ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
BMW M8 จอดสนิทหน้าร้านอ้อยจันทร์
ร่างสูงของแทนตะวันก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว ขายาว ๆ ก้าวฉับ ๆ เข้าไปด้านใน ดวงตาคมกริบกวาดมองรอบตัวด้วยความร้อนรน
แสงไฟหลากสีสะท้อนลงบนพื้นหินอ่อนเป็นเงาวูบวาบ เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบา ๆ เติมความเย้ายวนให้สถานที่แห่งนี้
นักท่องราตรีเดินไปมา บ้างอยู่ในอาการมึนเมา เสียงหัวเราะแว่วดังมาจากโซนวีไอพี
แต่ทั้งหมดนั้น...ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลย
“ที่แกรีบมาที่นี่...เพราะน้องปลายฝนใช่ไหม?”
เสียงของกิตติชัยดังขึ้นข้างตัว ทำให้แทนตะวันสะดุ้งเล็กน้อย เขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเพื่อนสนิทมายืนเคียงข้างตั้งแต่เมื่อไร
แทนตะวันพยักหน้า สายตาของเขาจับจ้องไปยังจุดเดียว—
เวทีเล็ก ๆ ใจกลางห้อง
ปลายฝน
เธอยืนอยู่ตรงนั้น ในชุดเดรสสั้นสีดำเข้ารูป เนื้อผ้าแนบเนื้อเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
เว้าหลังลึกจนเกือบถึงเอว ด้านหน้าผ่าลึกเกินกว่าที่ควรเป็น
ร่างสูงกำหมัดแน่น กรามขบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
ด้านล่างเวที—
กลุ่มนักท่องราตรีมากมายยืนล้อมกันเป็นวง บางคนสวมหน้ากากแฟนซีรูปสัตว์ บางคนปิดบังใบหน้าด้วยขนนกสีสันฉูดฉาด บางคนสวมหน้ากากเรียบหรูสีดำ
ไม่มีใครอยากให้ตัวเองถูกจดจำได้
เพราะในกลุ่มนั้น...มีทั้งนักธุรกิจใหญ่ ข้าราชการระดับสูง และคนในวงการบันเทิง
ทุกคนล้วนซ่อนตัวตนไว้ในเงามืด ไม่มีใครอยากให้ชื่อเสียงของตัวเองมัวหมอง เพียงเพราะมาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้
ฮันนี่—โฆษกประจำของร้าน เดินขึ้นเวทีในชุดเดรสแดงเพลิง เส้นผมลอนสลวยพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน
เสียงแหลมหวานของหญิงสาวดังขึ้นผ่านไมโครโฟน
“เอาล่ะค่ะทุกท่าน! คืนนี้ เรามีการประมูลพิเศษ—เจ้าสาวหนึ่งราตรี!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ผู้ชายหลายคนหัวเราะเบา ๆ คุยกันอย่างตื่นเต้น บางคนเริ่มขยับตัวมาข้างหน้า สายตาของคนเหล่านั้นจับจ้องไปที่ร่างบางบนเวที
แต่สิ่งที่สะดุดตาแทนตะวันไม่ใช่ความเย้ายวนตรงหน้า ทว่าเป็นแววตาของเธอ—แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความอับอาย และความไม่มั่นคง
มือเรียวของปลายฝนกำแน่นอยู่ข้างตัว สั่นไหวจนน่าใจหาย รอบตัวเธอมีหญิงสาวในชุดเซ็กซี่อีกสามคนยืนขนาบข้าง
เสียงของฮันนี่ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าสาวของเราสวยมากเลยใช่ไหมคะ ใครกันนะที่จะได้เป็นผู้ครอบครองเธอในค่ำคืนนี้ น่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ”
นักธุรกิจหนุ่มยืนนิ่ง เลือดในกายเดือดพล่าน สายตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
คนเหล่านั้นทำราวกับว่าปลายฝนเป็นเพียงสินค้าที่ไม่มีชีวิต ไร้หัวใจ ไร้สิทธิ์เลือกอนาคตของตัวเอง
แทนตะวันกำมือแน่น ก่อนจะก้าวพรวดไปข้างหน้า แต่กิตติชัยรีบคว้าตัวเขาไว้ทัน
“แทน แกจะทำอะไรวะ”
“ไม่เห็นเหรอไงกิต ฉันจะไปพาปลายฝนออกมา”
เสียงต่ำลึกของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น
กิตติชัยมองเพื่อนสนิท ถอนหายใจหนัก ๆ เขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จะให้แทนตะวันบุกเข้าไปตรง ๆ แบบนี้ มันไม่ใช่วิธีที่ดีแน่
โชคดีที่คืนนี้ เขาคิดรอบคอบ เตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้ว
