บทที่ 299 กระโจนเข้ากลางฝูงมอนสเตอร์

-A A +A

บทที่ 299 กระโจนเข้ากลางฝูงมอนสเตอร์

บทที่ 299 กระโจนเข้ากลางฝูงมอนสเตอร์

“นายได้สกิลอะไรมาบ้าง?” ลู่หยางรีบถามกลับในทันทีหลังจากได้ยินข่าวว่าเสี่ยวเหลียงเปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบหมอกโลหิตเรียบร้อยแล้ว

“ผมได้สกิลเรดมิสท์บลัดเธิร์ทกับเรดมิสท์เวิร์ลวินด์สแลชมาครับ แล้วก็ยังได้สกิลจั๊มป์ที่ทำให้ผมสามารถกระโดดไปข้างหน้าในระยะ 30 เมตรมาด้วย” เสี่ยวเหลียงพูดอย่างภาคภูมิใจ 

“ตอนนี้สกิลเรดมิสท์เวิร์ลวินด์สแลชของนายเลเวลเท่าไหร่แล้ว?” ลู่หยางถามอย่างตกใจ

“เลเวล 3 ครับ การโจมตีแต่ละครั้งจะสร้างความเสียหายได้ 5,000 หน่วย” เสี่ยวเหลียงตอบ

นักรบเลเวล 30 จะมีพลังชีวิตอยู่ที่ประมาณ 7,000 หน่วย หากเสี่ยวเหลียงกระโดดเข้าไปใช้สกิลยั่วยุท่ามกลางฝูงชน นักรบเหล่านี้ก็จะยืนทนรับการโจมตีของเสี่ยวเหลียงได้ไม่ถึง 1 วินาที

“นายไปได้เลเวลพิเศษมาจากไหน?” ลู่หยางอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“พอดีว่าผมได้เข้าเนื้อเรื่องพิเศษครับ”

ย้อนกลับไปในตอนทำภารกิจทดสอบเข้าร่วมกองทัพหมอกโลหิต ในขั้นตอนสุดท้ายชายชราผู้ทำการทดสอบได้ตั้งคำถามขึ้นมาทั้งสิ้น 27 ข้อ แต่เสี่ยวเหลียงไม่เข้าใจคำถามเหล่านั้นเลยแม้แต่ข้อเดียวและถึงแม้ว่าเขาอยากจะติดต่อมาให้ลู่หยางช่วยตอบคำถาม แต่ตัวเองก็ได้พบว่าเขาถูกขังอยู่ในพื้นที่พิเศษทำให้ไม่สามารถติดต่อมายังโลกภายนอกได้ หากเขาทำการออกจากเกมเพื่อไปถามในโลกแห่งความเป็นจริง ทางระบบก็จะถือว่าเขาทำภารกิจล้มเหลวด้วยเหมือนกัน

เมื่อสถานการณ์บีบบังคับเสี่ยวเหลียงจึงทำได้เพียงแต่ตอบคำถามตามสัญชาตญาณ ซึ่งหลังจากที่เขาตอบคำถามทั้งหมดแล้วชายชราก็ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถามคำถามเหล่านี้กับเสี่ยวเหลียง

ความจริงแล้วแก่นแท้ของคำถามทั้ง 27 คำถามคือการทดสอบความจงรักภักดี, มิตรภาพ, ความรัก, อำนาจและเงินทอง ซึ่งในตอนที่เสี่ยวเหลียงตอบคำถามสิ่งแรกที่เขานึกถึงคือตอนที่เขากำลังโดดเดี่ยว, ไร้ที่พึ่ง, ถูกผู้คนรังแกและได้ลู่หยางหยิบยื่นความช่วยเหลือเข้ามาให้ ดังนั้นคำตอบทุก ๆ คำตอบของเสี่ยวเหลียงจึงมุ่งเน้นไปทางความจงรักภักดีทั้งหมด

ความจริงแล้วชายชราที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมาไม่ใช่ NPC แต่เป็นหนึ่งในผู้สร้างเกม เมื่อมีคนได้รับภารกิจทดสอบเข้าร่วมกองทัพหมอกโลหิต ชายชราจึงให้ความสนใจและเข้ามาตั้งคำถามด้วยตัวเอง 

