รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 11 : อดีตกลับมาหลอกหลอน

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ (หนังสือชุดเจ้าจอมภพ/ ตย. 60%)

-A A +A

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 11 : อดีตกลับมาหลอกหลอน

       ภายในครัวขนาดพอดีของคอนโดฯชวณัดฐ์ ขณะนี้กำลังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารสองสามชนิดฝีมือเจ้าของห้อง หากเจ้าของสูตรแท้จริงกลับเป็นวิญญาณสาวที่เปลี่ยนใจจากที่จะยืมร่างชายหนุ่มทำอาหารให้เขารับประทาน กลายมาเป็นบอกขั้นตอนการทำให้เขาแทน

 

       บนโต๊ะวางของในครัวตอนนี้นอกจากวัตถุดิบเหลือใช้ต่าง ๆ เต็มไปหมด ก็ยังมีถ้วยเล็ก ๆ สามใบใส่อาหารต่างชนิดกันวางอยู่ ด้านหนึ่งของโต๊ะทิพาธรณ์กำลังใช้มือเรียวบางของเธอหยิบช้อนตักอาหารในถ้วยเล็ก ๆ ใบหนึ่งจากสามถ้วยที่ชายหนุ่มตักแบ่งให้ลองชิม และอนุญาตให้เธอทานได้เข้าปากเพื่อเช็กรสชาติ หลังจากลิ้นสัมผัสกับน้ำแกงเธอก็ทำตาโตอย่างตื่นเต้น

 

       การที่เธอได้รับอนุญาตจากเจ้าของอาหารให้สามารถรับประทานได้ เป็นผลให้เธอสามารถแตะต้องอาหารและถ้วยชาม ช้อนส้อม อันเป็นอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับอาหารนั้นได้

 

       “แกงสะแลก็อร่อย สรุปที่ชิมมาทั้งหมด ไม่ว่าไข่ป่าม น้ำพริกอ่อง และยังแกงสะแลอีก คุณณัดฐ์ทำได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ” เธอชมด้วยรอยยิ้มจากใจจริง

 

       “ครั้งแรกเลยที่ผมทำเมนูไทยรายการใหญ่แบบนี้กินเอง” ชวณัดฐ์ออกตัวด้วยรอยยิ้ม

 

       “งั้นตักออกไปกินข้างนอกดีกว่าค่ะ”

 

       กว่าจะจัดการตัวเองเสร็จ แล้วมาทำอาหารที่ตนเองไม่คุ้นเคย ทั้งหมดก็ใช้เวลาผ่านไปจนเก้าโมงเช้า ชายหนุ่มและวิญญาณสาวจึงได้เริ่มกินมื้อเช้าร่วมกันภายใต้บรรยากาศเบิกบานใจ

 

       วันหยุดของศัลยแพทย์หนุ่มเวียนมาอีกครั้ง อยู่กับวิญญาณสาวเกือบสองเดือนแล้วเขายังไม่รู้เลยว่าจะช่วยให้เธอเข้าร่างได้อย่างไร ถามฝ่ายนั้นก็ตอบเพียงว่าท่านผู้นั้นบอกเมื่อถึงเวลาจะรู้เองทุกครั้งจนเขาเลิกสนใจไปแล้ว ตอนนี้ก็รู้เพียงว่ายิ่งได้รู้จักชิดใกล้มากเท่าไร หัวใจก็รู้สึกดีกับเธอขึ้นเรื่อย ๆ มากขึ้นเท่านั้น

 

       หัวใจของเขาไม่ได้ลืมแฟนเก่า แต่คนที่อยู่ข้างกายทำให้ความทุกข์เกี่ยวกับเรื่องนั้นเบาบางลงมาก การที่ยังจำใครอีกคนคงไม่จำเป็นต้องรักษาความเศร้าในเรื่องของเขาหรือเธอคนนั้นไว้ตลอดหรอกกระมัง อย่างไรชีวิตคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป แม้สิ่งที่เสียไปอาจจะไม่มีวันได้คืนอีกเลยก็ตาม

 

       “ผมทำอร่อยขนาดนี้เลยหรือเนี่ย โอ้ว! ประสบการณ์ใหม่แห่งชาติ” หลังจากกินเข้าไปได้สี่ห้าคำเขาก็เอ่ยชมตนเองอย่างไม่เกรงใจใคร พลางก็ตักนั่นนี่เข้าปากตามด้วยข้าวเหนียวอุ่น ๆ ปั้นใหญ่ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ทิพาธรณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งยิ้มสวยให้แล้วกล่าว

