Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 11

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri]

-A A +A

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 11

หมวดหนังสือ: 

 

 

Chapter 11: เพื่อนใหม่ในชมรม ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัว

 

(ซินนามอนบรรยาย)

 

“ปีนี้สมาชิกในชมรมเราก็น้อยเหมือนเดิมเลยนะ” พี่เชอร์พูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นจำนวนคนในห้อง ฉันกวาดสายตามองก็เห็นว่าในห้องนั้นมีเพียง 7 คนเมื่อรวมทั้งฉันและพี่เขาแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นพี่หน้าเดิมๆ ที่เคยอยู่ชมรมนี้มาก่อน แต่ก็ยังมีเพื่อน ม.ต้นเหมือนกับฉันอยู่อีก 2 คน แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ไม่มีนักเรียน ม.1 อยู่ในชมรมนี้เลยแม้แต่คนเดียว

 

“ทำไมน้อง ม.1 ถึงไม่สนใจเข้าชมรมเราเลยน้า” พี่เชอร์ยังคงบ่นต่อไป ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันแต่ก็ไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรดี

 

“พวกน้องๆ คงสนใจชมรมอื่นมากกว่าชมรมเราละมั้ง ว่าแต่เธอจัดการเอกสารกับแผนของชมรมในปีนี้เรียบร้อยหมดแล้วใช่ไหมยัยเชอร์?” รุ่นพี่ที่เป็นรองหัวหน้าชมรมถามขึ้น พี่เชอร์พยักหน้า ก่อนจะหันไปจัดการกับกระดาษรายชื่อสมาชิกตรงหน้าต่อ

 

“เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่รายชื่อสมาชิก เธอก็มาช่วยกันหน่อยสิ” ฉันมองดูรุ่นพี่ทำงานกันไปเรื่อยๆ สักพักก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา จึงหันไปมองเพื่อนข้างๆ เพื่อหาคนคุยสักหน่อย ไม่นานก็เจอเพื่อนผู้หญิงผมสีส้มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่คนเดียว ฉันจึงเดินเข้าไปทัก

 

“สวัสดีจ้ะ” ฉันเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น เธอคนนั้นหันมาสบตาด้วย ฉันมองใบหน้าของเธอก็เห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวสีส้ม ถูกรวบไว้ด้านหนึ่งด้วยยางรัดสีเดียวกับสีผม ดวงตาสีอเมทิสต์คู่นั้นหันมามองฉันก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา ผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีทำให้เธอดูน่ามองมากขึ้นไปอีก และเมื่อมองเสื้อที่ดาวสองดวงปักอยู่จึงทำให้รู้ว่าอยู่ ม.2 เหมือนกัน

 

“เธอน่ะ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวเหรอ? ไม่ไปหาเพื่อนคุยล่ะ” เมื่อเห็นว่ายังเงียบอยู่ ฉันจึงชวนคุยเรื่อยๆ

 

“อะเอ่อ” เธอคนนั้นเอ่ยตะกุกตะกัก “ฉันเพิ่งเข้ามาชมรมนี้ครั้งแรก ยังไม่รู้จักใครเลย”

 

“ไม่เป็นไรนะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนพูดต่อ “ไปนั่งด้วยกันไหม? อยู่ตรงนี้คนเดียวคงเหงาแย่”

 

“ก็ดีเหมือนกัน” เธอลุกขึ้นและเดินตามฉันมานั่งบนเก้าอี้ใกล้กับเปียโนตัวหนึ่ง

 

“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย” เธอคนนั้นพูดขึ้น ฉันพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ฉันก็ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเหมือนกัน ชื่ออะไรเหรอ?

 

“ฉันชื่อโรสแมรี่ อยู่ ม.2 ห้อง E เธอล่ะ?

 

“ฉันชื่อซินนามอนจ้ะ อยู่ห้อง C

 

เมื่อคุยกันไปได้สักพัก ก็พบว่าเราคุยกันถูกคอ ฉันได้รู้ว่าโรสแมรี่เองก็ชอบร้องเพลงเหมือนกันกับฉัน ความจริง เธอตั้งใจจะเข้าชมรมนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทางชมรมรับสมาชิกจำนวนจำกัดจึงต้องไปเข้าชมรมอื่นก่อน จนปีนี้ได้โอกาสอีกครั้ง เธอจึงลองมาสมัครดูเผื่อจะได้เข้าชมรมที่เคยอยากเข้ามาตลอด

 

“ดีใจด้วยน้า ได้อยู่ชมรมเดียวกันสักที” ฉันยิ้มออกมาเมื่อเธอเล่าจบ

 

