บทที่ 363 เพิ่มจุดแลกเปลี่ยนเงินตรา
บทที่ 363 เพิ่มจุดแลกเปลี่ยนเงินตรา
“สนุกจังเลย” เสินเมิ่งเหยาตะโกนอย่างสนุกสนาน
ในกลุ่มคนที่ลู่หยางพามาด้วยมีเพียงเสินเมิ่งเหยาที่เคยมาเที่ยวสวนสนุกเป็นครั้งที่ 2 ขณะที่คนอื่น ๆ ต่างก็เคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกทำให้ทุกคนมองไปยังเครื่องเล่นต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไปเถอะ วันนี้เล่นสนุกกันให้เต็มที่ไม่จำเป็นจะต้องมาเกรงใจ” ลู่หยางกล่าว
“ถ้างั้นพวกหนูไปแล้วนะคะ” มู่หยูกล่าวก่อนจะดึงตัวมู่ยี่ไปเล่นรถไฟเหาะอย่างมีความสุข
สามพี่น้องตระกูลฮั่นก็แยกตัวออกไปเล่นเครื่องเล่นที่ตัวเองสนใจด้วยเช่นกัน มีเพียงแต่เด็กกำพร้าทั้ง 12 คนที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่หยางอย่างทำอะไรไม่ถูก
“หัวหน้า พวกเราก็ไปเล่นได้เหมือนกันใช่ไหมครับ?” ฮั่นชา ซึ่งเป็นเด็กที่มีอายุมากที่สุดภายในกลุ่มกล่าวถาม
ลู่หยางมองไปยังสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของทุกคน ก่อนที่เขาจะตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ และพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าไม่รังเกียจทุกคนก็เรียกฉันว่าพี่เหมือนกับพวกมู่ยี่ก็ได้นะ”
เด็กทั้ง 12 คนมองไปยังลู่หยางอย่างประหลาดใจ เพราะที่ผ่านมาฮั่นจงมักจะเน้นย้ำพวกเขาว่าลู่หยางคือผู้มีพระคุณที่พวกเขาต้องตอบแทนบุญคุณ
“ถ้าอาจารย์รู้ว่าพวกเราเรียกคุณแบบนั้น พวกเราคงจะโดนอาจารย์ทำโทษกันแน่ ๆ” ฮั่นชากล่าว
“เรียกไปเถอะฉันไม่ได้ว่าอะไร ถ้าอาจารย์จะลงโทษก็บอกว่าฉันเป็นคนสั่งให้พวกนายเรียกฉันแบบนี้” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกฮั่นชามองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาได้เห็นแล้วว่าลู่หยางเอ็นดูพวกมู่ยี่มากแค่ไหน แต่ในเวลาปกติอาจารย์ได้สอนพวกเขาอย่างเข้มงวดทำให้ทุกคนอิจฉาความรักที่ลู่หยางมีให้ต่อพวกมู่ยี่อยู่บ้าง
แต่ในตอนนี้ลู่หยางเอ่ยปากบอกให้พวกเขาเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ได้จริง ๆ ฮั่นชาจึงรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ได้ครับพี่”
“ให้มันได้แบบนี้สิ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ
เมื่อฮั่นชาได้รับคำชมเด็กคนอื่น ๆ ก็เริ่มเรียกตามด้วยเช่นกัน ลู่หยางจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันไปเล่นสนุกกันเถอะ จำเอาไว้ว่าไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ถ้ามีใครกล้ามารังแกให้รีบโทรหาฉันทันที เดี๋ยวฉันจะไปจัดการกับคนพวกนั้นให้เอง”
หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็แสดงท่าทางเหมือนร่ายรำกังฟูจนทำให้พวกฮั่นชาหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข
“พี่ไม่จำเป็นจะต้องปกป้องพวกเราหรอกครับ อาจารย์บอกว่าหากพวกเราทนฝึกหนักไปอีก 3 ปีตอนนั้นพวกเราก็สามารถปกป้องพี่ได้แล้ว” ฮั่นชากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“รอให้นายเอาชนะฉันให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาปกป้องฉัน ตอนนี้เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วไปเล่นสนุกกันได้แล้ว” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ฮั่นชาแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพาเด็ก ๆ อีก 11 คนวิ่งไปยังเครื่องเล่นที่ตัวเองสนใจ
“พวกเขาจะต้องปกป้องพี่ทำไมเหรอ?” เสินเมิ่งเหยาถามหลังจากพวกฮั่นชาแยกย้ายกันไปแล้ว
ลู่หยางเผยรอยยิ้มพร้อมกับส่ายหัว เพราะเขารู้ดีว่าเด็ก ๆ ทั้ง 12 คนนี้ถูกฝึกฝนมาให้เป็นนักฆ่าโดยเฉพาะ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะใช้เด็กที่น่าสงสารเหล่านี้ไปแก้แค้นลิ่วเจีย เพราะเขามั่นใจว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะทำให้ตระกูลของลิ่วเจียล้มละลายหายไปได้โดยไม่มีใครจำเป็นจะต้องมือเปื้อนเลือด
“พวกเราก็ไปเล่นสนุกกันเถอะ” ลู่หยางกล่าว
เสินเมิ่งเหยายื่นปากออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปยังเครื่องเล่นคล้ายกระสวยอวกาศที่อยู่ในระยะไกล
“ฉันอยากเล่นอันนั้น”
เครื่องเล่นชิ้นนี้เป็นเหมือนกระสวยอวกาศที่มีจานกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ตัวเสาสูงจากพื้นขึ้นไปถึง 60 เมตร เมื่อเริ่มเล่นเสาจะเริ่มหมุนด้วยความเร็วสูงและทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยไปมาอยู่ในอากาศ
“ไม่มีปัญหา วันนี้ฉันจะเล่นกับเธอทุกอย่างที่เธออยากเล่นเลย” ลู่หยางกล่าว
...
