บทที่ 255: ชุนกงถู (เข้าสู่พาร์ทโต)
“หืม?” เมื่อหลัวเซียวเซียวเห็นว่ามู่ไป๋ไป่มีท่าทีกระตือรือร้นเพียงใด นางจึงเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่ายโดยการพยายามแนบหูเข้ากับประตู
ในเวลาเดียวกันที่ประตูลานบ้าน เซียวถังถังที่กำลังตามหาคนอยู่บังเอิญเห็นมู่ไป๋ไป่กับหลัวเซียวเซียวเกาะติดอยู่บริเวณประตูเรือนหอ ซึ่งคนหนึ่งอยู่ทางซ้ายส่วนอีกคนอยู่ทางขวา ในขณะที่จื่อเฟิงกำลังถือขาหมูขึ้นกัดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
จากนั้นนางก็เหลือบไปมองเด็กหนุ่มและถามเขาว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
จื่อเฟิงอ้าปากกำลังจะตอบว่า ‘พวกเขาแค่อยากมาร่วมพิธีปลุกห้องเจ้าสาว’ แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนขององค์หญิงหกเมื่อครู่นี้ เขาก็ทำได้เพียงกลืนคำพูดลงท้องไปแล้วส่ายหัวด้วยท่าทางเศร้าสร้อยเหมือนเดิม
ซึ่งนั่นได้ไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเซียวถังถังขึ้นมา นางรีบวิ่งเข้าไปหามู่ไป๋ไป่พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ไป๋ไป่! ท่านกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ท่านมาผิดห้องหรืออย่างไร? นี่คือเรือนหอหลังใหม่ของท่านอาจารย์กับอาจารย์พ่อ ข้าเพิ่งมาที่นี่ตอนกลางวัน”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ตกใจมากจนขนทั่วร่างกายตั้งชัน เธออยากจะพุ่งเข้าไปปิดปากเด็กหญิง แต่มันก็ยังสายเกินไป
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน และสีหน้าแดงเข้มของอวี้เซิ่งก็ปรากฏสู่สายตาของพวกเธอ
“มู่ไป๋ไป่ พระองค์อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย!”
“อะแฮ่ม! อวี้เซิ่งใจเย็น ๆ ข้าแค่เดินผ่านมาเอง!” คนตัวเล็กรีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“ข้าไม่แปลกใจเลย! เมื่อกี้ข้าได้ยินเสียงพระองค์ ให้ตายเถอะ ทั้งที่ยังเด็กขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยนอกจากชอบเลียนแบบคนที่มาสร้างปัญหาในพิธีสมรสของข้า พรุ่งนี้ข้าจะเขียนจดหมายส่งไปเมืองหลวงเพื่อร้องเรียนพระองค์!”
“อวี้เซิ่งใจร้าย” เด็กหญิงทำหน้าบูดบึ้ง “ข้าอุตส่าห์แอบเตรียมของขวัญสุดพิเศษเอาไว้ให้ท่านกับท่านอาจารย์แล้ว แต่ท่านกลับมาต่อว่าข้า แถมยังไม่ยอมรับมันอีก!”
“ช่างเป็นของขวัญที่พิเศษสุด ๆ ไปเลย มู่ไป๋ไป่ ข้าจะบอกพระองค์ให้นะ แม้ว่าวันนี้พระองค์จะมอบตำราวิชายุทธเก่าแก่กับข้า แต่มันก็ไร้ประโยชน์! พระองค์เลิกวุ่นวายได้แล้ว!”
