บทที่ 468: เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้า
ที่ใต้โต๊ะซึ่งมู่ไป๋ไป่เคยยกเท้าวาง ทุกคนจะเห็นชายร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังขดตัวสั่นอยู่ข้างใต้
ปรากฏว่าชายคนนี้เป็นทูตหนานซวนที่ทุกคนกำลังมองหา
หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกจ้องอีกฝ่ายอย่างเย็นชาแล้วพูดแดกดัน “ทูตหนานซวนช่างมีความกล้าหาญยิ่งนัก”
ทูตหนานซวนรู้สึกอับอายไม่น้อยที่ทุกสายตากำลังมองมาที่ตน เขาจึงหัวเราะแห้ง ๆ และคลานออกมาจากใต้โต๊ะ “ฮ่า ๆๆ นี่คงเป็นองค์หญิงหกสินะ กระหม่อมขออภัยที่ทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าพระองค์”
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองคนพูดด้วยหางตา จากนั้นก็เดินตรงไปด้านข้างมู่เทียนฉงพร้อมกับคุกเข่าคำนับอีกฝ่าย “ท่านพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องจะขอร้องเพคะ”
ผู้เป็นฮ่องเต้คาดเดาไว้แล้วว่าลูกสาวจะพูดอะไร เขาจึงขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “ไป๋ไป่ เจ้าลุกขึ้นเถิด”
“ท่านพ่อ” หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับมู่เทียนฉง “หม่อมฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับฮ่องเต้หนานซวน”
ในเมื่อเธอกับเซียวถังอี้มาที่นี่แล้ว พวกเธอจึงไม่อาจปิดบังเรื่องที่มาแอบฟังพวกเขาพูดคุยกันในห้องโถงได้อีก
ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปและหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ
แทนที่จะรอให้มู่จวินฝานคอยปกป้องเธอ มันคงจะดีกว่าถ้าเธอสามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ท่านพี่รัชทายาทจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกับท่านพ่อจนสูญเสียตำแหน่งองค์รัชทายาทไป
คำพูดและสายตาแน่วแน่ของลูกสาวส่งผลให้ใบหน้าของมู่เทียนฉงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ในไม่ช้าบรรยากาศในห้องโถงก็หนักอึ้งจนน่าหวาดหวั่น ประกอบกับที่ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเสียงลง
ถึงกระนั้นมู่ไป๋ไป่ก็ทำท่าเหมือนไม่รับรู้อะไร เธอยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่น
ทันใดนั้นภาพของหญิงสาวก็ซ้อนทับกับภาพของมู่จวินฝานที่คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักเมื่อไม่นานมานี้
ผู้เป็นฮ่องเต้ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จิตใจของเขาจะสั่นคลอน “เรายังไม่ได้ตอบตกลงกับทางหนานซวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ การที่เจ้ามาคุกเข่าอยู่ตรงนี้มันเสียเวลาเปล่า”
หลังจากมู่เทียนฉงกล่าวเช่นนี้ ในเวลาเดียวกัน เสียงร้องตะโกนด้วยความโมโหก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของตำหนักตี้เฉิน
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ลี่เฟยมองไปยังกล่องที่กำลังลุกไหม้ตรงหน้าพร้อมกับทำหน้าเหมือนยักษ์มาร
ที่ผ่านมานางใช้ความพยายามมากมายในการร่ายอาคมเข้าใส่มู่เทียนฉง
ก่อนหน้านี้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น ฝ่าบาททรงทำตามที่นางต้องการทุกอย่าง แต่เหตุใดจู่ ๆ ตอนนี้ฝ่าบาทถึงได้สูญเสียการควบคุมไปอย่างกะทันหัน
“พระ-พระสนม…” นางกำนัลวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นนายพร้อมกับพูดตะกุกตะกัก “แย่แล้วเพคะ คนที่เราส่งไปที่ห้องโถงด้านหน้าถูกจับไปหมดแล้ว!”
