บทที่ 434: เขายังมีจิตสำนึก

-A A +A

บทที่ 434: เขายังมีจิตสำนึก

มู่ไป๋ไป่หันไปทางต้นเสียงและมองอวี้เซิ่งที่นั่งเอาขาข้างหนึ่งห้อยลงมาจากขอบหลังคา ส่วนอีกข้างเหยียดอยู่บนกระเบื้อง

“ตอนนี้ท่านยอมรับแล้วหรือว่าตัวเองเป็นนักฆ่าอันดับ 1?” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแขวะเขา “ข้าไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหนที่บอกว่านักฆ่าอันดับ 1 ในใต้หล้านั้นมี 2 คน ซึ่งพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน…”

“เจ้าเงียบไปเลย!” อวี้เซิ่งรีบกระโดดลงจากหลังคา “มู่ไป๋ไป่ เจ้าจำผิดแล้ว! ข้าไม่เคยพูดแบบนั้น”

“หา? จริงหรือ?” มู่ไป๋ไป่แคะหูตัวเองทำเหมือนได้ยินอีกฝ่ายพูดไม่ชัด “ทำไมข้าถึงไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นล่ะ?”

“เจ้าจำผิดไปเอง” อวี้เซิ่งขยิบตาให้หญิงสาว จากนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วหันกลับไปมองอวี้หวานหว่านที่มีสีหน้าตกใจ “หวานหว่าน เจ้าอย่าไปฟังที่ศิษย์พี่เจ้าพูด พ่อของเจ้าคือนักฆ่าอันดับ 1 ในใต้หล้า”

“ย้อนกลับไปในสมัยนั้น ผู้คนมากมายในยุทธภพต่างหวาดกลัวพ่อมาก”

อวี้หวานหว่านมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเอือมระอา “...ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่เด็ก 3 ขวบอีกต่อไปแล้ว ข้ารู้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วว่าท่านกับท่านอาใช้สมญานามเดียวกัน”

ตอนนี้ถึงคราวที่อวี้เซิ่งต้องโมโหขึ้นมาบ้าง “อะไรนะ! ใครมันกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าเจ้า?”

ที่ผ่านมาเขาคอยดูแลเด็ก ๆ อยู่ในหุบเขาหมอเทวดามานานหลายปี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามและได้รับความชื่นชมจากเด็ก ๆ เขาจึงได้หยิบยกเรื่องเก่า ๆ ของเขาขึ้นมาเล่าให้อวี้หวานหว่านฟัง แต่อาจจะเล่าเกินจริงไปสักหน่อย

เขาสาบานได้เลยว่าตนพูดเกินจริงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

“แน่นอนว่าจะต้องเป็นท่านอาของข้า” เด็กหญิงมองผู้เป็นพ่อซึ่งยืนนิ่งราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว แล้วนางก็แอบยิ้มโดยยกมือขึ้นปิดบังมันเอาไว้

ท่าทางนั้นส่งผลให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่แกะสลักมาจากแม่พิมพ์เดียวกับเจียงเหยาดูน่ารักมากยิ่งขึ้น

“ท่านอาของข้ามักจะแอบเข้ามาในหุบเขาหมอเทวดาเพื่อเยี่ยมข้าในวันเกิดทุกปี” อวี้หวานหว่านรีบอธิบายให้พ่อตัวเองฟัง “ดังนั้นท่านพ่อ ข้ารู้เรื่องที่ท่านพูดโกหกทั้งหมดแล้ว”

“...” บัดนี้ท่าทางของอวี้เซิ่งเริ่มเปลี่ยนไป “เขามาหาเจ้าทุกปีเลยหรือ?”

“ใช่ เขามาหาข้าทุกปี” เด็กหญิงตอบก่อนจะใช้ไหล่กระแซะเจียงเหยาอย่างหยอกล้อ “ท่านแม่เองก็รู้”

อวี้เซิ่งรู้สึกหมดอารมณ์ทันที แล้วเขาก็หันไปมองภรรยาของตัวเองและพูดว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้ากับลูกคอยดูข้าเล่นละครอยู่เงียบ ๆ แล้วหัวเราะเยาะลับหลังสินะ”

เจียงเหยาถึงขั้นกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหวในขณะที่นางกล่าวว่า “เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้สักหน่อย แต่อวี้ฉีบอกว่าเขาไม่อยากให้ท่านรู้”