คำตอบของเสี่ยวเหลียงทำให้ชายชรารู้สึกพอใจมาก เขาจึงตัดสินใจให้รางวัลพิเศษเพิ่มเลเวลของสกิลเรดมิสท์เวิร์ลวินด์สแลชขึ้นอีก 2 เลเวลเป็นการถาวร

ลู่หยางซาบซึ้งใจมากที่เสี่ยวเหลียงให้ความสำคัญกับความภักดีขนาดนี้ ซึ่งมันก็เป็นความตื้นตันใจจนทำให้เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกมาเหมือนกัน

“ไหน ๆ ก็เปลี่ยนอาชีพเสร็จแล้ว รีบมาที่ป้อมปราการคริมสันสิ พี่น้องภายในกิลด์จะได้เห็นพลังใหม่ของนายสักหน่อย” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบไป” เสี่ยวเหลียงกล่าวอย่างตื่นเต้นและคิดภายในใจว่าหลังจากนี้เขาคงจะไม่ได้เป็นภาระของลู่หยางอีกต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตามในตอนที่เด็กหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าออกจากกองทัพหมอกโลหิตอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เขาก็เกาหัวพร้อมกับติดต่อไปหาลู่หยางอีกครั้งหนึ่งว่า

“ลูกพี่ ความจริงมันยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ”

“เรื่องอะไร?” ลู่หยางถาม

“เจ้าหน้าที่คลังแสงของกองทัพหมอกโลหิตกำลังขายโล่ระดับตำนานเลเวล 30 ที่ชื่อว่าไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์ในราคา 500 เหรียญทอง แต่ผมไม่แน่ใจว่าควรจะบอกพี่เรื่องนี้ดีหรือเปล่า” เสี่ยวเหลียงกล่าวพร้อมกับส่งข้อมูลโล่ให้ลู่หยาง

ไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์ (ระดับตำนาน)

พลังป้องกัน 296-358

ความอดทน +60

พลังกาย +60

เอฟเฟกต์พิเศษ: เมื่อถูกโจมตีมีโอกาส 65% ที่จะเกิดเอฟเฟกต์ข่มขวัญ ป้องกันการโจมตีทางกายภาพ 800 หน่วย

รายละเอียด เมื่อเผชิญหน้ากันบนถนนแคบ ๆ ผู้กล้าจะเป็นผู้ชนะ นี่คือโล่ที่ไทเกอร์วอริเออร์ ผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ของกองทัพหมอกโลหิตเคยใช้

หากเสี่ยวเหลียงอยู่ใกล้ ๆ ลู่หยางก็คงจะเบิ๊ดกะโหลกอีกฝ่ายไป 1 ที เขาจึงรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรนว่า

“รีบไปขอเงินอาจารย์แล้วมาซื้อโล่นี้เร็วเข้า! ห้ามปล่อยให้มันหลุดรอดไปเป็นอันขาด”

ย้อนกลับไปในชาติที่แล้วไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์เคยถูกประมูลขายในราคาสูงถึง 5,000 เหรียญทองแล้วมันก็มีเศรษฐียอมจ่ายเงินถึง 1,500,000 บาทเครดิตเพื่อซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถอัปเกรดได้ทำให้มันเป็นโล่ที่ดีที่สุดก่อนเลเวล 40 ที่สำคัญก็คือมันยังเป็นอุปกรณ์ในระดับตำนานอีกด้วย

ผู้เล่นที่ได้รับโล่ชิ้นนี้ไปจะกลายเป็นเหมือนกับรถถังภายในสนามรบ และการโจมตีทางกายภาพก็แทบที่จะไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของโล่นี้เข้ามาได้เลย มันจึงมีเพียงอาชีพสายเวทมนตร์เท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ถือครองโล่นี้ได้

ในชาติที่แล้วลู่หยางเคยอิจฉาผู้ที่ได้ครอบครองโล่ชิ้นนี้มาก เมื่อในชาตินี้เสี่ยวเหลียงได้มีโอกาสครอบครองโล่ดี ๆ แบบนี้ไว้ ลู่หยางย่อมไม่พลาดโอกาสซื้อโล่มาให้เสี่ยวเหลียงได้ใช้งานอย่างแน่นอน