“ขอบใจจ้ะ” โรสแมรี่กล่าว “เธอเรียกฉันว่าโรสเฉยๆ ก็ได้นะ เพื่อนทุกคนก็เรียกฉันแบบนั้น”

 

“โอเคจ้ะ โรส”

 

พวกเรานั่งคุยกันสักพัก ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาร่วมวงด้วย ฉันหันไปยิ้มพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้มานั่งด้วยกัน เมื่อเธอนั่งลงแล้ว ฉันมองสำรวจใบหน้านั้นสักพัก อืมเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ แต่ฉันก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน

 

“อ้าว เธอก็อยู่ชมรมนี้ด้วยเหรอ?” โรสแมรี่พูดขึ้น ผู้มาใหม่พยักหน้า ระหว่างนั้นฉันมองสำรวจใบหน้าของเธอพร้อมกับพยายามนึกให้ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกสักที เธอเป็นเด็กสาวผมสีเขียวยาว มีโบสีดำผูกไว้ด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้เกะกะ ใบหน้าเรียบนิ่ง มีประกายเย็นชาอยู่ในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น

 

“ใช่” แค่คำเดียวสั้นๆ ได้ใจความ เธอหันมามองฉันก่อนเอ่ยถาม

 

“เธอน่ะ อยู่ห้อง C ใช่หรือเปล่า?

 

“อะจ้ะ” ฉันตอบตะกุกตะกัก รู้สึกประหม่าไม่น้อยเมื่อฝ่ายนั้นคุยด้วย เธอคนนั้นยิ้มมุมปากก่อนพูดต่อ

 

“ฉันรู้จักเพื่อนเธออยู่คนนึง ในห้องนั้นน่ะ”

 

“ใครเหรอ?” ฉันถาม อย่างน้อยเธอกับเพื่อนในห้องฉันก็ยังรู้จักกันบ้างละนะ

 

“มาการง” คำตอบนั้นทำเอาฉันตาโต ฉันจ้องคนพูดตาไม่กะพริบก่อนทวนคำ

 

“จริงเหรอ! เธอกับมาการงรู้จักกันเหรอ!

 

“ก็จริงน่ะสิ แต่ฉันจำได้ว่าเราไม่เคยคุยกันเลยนะ”

 

ฉันเงียบทันทีเมื่อจบคำพูดนั้น รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนต่อบทสนทนาไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน ทำได้เพียงมองสำรวจฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่เหมือนคุ้นเคยแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน กับคำพูดที่บอกว่ารู้จักเพื่อนสนิทของฉันอีก สุดท้ายเมื่อมองจนพอใจแล้วก็เก็บความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว

 

“ขอโทษนะ ฉันคุ้นๆ ว่าเคยเห็นเธอมาก่อน แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ เธอชื่ออะไรเหรอ?

 

“อยู่ตั้งนานเพิ่งมาถามชื่อเหรอเนี่ย?” ฝ่ายนั้นบ่นออกมาเล็กน้อย ก่อนตอบ

 

“ฉันชื่อพาเฟ่ต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

 

“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ” ฉันยิ้มตอบ หลังจากนั้นพวกเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ เพราะในวันแรกยังไม่มีอะไรมากนักนอกจากทำความรู้จักเพื่อนใหม่ซึ่งก็มีแค่พวกเรา จนมาถึงบทสนทนาตอนหนึ่ง

 

“จะว่าไป พวกเธอสองคนอยู่ห้องเดียวกันนี่นะ” ฉันเปลี่ยนประเด็น ทั้งพาเฟ่ต์และโรสแมรี่พยักหน้า “แล้วอยู่กลุ่มเดียวกันเหรอจ๊ะ? ฉันหมายถึง นัดกันมาเพื่อเข้าชมรมเดียวกัน อะไรแบบนี้น่ะ”

 

“เปล่าหรอก” พาเฟ่ต์ส่ายหน้า “พวกเราอยู่คนละกลุ่มกัน ไม่ได้สนิทกันด้วย ตอนเลือกชมรมก็ต่างคนต่างมา จนมาเจอกันที่นี่แหละ”

 