“พวกท่านทั้ง 2 เป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์แปลกประหลาดต่อกันมาตลอด ถ้าพวกท่านพบหน้ากันก็จะเริ่มหาเรื่องทะเลาะกัน มันจะทำให้วันดี ๆ อย่างวันเกิดของหวานหว่านต้องเสียไปเปล่า ๆ”

“นอกจากนี้ ไม่มีใครปิดบังท่านสักหน่อย เพียงแต่ท่านประมาทมากเกินไปจนไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ”

หลังจากอวี้เซิ่งได้ยินสิ่งที่ภรรยาสาวพูด เขาก็ตระหนักได้ว่ามีหลายคนที่รู้ว่าอวี้ฉีไปเยือนหุบเขาหมอเทวดาเพื่อเยี่ยมอวี้หวานหว่านทุกปี

ทางด้านมู่ไป๋ไป่ได้พาเซียวถังถังเดินออกจากที่นั่นเงียบ ๆ โดยปล่อยให้ครอบครัวทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัวร่วมกัน

คราวนี้พวกเขาจะต้องแยกจากกันอีก แล้วคงจะไม่ได้พบหน้ากันอีกนาน

“นี่มันจะเช้าเกินไปแล้ว…” เซียวถังถังขมวดคิ้วเดินตามศิษย์พี่ใหญ่ไปพร้อมกับบ่นพึมพำเบา ๆ “ท่านอาจารย์ปลุกข้ามาแบบนี้ กลับไปข้าก็นอนไม่หลับอยู่ดี”

“ไป๋ไป่ ข้ารู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเก็บยานี้ไว้กับตัวเอง เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าจะฝากมันไว้กับท่านโดยไม่ต้องให้ใครรู้ ถ้าท่านอาจารย์ถามถึงเรื่องนี้ในภายหลังก็บอกนางไปว่ามันยังอยู่กับข้า”

ขณะนั้นมู่ไป๋ไป่ผลักเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตอนที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นของที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ไป๋ไป่?” เซียวถังถังไม่ได้ยินคำตอบจากผู้เป็นศิษย์พี่ นางจึงเซ้าซี้ถามต่อไป “ไป๋ไป่ สัญญากับข้ามาสิ…”

“รอเดี๋ยว” มู่ไป๋ไป่พยายามห้ามหัวใจที่จู่ ๆ ก็เต้นเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วเดินไปที่โต๊ะเพื่อหยิบกล่องขึ้นมาดู

กล่องนี้ไม่มีลวดลายอะไรแต่ให้ความรู้สึกเรียบหรูและมีกลิ่นอ่อน ๆ หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่ากลิ่นนี้ทำมาจากไม้จินสื่อหนาน*

*ไม้จินสื่อหนาน ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่เนื้อไม้มีลวดลายเหมือนดิ้นทอง นิยมนำมาทำโลงศพหรือเครื่องเรือน

ขนาดของกล่องนี้ใกล้เคียงกับจี้หยกที่เธอส่งคืนให้กับเซียวถังอี้เมื่อวานนี้

ทันทีที่เธอคิดถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวขึ้นมา หัวใจที่เพิ่งจะควบคุมให้เต้นช้าลงก็เต้นเร็วขึ้น

“อ้าว นี่มันอะไรน่ะ?” ในที่สุดเซียวถังถังก็สังเกตเห็นของในมือของมู่ไป๋ไป่ “อาจจะเป็นคนที่เอาของให้ท่านคราวที่แล้วส่งมาก็ได้นะ”

หญิงสาวยังจำได้ดีว่าครั้งก่อนศิษย์พี่ใหญ่มาถามนางว่ามีของวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงตอนที่เจ้าตัวตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำมาวางไว้

“ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ทำไมทำตัวเหมือนกับผีแบบนี้” เซียวถังถังขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยเตือนอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “ไป๋ไป่ ท่านควรจะระวังตัวเอาไว้ดีกว่า ถ้ามีอาวุธลับซ่อนอยู่ในของพวกนี้จะเป็นอย่างไร?”

