ตอนที่ 5

แทนรักที่ปลายฟ้า
คุณกำลังอ่าน: แทนรักที่ปลายฟ้า

-A A +A

ตอนที่ 5

 

แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านบานหน้าต่าง ทอดตัวลงบนพื้นไม้เก่าที่มีร่องรอยแห่งกาลเวลา เงาจาง ๆ สะท้อนทั่วห้องพักเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

แม้เฟอร์นิเจอร์จะมีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน ราวกับสะท้อนตัวตนของเจ้าของห้อง

ร่างบางพลิกตัว เปลือกตาค่อย ๆ เผยอขึ้น กลิ่นแดดอ่อน ๆ และอากาศยามเช้าแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึก ทำให้หัวใจสดชื่นกว่าทุกวัน

หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ปล่อยให้ความทรงจำเมื่อคืนค่อย ๆ ไหลย้อนกลับมา

—ตั้งแต่ตอนที่ถูกสั่งให้ไปรับลูกค้า

—ความหวาดกลัวเมื่อก้าวเข้าไปในห้องรับรอง

—สัมผัสหยาบคายที่ทำให้หัวใจหวาดหวั่นและเจ็บปวด

—และ... ดวงตาคมที่เคยมองเธอด้วยความแข็งกร้าว แต่สุดท้ายกลับอ่อนโยนลง

แทนตะวันเกือบทำร้ายเธอ แต่เมื่อเห็นน้ำตา เขาก็เลือกที่จะหยุด แล้วยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว “ขอบคุณนะคะ... คุณแทนตะวัน”

มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แฝงความรู้สึกซาบซึ้ง

แต่แล้ว...แก้มใสค่อย ๆ แต้มสีระเรื่อ เมื่อภาพของ “จูบเมื่อคืน” ผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ปลายนิ้วเรียวเผลอยกขึ้นแตะริมฝีปาก คล้ายว่าสัมผัสนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ ไม่จางหาย

มือบางเลื่อนแตะแก้ม ไออุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า ความร้อนแล่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบควบคุมไม่ได้

หญิงสาวสะดุ้ง รีบลดมือลง ส่ายหน้าจนเส้นผมปลิวไสว เธอพยายามสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ทว่าหัวใจกลับไม่ยอมเชื่อฟังโดยง่าย

“พอเลยปลายฝน! คิดอะไรอยู่เนี่ย!”

เสียงหวานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสูดหายใจลึก เธอพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ดึงตัวเองกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่า

ร่างบางลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ และแต่งตัวด้วยชุดที่ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่มีในตู้ เสื้อลูกไม้สีขาวสะอาดจับคู่กับกระโปรงสีกรมท่า สะท้อนภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่ทั้งสง่างามและน่าเชื่อถือ

แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าเสื้อผ้าคือแววตาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน—แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

เอกสารทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมเรียบร้อยบนโต๊ะไม้เล็ก ๆ ทุกแผ่นสะท้อนถึงความพยายามและความตั้งใจ

วันนี้เธอจะต้องได้งานนี้ ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้จัก “แทนตะวัน วงศ์สกุลสถาพร” แต่เพราะน้ำพักน้ำแรงและความสามารถของตัวเอง

ปลายฝนออกจากห้องพัก เชิดหน้าขึ้น สูดหายใจลึก เลือกใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

เส้นทางจากสถานีรถไฟฟ้าสู่บริษัทไม่ได้ไกลนัก เธอเดินอย่างสงบ มั่นคง ในหัวใจเต็มไปด้วยความตั้งใจ

จนกระทั่งอาคารสำนักงานใหญ่ของ “วงศ์สกุลสถาพร จำกัด” ค่อย ๆ ปรากฏตรงหน้า ตึกสูงตระหง่านที่ดูหรูหราท่ามกลางแสงแดดอ่อน แสงอาทิตย์สะท้อนกับกระจกระยิบระยับ ส่องประกายราวกับจะบอกว่าโอกาสครั้งสำคัญกำลังรออยู่เบื้องหน้า