“ถูกของพาเฟ่ต์นะ พวกเราไม่ได้สนิทกัน ขนาดอยู่ห้องเดียวกันยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เลย” โรสแมรี่เสริม ฉันพยักหน้าเข้าใจ เป็นเพื่อนห้องเดียวกันไม่จำเป็นต้องสนิทกันทุกคนก็ได้นี่นา ขนาดตัวฉันเองยอมรับว่ารู้จักเพื่อนในห้องแค่ชื่อบ้าง จำหน้าคนที่เด่นๆ ได้บ้าง แต่จะหาคนที่สนิทกันจริงๆ ไปไหนไปกันเป็นกลุ่ม ก็มีแค่กับพวกมาการง แล้วก็เพื่อนคนอื่นบ้างประปราย ดังนั้น ความสนิทกันของสองคนนี้จะอยู่ในระดับต่ำถึงแทบไม่เคยคุยกันเลยมันก็คงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร

 

“ฉันเข้าใจนะ เพราะฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับเพื่อนในห้องมากเท่าไหร่ ที่สนิทกันก็มีอยู่ไม่กี่คน”

 

“แต่อย่างน้อย เธอกับมาการงก็ยังสนิทกันใช่มั้ยล่ะ?” พาเฟ่ต์ถามพร้อมยิ้มมุมปาก ฉันยิ้มตอบ

 

“ใช่แล้วล่ะ ฉันกับมาการงเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลเลยด้วย” ไม่ว่าจะพูดถึงเพื่อนคนนี้สักกี่ครั้ง ฉันก็ยังมีความสุขและอดยิ้มออกมาไม่ได้ทุกครั้งเลยละค่ะ เพราะมิตรภาพของฉันกับมาการงนั้นเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่ายืนยาวที่สุดแล้ว ไม่ว่าฉันจะผ่านเรื่องอะไรมา ไม่ว่าจะมีความสุขหรือเศร้าเสียใจขนาดไหน คนที่อยู่ข้างๆ ฉันเสมอก็มีแต่เพื่อนคนนี้เท่านั้น

 

“ดีจังเลยน้า เธอเนี่ย” โรสแมรี่พูดบ้าง “เธอโชคดีมากนะที่ยังมีเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วยังอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดเลย”

 

“เรียกว่าเราตัดกันไม่ขาดมากกว่าน้า เพราะว่าทีแรกตอนมาเรียน ม.ต้นที่โรงเรียนนี้ ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอมาการงอีกแล้วด้วยซ้ำ”

 

“แต่สุดท้ายก็มาอยู่ห้องเดียวกันอีกจนได้สินะ” พาเฟ่ต์พูดบ้าง ฉันพยักหน้ารับ

 

“เอาละค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชมรมขับร้องประสานเสียงนะค้า!” เสียงของพี่เชอร์ประกาศ ทำให้พวกเราที่นั่งคุยกันอยู่หันไปสนใจรุ่นพี่สาวหัวหน้าชมรมที่ถือไมโครโฟนไร้สายอันเล็กประกาศอยู่หน้าห้อง ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าชมรมนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการด้วย โดยปกติคนในชมรมเองจะเรียกชื่อชมรมสั้นๆ ว่าชมรมคอรัช จนชินปากไปแล้ว

 

“เดี๋ยวนะคะ ชมรมนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการด้วยเหรอ?” รุ่นพี่รองหัวหน้าชมรมขัดขึ้น เชอร์รี่หันมามองเพื่อนตาเขียว ก่อนกล่าว

 

“ทุกชมรมมันก็ต้องมีชื่ออย่างเป็นทางการทั้งนั้นแหละย่ะ แล้วแต่ว่าเราจะเรียกหรือเปล่าแค่นั้นเอง” พี่เชอร์กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วก็หันไปพูดถึงกิจกรรมของชมรมที่เราจะได้ทำกันในปีนี้ และปิดท้ายด้วยการแนะนำตัวเอง

 

“พี่ชื่อเชอร์รี่ จะเรียกว่าเชอร์เฉยๆ หรือเชอร์ลินก็ได้ แต่ห้ามเรียกเชอร์รี่เด็ดขาดเลยนะ ฉันไม่ชอบชื่อนี้มากๆ เลย”

 

“ค่า” พวกเรา 3 คนขานรับพร้อมกัน ยกเว็นแต่พวกรุ่นพี่ที่พากันส่ายหน้ากับความบ้าบอของผู้เป็นหัวหน้าชมรม ก่อนที่ทุกคนจะได้แนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกัน และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกเล็กน้อย

 

“นี่ๆ ซินนามอนน่ะ ทำไมถึงเลือกเข้าชมรมนี้เหรอ?” โรสแมรี่ถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินออกมาจากห้องดนตรีด้วยกัน ฉันนิ่งคิดอยู่สักครู่ ไม่นานก็ตอบเธอไปว่า