“ไม่หรอก” มู่ไป๋ไป่ปฏิเสธออกมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากเธอพูดแบบนั้น เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าคำตอบของตนฟังดูผิดปกติ เธอจึงรีบกล่าวเสริมว่า “ข้ารู้ว่าใครเป็นคนส่งมา เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี”

แม้ว่าเซียวถังอี้จะไม่ยอมรับออกมาตามตรง แต่เธอก็มั่นใจว่าของที่ส่งมาคราวก่อนเป็นฝีมือของเขาเอง

นอกจากผู้ชายคนนั้นแล้ว ไม่มีใครที่จะปฏิเสธว่าเป็นคนส่งของให้เธออีก ประกอบกับเขามักจะทำตัวลึกลับอยู่เสมอ

“หา ท่านรู้ว่าเป็นใครหรือ?” เซียวถังถังผ่อนคลายลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เป็นข้าที่ตีโพยตีพายไปเอง”

 มู่ไป๋ไป่อยากจะเปิดกล่องดูของด้านใน แต่เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าศิษย์น้องเคยเห็นจี้หยกนั้น เธอจึงระงับความต้องการเอาไว้และหาข้ออ้างเพื่อให้อีกฝ่ายเดินไปที่อื่น

หลังจากผ่านเหตุการณ์ช่วงเช้าที่แสนวุ่นวาย เซียวถังถังก็รู้สึกหิว นางจึงไม่ได้คิดอะไรมากและเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาของกิน

เมื่อยืนยันแล้วว่าเสียงฝีเท้าของหญิงสาวหายไปจากปลายทางเดิน มู่ไป๋ไป่ก็เปิดกล่องออกมาด้วยความเป็นกังวล

แล้วจี้หยกสีขาวกลมมนไร้ตำหนิก็ปรากฏสู่สายตา

รูปทรงของจี้หยกนี้มีรูปแบบเรียบง่าย ไม่มีลวดลายซับซ้อน มีเพียงตัวอักษรสีขาวถูกสลักเอาไว้อยู่เพียงเท่านั้น

นี่ไม่ใช่จี้หยกรูปกิเลน… 

มู่ไป๋ไป่รู้สึกใจเสียขึ้นมาเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่เธอคิด จากนั้นก็สัมผัสหยกสีขาวเบา ๆ ซึ่งมันให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาก

สัมผัสที่อบอุ่นทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงหยิบจี้หยกออกมาจากกล่อง

ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของจี้หยกชิ้นนี้

ตอนนี้เธอได้กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่มันแตกต่างไปจากกลิ่นของกล่องไม้จินสื่อหนาน

แล้วเธอก็นึกถึงเนื้อหาในตำราโบราณที่เคยอ่านขึ้นมาได้ ในนั้นกล่าวถึงหยกหายากชนิดหนึ่งที่บ่มเพาะขึ้นมาด้วยสมุนไพร ยามสัมผัสจะรู้สึกอุ่น และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกับยา

หยกรักษาโรคชนิดนี้หาได้ยากมาก และมีคุณสมบัติช่วยบำรุงร่างกายมนุษย์หลังจากที่เก็บไว้ข้างกาย

“นี่อาจจะเป็นหยกสมุนไพรหรือไม่?” มู่ไป๋ไป่นำหยกมาดมกลิ่นให้ชัดอีกครั้ง แล้วก็เป็นไปตามที่เธอคาด เธอได้กลิ่นสมุนไพรหลายชนิด

แต่กลิ่นนั้นหอมมาก เมื่อมันผสมกันแล้วไม่ได้ฉุนจมูก แถมยังหอมสดชื่นอีกด้วย

“หยกสมุนไพร…” มู่ไป๋ไป่พึมพำพลางลูบหยกสีขาวบริสุทธิ์ในมือของตัวเอง ขณะที่มุมปากของเธอยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เซียวถังอี้ ท่านยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง”

อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าเธอจะให้อภัยเขาเพียงแค่ได้รับจี้หยกเล็ก ๆ นี้!

ก๊อก ๆๆ

“คุณหนู เซียวถังถังบอกว่าท่านกำลังตามหาข้ากับอาเค่อ” จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จื่อเฟิงกับอาเค่อจะเดินเข้ามา

ทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มทั้ง 2 ไม่สามารถมองเห็นเธอผ่านประตูบานนี้ได้ แต่มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกเขินขึ้นมา เธอรีบเก็บจี้หยกลงในกล่อง ก่อนจะกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ข้าอยากให้พวกท่านไปสืบที่จวนตระกูลเฉิน”

จากนั้นเธอก็เล่าถึงการคาดการณ์ของเธอเมื่อคืนนี้ให้ทั้งคู่ฟังอย่างคร่าว ๆ

แม้ว่าสมองของจื่อเฟิงจะไม่ค่อยรับรู้เรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลาจนไม่รู้ว่าสิ่งใดสำคัญหรือไม่สำคัญ เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากรับปากแล้วเขาก็รีบพาอาเค่อออกไปทำตามคำสั่ง

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: แหม คนคนนั้นก็ส่งของมาให้ไม่พักเลยน้าาาา

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.