ปลายฝนหยิบนามบัตรของแทนตะวันขึ้นมาดูอีกครั้ง ตัวอักษรเรียบหรูบนกระดาษระบุชื่อชัดเจน—

“แทนตะวัน วงศ์สกุลสถาพร” ประธานกรรมการและเจ้าของบริษัท วงศ์สกุลสถาพร จำกัด

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย มีโครงการกระจายทั่วกรุงเทพฯ และเมืองสำคัญต่าง ๆ

หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงตรงหน้า ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน มือเรียวบีบนามบัตรแน่นขึ้น เหมือนกำลังย้ำเตือนตัวเองอีกครั้งว่ามาที่นี่เพื่ออะไร

ความตื่นเต้นแวบผ่านหัวใจชั่วครู่ แต่ความมุ่งมั่นแรงกล้าทำให้เท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

วันนี้...เธอจะไม่ใช่ “ปลายฝนคนเดิม” อีกต่อไป

วันนี้เธอเลือกแล้วที่จะเปลี่ยนทางเดินชีวิตของตัวเอง ด้วยหัวใจและความมุ่งมั่นที่แท้จริง

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวอาคาร ล็อบบี้กว้างขวางและทันสมัยต้อนรับเธอด้วยบรรยากาศโอ่อ่าที่แทบหยุดลมหายใจ พื้นหินอ่อนขัดเงาสะท้อนแสงระยิบจากโคมไฟระย้าบนเพดานสูง แสงวิบวับจับตาจนทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กลงท่ามกลางความอลังการ

แต่… เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวาดหวั่น เธอมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง

ปลายฝนสูดหายใจลึก รวบรวมสติทั้งหมดไว้ในใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

เธอตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พนักงานสาวที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าสะสวยประดับด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมืออาชีพ

“สวัสดีค่ะ ต้องการติดต่อเรื่องอะไรคะ” น้ำเสียงหวานเป็นมิตรเอ่ยขึ้น

“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาพบคุณแทนตะวันค่ะ”

สิ้นเสียงของปลายฝน รอยยิ้มของพนักงานสาวกลับหายไปแทบจะทันที ดวงตาคมกวาดมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

แวบหนึ่ง มีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก แต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเบา ๆ มากกว่าจะเป็นมิตร

“นัดไว้หรือเปล่าคะ?” น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความห่างเหิน

ปลายฝนพยักหน้าอย่างสงบ ก่อนหยิบนามบัตรของแทนตะวันออกมาแล้วยื่นให้ตรงหน้า

พิมพ์พิไลรับไปด้วยปลายนิ้วที่เคลือบสีแดงสด เล็บเรียวเกี่ยวกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาสแกนตัวอักษรบนนามบัตรครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้น แววตาฉายแววสงสัย ปนความไม่พอใจ

“คุณรู้จักคุณแทนตะวันได้ยังไงเหรอคะ?”

คำถามที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ของเธอ แต่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและดูแคลน

หญิงสาวตรงหน้านี้ดูธรรมดาเหลือเกิน—ไม่มีเครื่องประดับแบรนด์เนม ไม่มีเสื้อผ้าหรูราคาแพง ไม่น่าจะใช่ “แขกสำคัญ” หรือ “คนพิเศษ” ของแทนตะวันได้เลย…

ปลายฝนกระพริบตาเล็กน้อย จับความไม่เป็นมิตรในน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้ชัดเจน แต่เธอยังคงยิ้มสุภาพ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ดิฉันมีธุระสำคัญที่ต้องคุยกับคุณแทนตะวันค่ะ รบกวนแจ้งให้ด้วยนะคะ”

พิมพ์พิไลชะงักไปเล็กน้อย แววตาสะท้อนความไม่พอใจเพียงชั่ววินาที ก่อนเธอจะเสกลับไปที่จอคอมพิวเตอร์ กดคีย์บอร์ดเบา ๆ ราวกับทำทีตรวจสอบข้อมูลด้วยความไม่เต็มใจ

