บทที่ 413: อย่าพยายามหนี
“ท่านอย่าได้ทำให้พวกข้าน้อยลำบากใจเลย!” คนรับใช้ทั้ง 2 พยายามขึ้นเสียงใส่มู่จวินเซิ่งที่กำลังฝ่าฝืนเข้ามา “เราไม่อยากทำร้ายท่าน ได้โปรดถอยออกไป ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน!”
“คิดจะทำร้ายข้าหรือ?” แม่ทัพหนุ่มยิ้มเยาะ “อาศัยเพียงเจ้า 2 คนน่ะหรือ?”
“องค์— คุณชายรอง ช่างเถิดเจ้าค่ะ” หลัวเซียวเซียวรีบวิ่งไปโน้มน้าวชายหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เราไม่จำเป็นจะต้องสั่งทำของจากที่นี่…”
“ต้องเป็นที่นี่!” มู่จวินเซิ่งหันกลับมาพูดกับหญิงสาวอย่างจริงจัง “ถ้าเจ้าอยากให้ของขวัญแม่ของเจ้า เจ้าจะต้องมอบของที่ดีที่สุดให้แก่นาง”
หลัวเซียวเซียวตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูด แล้วความอบอุ่นก็ก่อตัวขึ้นในใจของนาง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากมู่ไป๋ไป่แล้ว มู่จวินเซิ่งเป็นคนแรกที่ดีต่อนางเช่นนี้
“ใครกัน มาเอะอะโวยวายอะไรตรงนี้?” เสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนหวานดังมาจากในร้าน “รู้หรือไม่ว่ามันทำให้ข้าปวดหัว”
พอคนรับใช้ทั้ง 2 ได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็รีบตอบว่า “คุณหนู คนต่างถิ่นไม่รู้เรื่องรู้ราวพยายามจะเข้าพบอาจารย์ฉิน พวกเราจะรีบไล่พวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“มาหาอาจารย์ฉินหรือ?” ในไม่ช้าม่านในร้านก็ถูกยกขึ้น พร้อมกันนั้นสายลมก็พัดกลิ่นหอมฟุ้งออกมาด้วย “พวกเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าวันนี้อาจารย์ฉินไม่รับแขก?”
หญิงสาวที่เดินออกมาสวมชุดสีส้มงดงาม ขับให้ผู้สวมใส่ดูมีสง่าราศี
สตรีนางนี้เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี แต่นิสัยเสีย ๆ ของนางทำให้ความงามนั้นถูกลดทอนลงไปมาก
“รีบจัดการพวกเขาให้เร็ว—” ‘คุณหนูเฉิน’ โบกมือสั่งให้คนรับใช้ไล่คนที่มาก่อกวนออกไป แต่ทันใดนั้นดวงตาของนางก็มาหยุดอยู่ที่มู่จวินเซิ่ง
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ นางไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนที่ตัวสูง หน้าตาดี และมีบุคลิกสง่างามเท่าชายหนุ่มมาก่อน นั่นทำให้หัวใจของนางปั่นป่วนอยู่ชั่วขณะ แล้วนางก็รีบห้ามคนรับใช้ที่กำลังจะไล่อีกฝ่ายออกไป “ช้าก่อน!”
“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าลูกค้าท่านนี้อยากจะสั่งให้อาจารย์ฉินทำอะไร?” คุณหนูเฉินค่อย ๆ เดินลงบันไดมาพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ขณะที่สายตาของนางจับจ้องไปที่ชายร่างสูงตลอดเวลา
ทางด้านมู่จวินเซิ่งคุ้นเคยกับสายตาที่มองมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่ เขาเพียงแค่พยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นการทักทาย “สหายของข้าต้องการสั่งปิ่นปักผมเป็นของขวัญให้แม่ของนาง คุณหนูเฉิน ท่านช่วยข้าเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
“สหายหรือ?” หญิงสาวค่อย ๆ หันไปมองหลัวเซียวเซียว แล้วรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของนางก็หายไปทันที “ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงสหายของคุณชายอย่างนั้นหรือ? นางไม่ใช่ฮูหยินของท่านหรืออย่างไร?”
