บทที่ 298 รุกคืบ

-A A +A

บทที่ 298 รุกคืบ

บทที่ 298 รุกคืบ

“พื้นที่แถวนั้นมันเป็นเขตของฉงป้ากับฉือมู่ไม่ใช่เหรอครับ?” ฉิงชางถามอย่างประหลาดใจ

“หลังจากนี้มันจะเป็นเขตของพวกเรา” ลู่หยางตอบ

ทันใดนั้นฉิงชางและพวกเซี่ยหยู่เว่ยก็หันมามองหน้ากัน โดยในแววตาของทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“แล้วแบบนี้ฉงป้ากับฉือมู่จะยอมเหรอครับ?” บิทเทอร์เลิฟถาม

“พวกเขาทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นแล้วพวกเขายังจะกล้าออกมาทำอะไรอีกหรือยังไง?” ลู่หยางตอบ

“แผนการของหัวหน้ายอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ” เหมาชิวกล่าวอย่างชื่นชม

“ในที่สุดพวกเราก็ได้แก้แค้นกลับไปบ้างสินะ” ไป๋เหลิงกล่าว

ลู่หยางทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เพราะจุดหมายที่แท้จริงมันไม่ใช่การแก้แค้นง่าย ๆ แบบนี้

ในที่สุดทุกคนก็เดินมาจนถึงประตูป้อมปราการ ฉิงชางจึงพูดขึ้นมาว่า

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เข้าไปแทนที่ผู้เล่นชุดกลางคืนเลยนะครับ”

“น่าเสียดายจุดเก็บเลเวลที่นี่จริง ๆ ถ้าเราเก็บมันไว้อีกสัก 10 วันมันก็จะช่วยให้สมาชิกของเราอีก 2,000 คนมีเลเวลเพิ่มขึ้นไปจนถึง 30” บีทเทิลเลิฟกล่าว

ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพวกเขาก็รู้สึกเสียดายที่ต้องสังหารโทรลล์ไฟทั้ง 5 ตัวนี้

“ไม่ต้องเสียดายไปหรอก เพราะพวกเราจะเข้าประตูข้าง” ลู่หยางกล่าว

“มันมีประตูข้างด้วยเหรอครับ?” ฉิงชางถามด้วยความดีใจ

“มีสิ” ลู่หยางตอบแต่เขาก็ยังไม่ได้บอกความจริงว่าตัวเขาแอบไปจัดการลาวาลอร์ดและครอบครองป้อมปราการแห่งนี้แล้ว ท้ายที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหลออกไป ลู่หยางจึงตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เพียงคนเดียว

จากนั้นลู่หยางก็เดินพาพวกฉิงชางเดินอ้อมผ่านโทรลล์ไฟทั้ง 5 ตัว ก่อนที่พวกเขาจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีความกว้างมากกว่า 10 เมตร

“หัวหน้ามีวิธีเปิดประตูไหมครับ?” ไป๋ฉือถาม

“มีสิ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะเปิดหน้าต่างควบคุมป้อมปราการและทำการเปิดประตู

ระบบ: ประตูหมายเลข 1 ของป้อมปราการกำลังจะเปิด

ประตูหมายเลข 1 คือประตูแรกภายในป้อมปราการ ซึ่งป้อมปราการของกิลด์อื่น ๆ ก็ถูกตั้งชื่อแบบนี้ในลักษณะเดียวกัน

เสียงประตูบานใหญ่ร้องคำรามดังขึ้น พวกฉิงชางจึงมองเข้าไปด้านในของป้อมปราการด้วยความประหลาดใจ

สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาอยู่ด้านในป้อมปราการคือลานโล่งที่มีขนาดเกือบ 100,000 ตารางเมตร และบนลานนั้นก็มีแบล็คสโตนสเกเลตันกับปีศาจไฟระดับอีลิทและระดับบอสอยู่เต็มไปหมด ซึ่งถ้าจะนับรวมฝูงมอนสเตอร์เหล่านี้พวกมันก็น่าจะมีจำนวนอยู่เกินกว่า 100,000 ตัว

แบล็คสโตนสเกเลตัน (บอส)

เลเวล 35

พลังชีวิต 300,000/300,000

“ดูเหมือนพวกมันจะแข็งแกร่งมากเลยนะครับ โชคดีที่หัวหน้าพึ่งให้ชุดเซ็ตเมเจิกสตีลกับผมมา ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับพวกมันจำนวนมากขนาดนี้ได้” ไป๋หูกล่าว

