ตอนที่ 4

แทนรักที่ปลายฟ้า
คุณกำลังอ่าน: แทนรักที่ปลายฟ้า

-A A +A

ตอนที่ 4

 

รถคันหรูเคลื่อนตัวไปตามถนนใต้แสงไฟสลัว เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ คลอไปกับความเงียบที่โรยตัว

แทนตะวันขับรถไปเงียบ ๆ มือแกร่งจับพวงมาลัยแน่น สายตาจับจ้องถนนเบื้องหน้า แต่ภายในใจกลับไม่ได้สงบนิ่งเหมือนภายนอก ภาพเหตุการณ์ที่เขาเกือบทำร้ายปลายฝนยังคงแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึก

กิตติชัยที่นั่งด้านหลัง มองสลับระหว่างทั้งสองที่เอาแต่จ้องกันไปมา ท่าทางขัดเขินของทั้งคู่ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ สุดท้าย... เขาทนไม่ไหว

“เออ ตกลงมีใครจะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น!?”

แทนตะวันเหลือบมองเพื่อนสนิทแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับไปเพ่งสมาธิกับถนนเบื้องหน้า

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่ปลายฝนต้องมาทำงานแบบนี้ เลยตัดสินใจช่วย”

กิตติชัยหันขวับมามองหญิงสาวทันที น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้น ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนที่ผ่านมา

“หมายความว่าน้องปลายฝนไม่ได้เต็มใจงั้นเหรอครับ?”

เสียงเธอเบาจนแทบเป็นกระซิบ “ค่ะ ฉันปฏิเสธแม่ใหญ่ไม่ได้”

หนุ่มเจ้าเสน่ห์หันมองเพื่อนสนิทที่ขับรถไปเงียบ ๆ ท่าทางของอีกฝ่ายดูผ่อนคลาย สีหน้ายิ้ม ๆ ทำให้อดคิดไปไกลไม่ได้

“เฮ้ย...ไอ้แทน แกไม่ได้ทำอะไรน้องใช่มั้ย?”

“ไอ้กิต แกจะตะโกนทำไมวะ ฉัน...ไม่ได้...”

ประโยคที่กำลังจะพูดติดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก มือกำพวงมาลัยแน่นขึ้น ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเม้มปากแน่น นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา สัมผัสของเธอ... เสียงสะอื้นเครือ... ความกลัวในดวงตาคู่นั้น...

เขาจะตอบว่า ‘ไม่ได้ทำอะไร’ ได้เต็มปากเต็มคำได้ยังไง ในเมื่อเขาเกือบจะทำจริง ๆ

กิตติชัยยังคงรอคำตอบ แต่แทนตะวันกลับเงียบไป

“แกจะอ้ำอึ้งทำไมวะ... อย่าบอกนะว่า...!”

หนุ่มเจ้าเสน่ห์ชักสีหน้ากังวล ยิ่งเห็นเพื่อนสนิทไม่ปฏิเสธตรง ๆ ยิ่งทำให้คิดหนัก มือหนายกขึ้นกุมขมับ ภาพเตียงยับ ๆ ในห้องรับรองผุดขึ้นมาในหัว ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย

“พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าน้องไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยอย่าโกรธแทนมันเลย พี่พามันมาแค่ให้ผ่อนคลาย ไม่คิดว่าจะ—”

ประโยคท้ายเบาลงจนแทบเป็นเสียงพึมพำ ดวงตาเจือความรู้สึกผิด แม้จะเป็นคนเจ้าชู้ แต่กิตติชัยก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายผู้หญิง

“เอ่อ… คุณกิตติชัยคะ คุณแทนตะวันไม่ได้ทำอะไรฉันเลยค่ะ กลับเป็นคนช่วยฉันไว้ต่างหาก”

กิตติชัยชะงัก หันไปมองหน้าแทนตะวัน ก่อนจะหันกลับมาถามปลายฝนอีกรอบ

“มันไม่ได้ทำอะไรน้องจริง ๆ ใช่มั้ย?”

“ค่ะ…”

ปลายฝนพยักหน้าเล็กน้อย แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ แม้ว่าแทนตะวันเกือบจะทำร้ายเธอจริง แต่นั่นก็เป็นเพราะความเข้าใจผิด

กิตติชัยลอบมองหญิงสาว แววตาของเธอมีบางอย่างซ่อนอยู่... บางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันแบบนั้น ก็คงไม่มีอะไรร้ายแรง

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งขึ้น แต่ก็อดจะเหล่มองเพื่อนสนิทอย่างจับผิดไม่ได้

“แล้วทำไมแกไม่บอกตั้งแต่แรก ไอ้แทน!”