มู่จวินเซิ่งกับหลัวเซียวเซียวต่างก็พากันตกตะลึง แล้วทั้งคู่ก็ส่ายหัวปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่”
เพียงแต่ใบหน้าของชายหนุ่มแดงขึ้นเล็กน้อย และท่าทางของเขาก็ดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” คุณหนูเฉินที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มจาง ๆ “ต้องขอโทษที่คนรับใช้ของข้าเสียมารยาท พวกท่านอย่าได้ถือสาพวกเขาเลย”
“คนเรายึดถือความกตัญญูเป็นอันดับแรก ในเมื่อแม่นางท่านนี้ต้องการทำปิ่นปักผมให้แม่ของตนเอง ข้าย่อมไม่ควรขัดขวางนาง”
จากนั้นนางก็หันไปตวาดลูกน้องตัวเอง “เจ้าโง่ 2 คนนี่! ทำไมพวกเจ้าไม่รีบหลีกทางให้คุณชายกับแม่นางคนนี้ล่ะ?”
คนรับใช้ทั้ง 2 รู้จักนิสัยคุณหนูของตนเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรและยอมทำตามคำสั่งเงียบ ๆ
คุณหนูเฉินคุ้นเคยกับร้านนี้เป็นอย่างดี นางได้พาชายหญิงทั้ง 2 เดินเข้าไปภายในโดยตรง
“ข้าจะสั่งให้คนไปเรียกอาจารย์ฉินมา เชิญพวกท่านนั่งรออยู่ตรงนี้สักครู่” หญิงสาวนั่งลงด้านข้างมู่จวินเซิ่งอย่างแนบเนียนพลางยิ้มหวานหยดย้อยให้เขา “ข้าขอทราบชื่อแซ่ของท่านได้หรือไม่? แล้วท่านมาที่นี่เพื่อค้าขายหรือเพียงแค่ผ่านทางมาเจ้าคะ?”
“ข้าแซ่ไป๋” ชายหนุ่มเลือกตอบแซ่ปลอมออกไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
แซ่ ‘มู่’ เป็นแซ่ของราชวงศ์ ถ้าเขาบอกออกไปว่าตนแซ่มู่ คนอื่นก็จะสามารถคาดเดาตัวตนของเขาได้คร่าว ๆ
ดังนั้นเวลาที่เขาอยู่ด้านนอก เขามักจะปิดบังชื่อแซ่ที่แท้จริงของตัวเองเหมือนกับที่มู่ไป๋ไป่ทำ
“ที่แท้เป็นคุณชายไป๋นี่เอง…” ยามนี้ดวงตาของคุณหนูเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมแบบไม่ปิดบัง “คุณชายไป๋ดูไม่เหมือนคนธรรมดา…”
“ท่านพ่อของข้าชอบคบค้ากับสหายใหม่ ๆ พรุ่งนี้ท่านพ่อจะจัดงานเลี้ยง ข้าอยากเจอเชิญคุณชายไป๋มาทำความรู้จักกับท่านพ่อ คุณชายพอจะมีเวลาหรือไม่?”
หญิงสาวไม่รู้สึกว่าคำเชิญของตัวเองนั้นกะทันหันเลยสักนิด นางมั่นใจมากว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าจะต้องตอบตกลง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนต่างถิ่นแล้วอย่างไร? ใครก็ตามที่เดินทางมายังเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ย่อมรู้จักตระกูลเฉิน
พวกเขาจะต้องรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำเชิญจากตระกูลเฉิน นางจึงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
ทว่า…
“ข้าไม่มีเวลา” มู่จวินเซิ่งปฏิเสธออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่รอคำตอบจากคุณหนูเฉิน ถัดมาเขารินชาให้หลัวเซียวเซียวแล้วถามนางอย่างอ่อนโยนว่า “เราเดินมาไกลขนาดนี้เจ้าคงกระหายน้ำแล้วใช่หรือไม่ ในระหว่างที่รอ เจ้าดื่มชาให้ชุ่มคอสักหน่อยเถอะ”
เนื่องจากหลัวเซียวเซียวที่อยู่ข้างกายมู่ไป๋ไป่มานานต้องคอยสังเกตผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ ตอนที่นางเห็นคุณหนูเฉิน นางก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องตาต้องใจองค์ชายรอง มันจึงทำให้นางอดรู้สึกขัดเขินไม่ได้
“ข้าไม่คิดว่าคุณชายไป๋จะเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นถึงเพียงนี้” คุณหนูเฉินเหลือบมองหลัวเซียวเซียวด้วยแววตาอิจฉาริษยา “ข้าไม่คิดว่าพวกท่านทั้ง 2 จะเป็นเพียงแค่สหายธรรมดา ๆ”
“แม่นางคนนี้บอกความจริงข้ามาเถอะ เจ้าเป็นคนรักของคุณชายไป๋ใช่หรือไม่?”