“ถ้างั้นผมซื้อมันเลยนะครับ เงินที่ผมเตรียมมามันยังมีเหลืออยู่” เสี่ยวเหลียงกล่าวก่อนที่เขาจะซื้อไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์และแชร์ข้อมูลอุปกรณ์ให้กับลู่หยาง

“ให้ตายเถอะ! คราวหลังอย่าทำให้ฉันต้องลุ้นแบบนี้อีกนะ ตอนนี้รีบมาที่ป้อมปราการได้แล้ว” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ป้อมปราการคริมสัน

ฉิงชางและพวกเซี่ยหยู่เว่ยกำลังปรึกษากันว่าจะจัดการกับมอนสเตอร์ต่อไปยังไงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นลู่หยางทั้งหัวเราะและถอนหายใจ ทุกคนต่างก็สงสัยว่าหัวหน้ากิลด์กำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่กันแน่

“หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“4 กิลด์นั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่าครับ?” ไป๋เหลิงถาม

“ฉันยังไม่ได้บอกพวกนายหรอกเหรอว่าฉันยังมีไพ่ตายอยู่อีกใบ หากให้เทียบกับการต่อสู้แบบเป็นกลุ่ม เขาคนนี้ก็เก่งกว่าฉันอีก” ลู่หยางกล่าว

ทุกคนเคยได้ยินลู่หยางพูดถึงคน ๆ นี้มาบ้าง พวกเขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“เขาเปลี่ยนอาชีพเสร็จแล้วเหรอครับ?”

“ใช่ เพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้เลย” ลู่หยางตอบ

“เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นอะไรเหรอครับ? คุณรีบพาเขามาเจอพวกเราหน่อยได้ไหม?” ฉิงชางกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ใจเย็น ๆ เขากำลังเดินทางมาแถมยังพกโล่ระดับตำนานมาด้วย” ลู่หยางกล่าว

“โอ้โห!” ทุกคนต่างก็โห่ร้องขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่เขาเปลี่ยนอาชีพมันจะมีโล่ระดับตำนานวางขายที่เจ้าหน้าที่คลังแสงภายในค่ายของเขาด้วย เดี๋ยวรอเขามาถึงที่นี่ก่อนเถอะแล้วพวกนายจะรู้ว่าเครื่องจักรสังหารในสนามรบมันคืออะไร” ลู่หยางกล่าวทำให้ทุกคนต่างก็รอคอยการมาถึงของเสี่ยวเหลียงด้วยความตื่นเต้น

2 ชั่วโมงต่อมา

เสี่ยวเหลียงใช้ร็อคเก็ตโมบายล์สลับกับสกิลจั๊มป์เพื่อเดินทางมายังป้อมปราการคริมสัน ซึ่งในที่สุดเขาก็เดินทางมาจนถึงด้านหน้าประตูป้อมปราการได้อย่างราบรื่น

“ลูกพี่ ผมมาแล้วครับ!” เสี่ยวเหลียงกล่าวขณะแบกโล่รูปหัวเสือไว้บนบ่าข้างขวา

“ตอนนี้นายมีพลังป้องกันเท่าไหร่แล้ว?” ลู่หยางถาม

ก่อนการทดสอบเสี่ยวเหลียงได้ติดตั้งชุดเซ็ตอุปกรณ์เมจิกสตีลและชุดเซ็ตโรยอลตี้เข้าไปแล้ว เมื่อมันได้เพิ่มโล่ระดับตำนานอย่างไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์มา มันจึงทำให้พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นไปสูงมากพอสมควร

“ตอนนี้ผมมีพลังป้องกันประมาณ 1,700 หน่วยกับพลังชีวิตอีกประมาณ 15,000 หน่วยครับ” เสี่ยวเหลียงตอบ

“ไม่เลวเลยนี่” ลู่หยางพยักหน้าอย่างพอใจ

“ตอนนี้ผมรู้สึกแข็งแกร่งมากเลยครับ ลูกพี่จะให้ผมไปทำอะไรดี?” เสี่ยวเหลียงกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาราวกับเด็กน้อย

ในสนามรบ

ฉิงชางอยู่บริเวณทัพด้านหน้าและมีแบล็คสโตนสเกเลตันกดดันมาจาก 3 ทิศทาง 

“บุกทะลวงเข้าไปทางด้านนั้น” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทางหนึ่ง

