บทที่ 67: ป้อมปราการสงคราม แนวป้องกันที่ 3
ป้อมปราการเหล็กขนาดมหึมาซึ่งตั้งอยู่บนผืนดินที่เกลี้ยงเกลาสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้าเป็นดั่งมังกรเหล็กที่ทอดยาวเชื่อมสวรรค์และโลก
ถ้าหลินหยวนจำไม่ผิด กำแพงป้อมปราการสงครามนี้น่าจะสร้างด้วยโลหะพิเศษเกรด SSS
เพียงแค่กำแพงอย่างเดียวก็ต้องใช้ทุนสูงถึงหมื่นล้านหยวน แม้แต่ไททันมหาวิบัติก็คงไม่สามารถฝ่ากำแพงเหล็กชั้นนี้ไปได้ ต่อให้ไททันมหันตภัยจะมาด้วยตัวเองก็คงต้องใช้เวลานานกว่าที่จะฝ่ากำแพงหรือป้อมปราการสงครามนี้ได้สำเร็จ
เมื่อเทียบกับป้อมปราการสงครามเบื้องหน้า กำแพงโลหะของเมืองหนานเจียงนั้นไม่ต่างจากกำแพงพลาสติก
เหตุผลที่กำแพงป้อมปราการสงครามต้องแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันอยู่ใกล้แนวหน้า
เพื่อปกป้องประชาชนที่อยู่เบื้องหลัง ประเทศได้วางแนวป้องกันเอาไว้ทั้งหมด 5 แนวป้องกัน ตั้งแต่แนวป้องกันแรกไปจนถึงแนวป้องกันที่ 5 ยิ่งแนวป้องกันเข้าใกล้สนามรบในแนวหน้ามากเท่าไหร่ ที่นั่นก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น แนวป้องกันที่ 1 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แนวป้องกันนี้ถูกไททันบุกทำลายถึง 21 ครั้ง
ทุกครั้งที่เผ่าไททันทำลายแนวป้องกันนั้นได้ ทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในแนวป้องกันก็จะถูกบดขยี้เช่นกัน ดังนั้นแนวป้องกันแรกจึงเป็นจุดที่เผ่าไททันบุกเข้ามา ซึ่งมันไม่เหมาะที่จะให้คนธรรมดาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
และแนวป้องกันที่ 2 ก็ไม่ต่างจากแนวป้องกันแรกมากนัก เพราะเมื่อแนวป้องกันแรกพังทลายลง แนวป้องกันที่ 2 ก็จะต้องรับแรงกดดันทั้งหมดจากเผ่าไททันต่อไป เพราะฉะนั้นแนวป้องกันที่ 2 จึงเป็นฐานทัพของกองทัพ และถูกเรียกว่า ‘แนวป้องกันโลจิสติกส์*’
*โลจิสติกส์ ในที่นี้คือโลจิสติกส์ทางทหาร ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การจัดหา การจัดเก็บ การขนส่ง การแจกจ่าย การซ่อมบำรุง และการจัดการทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับกองทัพ
ขอเพียงแนวป้องกันแรกยังไม่ถูกทำลายลงจนสิ้น แนวป้องกันที่ 2 จะรับผิดชอบในเรื่องโลจิสติกส์ทั้งหมด
ซึ่งนับตั้งแต่แนวป้องกันที่ 3 ที่นี่ไม่ได้อันตรายเท่ากับแนวป้องกัน 2 แนวแรก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แนวป้องกันที่ 3 ถูกบุกเพียง 2 ครั้ง
หลังจากถูกเผ่าไททันบุก กองทัพก็ได้เร่งระดมกำลังพลจำนวนมากเพื่อเปิดฉากโจมตีโต้กลับและยึดแนวป้องกันที่ 3 กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าในสนามรบจะน่าเศร้ามากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วประเทศก็ยังต้านทานการโจมตีของเผ่าไททันได้สำเร็จ
สุดท้ายแล้วประเทศก็ได้วางแนวป้องกันเอาไว้ทั้งหมด 5 แนว หากแนวป้องกันทั้ง 5 นี้ถูกเผ่าไททันบุกทำลายไปจนหมด นั่นหมายความว่าแนวหลังทั้งหมดจะถูกโจมตี
เมื่อถึงเวลานั้น ทั่วทั้งแนวหลังคงจะราบเป็นหน้ากลอง หลงเหลือเพียงเศษซาก!
เท้าของเผ่าไททันจะเหยียบย่ำแผ่นดินหัวเซี่ยทุกตารางนิ้ว!
หากเป็นเช่นนี้ ประเทศชาติจะพังย่อยยับ และประชาชนหลายร้อยล้านจะต้องพลัดถิ่น!
บ้านจะไม่ใช่บ้านอีกต่อไป!
ไม่ว่าอย่างไร กองทัพหัวเซี่ยจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น!
ดังนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไร พวกเขาก็จะต้องยึดแนวป้องกันทั้ง 5 แนวนี้ไว้ให้มั่น
และแล้วหลินหยวนก็ได้ก้าวเข้ามาในป้อมปราการสงครามเบื้องหน้าที่เปรียบเสมือนมังกรเหล็กขนาดยักษ์
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของมัน เพียงแค่เข้าใกล้สิ่งก่อสร้างนั้น เขาก็แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าป้อมปราการแบบนี้สร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์จริง ๆ เหรอ?
ขณะที่หลินหยวนกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังประตูหลัก ทหารลาดตระเวน 2 นายก็ก้าวออกมาขวางเขาเอาไว้
“สวัสดีครับ เราต้องขอตรวจเอกสารของคุณก่อนนะครับ”
ถึงเด็กหนุ่มจะใช้ฉงถงระดับสูง แต่เขายังสัมผัสได้เพียงคร่าว ๆ ว่าทหารลาดตระเวนทั้ง 2 นายนี้เป็นผู้มีพลังพิเศษอย่างน้อยแรงก์ A
ต้องบอกว่านี่คือความแตกต่างระหว่างป้อมปราการสงครามกับเมืองหนานเจียง ทุกคนในเมืองหนานเจียงต่างให้ความเคารพผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A กันมาก
แต่สำหรับที่นี่ พวกเขาเป็นเพียงทหารลาดตระเวนธรรมดา ๆ เท่านั้น
ถัดมา หลินหยวนนำใบรับรองนักล่าจากกระเป๋าเสื้อมาปัดเบา ๆ แล้วส่งให้อีกฝ่าย จากนั้นก็กดลายนิ้วมือลงบนอุปกรณ์ที่ยามลาดตระเวน 2 คนยื่นออกมา
“ปี๊บ! ตรวจสอบลายมือผ่านแล้ว อนุญาตให้เข้าเมืองได้!”
หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว ทหารลาดตระเวนทั้ง 2 ก็ตัดสินใจปล่อยให้เด็กหนุ่มเข้าไปทันที พร้อมกับเอ่ยเตือนว่า “คุณนักล่า ช่วงนี้สถานการณ์ในป้อมปราการไม่ค่อยสงบ ขอให้คุณระวังตัวไว้และอย่าพยายามออกไปไหนข้างนอกในเวลากลางคืนนะครับ”
หลินหยวนพยักหน้าตอบรับว่า “ขอบคุณที่เตือนครับ”
เขารู้ดีว่าทหารลาดตระเวนไม่ได้พูดข่มขู่ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะสภาพแวดล้อมภายในป้อมปราการสงครามนั้นวุ่นวายมากจริง ๆ หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ กองทัพอาจจะเข้ามาจัดการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในป้อมปราการสงคราม
แต่ปัจจุบันสงครามแนวหน้ายังคงตึงเครียด พวกเขาจะมีกำลังสำรองที่ไหนมาจัดการภายในป้อมปราการแห่งนี้กัน?
สิ่งสำคัญที่สุดของกองทัพก็คือ ควบคุมไม่ให้เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ ภายใต้กรอบนี้ไม่ว่าสภาพแวดล้อมของป้อมปราการสงครามจะวุ่นวายมากแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับสงครามในแนวหน้า
ด้วยเหตุนี้เอง ป้อมปราการแห่งนี้จึงมีอาชญากรเดินกันขวักไขว่ มีทั้งผู้ลักลอบขนของผิดกฎหมาย คนค้ายาเสพติด และอื่น ๆ อีกมากมาย
พวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสงครามได้ทุกเมื่อ และใช้ชีวิตเหมือนกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายอยู่ทุกวัน
แม้แต่หลินเทียนเชวี่ยก็ยังเคยพูดเรื่องนี้กับหลินหยวน ถ้าคนในป้อมปราการถูกจับมายิงเป้า ก็อาจจะมีผู้คนบริสุทธิ์ถูกเข้าใจผิดไปบ้าง แต่ถ้าทุกคนถูกกำจัด อย่างน้อยก็ไม่มีปลาหลุดออกจากตาข่ายไปได้
เมื่อเทียบกับแนวหลังของประเทศ ที่นี่คือพื้นที่สีเทาซึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรอย่างแท้จริง
หลินหยวนไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเพราะเขามาที่นี่เพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเอง
แนวป้องกันที่ 3 คือจุดที่อยู่ใกล้สนามรบแนวหน้ามากที่สุด แต่ก็ยังนับว่าเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย
ในสนามรบ เด็กหนุ่มอาจจะถูกไททันระดับสูงฆ่าตายได้ทุกเมื่อ
แต่ที่นี่เขามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเติบโต และพัฒนาพลังของตนให้ก้าวไปข้างหน้า
เมื่อเขาแข็งแกร่งมากพอ เขาจะออกจากที่นี่แล้วก้าวเข้าสู่สนามรบเบื้องหน้าอย่างเป็นทางการ เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นดาบที่คอยทิ่มแทงหัวใจของเผ่าไททัน
หลังจากหลินหยวนเข้าสู่ป้อมปราการสงครามเป็นที่เรียบร้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกระซิบว่า “ระบบ ฉันต้องการลงชื่อเข้าใช้”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณลงชื่อเข้าใช้สำเร็จเป็นเวลา 250 วัน ได้รับรางวัล: [เทเลพอร์ต]!”
