ตอนที่ 17 .. “ น้อยใจ ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 17 .. “ น้อยใจ ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

   เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆ กับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

Tie A Yellow Ribbon Round The Ole Oak Tree - Ray Conniff Singers

(เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

https://www.youtube.com/watch?v=zwCGhXsKKGQ

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 17 .. “ น้อยใจ ”

   ปูนตะโกนถามมาแต่ ไกลแต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ แตงโมรีบเก็บรูปปูนไว้หลังหมอน และขยิบตาให้ปริ๊นซ์

“อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอกปูน แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ เห็นทุกครั้งที่มา ไอ้เตี๊ยจะมาด้วย”

“ไม่รู้” ทำท่าน้อยใจเพื่อน จนปริ๊นซ์สังเกตุเห็น

“ทะเลาะอะไรกับไอ้เตี๊ยมันอีกหละ” แตงโมถามแล้วค่อยๆเก็บรูปปูนเข้ากระเป๋าสะพายตัวเอง

“ไม่รู้ว่ามันปิดบังอะไรหนูหนะซิ โคตรน้อยใจเลย คบกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลย”

“ไหนมันเป็นยังไง น้องสาว” ปริ๊นซ์ลากตัวมานั่งที่โซฟา ปูนก็ทำหน้ามุ่ย

“หนูเห็นมันชอบเอารูปใครก็ไม่รู้มาดู หนูขอดูมันก็ไม่ให้ดู มันบอกของรักของหวง เพื่อนก็ไม่ให้ดู พี่ดูมันพูดซิ แล้วมันน่าน้อยใจไหมหละ”

“เอาน่า” แตงโมรีบเดินเอามือมาลูบหัวปูน แล้วทำเนียนหอมหัวปูนเฉยเลย

“ช่างมันเถอะปูน มันไม่ให้ดูก็ปล่อยมันอย่ามาทำนั่งน้อยใจไปเลย เดี๋ยวแก่เร็ว ไม่สวยนะ”

   แล้วปูนก็ดึงมือแตงโมลงมากำไว้ โดยลืมไปว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน แตงโมก็ เลยตามเลย

“จริงๆนะพี่ หนูมีอะไรนะหนูก็บอกมัน” แล้วก็เอนหัวไปทางซ้ายซบอกขวาแตงโม น้ำตาซึมนิดหน่อย

“พี่เข้าใจๆ” แตงโมได้โอกาส จึงทำมือไล่ปริ๊นซ์ออกไป นานๆจะได้กอดปูนดูแลปูนแบบนี้

!!!!! ----- !!!!!

“เอาเป็นว่าหนูจะเริ่มสอนน้องๆวันจันทร์ที่จะถึงนี้นะคะคุณอา”

“ที่ไหนครับ อายังไม่รู้เลย”

“ก็ที่บ้านคุณอาแล้วกัน เห็นเบียร์บอกว่า กว้างใหญ่ไพศาล ยังกะพระราชวัง” แล้วก็หัวเราะใส่กันเล็กน้อย ไม่ดังมาก

“เวอร์แล้วพี่เบียร์ อย่าไปเชื่อค่ะคุณครูพี่โบว์ ไม่ใหญ่ขนาดนั้นหรอก”

“ล้อเล่นค่ะ แต่ก็ใหญ่พอที่จะเรียนได้แล้วกัน สะดวกไหมค่ะ” แล้วก็หันไปมองหน้าเผด็จ

“ยินดีครับ ดีเหมือนกัน จะได้สบายๆ เจ้าทะโมนสองคนจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล” เผด็จก็จ้องกลับและยิ้มหวานให้

“แล้วลำบากคุณครูไหม”

“บอกแล้วไงคะ ว่าอย่าเรียกแบบนี้”

“ขอโทษทีมันติดปากตามลูก” โบว์เลยหันไปหาขนมผิง

“งั้นขนมผิงต่อไป ก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณครูพี่โบว์อีกแล้ว เรียกว่าพี่โบว์สั้นๆก็พอ คุณพ่อจะได้เรียกตามลูกได้ถูก เครไหม”

