บทที่ 477: ข้าจะฆ่านาง!
“ไป๋ไป่เป็นห่วงคุณชายเสิ่นมาก” มู่จวินเซิ่งหยุดคิดสักครู่ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่มู่ไป๋ไป่บอกในจดหมาย “ถ้าคุณชายเสิ่นมีเรื่องลำบากใจอันใดก็สามารถบอกข้าได้เลย ข้าจะพยายามช่วยท่านอย่างเต็มที่”
เมื่อเสิ่นจวินเฉาได้ยินแม่ทัพหนุ่มบอกว่าไป๋ไป่เป็นห่วงตน รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “พี่ไป๋ ฝากขอบคุณไป๋ไป่แทนข้าด้วย ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่กิจการมีปัญหาบางอย่าง ข้าเลยต้องไปจัดการด้วยตัวเอง”
มู่จวินเซิ่งเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองคนออกเก่งเท่ามู่จวินฝาน แต่สัญชาตญาณของเขานั้นร้องเตือนรุนแรงมาก
เขามีลางสังหรณ์ว่าเสิ่นจวินเฉาไม่ได้พูดความจริง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมรับความช่วยเหลือ เขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะซักถามต่อไป
แล้วเขาก็พูดคุยกับอีกฝ่ายไม่กี่ประโยค ก่อนที่จะลุกขึ้นกล่าวอำลาคนตรงหน้า
ฉินเซียวที่ติดตามสหายมาก็เดินออกจวนตระกูลเสิ่นโดยที่เขายังคงหันกลับไปมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “พี่จวินเซิ่ง คุณชายเสิ่นไม่ธรรมดาเลย”
“อืม” มู่จวินเซิ่งตอบรับในลำคอเบา ๆ ยามนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านอย่าเอาแต่ตอบอืม ๆ สิ” ผู้บัญชาการฉินประท้วงขึ้นมา “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะไม่สังเกตเห็นว่ารอบ ๆ จวนตระกูลเสิ่นมีปรมาจารย์หลายคนซุ่มซ่อนอยู่”
“ตามการคาดเดาของข้า ฝีมือของคนพวกนั้นคงไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์เงาขององค์รัชทายาท”
แน่นอนว่ามู่จวินเซิ่งสังเกตเห็นสิ่งที่ฉินเซียวพูด
ในความเป็นจริง ตอนที่เขาเข้ามาใกล้จวนตระกูลเสิ่น เขาก็พบว่ามีปรมาจารย์ซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วจวน
แต่เพราะเขาไม่รับรู้ถึงจิตสังหารจากปรมาจารย์เหล่านั้น เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นมัน
“เป็นเรื่องปกติที่คนร่ำรวยจะมีปรมาจารย์บางส่วนอยู่ข้างกาย” ฉินเซียววิเคราะห์ในขณะที่ลูบคางตัวเอง
“แต่ท่านกับข้าต่างก็รู้ดีว่าหากเราต้องการเลี้ยงดูปรมาจารย์ที่มีฝีมือเทียบเท่ากับองครักษ์เงาของรัชทายาทจำนวนมากไว้ในจวน เราจำเป็นจะต้องฝึกฝนพวกเขาตั้งแต่ยังเด็ก”
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นทหารเดนตายที่ทำงานถวายชีวิตเพื่อผู้เป็นนาย เขาเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่ง ทำถึงขั้นนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
มู่จวินเซิ่งหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองสหาย “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร แต่ในเมื่อเสิ่นจวินเฉาเป็นสหายของไป๋ไป่ เขาย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน ข้าไม่มีทางสงสัยสหายของตัวเอง”
“นอกจากนี้ แทนที่จะมานั่งคาดเดาเรื่องของเสิ่นจวินเฉา เราควรใช้เวลาและความพยายามไปกับการสืบสวนคดีลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทกับองค์รัชทายาทให้เร็วที่สุดไม่ดีกว่าหรืออย่างไร ไม่เช่นนั้น ท่านคงได้ถูกลดตำแหน่งแน่”
ใบหน้าของฉินเซียวเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินสิ่งที่องค์ชายรองพูด “นี่เรายังเป็นสหายร่วมเรียนกันอยู่หรือไม่ ท่านจะยืนดูข้าถูกตัดหัวไปเฉย ๆ อย่างนั้นหรือ!”