คำถามที่ตรงไปตรงมานั้นส่งผลให้หลัวเซียวเซียวตกตะลึง นางไม่อาจควบคุมตัวเองได้ชั่วขณะจนทำให้สำลักน้ำชาที่อยู่ในปาก ก่อนจะไออย่างต่อเนื่อง
“แค่ก ๆๆ!”
จังหวะนั้นมู่จวินเซิ่งเหลือบมองคุณหนูเฉินด้วยสายตาไม่พอใจ “คุณหนูเฉิน ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหล”
“เหลวไหล?” ใบหน้าของหญิงสาวเย็นชาทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มลูบหลังแม่นางคนนั้นเบา ๆ “ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา และไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อม ข้าขอพูดตามตรงนะคุณชายไป๋ ข้าชอบท่าน”
“ถ้าหากท่านกับแม่นางคนนี้เป็นเพียงแค่สหายธรรมดาจริง ๆ ข้าอยากจะแต่งงานกับท่าน”
“...” คำพูดนั้นทำให้แม่ทัพหนุ่มพูดไม่ออก
“เหตุใดท่านถึงได้ทำหน้าเช่นนั้นเล่า?” คุณหนูเฉินเลิกคิ้วขึ้น ผู้ชายในวัยที่เหมาะสมที่จะแต่งงานทุกคนในเมืองต่างก็อยากเข้าใกล้นางทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครเข้าตานางสักคนเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางตกหลุมรักใครบางคน แต่ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงกับนางกลับด้านชา มันจึงทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ
“ท่านคิดว่าคุณหนูอย่างข้าไม่คู่ควรกับท่านหรือ?” คุณหนูเฉินพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านรู้จักตระกูลเฉินของพวกเราหรือไม่?”
แม้ว่าตระกูลเฉินจะหยั่งรากลึกอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ร่ำรวยมาก
“นอกจากนี้ ท่านลุงของข้าก็ยังเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวงด้วย”
“ไม่ว่าในอนาคตท่านคิดอยากทำการค้าหรือค้าขายกับทางการ ครอบครัวของเราก็สามารถช่วยเหลือท่านได้อย่างแน่นอน”
“...” มู่จวินเซิ่งเหลือบมองคุณหนูเฉินด้วยท่าทางซับซ้อน ก่อนจะปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “คุณหนูเฉิน ตอนนี้ข้ายังไม่คิดเรื่องแต่งงาน”
แม้ว่าเขาจะประจำการอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปี แต่เขาก็เป็นองค์ชายรองแห่งเป่ยหลง
การแต่งงานขององค์ชายไม่อาจทำตามอำเภอใจ ยิ่งในกรณีที่เร่งรีบเช่นนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้
พอแม่ทัพหนุ่มคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ตัดสินใจบางอย่างในใจตัวเอง
ในเมื่อเขามีคนในใจแล้ว หลังจากที่กลับไปถึงวังหลวงครั้งนี้ เขาควรจะเข้าไปคุยกับเสด็จพ่อดี ๆ สักครั้ง
“เช่นนั้นท่านก็ควรคิดเรื่องนั้นได้แล้ว” คุณหนูเฉินเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “ตอนนี้ท่านพักอยู่ที่ไหน ข้าจะส่งคนไปรับท่านมาร่วมทานอาหารเย็นในวันนี้”
“ช่างเถอะ ท่านไม่ต้องบอกข้าก็ได้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ข้ามีวิธีของข้า”
“ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีโรงเตี๊ยมเพียงไม่กี่แห่ง ข้าแค่ให้คนไปตามทีละแห่งก็พอแล้ว”
“อ้อ… อีกอย่าง ท่านอย่าได้คิดหนีไปไหนเสียล่ะ”
หลังจากหญิงสาวกล่าวจบ อาจารย์ฉินก็เดินออกมา
จังหวะนั้นเขาต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแขกอยู่ในร้านเพิ่มอีก 2 คน
ในไม่ช้าเขาก็คิดว่าทั้งคู่เป็นสหายของคุณหนูเฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากนักและเอ่ยทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจอเรื่องยุ่งยากวุ่นวายใจเข้าแล้วไง ดูท่าจะรับมือยากด้วย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 153
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น