 

“ฉันน่ะ ชอบร้องเพลงมานานแล้วล่ะ แต่ตอนที่มีให้เลือกชมรมเมื่อปีก่อนก็ยังไม่รู้หรอกว่ามีชมรมแบบที่ฉันต้องการบ้างหรือเปล่า จนมีเพื่อนแนะนำว่ามีชมรมคอรัช ฉันเลยเลือกเข้าชมรมนี้ เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ฉันรัก แม้ว่าจะทำมันได้ไมดีก็เถอะนะ”

 

“ทำไมเธอถึงคิดว่ายังทำได้ไม่ดีล่ะ?” โรสแมรี่ถาม นั่นสินะ บางทีแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เลยว่าทำมันได้ดีพอแล้วหรือเปล่า ความจริง ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งอะไร ร้องเพลงก็ยังไม่ดีเมื่อเทียบกับพวกรุ่นพี่ ประกอบกับเมื่อปีก่อนฉันเป็นนักเรียน ม.ต้นเพียงคนเดียวในชมรม เวลามีการแสดงที่ชมรมเราต้องออกไปร้องเพลง ฉันจึงได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังและพยายามร้องให้ดีเหมือนที่ซ้อมมาเท่านั้น

 

“เมื่อปีก่อน ฉันเป็นนักเรียน ม.ต้น คนเดียวในชมรม เทียบอะไรไม่ได้เลยกับพวกรุ่นพี่ เวลามีกิจกรรมก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างหลัง และพยายามร้องออกมาให้ได้เหมือนกับที่ซ้อมมา” ฉันมองปฏิกิริยาของเพื่อนใหม่ว่าจะทำหน้าอย่างไรเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันเล่าไปเมื่อครู่ เมื่อเห็นว่ายังนิ่งอยู่ ฉันจึงพูดต่อไป

 

“แต่ปีนี้ เมื่อมีนักเรียน ม.ต้น มากขึ้น โอกาสในการได้ยืนอยู่แถวหน้าเวลาแสดง หรือได้ร้องนำมันก็มีมากขึ้นตาม แต่เมื่อถึงวันนั้น วันที่ฉันได้ยืนอยู่ตรงนั้น วันที่ฉันได้จับไมค์โดยมีสายตาของคนทั้งโรงเรียนจ้องมองมา ฉันไม่มั่นใจเลยว่าจะทำมันออกมาดีหรือเปล่า ฉันจะเปล่งประกายและมีชีวิตชีวาเหมือนกับที่วาดฝันเอาไว้หรือเปล่านะ โรส เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?

 

ใบหน้าของโรสแมรี่ยังคงเรียบเฉย ฉันหยุดเดินตรงข้างบันไดทางลงจากอาคาร โรสแมรี่เองก็หยุดเดินเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอจะหันมายิ้มให้ฉันและพูดว่า

 

“เธอจะกังวลไปก่อนทำไม ในเมื่อเวลานั้นมันยังมาไม่ถึงเลย คิดมากไปได้นะ” ฉันยิ้มแหย บางที อาจจะเป็นตัวฉันเองที่กังวลมากเกินไปจริงๆ

 

“นั่นสินะ” พูดเบาๆ เหมือนเป็นการพูดกับตัวเองมากกว่าให้อีกฝ่ายได้ยิน โรสแมรี่กล่าวต่อไปว่า

 

“กังวลไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา พอถึงเวลานั้นก็ทำให้เต็มที่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือไง” ฉันพยักหน้า ก่อนที่เธอจะพูดให้กำลังใจว่า “เธอทำได้อยู่แล้วแหละ เชื่อฉันสิ”

 

“ขอบใจนะ โรส” ฉันยิ้มก่อนจะเดินลงบันไดอาคารเรียนเพื่อกลับบ้านเหมือนกับทุกวัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะ” พูดพลางโบกมือลา ฉันโบกมือตอบก่อนจะเดินออกจากตึกไป

 

วันนี้ เป็นอีกวันที่ดีสำหรับฉันเลยค่ะ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้พูดคุยกับรุ่นพี่ และที่สำคัญ ได้กลับมาในที่ของฉันอีกครั้ง

 

ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกสิ่งที่ทำเสมอ เพราะฉันคิดว่า เมื่อเราทุ่มเทกับอะไรสักอย่าง ความพยายามที่ทุ่มเทไปมันต้องส่งผลดีกลับมาแน่นอนค่ะ

 

ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ฉันเชื่ออย่างนั้น

 

(ติดตามตอนต่อไป)

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.