20 นาทีต่อมา
เสินเมิ่งเหยารู้สึกเหมือนวิญญาณจะถูกสูบออกจากร่างและเธอก็กำลังเอาตัวพิงลู่หยางด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความคลื่นไส้
ตอนแรกเสินเมิ่งเหยาคิดว่าลู่หยางคงจะรู้สึกพะอืดพะอมเหมือนกับเธอ แต่หลังจากที่เธอเงยหน้ามองคนรักแล้วเธอกลับรู้สึกตกใจที่ได้เห็นว่าลู่หยางไม่ได้มีอาการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมพี่ไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?” เสินเมิ่งเหยาถามอย่างประหลาดใจ
“เล่นแค่นี้มันต้องเป็นอะไรด้วยเหรอ?” ลู่หยางถามพร้อมกับกระพริบตาปริบ ๆ
“พี่ก็ดูสภาพฉันสิ แต่พี่กลับไม่เป็นอะไรเลย” เสินเมิ่งเหยากล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
ลู่หยางพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่นึกภายในใจว่าชาติก่อนเขาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดเวลา เครื่องเล่นพวกนี้จึงไม่สามารถทำให้เขารู้สึกแย่ได้เลย
“พักสักหน่อยไหม?” ลู่หยางถาม
เสินเมิ่งเหยาพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเดินตามลู่หยางไปนั่งพักบริเวณม้านั่งใกล้ ๆ
ระหว่างที่ได้นั่งพักอยู่ใกล้ ๆ เสินเมิ่งเหยาก็มีโอกาสได้มองไปยังใบหน้าของลู่หยางอย่างละเอียด และหญิงสาวก็ได้พบว่าใบหน้าของชายคนนี้มีร่องรอยของประสบการณ์ไม่ต่างไปจากพ่อของเธอ ที่สำคัญคือในแววตามันได้มีความเศร้าปะปนอยู่ในนั้นด้วย
“พี่เคยผ่านเรื่องร้าย ๆ มาเยอะเลยใช่ไหม?” เสินเมิ่งเหยาถาม
“ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนั้นล่ะ?” ลู่หยางถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“สัญชาตญาณค่ะ” เสินเมิ่งเหยากล่าวอย่างภูมิใจ
“สัญชาตญาณของเธอน่ากลัวจริง ๆ น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟังได้” ลู่หยางคิดในใจ
หลังจากพักอยู่สักครู่ลู่หยางก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปยังเครื่องเล่นในสวนสนุกอีกครั้งหนึ่ง ในคราวนี้เสินเมิ่งเหยาก็ลากเขาไปเล่นรถไฟเหาะ
ทุกคนเล่นสนุกไปจนถึงตอนเย็นลู่หยางจึงได้เรียกทุกคนได้มารวมตัวกันและเขาก็ได้เห็นว่าสีหน้าของเด็ก ๆ ยังคงอยากเล่นเครื่องเล่นต่อ
“เอาแบบนี้ คราวหน้าถ้าพี่มีเวลาพวกพี่จะพาทุกคนมาเที่ยวอีกโอเคไหม?” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับอย่างมีความสุข
ลู่หยางทำได้เพียงแต่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็พาเสินเมิ่งเหยาไปส่งที่มหาวิทยาลัยและนำทุกคนกลับไปยังเวิร์กช็อปพร้อม ๆ กัน
—
ทันทีที่เข้าเกม ฉือมู่ก็ติดต่อเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรครับ?” ลู่หยางถามหลังจากกดตอบรับคำขอสนทนา
“เรื่องราวมันใหญ่โตถึงขนาดนี้คุณยังมีอารมณ์ไปเที่ยวได้อีกเหรอ?” ฉือมู่กล่าว
“ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร” ลู่หยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณมีแผนรับมือเรื่องนี้แล้วงั้นเหรอ?” ฉือมู่ถามอย่างสับสน
“ผมไม่ได้มีแผนรับมือแต่ผมรู้ว่าพวกมันยังไม่โจมตีพวกเราในเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ หากเดาไม่ผิดตอนนี้พวกมันคงจะกำลังใช้เงินทุนที่ได้รับมาใหม่ในการรับซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30” ลู่หยางกล่าว