หากมู่ไป๋ไป่อยู่ที่นี่ เธอคงจะจำได้แน่นอนว่านางกำนัลคนนี้คือคนที่เธอกับเซียวถังอี้เห็นเมื่อตอนเช้ามืด
ก่อนหน้านี้นางได้ฉวยโอกาสจังหวะที่ทุกคนชุลมุนกันอยู่วิ่งออกจากห้องโถงด้านหน้ามาหาเจ้านายของตน
“เป็นไปได้อย่างไร!” ลี่เฟยขมวดคิ้วแน่น “คนพวกนั้นถูกอาคมของข้า เขาบอกว่านอกจากข้าจะเป็นคนถอนอาคมเองหรือมีคนค้นพบสิ่งนั้น ไม่มีทางที่อาคมจะเสื่อมคลายได้เลย”
“ทำไมพวกเขาถึงถูกจับไปล่ะ?”
วันนี้นางได้รับสัญญาณจากคนผู้นั้น เขาสั่งให้นางแอบใช้อาคมกับราชองครักษ์ในวังหลวงและให้ทหารเหล่านั้นลอบปลงพระชนม์มู่เทียนฉง
เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว นางจึงได้จัดเตรียมพินัยกรรมเอาไว้เพื่อแต่งตั้งบุตรของตนเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ จากนั้นก็รอให้ระหว่างที่ฝ่าบาทตกอยู่ในความเป็นความตาย นางก็จะฉวยโอกาสนี้ให้เขาประทับตราลัญจกร เพียงเท่านี้ เป่ยหลงก็จะเป็นของนาง
ทว่าปัจจุบันทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ” พอนางกำนัลเห็นสีหน้าถมึงทึงของลี่เฟย นางก็รีบถอยหนีพร้อมกับกระซิบพูดเสียงเบา “ตามคำสั่งของพระสนม หม่อมฉันได้พาคนพวกนั้นไปจนถึงห้องโถงด้านหน้า ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่จู่ ๆ อ๋องเซียวกับองค์หญิงหกก็โผล่ออกมา…”
“เซียวถังอี้กับมู่ไป๋ไป่?” ลี่เฟยกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินว่า 2 คนนี้มาขัดขวางแผนการของนาง “พวกมันอีกแล้วหรือ!”
“พระสนม แบบนี้เราควรทำอย่างไรดีเพคะ?” นางกำนัลตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หากมีคนรู้ว่านางเป็นคนพาคนพวกนั้นไปลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท นางจะเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไร
ขณะนี้คนเดียวที่นางสามารถวางใจได้ก็คือลี่เฟย
“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? เราก็แค่แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอ” ลี่เฟยสูดหายใจเข้าลึก ๆ บังคับให้ตัวเองสงบลง จากนั้นนางก็หลุบตาลงมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่สะท้อนอยู่ในเงาน้ำ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวล ไม่ต้องห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ต่อให้พวกเขาจับคนพวกนั้นไปได้ พวกมันก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้าหน่อย”
ถัดมา ลี่เฟยชี้ไปที่กล่องบนโต๊ะที่ถูกเผาจนดำสนิท อีกทั้งยังส่งกลิ่นคาวรุนแรงออกมา “ดูซ้ายดูขวาให้ดี อย่าให้ใครเห็นเข้าล่ะ ไม่เช่นนั้นเจ้ากับข้าได้ตายกันหมดแน่”
นางกำนัลที่ได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพยักหน้าแล้วรับกล่องมากอดไว้ในอ้อมแขนและเดินออกจากตำหนักไปอย่างรีบร้อน
“มู่ไป๋ไป่! ...เจ้าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือน 12 ปีก่อนอย่างนั้นรึ?” ลี่เฟยส่งเสียงเยาะเย้ยแล้วพึมพำกับตัวเอง “ข้ายอมอดทนอดกลั้นจนถึงทุกวันนี้ก็เพียงเพื่อแก้แค้นที่ข้าได้รับความอัปยศอดสูเมื่อ 12 ปีก่อน”
…
อีกด้านหนึ่ง เวลาผ่านไปนานมากแล้วนับตั้งแต่ที่มู่ไป๋ไป่เดินออกจากตำหนักตี้เฉิน แต่เธอก็ยังดูเหม่อลอยเหมือนเดิม
“ท่านพี่รัชทายาท ท่านตีข้าหน่อย ข้าฝันไปหรือไม่?” หญิงสาวชี้ไปที่แก้มขาวผ่องของตัวเองเพื่อให้พี่ชายคนโตปลุกให้เธอตื่นจากฝัน
