บทที่ 191 งานเลี้ยงรุ่น
บทที่ 191 งานเลี้ยงรุ่น
วันรุ่งขึ้น
พวกลู่หยางยังคงรับสมัครผู้เล่นเข้ากิลด์ตั้งแต่เช้าไปจนถึงเกือบบ่ายสามโมง ชายหนุ่มจึงขอตัวออกไปทำธุระนอกเกม
หลังจากล้างหน้าล้างตาจนเสร็จ เจียงเจ๋อก็โทรเข้ามาพร้อมกับพูดว่า
“ฉันมาถึงแล้ว”
“แป๊บหนึ่ง” ลู่หยางตอบก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปนอกบ้าน ก่อนที่เขาจะได้พบกับลัมโบร์กีนีสีดำที่จอดอยู่ริมถนน
เจียงเจ๋อตบฝากระโปรงรถด้วยท่าทีที่ภาคภูมิใจพร้อมกับพูดว่า
“เท่ไหม? พ่อฉันเพิ่งซื้อให้มา”
“ก็ดี” ลู่หยางตอบกลับอย่างเฉยเมย เพราะในชาติก่อนเขาก็เคยมีรถที่ดีกว่านี้มาแล้ว
“นายนี่ยังเย็นชาเหมือนเดิมเลยนะ ฉันก็อุตส่าห์อยากจะเซอร์ไพรส์นายสักหน่อย” เจียงเจ๋อพูดอย่างอ่อนใจ
ลู่หยางส่งเสียงหัวเราะ ก่อนที่เขาจะเดินลงไปนั่งลงที่นั่งข้างคนขับ
สถานที่ที่พวกเขาจะไปรวมตัวกันคือร้านอาหารหรูบริเวณชานเมือง ซึ่งหลังจากที่เจียงเจ๋อกดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ลัมโบร์กีนีคันใหม่ก็พุ่งทะยานไปในท้องถนนอย่างรวดเร็ว
ภัตตาคารเถิงหยวนถูกยกย่องว่าเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในจังหวัด ซึ่งอันที่จริงแล้วมันเป็นสถานเริงรมย์อันหรูหราที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันบนพื้นที่หลายสิบไร่ มันจึงกลายเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์หลักของผู้คนในจังหวัด
ลัมโบร์กีนีของเจียงเจ๋อวิ่งไปยังลานจอดรถ และถึงแม้ภายนอกรถคันนี้จะดูเป็นรถหรู แต่เมื่อเทียบกับรถบนลานจอดแล้วลัมโบร์กีนีคันหรูมันก็ดูกลายเป็นรถธรรมดาไปเลย
“ให้ตายเถอะ มีแต่รถคนรวย ๆ” เจียงเจ๋อบ่น
“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของพวกเขาหรอก” ลู่หยางกล่าว
หลังเดินเข้าไปในภัตตาคารที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มันก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างนอบน้อม
“ไม่ทราบว่าคุณชายทั้งสองได้จองเอาไว้หรือเปล่าครับ?”
“ผมจองห้อง 106 เอาไว้” เจียงเจ๋อกล่าว
“ที่แท้คุณก็คือคุณเจียงนี่เอง ตอนนี้เพื่อนของคุณมากันหลายคนแล้ว เดี๋ยวผมจะนำทางไปที่ห้องนะครับ” พนักงานกล่าว
หลังเดินตามพนักงานภัตตาคารมาจนถึงห้อง 106 ด้านในก็มีคนกว่า 20 คนนั่งพูดคุยกันอยู่แล้ว โดยทุกคนต่างก็ล้วนแต่เป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี มันจึงเป็นภาพที่ทั้งดูสดใสและเต็มไปด้วยพลังงาน
ลู่หยางกวาดตามองก่อนที่จะได้พบใบหน้าอันคุ้นเคยหลายคนในสายตา โดยเฉพาะหลี่รุ่ย,จ้าวชวี่, เจียงหัวและถูเฟิงที่ทั้งสี่คนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปลายของเขา ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสี่ยังเป็นเพื่อนสนิทที่ช่วยลู่หยางสร้างกิลด์ในชาติก่อน แม้หลังจากนั้นเขาจะมีปัญหาแต่ทั้งสี่คนก็ยังคอยช่วยเหลือเขาตลอดเวลาไม่ทอดทิ้งหนีหน้าหายไปไหน
“ลู่หยาง ทำไมนายถึงเพิ่งมาล่ะ?” จ้าวชวี่ตะโกนพร้อมกับโบกมือเรียกลู่หยาง
“คนมาช้าต้องโดนลงโทษ!” เจียงหัวตะโกนอย่างเห็นด้วย
“ใช่ ๆ ๆ” ทั้งกลุ่มส่งเสียงขึ้นมาอย่างเฮฮาจนทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมากกว่าเดิม
“มันเป็นความผิดของเจียงเจ๋อเลย เขาอยากขับรถสปอร์ตมา มันเลยทำให้ฉันมาสายไปด้วย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนต่างก็หันไปมองเจียงเจ๋อพร้อมกันรวมถึงสาวชุดขาวร่างสูงโปร่งคนหนึ่งด้วย