ท่ามกลางเสียงตะคอกของชายหนุ่ม มู่ไป๋ไป่ก็ดึงหลัวเซียวเซียวกับเซียวถังถังวิ่งหายไปจากเรือน
ทางด้านจื่อเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปหลังจากที่ถูกอวี้เซิ่งจ้องเขม็ง
ไม่นานความเงียบก็กลับคืนสู่เรือนหลังกว้าง
บรรยากาศเสน่หาที่เคยฟุ้งกระจายอยู่ในเรือนหอบัดนี้ได้ปลิวสลายไปตามสายลม
อวี้เซิ่งมองดูแสงจันทร์ที่ลานบ้านแล้วถอนหายใจหนัก ๆ
“ท่านถอนหายใจทำไม?” เจียงเหยาจับมือสามีหนุ่มเบา ๆ แล้วพาเขาเดินกลับมาที่ห้องหอก่อนจะปิดประตู “เอาไว้ข้าจะจัดการสั่งสอนพวกนางพรุ่งนี้เอง”
พอชายหนุ่มได้ยินน้ำเสียงปลอบประโลมจากภรรยาสาว เขาก็เม้มปากสักพักก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอวบางของอีกคนด้วยฝ่ามือใหญ่ จากนั้นก็พานางเดินเข้าไปที่ข้างเตียง “ตกลง ขอบคุณภรรยา”
เจียงเหยาตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเรียกนางว่า ‘ภรรยา’ นางจึงรีบเสหน้าหลบสายตาของเขาไปอย่างเขินอาย
แล้วบรรยากาศก็กำลังเป็นไปตามครรลองของมัน อวี้เซิ่งโน้มตัวเข้าไปหาภรรยาสาวกำลังจะสัมผัสริมฝีปากสีแดงสดของนาง แต่แล้วจู่ ๆ หญิงสาวก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” เบา ๆ
“ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอยู่ใต้ผ้าห่ม” เจียงเหยาเอื้อมมือไปคลำใต้ผ้าห่มอึดใจหนึ่งก่อนจะพบถุงผ้าสีน้ำเงิน
อวี้เซิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่มู่ไป๋ไป่เพิ่งพูดเมื่อสักครู่ เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ “นี่น่าจะเป็นของขวัญที่องค์หญิงหกเตรียมไว้ให้พวกเรา”
“น้องหญิง เจ้าอย่าได้สนใจของขวัญที่นางมอบให้เลย อย่างที่ข้าเคยพูดเอาไว้ แม้ว่านางจะมอบตำราวิชายุทธเก่าแก่ให้กับข้า แต่ข้าก็จะไม่มีวันแตะต้องพวกมัน…”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันพูดจบ เขาก็เห็นชัดเจนว่ามีอะไรอยู่ในถุงผ้า
ตำราเล่มนี้ดูเรียบง่ายไม่มีอะไรโดดเด่นมาก มีเพียงอักษรที่เขียนว่า ‘ชุนกงถู*’ นั่นถึงกับทำให้เขาสำลักน้ำลายตัวเอง
*ชุนกงถู (春宫图) หรือภาพวาดอีโรติกประเภทหนึ่ง ในสมัยราชวงศ์ถัง หนังสือภาพวาดการเสพสังวาสเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จนมาถึงช่วงครึ่งหลังของราชวงศ์หมิง ชุนกงถูจึงเริ่มได้รับความนิยมขึ้นมา หนังสือเหล่านี้มีส่วนช่วยด้านเพศศึกษาในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน คนโบราณก็มีความเชื่อว่าหนังสือพวกนี้จะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย
“มู่ไป๋ไป่ ยัยเด็กนั่น!” เจียงเหยากำลังจะโยนตำราทิ้งไปพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อน แต่อวี้เซิ่งกลับห้ามนางเอาไว้เสียก่อน
“น้องหญิง ได้โปรด… เก็บตำราเล่มนี้เอาไว้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่างน้อยมันก็เป็นความปรารถนาดีจากลูกศิษย์ของเจ้า แล้วเราจะได้ใช้ประโยชน์มันในค่ำคืนนี้”
“อวี้เซิ่ง ท่านมันคนไร้ยางอาย!” บัดนี้หมอสาวรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองถูกไฟไหม้ “ไหนท่านบอกว่าจะไม่รับน้ำใจไม่ว่ามู่ไป๋ไป่จะมอบอะไรให้ท่านไม่ใช่หรือ?”
คนเป็นสามีหยิบตำราขึ้นมาอย่างหน้าไม่อายแล้วพูดว่า “ข้าพูดเช่นนั้นหรือ? เจ้าคงจำผิดแล้วล่ะ”
“อวี้เซิ่ง!” เจียงเหยาถลึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธ แต่คำพูดต่อมาทั้งหมดก็กลืนหายไปในปากของอวี้เซิ่ง
จากนั้นหน้าต่างที่ถูกทาด้วยสีแดงก็สะท้อนเงาร่างใกล้ชิดของชายหญิง 2 คน
…
ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่ยังคงลากหลัวเซียวเซียวกับเซียวถังถังไปตลอดทางโดยไม่หยุดจนกว่าจะมาถึงเรือนพักของตัวเอง
“เซียวถังถัง เจ้าอยากจะฆ่าข้าหรืออย่างไร!” มู่ไป๋ไป่หายใจหอบพร้อมกับยืนเท้าเอว
“หา?” เซียวถังถังโต้กลับไปว่า “ใครจะไปรู้ว่าท่านกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่ แถมยังเลวร้ายสุด ๆ ไปเลย ครั้งต่อไปที่ท่านจะทำอะไรเช่นนี้ ท่านก็บอกข้าสิ ข้าจะได้ช่วยท่าน!”
“...ข้าซาบซึ้งใจจริง ๆ” มู่ไป๋ไป่ได้แต่พูดเช่นนี้ออกไป
“ฮี่ ๆๆ ด้วยความยินดี เราเป็นสหายกันนี่นา” เซียวถังถังเรียกคืนรอยยิ้มสดใสและรีบเข้าไปจับแขนอีกคนแกว่งไปมาอย่างมีความสุข “ไป๋ไป่ ท่านคิดว่าอาจารย์จะโกรธหรือไม่? พรุ่งนี้เราจะถูกนางลงโทษหรือไม่?”