 

       “ถ้าคุณณัดฐ์เป็นคนไม่ขี้เบื่ออาหาร ตอนเที่ยงน่าจะกินได้อีกมื้อนะคะ” เธอออกความเห็น

 

       “ผมกินได้ครับ ดีเหมือนกันประหยัดเงินด้วย” เขาบอก

 

       “คุณณัดฐ์ได้ลองสูตรฉันแล้ว ตามที่เคยคุยกันไว้ คุณณัดฐ์ต้องทำอาหารฝรั่งเมนูที่คิดว่าทำอร่อยที่สุดให้ฉันกินด้วยนะคะ” เธอทวงสัญญา

 

       “ครับ เอาเป็นเมื่อไรดีล่ะ”

 

       “อาทิตย์หน้าเลยดีไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น

 

       “ถ้าไม่ติดอะไรนะครับ ผมจะทำให้กินครับ รับรองเลย คุณต้องอยากกินอีกเรื่อย ๆ แถมหากินที่ไหนไม่ได้ด้วยนะคุณ” ชายหนุ่มอวดตัวเองไม่จริงจังนัก

 

       “งั้นถ้าคุณณัดฐ์สนใจอยากจะทำหรือลิ้มรสชาติอาหารไทยพื้นเมืองสูตรฉันอีกก็บอกได้นะคะ ถือว่าแลกสูตรกันเป็นไง” เธอกล่าวอย่างนึกสนุก

 

       “ตกลงครับ”

 

       “วันนี้คุณองุ่นติดธุระ ไม่ได้แวะมาหา คิดถึงหรือเปล่าคะเนี่ย” จัดการมื้อเช้ากันไปสักระยะจู่ ๆ หญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นได้จึงลองถามทีเล่นทีจริงหยั่งเชิงชวณัดฐ์ดู

 

       สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาศัลยแพทย์สาวสวยแวะเวียนมาหาชวณัดฐ์บ่อย ๆ ไม่ว่าที่ห้องทำงาน ที่คลินิก หรือคอนโดฯ ก็ตาม มาหาทีไรก็ต้องมีอะไรมาฝากเสมอ ไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ ของที่ระลึกต่าง ๆ แถมชอบชวนเขาคุยนั่นนี่เป็นประจำ ดูแรก ๆ เหมือนชายหนุ่มจะรำคาญบ้าง แต่หลัง ๆ เห็นเขาไม่ค่อยมีสีหน้าอะไร ไม่รู้ว่าเริ่มพอใจที่ผู้หญิงคนนั้นมาหา หรือชินแล้วก็ไม่ทราบได้

 

       ทิพาธรณ์ก็ไม่แอบอ่านใจใครนานแล้วด้วย หลังจากที่เคยถูกศัลยแพทย์หนุ่มที่เธอติดตามโมโหไปครั้งล่าสุด ประกอบกับคิดว่าอ่านใจใครต่อใครไปก็พลอยให้ตนเองไม่สบายใจไปเท่านั้นจึงเลิกเสีย

 

       “ก็นิดหน่อยครับ” ชวณัดฐ์ตอบตามตรง ถึงแม้ไม่อยากจะผูกพันอะไรกับฝ่ายนั้นมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีสาวหน้าตาดีมาคอยเอาใจทำให้ชุ่มชื่นหัวใจอย่างไร พอเธอหายไปก็ต้องอดคิดถึงไม่ได้เป็นธรรมดาหรือเปล่า

 

       วิญญาณสาวยังปั้นหน้ายิ้มเหมือนเดิม ทั้งที่ในใจรู้สึกหงอยลงไปมากพอควรเลยแท้ ๆ แต่การแสดงออกไปให้อีกฝ่ายรู้ตอนนี้คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในความคิดของเธอ

 

       ทั้งคู่กินข้าวด้วยกันต่ออีกพักใหญ่ ๆ ก็อิ่ม ชวณัดฐ์กำลังลุกจะหยิบจานชามไปไว้ในครัวเสียงสมาร์ทโฟนบนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน ทำให้ต้องปล่อยมือจากจานชามแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ตัวเลขสิบหลักเด่นหราบนหน้าจอ ชื่อที่บันทึกกำกับไว้คือเกสรินทร์ แม้ตัวไม่ได้มาหา ขนาดบอกว่าติดธุระเธอก็ยังอุตส่าห์ปลีกเวลาโทร.หาเขาสักหน่อยจนได้