“รอสักครู่นะคะ”

ไม่นาน อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเจือแววสงสัยปนไม่พอใจ

“คุณแทนไม่ได้แจ้งอะไรไว้เลยนะคะ ปกติถ้ามีใครจะเข้าพบท่านประธาน ฉันต้องรู้ก่อนเป็นคนแรก”

น้ำเสียงเรียบเฉียบ แต่แฝงความถือดีอย่างปิดไม่มิด

ปลายฝนสูดหายใจลึก ยังคงรักษาสีหน้าสุภาพ ก่อนตอบกลับอย่างใจเย็น

“แต่คุณแทนตะวันบอกให้ดิฉันมาพบวันนี้จริง ๆ ถ้าไม่เชื่อ คุณลองโทรไปถามก็ได้นะคะ”

พิมพ์พิไลเตรียมจะโต้กลับ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังใกล้เข้ามา

“มีอะไรกันหรือคะ น้องพิมพ์?”

เสียงของอนงค์—เลขาส่วนตัวของประธานหนุ่ม—ดังขึ้น หญิงวัยกลางคนที่ดูเป็นมืออาชีพและแผ่บรรยากาศอบอุ่นเดินเข้ามา พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า

พิมพ์พิไลรีบหันไปตอบ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูสุภาพ แต่ท่าทางกลับแฝงความไม่จริงใจ

“ผู้หญิงคนนี้บอกว่าคุณแทนให้มาพบ แล้วจะรับเธอเข้าทำงานค่ะพี่นงค์ แต่พิมพ์ไม่เห็นมีบันทึกเอาไว้เลย”

เธอพูดพลางกอดอก ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูก

อนงค์หันมามองปลายฝน แววตาของเธอเต็มไปด้วยการประเมิน หญิงสาวตรงหน้าดูเรียบง่าย สุภาพ และดูจริงใจ—ไม่มีท่าทีโอ้อวดหรือประจบประแจงเหมือนพวกที่เธอเคยเจอในตำแหน่งนี้

“น้องได้คุยกับคุณแทนตะวันแล้วใช่ไหมจ๊ะ?”

“ใช่ค่ะ นี่นามบัตรที่คุณแทนตะวันให้ไว้”

ปลายฝนยื่นนามบัตรให้ อนงค์รับไป แววตาแสดงถึงการรับรู้และเข้าใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปรอที่ล็อบบี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่—”

“ไม่ได้ค่ะพี่นงค์!”

เสียงของพิมพ์พิไลดังขึ้นทันที เธอหันขวับมามองปลายฝนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

“ถ้าไม่ผ่านพิมพ์ก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าพบคุณแทนทั้งนั้น!”

ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกแดงแสยะยิ้มเบา ๆ

“ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ก็ธรรมดาเหลือเกิน ไม่น่าจะเป็นคนที่ท่านประธานสนใจหรอกนะคะ”

เธอพูดพลางเหยียดสายตามองปลายฝนขึ้นลง “กลับไปเถอะค่ะ อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”

ปลายฝนเม้มปากแน่น ความอึดอัดในบรรยากาศทำให้ใจหนึ่งอยากถอยออกไป แต่…อีกใจหนึ่งกลับบอกเธอว่า นี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเอง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาขวางทาง

“ขอโทษนะคะ แต่ฉันมาตามคำพูดของคุณแทนตะวัน ถ้าไม่เชื่อ... งั้นคุณช่วยต่อสายหาท่านประธานให้เลยสิคะ”

แม้เสียงหวานใสจะยังคงนุ่มนวล แต่กลับหนักแน่นอย่างน่าประหลาด ดวงตากลมโตสบมองคู่สนทนาโดยตรง คราวนี้ ไม่มีความลังเลเหลืออยู่ในแววตาอีกต่อไป

อนงค์มองพิมพ์พิไลด้วยความไม่พอใจ ตั้งท่าจะเอ่ยแย้ง แต่แล้ว…เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“มีอะไรกัน?”

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.