“พวกเราก็เพิ่งได้ข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่จากการคาดการณ์พวกเขาก็น่าจะเริ่มโจมตีพวกเราอย่างเร็วที่สุดในอีกครึ่งเดือน” ฉือมู่กล่าว
“แบบนี้ไงผมถึงบอกว่ามันยังมีเวลา ถึงแม้จะมีสงครามจริง ๆ ในเวลานั้นพวกเราค่อยมาคุยกันก็ยังไม่สาย” ลู่หยางกล่าว
ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองเซนต์กอลล์ค่อนข้างพิเศษและโดยรวมเหตุการณ์มันก็คล้ายกับการรวบรวมแผ่นดินในสมัยโบราณ ช่วงเวลานั้นผู้ครองอำนาจย่อมเลือกจู่โจมไปยังบุคคลที่ยังไม่มีชื่อเสียงก่อนอย่างแน่นอน และมันก็คงจะมีเพียงแค่คนโง่เท่านั้นที่จะเลือกปะทะกับกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเมืองก่อน
บลัดบราเธอร์มีสถิติชนะต่อเนื่องในสงครามใหญ่มาแล้ว 7 ครั้ง และในปัจจุบันพวกเขายังมีสมาชิกสูงถึง 260,000 คน หากโซลออฟอีเทอนิตี้ไม่มั่นใจว่าจะร่วมมือกับบลัดไทแรนท์จัดการกับเขาได้ เป้าหมายของคนพวกนั้นจะต้องเล็งไปยังฉือมู่และฉงป้าก่อนอย่างแน่นอน
หากมีการพูดคุยเรื่องพันธมิตรกันในตอนนี้ฉือมู่กับฉงป้าก็คงจะประกาศออกไปว่าบลัดบราเธอร์ให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ และถ้าหากว่ากิลด์ของพวกเขาถูกโจมตี ในเวลานั้นพวกเขาก็คงจะขอกำลังสนับสนุนจากบลัดบราเธอร์อย่างเต็มกำลัง
ในเวลานั้นลู่หยางย่อมกลายเป็นเป้าหมายอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะทางโซลออฟอีเทอนิตี้และบลัดไทแรนท์คงจะต้องโจมตีบลัดบราเธอร์ก่อนเพื่อรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ลู่หยางจึงไม่มีทางตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ ในการดึงศัตรูเข้ามาหากิลด์ของตัวเองเป็นอันดับแรก
ฉือมู่กับฉงป้าก็มีความคิดในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็ต้องการจะเจรจากับลู่หยางเพื่อให้บลัดบราเธอร์รับแรงกดดันส่วนใหญ่ไป
ขณะเดียวกันทั้งคู่ก็คิดว่าลู่หยางเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนที่หลังจากเอาชนะเดธโซลได้สำเร็จ เขาจะต้องกำลังหยิ่งผยองและถูกหลอกได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่คิดผิดมหันต์เพราะลู่หยางไม่หลงกลเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากวางสายฉือมู่ก็หันไปมองฉงป้าที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยแววตาที่จนใจ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“ดูเหมือนพวกเราคงจะต้องหาทางแก้ปัญหากันเองแล้วล่ะ”
“หึ! มันไม่ได้มีแต่ลิ่วเจียหรอกนะที่มีเงินทุนมหาศาล ในเมื่อมันใช้เงินทุนอัดเข้ามาผมก็จะอัดเงินทุนสู้กับพวกมัน” ฉงป้าพูดอย่างโมโห
ฉือมู่ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ซึ่งในตอนแรกเขาก็คิดว่าหลังจากที่เขาเติมเงินเข้ามาภายในเกม 100 ล้าน มันจะทำให้เขาสามารถเล่นเกมอย่างสบาย ๆ ได้ แต่ใครจะไปคิดว่าเงินก้อนนี้เป็นเพียงแค่เงินก้อนเล็ก ๆ และถ้าหากว่าเขายังไม่ยอมลงทุนเพิ่มกิลด์ที่เขาลงทุนสร้างขึ้นมาก็อาจจะแตกสลายลงไปได้ทุกเมื่อ
“มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ แบบนี้คนที่จะซวยก็คงจะเป็นลู่หยางที่ไม่มีกลุ่มทุนคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง” ฉือมู่กล่าว