 

       “ครับ” ชวณัดฐ์ยกสมาร์ทโฟนขึ้นแนบหู แล้วกรอกเสียงทักทายไปตามสาย

 

       [สวัสดีค่ะณัดฐ์ ทำอะไรอยู่คะ] เกสรินทร์ถามเสียงใส

 

       “ผมเพิ่งกินข้าวเสร็จครับ”

 

       [เหงาไหมคะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ไปหา]

 

       “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง” เขาตอบตามมารยาท

 

       [เอางี้ ถ้าเสร็จธุระแล้วมันยังไม่ดึกมาก เดี๋ยวองุ่นจะแวะเข้าไปหานะคะ]

 

       “ไม่เป็นไรครับ คุณกลับบ้านพักผ่อนจะดีกว่า กลับบ้านมืดค่ำที่บ้านคุณจะเป็นห่วงเอา”

 

       [เอางั้นหรือคะ ก็ได้ค่ะ แต่ว่าที่โทร.มานี้มีอีกเรื่องที่จะคุยกับณัดฐ์นะคะ]

 

       “ครับ ผมฟังอยู่”

 

       [มีผู้หญิงมาถามหาณัดฐ์ค่ะ เขาเข้าไปหาที่คลินิก แต่วันนี้คลินิกปิด เจอแต่ รปภ.ที่เฝ้าอยู่ เธอจึงให้ รปภ.ติดต่อหาองุ่น ให้บอกว่าคุณสร้อยสวรรค์ สิทธิโชติ แม่แท้ ๆ ของคุณมาหา ให้รีบติดต่อหรือไปหาท่านที่คลินิกด่วนค่ะ ณัดฐ์รู้จักไหมคะ]

 

       ชื่อที่หลุดออกจากปากคนปลายสายเป็นผลให้คนฟังนิ่งตะลึงงันไปเกือบหนึ่งนาที สร้อยสวรรค์ สิทธิโชติ ชื่อนั้นเป็นชื่อแม่ของเขาจริง ๆ ตอนที่ได้ข่าวผู้หญิงคนนั้นล่าสุดเมื่อสิบกว่าปีก่อน พ่อเขาบอกว่าเธอถูกจับคดียาไอซ์พร้อมกับสามีใหม่ อาจต้องโทษเป็นสิบ ๆ ปี

 

       ตอนที่ทราบข่าวก็อดตกใจไม่ได้ อย่างไรก็เคยอยู่และเห็นท่านเป็นแม่ที่รักมากที่สุด แต่ไม่กี่นาทีต่อมาสิ่งที่ได้รู้ก็ทำให้รู้สึกสะใจไม่น้อย ในที่สุดคนที่ทำร้ายเขาก็ได้รับบทลงโทษสักที

 

       ตั้งแต่พ้นมาจากบ้านหลังนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มายุ่งกับเขาอีก และเขาก็ไม่คิดจะติดตามข่าวเธอเช่นกัน แม้จะได้รู้ข่าวร้ายของแม่ ก็ไม่ได้ทำให้คิดสำนึกไปเยี่ยมเยียนเลยแม้แต่น้อย หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนเป็นบุพการีก็เงียบลงไปตลอดมา จนกระทั่งวันนี้เธอติดต่อหาเขาเพื่ออะไร

 

       [ณัดฐ์คะ ยังได้ยินองุ่นอยู่ไหมคะ] เห็นชายหนุ่มเงียบไปหญิงสาวจึงท้วงขึ้น เสียงนั้นทำให้เขาได้สติกลับมาอีกครั้ง

 

       “ครับ” เขาตอบสั้น ๆ

 

       [ณัดฐ์รู้จักคุณสร้อยสวรรค์หรือเปล่าคะ ณัดฐ์จะติดต่อกลับหาท่าน หรือจะให้องุ่นทำยังไงดีคะ] เกสรินทร์ขอความเห็น เรื่องนี้คาใจเธอไม่น้อยเหมือนกัน

 

นับแต่รู้จักผู้ชายคนนี้มาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยพูดถึงแม่ของตนเองมาก่อน แล้วจู่ ๆ วันนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มา บอกว่าเป็นแม่เขาเสียอย่างนั้น เท่าที่เคยสืบประวัติตามนิตยสารที่เคยสัมภาษณ์ชายหนุ่มมาหลายฉบับ ก็ไม่เคยเห็นฉบับไหนเอ่ยถึงแม่เขาเลย รู้เพียงว่าตระกูลฝั่งพ่อเป็นเศรษฐีพันล้านเท่านั้น

