที่อกของเขาอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าวแล่นไปทั่วร่าง พลังเวททั้งหมดในตัวเขาถูกผนึกไว้ในพริบตา เอเรนล้มลงคุกเข่าอย่างสิ้นหวัง 

 

ภาพของ องค์หญิงแห่งอาณาจักรแห่งแดนใต้ ที่เคยยิ้มให้เขาในวันแรกที่เขามายังโลกแห่งนี้ค่อยปรากฏขึ้นในห้วงสำนึ 

 

“ไมเป็นไรต่อให้ท่านจะเจอกับมอนสเตอร์ที่หน้าหวาดหวั่นแค่ไหน แต่ว่าพวกเราจะอยู่ข้าง ๆ ท่านเองท่านผู้กล้า”

 

แต่บัดนี้เธอกเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ พร้อมกับเวทมนตร์สีขาวที่พุ่งเข้าสู่ร่างของเขา พลังเวทมหาศาล ของเขาถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและบาดแผลที่ไม่มีวันสมาน

 

“ฉัน... ทำทุกอย่างเพื่อพวกแก... ทำไม...”

 

“เพระว่าท่านต้องเป็นเพียงอาวุธ... ที่เราสามารถใช้งานได้เท่านั้น” องค์หญิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

“และอาวุธ... ก็ไม่สมควรมีจิตใจเป็นของตัวเอง”

 

ภาพความมืดเข้าครอบงำ ราวกับโลกทั้งใบกำลังแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา เอเรนลืมตาขึ้นอีกครั้งในความมืดมิดของห้วงสำนึก โดยมีเพียงความแค้นที่คอยกัดกินเขาอยู่เพียงลำพัง

 

เอเรนสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหงื่อกาฬไหลอาบใบหน้าจนชุ่ม ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวที่ยังคงหลงเหลือจากฝันร้าย

 

“เอเรน! นายเป็นอะไร?”

 

เสียงที่อบอุ่นของลีร่าดังขึ้นข้างกาย เธอตื่นขึ้นมาและกำลังจ้องมองเขาด้วยความเป็นห่วง ลีร่าเอื้อมมือออกไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน

 

“ไม่... ไม่มีอะไร...” เอเรนตอบเสียงแหบพร่า 

 

“แค่ฝันร้ายนิดหน่อย”

 

“ฝันร้ายงั้นเหรอ” 

 

 “ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวที่รุนแรงมากนะเอเรน... มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีตของนายใช่ไหม?”

 

เอเรนไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่เงียบไป ลีร่าถอนหายใจ เธอเข้าใจว่าเอเรนคงไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีต  

 

“ไม่เป็นไร... ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้อง”

 

 เธอค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น วางศีรษะพิงไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา “แต่จำไว้นะ... ตอนนี้นายไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว... นายมีฉัน... และมีเซเลเน่”

 

คำพูดของลีร่าราวกับสายน้ำทิพย์ที่ชโลมจิตใจของเอเรนที่กำลังปวดร้าว เขาค่อยๆ คลายความตึงเครียดลง มองดูเซเลเน่ที่หลับพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา และมองลีร่าที่กำลังให้ความอบอุ่นแก่เขาอย่างไม่คาดคิด

 

“ขอบคุณนะ ลีร่า...” เอเรนกระซิบเบาๆ

 

หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็พูดคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับแผนการในอนาคต และเส้นทางที่พวกเขาควรจะไป ก่อนที่เอเรนจะลุกขึ้นยืน เขาสูดหายใจลึกก่อนที่จะเดินตรงไปยังทางออก

 

“ฉันจะไปออกกำลังหน่อย”  

 

“แต่... นี่มันยังไม่สว่างเลยนะ ... แล้วอีกอย่างนายก็เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมง” ลีร่าพยายามห้าม

 

“ไม่มีปัญหาหรอกปกติฉันก็เป็นคนนอนน้อยอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างยิ่งฉันอ่อนแอ... ฝันร้ายก็ยิ่งตามหลอกหลอนฉันมากขึ้น” 

 

 “ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น... เพื่อจะได้ไม่ให้ใครมา…”

 

ลีร่ามองตามแผ่นหลังของเอเรนที่เดินออกจากถ้ำไปในความมืดมิดของรุ่งอรุณ ดวงตาคู่คมสีแดงฉานของเธอเต็มไปด้วยความเห็นใจและเป็นห่วง เธอหันกลับมามอง เซเลเน่ ที่ยังคงหลับใหลอย่างสงบ ดวงตาสีแดงเลือดของเด็กหญิงดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างน่าประหลาดใจ

 

ลีร่าค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ ลูบผมสีขาวราวหิมะของเซเลเน่อย่างแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนที่ปลายนิ้ว

 

“เธอ... คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม เซเลเน่?” ลีร่ากระซิบเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง 

 

“ไม่รู้ว่าเอเรนต้องเจอกับอะไรมาบ้าง... ไม่รู้ว่าพวกเราต้องหลบหนีจากอะไร...”

 

เธอรู้สึกถึงพลังเวทของเธอที่ไหลเวียนออกมาอย่างอ่อนโยน มันไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อใช้ต่อสู้ แต่เป็นพลังที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอบอุ่น ลีร่าใช้พลังนั้นเพื่อปลอบประโลมเซเลเน่ที่ยังคงหลับใหล ให้หลับฝันดีในโลกที่โหดร้ายแห่งนี้

 

“แต่ไม่เป็นไรนะ...” ลีร่ากระซิบอีกครั้ง “ตราบใดที่พวกเราอยู่ด้วยกัน... ฉันจะดูแลเธอเอง... จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้เด็ดขาด”

 

เธอพิงแก้มลงกับเส้นผมสีขาวของเซเลเน่ ลมหายใจของเด็กหญิงแผ่วเบาและสม่ำเสมอ ลีร่ารู้สึกถึงความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างลึกซึ้ง มันไม่ใช่แค่พันธะแห่งโชคชะตา แต่มันคือความรู้สึกแบบ... แม่

 

‘ฉันเข้าใจแล้ว... ทำไมนายถึงยอมสละทุกอย่างเพื่อปกป้องเซเลเน่’ ลีร่าคิดในใจ ภาพของเอเรนที่กำลังต่อสู้กับฝันร้ายของตัวเองยังคงติดตาเธอ 

 

‘ความรู้สึกนี้มัน... อบอุ่นกว่าที่คิด’

 

ในที่สุด ลีร่าก็เอนกายลงนอนข้างๆ เซเลเน่ โอบกอดร่างเล็กๆ นั้นไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก บาเรียเวทมนตร์สีฟ้าใสที่เธอกางไว้ยังคงส่องประกายจางๆ ปกป้องพวกเขาทั้งสองจากภัยคุกคามภายนอก

 

ในห้วงสำนึกของลีร่า ภาพอดีตของเธอก็ย้อนกลับมา... ภาพหมู่บ้านเนครอนที่ถูกเผาทำลาย ภาพความแค้นที่สั่งสมมานับศตวรรษ แต่ในตอนนี้... ภาพเหล่านั้นกลับเจือจางลงไปเล็กน้อย เมื่อเทียบกับภาพของเอเรนที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และความไร้เดียงสาของเซเลเน่ที่อยู่ในอ้อมกอด

 

ลีร่าหลับตาลงอย่างสงบ เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.