“ช่างหัวมันไปสิ! ในเมื่อมันไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเราก็ปล่อยให้มันจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นแหละ” ฉงป้ากล่าวอย่างดูถูก แต่ทันทีที่เขาพูดจบมันก็มีเสียงประกาศแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา
ระบบ: เนื่องจากมีผู้เล่นส่งคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทางเราจึงตัดสินใจเพิ่มเจ้าหน้าที่แลกเปลี่ยนเงินตรา 6 คนทางตอนเหนือของเมือง ผู้เล่นทุกคนที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราสามารถใช้บริการจากเจ้าหน้าที่ทางบริเวณทิศเหนือของเมืองเซนต์กอลล์ได้ทุกเมื่อ
“แบบนี้มันก็ถึงเวลาที่ทางเหนือของเมืองจะได้รับการพัฒนาบ้างแล้วสินะ” ฉงป้ากล่าว
“ทำไมทางระบบมันไม่ประกาศข่าวนี้มาก่อนนะ เมื่อวานฉันเพิ่งขายอาคารทางเหนือไป 20 หลัง การประกาศจากระบบคราวนี้คงจะทำให้อาคารพวกนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 5 เท่า” ฉือมู่พูดอย่างโกรธเคือง
“เมื่อวานผมก็เพิ่งขายอาคารทางเหนือของเมืองไป 16 หลังด้วยเหมือนกัน ใครกันนะที่โชคดีได้อาคารพวกนั้นไป” ฉงป้ากล่าวอย่างไม่พอใจด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าคนที่รับซื้ออาคารของพวกเขาไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากลู่หยางและทันทีที่เขาได้เห็นประกาศจากระบบ มันก็ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะเผยรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ฮั่นอิ่งถาม
“พี่มีข่าวดี ทุกคนอยากฟังไหม?” ลู่หยางกล่าว
ฮั่นอิ่งและพวกฮั่นเฟยพยักหน้ารับพร้อมกัน
“เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวฉันขอเรียกทุกคนมารวมตัวกันก่อนจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องไปทีเดียว” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะเปิดพื้นที่พิเศษและทำการเชิญสมาชิกหลักของกิลด์เข้าไปทีละคน
ขณะนี้ทุกคนกำลังแยกย้ายกันเก็บเลเวล พวกเขาจึงเข้าไปในพื้นที่พิเศษด้วยความสงสัย
“หัวหน้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับโซลออฟอีเทอนิตี้ใช่ไหมครับ? หัวหน้าวางใจได้เลยถ้าหากว่ามันกล้า พวกเราจะไล่มันกลับไปเอง” เหมาชิวพูดอย่างโกรธเคือง
“ผมคุยกับพี่น้องทุกคนแล้ว ทุกคนภายในกองกำลังของผมพร้อมจะสนับสนุนกิลด์อย่างเต็มที่” ฉิงชางกล่าว
“ทางผมก็เหมือนกัน ทันทีที่เราเรียกระดมพลรับรองว่าทุกคนจะเข้าร่วมสงครามกันอย่างพร้อมเพรียง” บิทเทอร์เลิฟกล่าว
“ทางผมก็ไม่มีปัญหาครับ” ไป๋เหลิงกล่าว
“ทางผมก็เหมือนกัน” ซุนหยูกล่าว
“ทางฉันก็ด้วย” เจียงเจ๋อกล่าว
ลู่หยางมองไปยังทุกคนอย่างซาบซึ้งและมันก็ต้องยอมรับว่าการได้มีพี่น้องเหล่านี้คอยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดของเขาแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่ทันได้มีคำสั่งลงไปด้วยซ้ำ แต่ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เตรียมตัวรับมือกับสงครามตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่ได้ร้องขอ
จะประกาศความร่ำรวยสักหน่อย เป็นตุเป็นตะ 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 140
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น