   แล้วก็หันไปมองหน้าเผด็จ ยิ้มแล้วหัวเราะใส่กันอีก

“ได้ค่ะ พี่โบว์”

“ว่าไงคะคุณอา”

“ครับ..” เผด็จหยุดอยู่สักพัก “เออ..” โบว์จ้องหน้า ดูซิว่าเผด็จจะหลุดคำไหนออกมา

“ครับ หนูโบว์” โบว์ตีมือตัวเองเบาๆ แล้วยกนิ้วโป้งสองข้างให้เผด็จ

((((( ----- )))))

   อัธวุฒิและทีม ช่วยกันดูภาพวงจรปิดที่เกิดเรื่องในงาน แยกกันดูคนละกลุ่ม ว่าเห็นอะไรที่ผิดปกติบ้างไหม สักพักก็เปิดไฟ

“เป็นไงบ้างครับ กลุ่มไหน เห็นอะไรที่พอจะเป็นหลักฐานเพิ่มเติมบ้างไหม”

“เท่าที่ผมเห็น กล้องด้านนอกแทบไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากพวกสองสาวนั้นแยกออกไปคนละทาง” จ่ามิ่งบอก

“ส่วนทางหนูกับพี่ม่านมุก ก็ดูตรงบริเวณทางออกทั้งสองข้าง ก็ไม่มี” อ้อมรายงาน

“แล้วทางเบียร์กับขิงหละ มีอะไรบ้างไหม” อัธวิทย์ถาม

“หนูดูเทปบนเวที ก็ไม่มีอะไรนอกจาก..” เบียร์ ค้างเพราะเห็นเป็นเบ็นซ์

“พูดมาเถอะ งานก็คืองาน” อัธวุฒิรู้ทันเบียร์

“คนที่ชื่อเบ็นซ์ค่ะคุณอา”

“เบ็นซ์ทำไม” อัธวุฒิอยากจะรู้ว่าเบียร์จะปิดบังอะไรเขาไหม

“มีที่ผิดสังเกตุก็คือ ก่อนไฟดับ คนที่ใส่สร้อยยืนบนเวทีมี 6 คน พอไฟมามี 5 คนหมดสติไปรวมทั้งเพ็ญด้วย แต่คนที่ชื่อเบ็นซ์ไม่ได้สลบ ยืนอยู่ปกติ แต่เพชรที่คอก็ได้หายไปเหมือนกัน”

“ทุกคนคิดเหมือนผมไหม”

   อัธวุฒิ พยายามฟันธง และโน้มน้าวให้เชื่อว่า เบ็นซ์เป็นผู้ต้องสงสัย ทำเอาเบียร์หน้าเสียไปเหมือนกัน

“แล้วผู้กำกับ จะเอาไงต่อครับ” จ่าหมง ชิงถามก่อนใคร

“เรื่องนี้ ผมคงต้องพึ่งพวกสาวๆทั้ง 5 แล้วหละ” อัธวุฒิ หันไปมองสาวๆ

“ยังไงพ่อ” อัธวิทย์ ก็ยังไม่เข้าใจแผน และยังไม่รู้ด้วยว่าเบียร์รู้จักเบ็นซ์เป็นการส่วนตัว

“พ่อจะให้สาวๆทั้ง 5 คน ตามประกบเพื่อตามดูพฤติกรรมของคนที่ชื่อเบ็นซ์ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว”

“แล้วจะทำยังไง นางแบบคนนั้น เขาก็เคยเห็นหน้าและรู้จักสาวๆพวกนี้หมดแล้ว”

“นั่นเป็นหน้าที่ของ 5 สาวที่จะต้องไปตกลง วางแผนและทำงานนี้ให้ได้เอาเอง”