“เมื่อกี้ท่านพ่อยอมตกลงว่าจะไม่ตอบรับคำขอของหนานซวนง่ายเกินไป”
หลังจากที่เธอเห็นมู่จวินฝานกับมู่เทียนฉงทะเลาะกัน เธอก็คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นี่ไม่ใช่ความฝัน” ชายหนุ่มมองท่าทางเหม่อลอยของน้องสาว แล้วเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็หัวเบา ๆ และยื่นมือออกไปลูบหัวอีกคนด้วยความเอ็นดู “เสด็จพ่อรักเจ้ามาก เขาไม่มีทางยอมให้เจ้าแต่งงานไปอยู่ต่างถิ่นหรอก”
“ไม่…” มู่ไป๋ไป่สอดสายตามองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้ เธอจึงดึงพี่ชายคนโตเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อกระซิบพูดเสียงเบา “หลังจากที่ท่านออกไป หวานหว่านก็พบอะไรบางอย่างในตำราเล่มหนึ่ง ตอนนี้เราสงสัยว่าท่านพ่อถูกอาคมจึงทำให้ท่านพ่อมีพฤติกรรมแปลกประหลาดไปจากเดิม”
“อาคม?” มู่จวินฝานตกตะลึงไปชั่วขณะ “มันคืออะไร?”
เขาอาศัยอยู่ในรั้ววังหลวงมานาน เขาไม่เคยได้ออกไปท่องยุทธภพเหมือนกับคนอื่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้มากเท่าเสด็จอา
มู่ไป๋ไป่จึงใช้โอกาสนี้เล่าสิ่งที่เธอได้ยินมาจากเซียวถังอี้เมื่อไม่นานมานี้ให้พี่ใหญ่ฟัง แล้วนำมันมาประกอบเข้ากับคำอธิบายในตำรา
มู่จวินฝานที่ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มันก็มีความเป็นไปได้สูงมาก แล้วในตำราได้อธิบายวิธีการทำลายอาคมหรือไม่?”
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนร่ายอาคมใส่เสด็จพ่อ?”
มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจและส่ายหัวเบา ๆ “มีข่าวลือบอกว่าสิ่งที่เราต้องทำก็คือต้องฆ่าผู้ใช้อาคม แต่เราไม่มีทางตรวจสอบได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ”
“ส่วนวิธีการที่จะตามหาคนคนนั้น ในตำราบอกเอาไว้เพียงว่าคนที่ร่ายอาคมจะต้องรักษาบางอย่างที่ถูกเรียกว่า ‘สื่อกลาง’ เอาไว้”
มู่จวินฝานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่งคนไปตรวจค้นในวังหลวงโดยที่ไม่ให้ใครรู้”
ในเมื่อท่านพี่รัชทายาทยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีกแรง มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ยืนยันกับมู่จวินฝานแล้วว่าหากมีข่าวอะไรเขาจะรีบแจ้งให้เธอทราบทันที หญิงสาวจึงได้กลับไปหาเซียวถังอี้
เธออยากจะดูว่าเหล่าทหารที่ถูกอาคมควบคุมเอาไว้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
…
ภายในคุกหลวง
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่กำลังเดินถือตะเกียงไปตามทางเดินอันมืดมิด ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงของเซียวถังอี้ดังมาจากระยะไกล
หญิงสาวรีบสาวเท้าเดินตามเสียงนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ไม่เห็นฉากการทรมานให้นักโทษสารภาพดังที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้
กลายเป็นว่าตอนนี้ทหารทุกคนถูกล่ามโซ่ยืนเรียงแถวอยู่ตรงหน้าเซียวถังอี้เพื่อรอให้เขาทำการสอบสวน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ฝีมือของลี่เฟยจริง ๆ ด้วย ร้ายมากผู้หญิงคนนี้!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 122
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น