“แกใจเย็นก่อน จะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแบบนี้ไม่ได้ เอานี่”
หนุ่มเจ้าเสน่ห์หยิบหน้ากากสีดำครึ่งใบออกมายื่นให้
“แกไม่ควรเปิดเผยตัวตน ไม่งั้นอาจเป็นข่าวได้”
แทนตะวันตวัดสายตาลงมอง ก่อนยื่นมือออกไปรับหน้ากาก สูดหายใจลึก ระงับโทสะที่กำลังพุ่งพล่าน
“…ฉันลืมตัวไปหน่อย ขอบใจมากเพื่อน”
กิตติชัยตบบ่าเบา ๆ สายตาจริงจังขึ้นทันที “เออ... ทีนี้ก็ทำตัวให้แนบเนียน แล้วไปพาตัวน้องปลายฝนออกมาให้ได้”
ดวงตาคมของแทนตะวันกวาดมองไปยังเวทีอีกครั้ง
การประมูลเริ่มต้นขึ้น เสียงของฮันนี่ ผู้ทำหน้าที่ดำเนินงาน ขานตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นระยะ ปนไปกับเสียงเฮฮาและเสียงโห่ร้องสนุกสนานจากเหล่านักท่องราตรี
บนเวที...ปลายฝนยืนนิ่ง กัดริมฝีปากแน่น มือสั่นระริกจนปิดไม่มิด ภาพเหตุการณ์ที่แม่ใหญ่โทรตามให้มาที่นี่วิ่งวนอยู่ในหัว แม้เธอจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธมารดาบุญธรรมได้
หญิงสาวสามคนขนาบข้างเธอไว้ราวกับเป็นกำแพงกั้นไม่ให้หลบหนี ใบหน้าของพวกเธอปราศจากความเห็นใจ ราวกับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ต้องทำให้สำเร็จ
ความกลัวในแววตาของปลายฝนทำให้แทนตะวันแทบอยากก้าวไปรวบร่างบางลงจากเวทีเดี๋ยวนั้น เขาต้องหยุดเรื่องนี้ และต้องเป็นฝ่ายชนะให้ได้
ในที่สุด ราคาประมูลก็พุ่งถึงขีดสุด เสียงของฮันนี่ดังขึ้นด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“โอ้โห~! ดูเหมือนคืนนี้เราจะมีผู้ประมูลที่ใจกว้างมากเลยนะคะ! และผู้ที่ให้ราคาสูงสุดก็คือ…คุณหน้ากากหมาป่า!”
เสียงฮือฮาดังรอบทิศ นักท่องราตรีบางคนถอนใจ บางคนส่ายหน้าด้วยความเสียดาย เพราะไม่อาจสู้ราคาได้
ปลายฝนใจเต้นระส่ำ ก้มหน้าลงด้วยความกลัว เธอไม่ต้องการรับรู้ว่าใครคือผู้ชนะการประมูลครั้งนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไร เธอก็เป็นได้เพียงสินค้าของผู้ชายเท่านั้น
สิ้นเสียงสาวชุดแดง ปลายฝนกำมือแน่นขึ้น ใบหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นระรัว
‘ไม่! ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง…’
สายตากลมหวานกวาดมองรอบตัว พยายามหาทางหนีทีไล่ แต่หญิงสาวสามคนที่ขนาบอยู่กลับก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ทำให้เธอสิ้นหนทางจะหนี
‘นี่ตัวฉันจะต้องยอมแพ้อย่างนั้นหรือ…’
ชายสวมหน้ากากรูปหมาป่าก้าวขึ้นเวทีอย่างสง่างาม แววตาคมภายใต้หน้ากากจับจ้องไปยังร่างบางตรงหน้า
หญิงสาวสามคนที่ขนาบข้างรีบเบี่ยงหลบทางให้ ราวกับรับรู้ได้ถึงอำนาจบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเขา
ปลายฝนยังคงก้มหน้า ไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่าย ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงมืออุ่นที่แตะแขนเรียวของเธออย่างแผ่วเบา
หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าผู้คน แขนเรียวสะบัดออกเต็มแรง
“อย่ามาแตะต้องฉัน!”
เสียงสั่นเครือของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและต่อต้าน สายตาวาวโรจน์สะท้อนความเจ็บปวดที่เก็บกดไว้
ผู้ชายพวกนี้ก็เหมือนกันหมด...ทุกคนก็แค่มองเธอเป็นของเล่น!
มือบางยกขึ้น เตรียมฟาดใส่บุรุษตรงหน้า แต่เขากลับรวบมือบอบบางไว้แน่น
แทนตะวันก้มลงกระซิบชิดใบหูพอให้ได้ยินกันสองคน “ปลายฝน ไม่ต้องกลัว...นี่ฉันเอง”
โลกของเธอหยุดหมุน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เสียงนี้!?