แบล็คสโตนสเกเลตันคือโครงกระดูกสวมเกราะหนังทั้งตัวที่ถือโล่อยู่ในมือซ้ายและถือดาบยาวอยู่ในมือขวา ซึ่งตามเนื้อเรื่องของเกมพวกเขาคือชาวพื้นเมืองที่เสียชีวิตไปแล้วนับพันปี แต่ลาวาลอร์ดได้ทำการฟื้นคืนชีพพวกมันขึ้นมาเพื่อให้กลายเป็นทาสคอยเฝ้าป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้

“มอนสเตอร์พวกนี้มีพลังโจมตีประมาณ 2,000 หน่วยและหลาย ๆ ตัวยังไม่รู้จักการใช้สกิลด้วยซ้ำ ความจริงแม้เราจะไม่ใช้ชุดเซ็ตเมจิกสตีลกับชุดเซ็ตฟลอว์เลสดีเฟนส์ เราก็สามารถจัดการพวกมันได้ แต่การมีอุปกรณ์พวกนี้ก็จะทำให้พวกเราจัดการกับพวกมันได้ง่ายขึ้น” ลู่หยางกล่าว

ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับด้วยความชื่นชม

“ตอนนี้พวกเรามีนักรบที่สวมชุดเซ็ตเมจิกสตีลกับชุดเซ็ตฟลอว์เลสดีเฟนส์อยู่ 100 คน แบบนี้พวกเราก็บุกเข้าไปตรง ๆ เลยได้ใช่ไหมครับ?” เหมาชิวถาม

“ให้นักรบจับคู่กัน 2 คน ยืนเว้นระยะห่างกันคู่ละ 8 เมตร จากนั้นพวกนายก็นำทีมบุกเข้าไปตรง ๆ ได้เลย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ได้ครับ” ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับกันอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปนำทีมของตัวเอง

ไม่นานนักรบ 100 คนที่ถือโล่เมจิกสตีลบาเรียขนาดใหญ่ก็ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบบริเวณด้านล่างของบันไดประตูหมายเลข 1 ซึ่งหนามแหลมบนโล่ก็ได้สะท้อนแสงแดดอันเจิดจ้า

บริเวณด้านหลังของนักรบคือผู้เล่นสายอาชีพโจมตีระยะไกลจำนวน 10,000 คน ส่วนผู้เล่นสายโจมตีระยะประชิดได้ถูกลู่หยางจัดวางกำลังเอาไว้ทางด้านหลัง

“หัวหน้า ทุกคนพร้อมแล้วครับ” ฉิงชางรายงาน

“เริ่มบุกได้เลย” ลู่หยางตะโกนดังลั่น

“กองทัพโล่ตามฉันมา!” ไป๋หูใช้ดาบเคาะโล่เสียงดังก่อนที่จะตะโกนออกคำสั่งนักรบทุกคน

ทันใดนั้นนักรบโล่ทั้ง 100 คนก็ยกโล่เมจิกสตีลบาเรียขึ้นบังหน้าอย่างพร้อมเพียง ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าอย่างเป็นจังหวะเข้าหาฝูงแบล็คสโตนสเกเลตันที่อยู่ด้านหน้า

โฮก!

แบล็คสโตนสเกเลตันตัวหนึ่งเริ่มสังเกตเห็นถึงศัตรูที่เดินเข้ามา มันจึงยกโล่ไม้ที่แตกหักขึ้นบังหน้าอกพร้อมกับชูดาบยาวขึ้นสนิมขึ้นสู่ท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่กองทัพโล่ในทันที

เสียงร้องคำรามของแบล็คสโตนสเกเลตันตัวนี้ได้ดึงดูดความสนใจของแบล็คสโตนสเกเลตันในละแวกนั้นมาอีกหลายพันตัว หัวกะโหลกของพวกมันจึงหันมองมาทางกองทัพโล่พร้อม ๆ กัน ก่อนที่มันจะมีแสงสีเหลืองอันเจิดจ้าเปล่งประกายขึ้นมาจากเบ้าตาสีดำ

กองกำลังของทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นสั่นไหวอย่างน่ากลัว

“ทุกคนต้านเอาไว้ ห้ามถอยกลับไปแม้แต่ก้าวเดียว!” ไป๋หูตะโกนสั่งการ

แบล็คสโตนสเกเลตันมีความสูงเหนือกว่าผู้เล่นถึง 2 เท่า เมื่อกองทัพของพวกมันบุกเข้ามาใบหน้าที่น่ากลัวของโครงกระดูกเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักรบหลายคน และถึงแม้ทางด้านสถานะพวกเขาจะสามารถต้านทานโครงกระดูกเหล่านี้ได้อย่างสบาย ๆ แต่แรงกดดันทางจิตใจมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับการฝึกฝนมาทุกคน

โชคดีที่กองทัพโล่ทั้ง 100 คนของลู่หยางต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นชั้นยอดที่ผ่านสงครามมาอย่างมากมาย พวกเขาจึงสามารถต้านรับการโจมตีเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และไม่เกรงกลัวสภาพภายนอกของพวกโครงกระดูกเลยแม้แต่นิดเดียว

“ทีมนักบวชคอยรักษานักรบเอาไว้ ห้ามไม่ให้พวกเขาตายแม้แต่คนเดียว” ไนท์มูน, หลานอวี่และนักบวชอีกนับ 10 คนตะโกนสั่งการสมาชิกภายในทีมของตัวเองพร้อม ๆ กัน

โดยเฉลี่ยแล้วนักรบโล่ 1 คนจะต้องรับมือแบล็คสโตนสเกเลตัน 8 ตัว ดังนั้นหากพวกเขาประมาทไปแม้แต่เพียงนิดเดียว นักรบโล่ก็สามารถจะเสียชีวิตได้ด้วยเช่นเดียวกัน

หลาย ๆ คนอาจจะเคยคิดว่าการเล่นอาชีพนักบวชเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ แต่ความจริงแล้วการใช้สกิลของนักบวชให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องคอยควบคุมพลังชีวิตของเป้าหมายและบริหารมานาของตัวเองตลอดเวลา แล้วถ้าหากว่าพันธมิตรติดสถานะผิดปกติต่าง ๆ พวกเขาก็ต้องแบ่งสมาธิไปทำการชำระล้างสถานะผิดปกติเหล่านั้นด้วย

หากเป็นทีมนักบวชโดยทั่วไป พวกเขาก็จะทำการฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวแทงค์โดยไม่คิดอะไร ซึ่งมันถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองมานาโดยไม่จำเป็น และในท้ายที่สุดนักบวชประเภทนี้ก็มักจะมานาหมดก่อนที่การต่อสู้จะจบลง

อย่างไรก็ตามทีมนักบวชภายในกองทัพไม่ได้ประสบกับปัญหาในเรื่องนี้เลย เพราะพวกเขามีการผลัดทีมคอยแบ่งงานรักษาเป้าหมายเป็นระยะ ๆ มันจึงแทบไม่มีปัญหาในเรื่องการฟื้นฟูพลังชีวิตเกินความจำเป็น

การทำแบบนี้มีเพียงเฉพาะผู้เล่นระดับสูงเท่านั้นที่ทำได้ เพราะคนทั่วไปจะไม่มีปฏิกิริยาตัดสินใจใช้สกิลต่าง ๆ อย่างมากมายภายในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที

5 วินาทีผ่านไป

หลังจากลู่หยางได้เห็นว่าตัวแทงค์ดึงความเกลียดชังของมอนสเตอร์เอาไว้ได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาจึงเริ่มตะโกนสั่งการขึ้นมาว่า

“ทีมระยะไกลโจมตีได้”

เหล่าบรรดานักธนู, นักเวทและวอลอคต่างก็เริ่มโจมตีพร้อมกัน ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีแบล็คสโตนสเกเลตันชุดแรกก็เริ่มเสียชีวิตลงกับพื้น

ผู้เล่นทั้ง 20,000 คนที่เดินทางมาพร้อมกับลู่หยางในคราวนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นเลเวล 20 กว่า ๆ เมื่อมอนสเตอร์ระดับอีลิทหลายพันตัวเสียชีวิตพร้อม ๆ กัน แถบค่าประสบการณ์ของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นจากเดิมไปเยอะมาก

ลู่หยางพอใจกับการโจมตีรอบแรกมากพอสมควร ซึ่งหลังจากที่ทุกคนพักผ่อนและฟื้นฟูพลังกลับมาแล้วเขาก็เริ่มสั่งการให้ทุกคนเริ่มบุกโจมตีต่อไป

กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตลอดทั้งเช้าลู่หยางนำทีมรุกคืบเข้าไปได้ประมาณ 100 เมตรและพวกเขาก็สังหารแบล็คสโตนสเกเลตันไปได้หลายหมื่นตัว

ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนในช่วงกลางวันอยู่นั้น เสี่ยวเหลียงก็ได้ติดต่อเข้ามาหาลู่หยาง

“หัวหน้า ผมเปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบหมอกโลหิตเรียบร้อยแล้วครับ”

 

 


ไพ่ตายอีกใบของลู่หยางมาแล้ว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.