คนขับยังคงเงียบ มือยึดพวงมาลัยไว้แน่น ดวงตานิ่งสนิท เพราะเขาเองก็รู้ดีว่า...มันไม่ใช่เรื่องที่พูดออกไปง่าย ๆ

แทนตะวันเหลือบมองหญิงสาวข้างกาย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก

"แต่ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษน้องปลายฝนนะ…" กิตติชัยเว้นไปชั่วครู่ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ "พี่เองเป็นคนบอกพนักงานให้หา… เอ่อ…เด็กใหม่"

น้ำเสียงที่เจือความรู้สึกผิดทำให้บรรยากาศในรถเงียบลงเล็กน้อย แม้ปกติเขาจะไม่ใช่คนที่ใส่ใจรายละเอียดนัก แต่ครั้งนี้...มันต่างออกไป

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณต่างหาก"

หญิงสาวส่งยิ้มบาง ๆ แม้ดวงตาจะยังมีร่องรอยความอ่อนล้า แต่รอยยิ้มนั้นแฝงความจริงใจ

"เพราะถ้าไม่ได้คุณกิตติชัย ฉันคงไม่ได้เจอคุณแทนตะวัน แล้วก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือแบบนี้"

คำพูดของปลายฝนทำให้กิตติชัยกระพริบตาเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับช้า ๆ "ครับ"

เขาถอนใจโล่งอก รู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหน่อย แต่กระนั้น…ก็อดไม่ได้ที่จะยินดีกับหญิงสาว หากค่ำคืนนี้ปลายฝนไม่ได้เจอเพื่อนสนิทของเขา ชะตาของเธออาจพลิกผันไปในทิศทางที่ไม่มีใครล่วงรู้

และที่สำคัญยิ่งกว่า—โชคดีที่ผู้ชายที่อยู่ในห้องนั้นกับเธอคือแทนตะวัน เพราะถ้าเป็นคนอื่น…เธออาจไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้

รถ BMW M8 สีดำเงาวับแล่นมาจอดสนิทที่หน้าคอนโดหรูของกิตติชัย แสงไฟจากลานจอดสะท้อนบนพื้นถนนราวกับจะเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถคันหรู

แทนตะวันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ถึงแล้ว ลงไปได้แล้วกิต”

คนถูกไล่หัวเราะในลำคอเบา ๆ “แหม พอมีสาวมาด้วยก็ไล่กันเชียวนะ”

เขาปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่นั่งเบาะหลัง ดวงตาเจือรอยอ่อนโยน

“ดูแลตัวเองนะครับ น้องปลายฝน”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว ยิ้มบาง ๆ ส่งให้เขา

กิตติชัยเปิดประตูลงจากรถ ก่อนหันมาโบกมือให้เพื่อนสนิท “โชคดีนะ แทน ขับรถดี ๆ ล่ะ”

“อืม…” แทนตะวันตอบสั้น ๆ ไม่หันกลับมามอง ก่อนออกรถไปอย่างเงียบ ๆ มุ่งหน้าไปส่งปลายฝนยังที่พักของเธอ

กิตติชัยยืนมองตามแสงไฟท้ายที่ลับหายไปพลางถอนใจเฮือกใหญ่

ใครจะไปคิดว่า… แค่ค่ำคืนเดียว ที่ตั้งใจพาเพื่อนสนิทออกมาผ่อนคลาย จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชีวิตของแทนตะวันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แต่บางที… นี่อาจเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น

บางที…ปลายฝน อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามาเติมเต็ม ทำให้คนที่เคยเย็นชา ไร้ความรู้สึก กลับมามีหัวใจอีกครั้ง

ในรถยนต์ที่แล่นไปท่ามกลางความมืด แสงไฟจากถนนทอดผ่านกระจกเป็นระยะ ทิ้งเงาที่เต้นรำอยู่ในห้องโดยสาร

แทนตะวันหยิบโทรศัพท์ ยื่นให้หญิงสาวข้างกายโดยไม่ละสายตาจากถนนเบื้องหน้า น้ำเสียงเรียบนิ่ง

“เธอพักอยู่ที่ไหน”

ปลายฝนเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ รับโทรศัพท์มา ก่อนเปิดพิกัดส่งให้โดยไม่เอ่ยอะไร ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มละมุน แม้หัวใจจะยังเต้นรัวอยู่ในอก

รถแล่นไปตามเส้นทาง ท่ามกลางความเงียบยามราตรี แม้จะไร้บทสนทนา แต่บรรยากาศกลับไม่อึดอัด เสียงเพลงคลาสสิกจากวิทยุที่กิตติชัยเปิดทิ้งไว้ดังคลอเบา ๆ ราวกับเป็นบทบรรเลงที่เติมเต็มช่วงเวลานั้นให้สมบูรณ์

หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มข้างกาย อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สีหน้าเรียบเฉย ดวงตานิ่งลึก ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