“ได้ครับ” เสี่ยวเหลียงรับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปบริเวณทางด้านขวาของฉิงชาง 

ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าอันดุดัน ผิวสีทองแดงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นผิวสีแดงเลือด และในอีกไม่กี่วินาทีต่อมามันก็มีหมอกสีเลือดจาง ๆ ปล่อยออกมารอบ ๆ ตัวของเขา

ขณะเดียวกันเมื่อพวกฉิงชางบุกลึกเข้ามาในสนามรบ แรงกดดันที่ศัตรูสร้างไว้มันก็ทำให้พวกเขาจำเป็นจะต้องดึงนักรบที่สวมชุดเมจิกสตีลและพาลาดินมาป้องกันพื้นที่ด้านข้างเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้แบล็คสโตนสเกเลตันแทรกเข้ามาสังหารนักเวทและนักบวชในกองทัพ

อย่างไรก็ตามการป้องกันทางปีกข้างก็มีนักรบที่สวมชุดเมจิกสตีลคอยป้องกันอยู่เพียงแค่ 25 คน ด้วยจำนวนของนักรบเพียงแค่นี้ มันจึงทำให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพทำได้เพียงแค่ด้านเดียวและทำให้พวกฉิงชางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากพอสมควร

“พาลาดินอย่าเพิ่งรีบใช้เซคคริฟายรอให้นักรบที่ใช้ชุดเมจิกสตีลดึงความโกรธเอาไว้ให้มั่นคงก่อนแล้วพวกนายค่อยดึงมอนสเตอร์บางส่วนออกไป พลังโจมตีของพวกมันรุนแรงมาก พวกนายต้านรับการโจมตีพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนมากไม่ไหวหรอก” ฉิงชางตะโกนอย่างร้อนใจ

“พวกเราควรบอกหัวหน้าดีไหมว่าตอนนี้ควรจะเปลี่ยนวิธีการรบแล้ว?” เหมาชิวพูดกับฉิงชาง

“ไม่ได้ นี่เป็นกลยุทธ์ที่เราคุยกันเอาไว้เมื่อตอนเที่ยง ถ้าหากว่ามันมีการปรับเปลี่ยนเพียงแค่นิดเดียว มันก็จำเป็นจะต้องวางแผนการใหม่ทั้งหมด การวางแผนแบบนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราควรทนต่อไปก่อนถ้าไม่ไหวจริง ๆ แล้วค่อยรายงานหัวหน้า” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ

ตอนที่พูดคุยเรื่องกลยุทธ์ในตอนเที่ยงฉิงชางไม่คิดเลยว่าตัวเองที่อยู่ด้านหน้าจะต้องลำบากมากขนาดนี้ แต่ในตอนที่เขากำลังจะทนไม่ไหวอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีนักรบตัวแดงคนหนึ่งกระโดดลงมาจากฟ้าตกลงไปกลางฝูงแบล็คสโตนสเกเลตันเพียงคนเดียว

“อย่าทำแบบนั้น! นายทนรับการโจมตีคนเดียวไม่ได้หรอก” ฉิงชางตะโกนเพราะเขาคิดว่าลูกน้องกำลังเห็นสถานการณ์คับขันจึงใช้วิธีนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ในการลดแรงกดดันของนักรบและพาลาดิน

แต่ในตอนที่เขาคิดว่านักรบคนนั้นจะต้องตายแน่ ๆ จู่ ๆ มันก็มีเสียงคำรามดังสนั่นไปทั่วทั้งป้อมปราการจนทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง

“ย๊าก!”

เสี่ยวเหลียงเริ่มเปิดใช้สกิลเรดมิสท์บลัดเธิร์ทเพื่อเพิ่มพลังป้องกันของตัวเอง 1,000 หน่วยเป็นเวลา 5 วินาที และบังคับให้แบล็คสโตนสเกเลตันมากกว่า 100 ตัวภายในรัศมี 30 เมตรมุ่งเป้าโจมตีมาที่เขาเพียงคนเดียว

ภายในพริบตาการโจมตีเป็นจำนวนมากก็มุ่งเป้ามาที่เสี่ยวเหลียงเป็นเป้าเดียว แต่ทันทีที่ดาบเล่มแรกฟันลงบนเกราะของเด็กหนุ่ม หมอกสีเลือดที่รวมตัวอยู่บริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