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองลงชื่อเข้าใช้มาถึง 250 วันแล้ว!
ถึงแม้ว่าจำนวนวันอาจจะดูไม่ยาวนานสักเท่าไหร่ แต่รางวัลลงชื่อเข้าใช้ในครั้งนี้ทำให้เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเพราะความตื่นเต้น
พลังพิเศษใหม่อีกแล้ว!
พลังเทเลพอร์ต!
วินาทีต่อมา หลินหยวนอดใจไม่ไหวจึงได้ตรวจสอบวิธีการใช้พลังนี้
[เทเลพอร์ต [ระดับ E]
วิธีใช้: ผู้ใช้พลังนี้สามารถเทเลพอร์ตได้ 1 ครั้งทุก ๆ 8 ชั่วโมง และระยะเทเลพอร์ตสูงสุดคือ 50 เมตร
(ยิ่งระยะเทเลพอร์ตไกลเท่าไหร่ก็จะยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นเท่านั้น)]
“สามารถใช้ได้ 1 ครั้งในทุก ๆ 8 ชั่วโมง และใช้ได้ภายในระยะ 50 เมตรเท่านั้น”
เมื่อหลินหยวนพิจารณาถึงพลังพิเศษ [เทเลพอร์ต] ซึ่งอยู่ในระดับ E เท่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ต้องบอกว่าถึงแม้พลังในการเทเลพอร์ตไปที่ไหนก็ได้จะฟังดูแล้วทรงพลังมาก แต่ในความเป็นจริงมันก็มีข้อจำกัดอยู่มากมาย
ทั้งข้อจำกัดในด้านเวลา ข้อจำกัดในด้านพื้นที่ และข้อจำกัดทางกายภาพ
ระยะทางในการเทเลพอร์ตเพียง 50 เมตรนั้นแม้แต่การโจมตีบางประเภทที่มีระยะครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้างบางทีเขาก็อาจจะไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้
ถ้าหลินหยวนเลือกที่จะพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง ระยะทางอาจจะมากกว่า 50 เมตรต่อวินาทีก็เป็นได้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พลังพิเศษนี้ดูอ่อนด้อยมากจริง ๆ
แต่โชคดีที่ [เทเลพอร์ต] มีระดับ E พ่วงท้าย นั่นหมายความว่าพลังพิเศษนี้ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก!
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มก็หยิบคริสตัลอัปเกรดพลังทั้งหมดออกมาจากช่องเก็บของ แล้วใช้มันไปกับการอัปเกรด [เทเลพอร์ต]
“ติ๊ง! [เทเลพอร์ต] อัปเกรดเป็นระดับ D สำเร็จ! ระยะเวลาคูลดาวน์ลดเหลือ 6 ชั่วโมง ระยะเทเลพอร์ตสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 100 เมตร!”
“ติ๊ง! [เทเลพอร์ต] อัปเกรดเป็นระดับ C สำเร็จ! ระยะเวลาคูลดาวน์ลดเหลือ 4 ชั่วโมง ระยะเทเลพอร์ตสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 200 เมตร!”
“ติ๊ง! [เทเลพอร์ต] อัปเกรดเป็นระดับ B สำเร็จ! ระยะเวลาคูลดาวน์ลดเหลือ 2 ชั่วโมง ระยะเทเลพอร์ตสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมตร!”
เมื่อหลินหยวนใช้คริสตัลอัปเกรดพลังทั้งหมดที่สะสมมา [เทเลพอร์ต] ก็อัปเกรดมาเป็นระดับ B ในคราวเดียว
นอกจากระยะเวลาคูลดาวน์จะลดลงเหลือ 2 ชั่วโมงแล้ว แม้แต่ระยะเทเลพอร์ตสูงสุดก็ยังเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมตรอีกด้วย!
เพียงเท่านี้ไม่ว่าเขาจะใช้มันเพื่อการหลบหนีหรือหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม [เทเลพอร์ต] ก็มีบทบาทสำคัญในการเอาชีวิตรอดของเขามาก
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ หลังจากอัปเกรด [เทเลพอร์ต] ไปถึงระดับ B แล้ว เขากลับไม่ได้รับสกิลเพิ่มเติมเหมือนกับพลังพิเศษอื่น ๆ
แต่ความสามารถในการเคลื่อนย้ายร่างนั้นมันก็พิเศษมากพอสมควรแล้ว การดำรงอยู่ของพลังพิเศษนี้อาจกล่าวได้ว่าทำลายกฎของโลกไปโดยสิ้นเชิง
*******************************************
SkySaffron: ในที่สุดก็ถึงป้อมปราการแล้ว แถมยังได้พลังพิเศษใหม่ด้วย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 110
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น