คนถูกถามเกาหัวเบา ๆ แล้วคิดว่าถ้าอวี้เซิ่งเห็นของขวัญที่เธอมอบให้เขาแล้วยังคิดที่จะให้เจียงเหยาลงโทษพวกเธอ ชีวิตของเขาคงจะไร้รสชาติเกินไป
คืนนั้นที่หุบเขาหมอเทวดาก็มีเรื่องวุ่นวายจนถึงรุ่งสาง
…
นับตั้งแต่มาถึงหุบเขาหมอเทวดา มู่ไป๋ไป่ก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก
นอกจากการไปเรียนทุกวัน เธอก็ต้องคอยติดตามเซียวถังถังและช่วยนางเก็บกวาดเรื่องยุ่งเหยิงอยู่ตลอด ซึ่งสภาพของเธอในตอนนั้นน่าสังเวชมาก
มากจนเธออยากเขียนจดหมายสัก 10 ฉบับถึงเซียวถังอี้โดยเนื้อความกล่าวว่าเขาขี้โกง และขอให้เขามารับตัวเซียวถังถังกลับไปโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดจะได้รับจดหมายของเธอหรือไม่ พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาไม่เคยตอบกลับจดหมายที่เธอส่งไปเลยสักครั้ง
และแล้วเวลา 12 ปีก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา แคว้นเป่ยหลงสงบสุขมาตลอด ทว่าปัจจุบันในยุทธภพกลับมีปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วหุบเขาหมอเทวดาก็เปลี่ยนหัวหน้าเช่นกัน
อดีตเจ้าหุบเขาได้สละตำแหน่ง และได้ส่งมอบตำแหน่งนี้ให้กับเจียงเหยา
อีกทั้งการชุมนุมจอมยุทธ์ก็กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เจียงเหยากับอวี้เซิ่งจึงได้รับเทียบเชิญในนามของหุบเขาหมอเทวดา และปล่อยให้มู่ไป๋ไป่กับเซียวถังถังคอยดูแลหุบเขาหมอเทวดาเพียงลำพัง
“เซียวถังถัง! อย่าให้ข้าจับตัวเจ้าได้นะ ข้าจะแทงเจ้าให้ยับเลย!”
บนเส้นทางในป่า หญิงสาวร่างผอมในชุดสีขาวพึมพำกับตัวเองในขณะที่รีบเดินไปยังที่ตั้งของหุบเขาหมอเทวดา
แต่สิ่งที่โดดเด่นก็คือมีสัตว์มากมายอยู่แทบเท้าของนาง
ดูเหมือนว่าสัตว์พวกนี้จะมีสติปัญญาสูง พวกมันมารวมตัวกันรอบ ๆ ตัวหญิงสาวอย่างเป็นระเบียบและส่งเสียงร้องเบา ๆ
“ข้าเห็นด้วยตาตัวเอง! ข้ารู้ว่านางเป็นคนไปหาเรื่องหลี่โก่วตั้นก่อน” สตรีในชุดสีขาวรับฟังคำร้องเรียนจากสัตว์ต่าง ๆ แล้วถกแขนเสื้อขึ้นด้วยความโกรธ “ยานั่นแย่มาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ในทางตรงกันข้าม ยานั่นกลับเป็นพิษจนทำให้หน้าบวม”
“นางช่างเป็นอัจฉริยะในการทำยาพิษจริง ๆ”
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ท่านอาจารย์กลับมา ข้าจะฟ้องอาจารย์ แล้วให้ท่านอาจารย์ส่งเซียวถังถังไปยังสำนักตระกูลถังโดยเร็วที่สุด อย่าปล่อยให้อัจฉริยะในการใช้พิษอย่างนางต้องสูญเปล่า”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมู่ไป๋ไป่ที่โตเป็นสาวแล้ว
ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เธอตัวสูงขึ้นมาก ใบหน้าที่เคยกลมมนแต่เดิมก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ารูปไข่งดงาม โดยเฉพาะดวงตาซึ่งคล้ายกับมู่เทียนฉงมาก ทว่าแววตากลับดูมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากกว่าเขาเล็กน้อย
แต่โดยรวมแล้วบุคลิกหน้าตาของเธอนั้นดีมากจนทำให้คนที่ได้มองไม่สามารถละสายตาไปได้
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ไป๋ไป่โตเป็นสาวแล้วจ้าาา เรื่องราวพาร์ทโตหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ฝากนักอ่านติดตามไปพร้อมกับเสี่ยวเถียวยาว ๆ เลยน้าาา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 205
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น