ทันใดนั้นหมอกสีเลือดก็กลายเป็นคมดาบหมุนตัวรอบเสี่ยวเหลียงอย่างฉับพลัน พร้อมกับสร้างความเสียหาย 5,000 หน่วยให้แก่ศัตรูทั้งหมดในรัศมี 30 เมตร

นี่คือผลของสกิลเรดมิสท์เวิร์ลวินด์สแลชที่เมื่อนักรบหมอกโลหิตถูกโจมตีมันจะมีโอกาส 20% ที่หมอกโลหิตจะทำการโจมตีโต้กลับอัตโนมัติ และสกิลนี้ก็มีระยะเวลาคูลดาวน์เพียงแค่ 0.19 วินาทีเท่านั้น

เมื่อแบล็คสโตนสเกเลตันหลายสิบตัวโจมตีเสี่ยวเหลียงพร้อม ๆ กันหมอกโลหิตจึงเริ่มปั่นจนดูคล้ายกับว่ามันได้กลายเป็นพายุจริง ๆ 

-4,218, -3,986, -3,999, …

เวลา 15 วินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับโกหก แต่ในตอนนี้มันมีเพียงแค่เสี่ยวเหลียงที่ถือโล่ไทเกอร์วอริเออร์ชิลด์ยืนอยู่กลางสนามรบเพียงลำพัง หากมองดูไปยังหลอดพลังชีวิตจะได้พบว่าพลังชีวิตของชายคนนี้แทบที่จะไม่ลดลงเลย ในทางกลับกันแบล็คสโตนสเกเลตันที่มีพลังชีวิตสูงกว่า 300,000 หน่วยกลับเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 100 ตัว

เมื่อพวกฉิงชางเห็นภาพเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้พวกเขาอดที่จะกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้ ซึ่งในตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าถึงลู่หยางจะพูดยกยอคน ๆ นี้เอาไว้เก่งแค่ไหน แต่ในท้ายที่สุดคน ๆ นี้ก็คงจะแข็งแกร่งกว่าหัวหน้ากิลด์ของพวกเขาในเรื่องการโจมตีวงกว้างเพียงแค่นิดเดียว

อย่างไรก็ตามคน ๆ นี้กลับใช้เวลาเพียงแค่ 15 วินาทีในการสังหารแบล็คสโตนสเกเลตันมากกว่า 100 ตัวทั้ง ๆ ที่พวกเขาต้องใช้อาชีพโจมตีระยะไกลหลายพันนายโจมตีเป็นเวลานานหลาย 10 นาที

“พี่ชาย คุณคือยอดฝีมือที่หัวหน้าพูดถึงหรือเปล่า?” เหมาชิวถามอย่างตกตะลึง

“อย่าพูดแบบนั้นเลย ผมเป็นแค่ลูกน้องของลูกพี่เท่านั้นเอง” เสี่ยวเหลียงหัวเราะขึ้นมาแห้ง ๆ พร้อมกับตอบกลับไปอย่างเขินอาย จากนั้นเขาก็พูดเสริมขึ้นมาว่า

“ลูกพี่ให้ผมคอยจัดการทางด้านนี้ เดี๋ยวพวกคุณดูแลทางด้านอื่นไปเลย ทางฝั่งนี้ผมคนเดียวจัดการได้”

ตอนแรกพวกฉิงชางอยากจะบอกว่าเสี่ยวเหลียงพูดอะไรเกินตัวไปสักหน่อย เพราะท้ายที่สุดมันก็ยังมีศัตรูเหลืออยู่มากกว่า 10,000 ตัว แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ มันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าแบล็คสโตนสเกเลตันเพียงแค่ 10,000 ตัวคงจะไม่สามารถทำอะไรเสี่ยวเหลียงได้จริง ๆ

“ถ้างั้นผมจะจัดกำลังพล 2,000 คนเอาไว้สนับสนุนคุณใกล้ ๆ ถ้าจำเป็นพวกเขาก็สามารถรักษาคุณได้เผื่อว่ามันจะมีเหตุการณ์อะไรฉุกเฉิน” ฉิงชางกล่าว

“โอเคครับ” เสี่ยวเหลียงตอบ

 

 


ถ่อมตัวอยู่เสมอจริง ๆ น้องชายคนนี้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.