เจียงเจ๋อไม่เคยถูกจ้องมองแบบนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในคนที่จ้องมองมายังรวมถึงสาวคนที่เขาหลงรักอยู่ด้วย มันจึงทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“แบบนี้ต้องดื่มกันสักหน่อยแล้ว! ใครจะไปรู้ว่าเจียงเจ๋อที่ทำตัวเป็นยาจกมานานกว่าสามปีที่แท้ก็เป็นเศรษฐีที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องของเรานี่เอง” สาวคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ใช่ ๆ ๆ เราจะปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด” สาว ๆ อีก 5-6 คนต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาไปให้เจียงเจ๋อ
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกผู้ชายรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ส่งเสียงเชียร์ผสมโรงเข้าไปด้วย
“ใจเย็น ๆ อย่าพึ่งส่งเสียงดัง หัวหน้าห้องปกติเธอมักจะช่วยเจียงเจ๋ออยู่เสมอไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้เธอไม่พูดอะไรกับเขาหน่อยล่ะ?” ลู่หยางส่งเสียงห้ามทุกคนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังหญิงสาวชุดขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ฟางยวี่ถิง ผู้ซึ่งตกเป็นเป้าสายตามองเจียงเจ๋อด้วยแววตาอ่อนโยนอยู่แว้บหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าวันนี้นายไม่ให้คำอธิบายดี ๆ ออกมา ฉันคิดว่าพวกเราก็ควรจะลงโทษเขาสักหน่อยนะที่แกล้งหลอกทุกคนแบบนี้”
เจียงเจ๋อรีบอธิบายเหตุผลให้ทุกคนฟังอย่างร้อนรนว่าในตอนเด็ก ๆ เขาเคยถูกลักพาตัวและเกือบจะเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง
“ตอนนี้ฉันโตแล้วเลยพอจะปกป้องตัวเองได้ ฉันเลยไม่จำเป็นจะต้องแกล้งทำเป็นคนจนอีกต่อไป” เจียงเจ๋อกล่าวขณะมองไปทางฟางยวี่ถิง
“โอเค ถือว่าเข้าใจได้” ฟางยวี่ถิงกล่าว
“ไม่ได้ ๆ มันจะปล่อยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้เป็นอันขาด” ลู่หยางกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ฟางยวี่ถิงแสดงสีหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“ในช่วงสามปีมานี้ใครเป็นคนให้เจียงเจ๋อยืมสมุดโน้ต ใครเป็นคนสอนการบ้านและใครเป็นคนที่ซื้อยาให้ตอนที่เขาป่วยล่ะ?” ลู่หยางกล่าว
ผู้ชายไม่ได้มีนิสัยละเอียดอ่อนเหมือนกับผู้หญิง ในช่วงสามปีที่อยู่หอพักเจียงเจ๋อได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมาย ขณะเดียวกันผู้ชายอย่างลู่หยางก็ให้ความช่วยเหลือได้อย่างจำกัด แต่ฟางยวี่ถิงที่มีนิสัยละเอียดอ่อนกว่ากลับสามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เป็นอย่างดี
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเจียงเจ๋อถึงเลือกฟางยวี่ถิงทั้ง ๆ ที่มีสาว ๆ สวย ๆ ผ่านหน้าผ่านตาเขาไปอย่างมากมาย แม้ว่าครอบครัวของอีกฝ่ายจะเป็นเพียงแค่ครอบครัวธรรมดา ๆ ก็ตาม
ลู่หยางเล่าเรื่องราวเหล่านี้อย่างละเอียดทำให้ทุกคนที่นั่งฟังต่างก็รู้สึกตกตะลึง แม้แต่ฟางยวี่ถิงก็ยังตกใจ เพราะเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอเคยช่วยเจียงเจ๋อไปอย่างมากมายขนาดนี้
ช่วงแรกที่เธอทำลงไปเป็นเพราะหน้าที่ของหัวหน้าห้อง แต่ในเวลาต่อมาเธอก็หยิบยื่นความช่วยเหลือเพราะความสงสารและความห่วงใยมากกว่าหน้าที่
“ที่แท้หัวหน้าห้องก็ช่วยเจียงเจ๋อมากขนาดนี้นี่เอง” จ้าวชวี่กล่าวเสริมและเนื่องจากเขาเป็นเพื่อนกับลู่หยางมานานหลายปี เขาจึงมองออกได้ในทันทีว่าสหายจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่ ๆ
ถูเฟิงก็มองจุดประสงค์ของสหายได้เช่นกัน เขาจึงแกล้งพูดออกไปว่า
“เจียงเจ๋อ! ถ้านายติดหนี้บุญคุณหัวหน้าห้องขนาดนี้ นายก็คงจะต้องเอาตัวนายไปชดใช้แล้วล่ะ”
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
ฟางยวี่ถิงหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนที่เธอจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แกล้งโกรธว่า
“นี่พวกนายคิดว่าเรียนจบแล้วฉันจะจัดการพวกนายไม่ได้ใช่ไหม?!”