 

       “ผมจะติดต่อหาท่านเองครับ ยังไงรบกวนขอเบอร์ รปภ.คนนั้นด้วยครับ” หยุดคิดนิดหนึ่ง เมื่อคิดรอบคอบดีแล้วเขาก็บอกออกไป

 

       [ค่ะ องุ่นจะส่งให้ทางไลน์นะคะ งั้นยังไงองุ่นคงต้องขอตัวก่อน แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้ค่ะณัดฐ์] เพราะธุระที่ยังสะสางไม่เรียบร้อย และรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่ชอบให้ใครละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา ดังนั้นเธอจึงยอมตัดใจไปทำธุระตรงหน้าต่อโดยไม่ซักไซ้ถามอะไรอีก

 

       พอวางสายจากเกสรินทร์ไปรอไม่นานนักไลน์เขาก็เด้งขึ้น เปิดอ่านดูก็พบว่าหญิงสาวส่งเบอร์ติดต่อ รปภ.มาให้แล้ว จึงคัดลอกไปใส่ในช่องโทร.ออกทันที

 

       [สวัสดีครับ] เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งรับสาย

 

       “ผมชวณัดฐ์ครับ จะขอคุยกับคุณสร้อยสวรรค์หน่อยครับ”

 

       [อ๋อ ครับ คุณณัดฐ์ รอสักครู่นะครับ] รปภ.เจ้าของโทรศัพท์รับคำแล้วสายก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะได้ยินเสียงคนคุยกันดังแว่วเข้ามา

 

       [คุณสร้อยสวรรค์ครับ คุณณัดฐ์ครับ] ตามด้วยเสียงกุกกักก่อนจะมีเสียงที่ห่างหายไปนาน ทว่าติดอยู่ในใจเขาไม่รู้ลืมดังขึ้นมาแทน

 

       [ฉันเอง แกคงจำแม่ของแกได้นะตาณัดฐ์] เสียงที่ดังมาตามสายเรียบเฉยและเย่อหยิ่ง

 

       มือแข็งแรงกำโทรศัพท์แน่นขึ้นด้วยความไม่ค่อยชอบใจนัก ขนาดไม่เจอกันนานแม่ก็ยังแสดงออกเย็นชากับเขาไม่เปลี่ยนแปลง

 

       “คุณมีธุระอะไรกับผม” เขาพยายามถามอย่างใจเย็น

 

       [หึ! คุณงั้นหรือ ฉันจะรอแกที่นี่ รีบออกมารับฉันแล้วออกไปคุยกันข้างนอก] สร้อยสวรรค์ออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ ชายหนุ่มเป็นลูกของเธอ ฉะนั้นจะทำอะไรกับเขาก็ได้ ทว่าเป็นลูกที่เธอเกลียดขี้หน้าที่สุด อันที่จริงหากไม่มีความจำเป็นใด ๆ ก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยวด้วย แต่นี่เธอไม่มีที่ไปแล้ว ดังนั้นเขาในฐานะคนที่เธออุ้มท้องและคลอดออกมาจะต้องดูแลเธอตอนที่กำลังลำบากให้สุขสบาย

 

       สั่งเสร็จหญิงวัยกลางคนก็ตัดสายทิ้ง ไม่เปิดโอกาสอะไรให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งเลยสักนิด แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ รปภ.หนุ่มไป จากนั้นเดินกลับไปที่รถสปอร์ตหรูรุ่นสิบปีก่อนของตนก่อนเข้าไปนั่งรออย่างใจเย็น

 

       ศัลยแพทย์หนุ่มวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย แม่เขายังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือน การกลับเข้ามาในชีวิตเขาครั้งนี้ต้องพาเรื่องวุ่นวายมากมายมาให้อีกแน่ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดใจ ยิ่งได้กลิ่นเรื่องมากมายที่จะตามมาก็ยิ่งเครียด

 