ครู่ต่อมา… แทนตะวันก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“ขอบคุณนะ ที่ช่วยพูดให้กิตเข้าใจ… ทั้งที่ฉันเกือบทำร้ายเธอจริง ๆ”

ปลายฝนชะงัก ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “คุณเข้าใจผิดนี่คะ แล้วในสถานที่แบบนั้นด้วย มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

เขากำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ทำแบบนั้นแน่นอน”

หญิงสาวเพียงยิ้มบาง ๆ ดวงตาฉายแววเข้าใจ “อย่าคิดมากเลยค่ะ อย่างน้อยคุณก็ช่วยฉันไว้ ถ้าคนที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่คุณ ฉันคงเหมือนตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิต”

ดวงตาคมเหลือบมองคู่สนทนาแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายเผยยิ้มน้อย ๆ แม้เธอจะเป็นผู้ถูกกระทำ แต่กลับยังมองโลกในแง่ดีได้

ผิดกับเขา… ที่เคยชินกับความเฉยชาและการหลอกลวงของผู้คน

แทนตะวันเริ่มตระหนักว่า… ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ไม่มีอะไรที่สวยงามเลย นอกจากหน้ากากที่สวมเข้าหากัน

แต่ปลายฝน… ผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อตัวเองโดยไม่ยอมแพ้ อาจเข้ามาเปลี่ยนโลกของเขาให้สดใสและงดงามกว่าเดิม

“เธอเข้มแข็งมากนะปลายฝน ถ้าเป็นฉัน คงอดทนได้ไม่เท่า ทุกวันนี้ฉันมองเห็นแต่ผู้คนที่หวังผลประโยชน์ ชีวิตมีแต่เรื่องงาน จนไม่เคยสนใจว่าใครจะเป็นยังไง”

หญิงสาวเหลือบมองผู้พูด รอยยิ้มละไมแต่งแต้มบนริมฝีปาก แม้เพิ่งรู้จักกัน… แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนั้น

“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณน่ะจิตใจดี มีเมตตา แล้วก็อ่อนโยนมาก”

คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันน่ะเหรอ?”

“ใช่สิคะ ไม่อย่างนั้นวันนี้คุณจะช่วยฉันไว้ทำไม”

แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

ปลายฝนเอนศีรษะพิงเบาะ เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลง รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้

แทนตะวันขับรถไปอย่างระมัดระวัง แม้สายตาจะจับจ้องถนนเบื้องหน้า แต่บางครั้งก็เผลอเหลือบมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ ราวกับความรู้สึกบางอย่างค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่ทันรู้ตัว

เมื่อถึงจุดหมาย รถจอดสนิทลงอย่างนุ่มนวล เสียงเครื่องยนต์ดับลงท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน

แทนตะวันปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนก้าวลงจากรถและอ้อมไปยังฝั่งผู้โดยสาร ประตูถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ สายตาคมจับจ้องร่างบางที่ยังเอนตัวพิงเบาะ ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ—ดูเหมือนเธอคงเหนื่อยจนเผลอหลับไป

เขายืนมองเธออยู่ชั่วขณะ ก่อนยื่นมือแตะไหล่เบา ๆ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความนุ่มนวล

“ปลายฝน... ถึงแล้ว”

เปลือกตาคู่งามค่อย ๆ เปิดขึ้น แพขนตางอนยาวกะพริบถี่ ราวกับยังปรับตัวไม่ทัน

“คุณแทนตะวัน...” น้ำเสียงงัวเงียของเธอเปล่งออกมา ราวกับยังไม่ตื่นเต็มที่

“ลงมาเถอะ ถึงแล้ว”

มือใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้า รอให้เธอจับ

ปลายฝนจ้องมองอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนวางมือบอบบางลงบนฝ่ามืออบอุ่น สัมผัสนั้นมอบความรู้สึกมั่นคงและไว้วางใจให้เธอ

เธอลุกขึ้น รอยยิ้มหวานแตะแต้มบนริมฝีปาก ดวงตายังคงฉายแววซาบซึ้ง

“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับทุกอย่างในวันนี้”

แทนตะวันนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนบีบมือเธอเบา ๆ

“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่บริษัทนะ”

“ค่ะ ฉันจะเตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วไปพบคุณที่บริษัทแน่นอน”

เธอยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนหมุนตัวเดินเข้าที่พัก แทนตะวันมองตามจนแผ่นหลังบางลับหายไปในอาคาร

ร่างสูงก้าวขึ้นรถอีกครั้ง ขับออกไปอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามราตรี

ความรู้สึกบางอย่าง…ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ

ไม่ใช่ความอิ่มเอมจากธุรกิจหรือผลกำไร…

แต่เป็นความสุขที่เกิดจากการได้ช่วยใครสักคน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.