“พวกเราไม่กล้าหรอกครับ” หลี่รุ่ย,จ้าวชวี่, เจียงหัว, ถูเฟิงรวมถึงลู่หยางต่างก็พูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้อ
“พวกนายรู้ตัวไหมว่าพวกนายคือตัวแสบที่สุดภายในห้องเลย เพื่อเป็นการลงโทษดื่มเหล้าเข้าไปคนละแก้ว ส่วนเจียงเจ๋อนายก็ต้องดื่มเข้าไปเหมือนกัน” ฟางยวี่ถิงกล่าว
“ขอโทษครับ” เจียงเจ๋อรีบพูดขึ้นมาทันที ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกครั้ง
ทันใดนั่นเองมันก็มีผู้ชายหลายคนเดินเข้ามาทางประตูนำโดยหนุ่มหล่อขาวสูงที่ถือขวดเบียร์เดินเข้ามา
“เจียงเจ๋อไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อ้าว! แม้แต่คุณฟางคนสวยก็อยู่ด้วยนี่นา” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เริ่มทักทายด้วยใบหน้าอันสดใส แต่เมื่อเจียงเจ๋อเห็นอีกฝ่ายเขากลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เขาคือจางเย่จากทีมบาสไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” จ้าวชวี่ถาม
“จางเย่ตามจีบฟางยวี่ถิงมาตลอด ดูท่าวันนี้เขาคงตั้งใจจะมาหาเรื่องแน่ ๆ” ลู่หยางกล่าวพลางมองไปที่ผู้ชายทั้งห้าคนที่จางเย่พามาด้วย
ทันใดนั้นลู่หยางก็นึกขึ้นมาได้ว่าในชาติก่อนจางเย่ก็เข้ามาป่วนงานเลี้ยงรุ่นของพวกเขาด้วย และถึงแม้พ่อแม่ของจางเย่จะทำธุรกิจจนมีเงินอยู่บ้าง แต่มันก็ยังคงห่างไกลกับธุรกิจในครอบครัวของเจียงเจ๋อ
ย้อนกลับไปในช่วงมัธยมปลาย ฟางยวี่ถิงคอยช่วยเหลือเจียงเจ๋อมาโดยตลอด จางเย่จึงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งทางความรัก เขาจึงมักจะหาเรื่องเจียงเจ๋ออยู่ตลอดเวลา
ในวันนี้ไม่รู้ว่าจางเย่ไปรู้เรื่องที่เจียงเจ๋อแพ้เบียร์มาจากที่ไหน และเพื่อให้เจียงเจ๋อขายหน้าต่อหน้าทุกคน เขาจึงตั้งใจจะชวนเจียงเจ๋อมาดื่มเบียร์กับเขา
ฟางยวี่ถิงรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนมีปัญหากัน แต่เนื่องมาจากในชาติก่อนเจียงเจ๋อไม่อยากทำให้ฟางยวี่ถิงลำบากใจ เขาจึงดื่มเบียร์ที่จางเย่ยื่นมาให้ส่งผลให้เขาต้องเข้าไปนอนพักในโรงพยาบาลอยู่นานกว่าครึ่งเดือน
กลับชาติมาเกิดเป็นคิวปิดด้วยเหรอ? ขยันจับคู่เหลือเกิน 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 172
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น