       ทำไม? เขาควรจะหลุดพ้นจากผู้หญิงคนนั้นไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเธอกลับมาทำไม จะเข้ามาทำลายชีวิตเขาอีกอย่างนั้นหรือ ไม่! ตอนนั้นเขายังเด็ก แต่ตอนนี้เขาโตมากพอจะสามารถปกป้องตนเองได้แล้ว นับแต่นี้ต่อไปจะไม่ยอมให้ใครคนนั้นทำร้ายเขาง่าย ๆ อีก ถึงสมองจะคิดอย่างนั้น แต่ส่วนลึกในใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ภาพเมื่อหนหลังกลับขึ้นมาฉายชัดในมะโนสำนึกของชวณัดฐ์อีกครั้ง

 

       “คุณณัดฐ์คะ” ทิพาธรณ์ที่ยืนดูตลอดเห็นชายหนุ่มจู่ ๆ ก็นั่งนิ่งไปจึงเข้ามาแตะแขนเรียก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากอีกฝ่าย สัมผัสได้เพียงคลื่นหม่นมัวที่แผ่ออกมาจากร่างกำยำแล้วค่อย ๆ เข้มขึ้น เข้มขึ้น จนอดเป็นห่วงไม่ได้

 

       เธอนึกออกเพียงพลังเมตตาที่เคยใช้บรรเทาทุกข์ทางใจให้เขามาตลอดเท่านั้น จึงรีบแผ่กระแสความปรารถนาดีให้ยกใหญ่ ก่อนคนตกภวังค์ไปจะค่อยมีสติกลับมา แล้วหันตามสายพลังอบอุ่นมาเห็นวิญญาณสาวยืนหลับตาพนมมืออยู่ใกล้ ๆ

 

       “คุณกะทิ” เขาเรียกเสียงเรียบ ก่อนฝ่ายนั้นจะลืมตาขึ้นมอง

 

       “เกิดอะไรขึ้นคะ” วิญญาณสาวถามด้วยความสงสัย เพราะก่อนหน้านี้ก็ยังเห็นเขาปกติดีอยู่เลย เขามองตอบเธอด้วยสายตายากอธิบายแล้วเอ่ย

 

       “ผมต้องออกไปหาคนคนหนึ่งครับ”

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เพียงเรียงรัก

เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว

ดูท่าคงมีปัญหาใหญ่แน่ๆ

รูปภาพของ tor

ในตอนนี้มีข้อสงสัยอยู่ 1 จุดครับ

เนื่องจากกายนางเอกเป็นวิญญาณ ตรงนี้สงสัยว่านางเอกจะใช้มือจับช้อนเพื่อชิมอาหารได้ยังไงครับ

เพราะในบทบรรยายบอกไว้ว่านางเอกไม่ได้สิงร่างพระเอก แค่เป็นคนบอกสูจน์ อีกประการคือ บทบรรยายบอกไว้ชัดเจนว่า อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ซึ่งเป็นคนละจุดกับที่พระเอกยืนอยู่

แล้วก็ในจุดที่ว่า ทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน อันนี้ก็ตามข้อสงสัยในตอนแรกครับ ว่านางเอกกินข้าวได้ยังไง

อันนี้เป็นเพียงข้อสงสัยของผมเองครับ 55+

รูปภาพของ สรัญทรฯ'ครองใจฯ' / ปุณณ์ศศิภัสร์ : รุ้งเที่ยงคืน!!!

ขอบคุณนะคะสำหรับความเห็น ทำให้เรารู้สึกว่าอาจต้องอธิบายเพิ่มเติมด้วยทฤษฎีส่วนตัวของตัวเองซักหน่อย หะๆ คือเราติ๊ต่างว่า ถ้าอย่างคนเลี้ยงผีน่ะค่ะ เขาจะกินยังไง ผีจะสามารถกินอาหารนั้นได้ต่อเมื่อเจ้าของ(มนุษย์)อนุญาตให้กิน เราก็คาดเดาว่า เอ ถ้าอย่างนั้นก็เสริมไปซักหน่อย ถ้าคิดว่าผีก้มหน้ากินคาจานก็ดูกะไร ดังนั้นให้สวยๆก็คือเขาก็อาจสามารถจับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกิน อย่าง ช้อน หลังจากเราอนุญาตแล้วได้น่ะค่ะ ยังไงเราคงต้องใส่เสริมเข้าไปเพื่อความเข้าใจของคนอ่านอีกทีค่ะ แต่...เจอกันฉบับรีไรท์เนาะ แฮ่

รูปภาพของ Racss

เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น + ได้กลิ่นมาม่าเบาๆ แฮะๆ รอติดตามต่อนะคะ ช่วงโมเมนต์กินข้าวด้วยกันมากค่ะ น่ารักดี

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.