ปลายฝนหันขวับมองเต็มตา ความตกใจและความโล่งใจผสมปนเปกันในแววตา
“คะ...คุณ...” เธอพึมพำเสียงสั่น
นิ้วเรียวของเขาแตะริมฝีปากเธอเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เงียบ ก่อนโอบร่างบางเข้ามาใกล้ กอดไว้แน่น
ดวงตาคมที่มองเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นและคำสัญญาว่าจะปกป้อง
เสียงรอบด้านยังไม่ทันเงียบลง ฮันนี่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง เสียงหวานใสดังไปทั่วทั้งห้อง
“เอาล่ะค่ะ! ตอนนี้เราก็ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว~! และเพื่อเป็นการยืนยันว่าเจ้าสาวหนึ่งราตรีของเราเป็นของจริง ๆ ขอให้ชายผู้โชคดี...จูบเธอสักหน่อยค่ะ!”
บรรยากาศรอบเวทีเต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงปรบมือ เสียงแซว และเสียงหัวเราะดังระงม หญิงสาวหลายคนมองปลายฝนด้วยแววตาอิจฉา ส่วนบรรดาชายหนุ่มต่างถอนใจเสียดายที่ไม่อาจสู้ราคาสูงลิ่วได้
แต่แทนตะวันกลับยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบหรี่ลงอย่างครุ่นคิด “พวกเขาคิดจะทำให้เธอเป็นสินค้า...จนถึงวินาทีสุดท้ายเลยอย่างนั้นหรือ”
คำถามนั้นยังคงดังก้องอยู่ในสมอง สายตาคมกวาดมองรอบตัว สะกดความรู้สึกขุ่นมัวไว้ภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง
เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนหันกลับไปสบตาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ในดวงตาฉายแววลังเลและขอโทษ ไม่ใช่เพราะต้องการล่วงเกิน แต่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น หากต้องการพาเธอออกไปโดยไม่เป็นจุดสนใจ จำต้องเล่นตามกติกาของที่นี่
ใบหน้าคมโน้มต่ำลงช้า ๆ ริมฝีปากอุ่นแตะลงบนกลีบปากบางเพียงแผ่วเบา—ไร้ท่าทีบีบบังคับหรือหยาบคาย สัมผัสนั้นอ่อนโยนราวกับสายลมบางเบาที่มอบความอบอุ่นและการปกป้องในคราวเดียว
ร่างบางของปลายฝนแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวอย่างห้ามไม่อยู่ ความสับสนถาโถมเข้ามาจนเธอแทบตั้งตัวไม่ทัน ทว่าลึกลงไป เธอสัมผัสได้ถึงความให้เกียรติจากชายผู้นี้
สัมผัสนั้นบอกชัดว่าไม่มีเจตนาร้าย สิ่งที่เขาทำมีเพียงความปรารถนาดีที่อยากให้เธอรอดพ้นจากค่ำคืนนี้
ริมฝีปากแตะเพียงครู่ ก่อนที่เขาจะผละออกอย่างนุ่มนวล แววตาคมยังจับจ้องอยู่ไม่ห่าง แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่บนริมฝีปาก
ใบหน้าของปลายฝนเริ่มแดงระเรื่อโดยไม่อาจควบคุมได้
แทนตะวันกระชับอ้อมแขนที่โอบเธอไว้ เอ่ยเสียงเบา ราวกับจะปลอบประโลม “เธอปลอดภัยแล้ว ปลายฝน”
เสียงโห่ร้องและเสียงแซวยังคงดังระงมรอบทิศ ฮันนี่เองก็ปรบมือ ยิ้มหวานเจื้อยแจ้วผ่านไมโครโฟน
“โอ๊ย~! โรแมนติกสุด ๆ ไปเลยค่ะ! คืนนี้คงเป็นค่ำคืนที่พิเศษสำหรับทั้งสองคนแน่นอน~!”
แต่แทนตะวันไม่ได้สนใจคำพูดนั้นแม้แต่น้อย—
ในหัวเขามีเพียงเป้าหมายเดียว...
“พาเธอออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
มือแกร่งกุมมือบอบบางแน่น มืออีกข้างล้วงกระเป๋าหยิบเช็คเงินสดที่เตรียมไว้จากด้านในสูท ยื่นให้ฮันนี่โดยไม่ลังเล
“เท่านี้พอหรือยัง?” เสียงทุ้มต่ำ กดดัน และไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง
สาวชุดแดงมองตัวเลขบนเช็ค ตาโตขึ้นเล็กน้อย ก่อนฉีกยิ้มหวาน หัวเราะเบา ๆ แล้วรีบเก็บเช็คลงในมือ
“ใจถึงขนาดนี้ เจ๊ใหญ่คงพอใจ~ ขอให้คืนนี้มีความสุขนะคะ คุณหน้ากากหมาป่า”
เขาไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะชายตามองเธออีกด้วยซ้ำ มือใหญ่กระชับมือปลายฝน เดินนำพาเธอฝ่าฝูงชนที่ยังส่งเสียงฮือฮาออกไป
ปลายฝนเดินตามโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง—หัวใจเต้นรัวและสับสนไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอแทบตั้งตัวไม่ทัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจคือ...คืนนี้ เขามาช่วยเธอไว้ได้อีกครั้ง


แสดงความคิดเห็น