วันนี้เขาออกจากวังมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากมู่จวินเซิ่ง
แม้ว่าในขณะที่เกิดเรื่องขึ้นจะไม่ใช่เวรของเขา แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในวังหลวง หากฝ่าบาทสืบสวนเรื่องนี้ เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้อย่างแน่นอน
ผู้บัญชาการหนุ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าถึงอย่างไรตัวเองก็มีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้
“ฮ่า ๆ” มู่จวินเซิ่งหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัว “ฉินเซียว เจ้ากลายเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ชิ ท่านเพิ่งรู้จักข้าวันแรกหรืออย่างไร?” ฉินเซียวยกแขนขึ้นไปคล้องคอสหายแล้วกอดคอเขามุ่งหน้ากลับไปที่จวนแม่ทัพ “ขอเพียงท่านช่วยข้าค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันสมรสของท่านกับคุณหนูหลัว ข้าจะเสาะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาเป็นของขวัญให้ท่าน”
“อย่าพูดเหลวไหล”
แล้วชายหนุ่มทั้ง 2 ก็เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแผงขายของบนถนนสายหลักมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าดื่มชา ในขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวพร้อมกับแผ่ไอสังหาร
ชายผู้นี้ก็คือฉู่เสวียนนั่นเอง
ต่อมา ชายหนุ่มหยิบก้อนเงิน 2 ก้อนออกมาจากอกเสื้อและวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะยืนขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ ไปเรื่อย ๆ เขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตูก่อนจะเข้าไปในเรือนหลังหนึ่งที่ไม่สะดุดตานัก
“เจ้าออกไปข้างนอกมาหรือ?” ถังเป่ยเฉินที่ได้ยินเสียงก็ออกมาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฉู่เสวียนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมยก่อนจะถามเสียงเย็นชาว่า “เราจะลงมือได้เมื่อไหร่ขอรับ?”
เจ้าสำนักตระกูลถังหรี่ตาที่คล้ายจิ้งจอกลงพลางถามกลับไปว่า “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงร้อนใจขึ้นมา ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าจะรอจนถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา?”
เมื่อฉู่เสวียนนึกถึงบทสนทนาที่เขาเพิ่งได้ยินจากริมถนน เขาก็ขมวดคิ้วแน่น
หลัวเซียวเซียวกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น
เขาเกลียดผู้หญิงที่เข้ามาหลอกใช้เขามาก แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกปวดใจเช่นนี้
ฉู่เสวียนพยายามคิดหาคำตอบจากในสมองของตัวเอง แต่ทันทีที่มีความคิดนี้เกิดขึ้น เขาก็ปวดหัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อ๊ากกกก!”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหัวแน่นและรู้สึกเจ็บปวดมากถึงขั้นฉีกทึ้งหน้ากากผิวหนังมนุษย์บนใบหน้าตัวเอง
ถังเป่ยเฉินเบิกตามองอีกฝ่ายที่จู่ ๆ ก็มีอาการแปลกประหลาด แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าไปหาหลัวเซียวเซียวมาหรือ?”
เป็นไปไม่ได้!
ฉู่เสวียนถูกแมลงกู่ควบคุมเอาไว้แล้ว อีกฝ่ายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
เขาได้สั่งชายหนุ่มไม่ให้ไปพบหลัวเซียวเซียวตามลำพัง
หรือว่า… มันควบคุมฉู่เสวียนไม่ได้จริง ๆ?
พอเจ้าสำนักตระกูลถังคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของเขาก็แผ่ไอสังหารออกมา
“ฉู่เสวียน เจ้าไปพบหลัวเซียวเซียวมาหรือไม่?” ถังเป่ยเฉินขยับเข้าไปคว้าคอเสื้อของคนตรงหน้าแล้วถามเสียงเย็น “ตอบข้ามา!”
ฉู่เสวียนสบตากับผู้เป็นนาย ดวงตาของเขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็กลับมามีสติอีกครั้งและท่าทางตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ได้หายไปโดยสิ้นเชิง “ไม่ขอรับ”
“เจ้าโกหก” ถังเป่ยเฉินยิ้มเยาะแล้วเอาพัดไปจ่อที่คอของฝ่ายตรงข้าม “ฉู่เสวียน เจ้าโกหกข้า เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าถ้าไม่มีข้า เจ้าคงมีชีวิตไม่ต่างจากสุนัขข้างถนน!”
“นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคงถูกผู้หญิงใจดำอย่างหลัวเซียวเซียวหลอกจนตายไปแล้ว!”
บัดนี้หน้ากากผิวหนังมนุษย์บนใบหน้าของฉู่เสวียนถูกดึงจนขาดเป็นริ้ว ๆ เผยให้เห็นใบหน้าซีดเผือดที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากซึ่งมันดูแปลกประหลาดมากเมื่อมองจากระยะไกล
ขณะนี้มีประกายแห่งความดิ้นรนในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะตอบเสียงทุ้ม “ท่านคือผู้มีพระคุณของข้า ข้าไม่ได้โกหกท่าน”
“ข้าไม่ได้ไปเจอหลัวเซียวเซียว ข้าได้ยินมู่จวินเซิ่งพูดถึงนางกับผู้ชายคนอื่นตอนที่อยู่ริมถนนเท่านั้น”
ถังเป่ยเฉินขมวดคิ้วก่อนจะพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้ามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อนางจริง ๆ เพียงเพราะเจ้าได้ยินคนอื่นพูดถึงนางเจ้าก็สติแตกได้มากถึงเพียงนี้ ถ้าเจ้าได้เจอหน้านางจริง ๆ เจ้าจะไม่ยินดีทำตามที่นางพูดทุกอย่างเลยหรืออย่างไร?”
“ไม่มีทาง!” ฉู่เสวียนตอบโดยไม่ต้องคิด “นางโกหกข้า หลอกใช้ข้า ข้าจะฆ่านาง!”
หลังจากเจ้าสำนักตระกูลถังได้ยินคำตอบของชายตรงหน้า เขาก็รู้สึกพอใจแล้วปล่อยมือออกจากอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้น หลังจากนี้เจ้าก็ควรอดทนรออยู่ที่เรือนเงียบ ๆ อย่าได้เพ่นพ่านไปไหน”
“เมื่อถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ข้าจะพาเจ้าไปแก้แค้น”
…
ในจวนแม่ทัพ หลัวเซียวเซียวกำลังนั่งดูเจ้าส้มกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เงียบ ๆ แต่ดวงตาคู่สวยกลับเหม่อลอยออกไปไกลแสนไกลโดยที่ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“ใช่สิ!” เจ้าแมวจอมตะกละที่กำลังแทะขาไก่เบิกตากว้างทันที “ข้าจำได้แล้ว!”
จดหมาย!
ตอนที่อยู่ใต้หน้าผา ชายที่ชื่อว่าฉู่เสวียนได้ขอให้มันนำจดหมายมาส่งให้หลัวเซียวเซียว!
แต่ต่อมามันได้หลงเข้าไปในอาณาเขตของงูยักษ์แล้วแอบดื่มสุราที่หมักเอาไว้ในถ้ำจนลืมเหตุการณ์นั้นไปจนสิ้น
“เจ้าส้ม?” หลัวเซียวเซียวตกใจกับเสียงร้องของมันจึงหันมามองด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
แมวสีส้มตัวโตมองอีกฝ่ายด้วยสายตารู้สึกผิดแล้วพูดว่า “หลัวเซียวเซียว ดูเหมือนว่าข้าจะมีปัญหาแล้ว”
“หา?” หญิงสาวไม่รู้ว่าเจ้าส้มกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นางรู้แค่ว่ามันมีสีหน้ารู้สึกผิด นางจึงสงสัยว่ามันคงจะไปก่อเรื่องมาอีกแล้วใช่หรือไม่?
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พี่รองกับพี่จวินเฉาเจอกันแล้ววว ส่วนฉู่เสวียนพยายามขัดขืนหนักมาก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 142
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น