   ห้าสาว งานเข้าแล้วไง อ้าปากหวอกันหมดเลย

“คุณอาขา” อ้อมยกมือก่อนเลย

“ไม่เลือกสักหน่อยเหรอค่ะ”

“ก็เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่เลือก ไปจัดเวร จัดชุดกันเอาเอง และงานนี้ให้ไปรายงานขึ้นตรงกับผู้กองอัธวิทย์”

“อะไรนะพ่อ ทำไมโยน..มาให้ผมหละ”

“เพราะในที่นี้ ยศแกสูงกว่าคนในห้องนี้ทั้งหมดรองลงมาจากพ่อ เข้าใจตามนี้นะไอ้ลูกชาย จบการประชุมครับ”

“เดี๋ยวพ่อ”

“มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน” แล้วก็มองไปที่เพ็ญ

“คุณหนูอยู่คุยงานกับอัธวิทย์ในห้องนี้นะครับ ยังไม่ต้องขึ้นไป เดี๋ยวผมจะบอกท่าน ผบ.ให้” และหันไปบอกสาวๆอีก 4 คน

“พวกสาวๆอยู่ก่อนทั้งหมด ที่เหลือแยกย้ายไปทำงานกัน”

   พอทุกคนเดินออกไปจากห้องประชุม อัธวิทย์ก็ให้สาวๆมานั่งรวมกัน

“จะเอายังไงหละวิทย์ทีนี้ งานเข้าแล้ว”

“ก็ไม่น่าจะยากอะไรนี่ ทุกคนก็มีบัดดี้กันอยู่แล้วนี่”

“แต่พี่เพ็ญ ไม่มีคู่นี่คะ”

“หนูเป็นเองค่ะผู้กอง” เบียร์ยกมือเสนอตัว

“อ้าว ถ้าเบียร์มาคู่เพ็ญแล้วใครจะคู่กับขิงหละ”

“ก็ผู้กองไงหละคะ ไม่เห็นจะต้องคิดให้ยากเลย”

“ไม่ได้” อ้อมรีบขัดขวาง

“ใช่ ไม่ได้” ม่านมุกเอาด้วย

“โอ๊ย..มันจะอะไรกันนักหนาเนี่ย สาวๆพวกนี้ ฉันทำคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องมีคู่” ขิงรำคาญพวกบ้าผู้ชาย

“ไม่ได้ครับ งานนี้อันตราย ต้องมีบัดดี้”

   อ้อมกับม่านมุก ทำหน้าไม่พอใจ จนเพ็ญต้องพูดออกมาบ้าง

“ถ้าเพ็ญเป็นตัวปัญหา..เบียร์แกกลับไปอยู่กับบัดดี้แกเถอะ ฉันคู่กับผู้กองก็ได้”

“ก็บอกว่าไม่ได้ไง” อ้อม แสดงความเป็นเจ้าของขึ้นมาทันที

“อ้าว..ยังไงกันอ้อม เพ็ญก็พูดถูกแล้วนี่” ขิงเริ่มจะวีนแตกแล้ว

“เอาหละๆผมรำคาญแล้วกะอีแค่จับคู่บัดดี้เนี่ย ผมไม่อยากจะใช้อำนาจหน้าที่บังคับใครนะ ผมว่าเรามาจับสลากกัน”

“ยังไงค่ะผู้กอง”

“คุณสามคนไม่มีปัญหาเรื่องจะคู่ผมใช่ไหม”

“ค่ะ” ขิง เพ็ญ และ เบียร์ตอบพร้อมกัน

“งั้นก็เหลือแค่ อ้อมกับม่านมุก” หันไปมองหน้าทั้งสองคน

“จะเป่ายิงชุบ มันก็เด็กๆนะ เราก็โตๆกันแล้ว ดังนั้นผมจะให้โอกาสพวกคุณทั้ง 5 คนแบบเท่าเทียมกันแบบขาวสะอาด โดยผมจะเขียนชื่อพวกคุณทั้ง 5 ใส่กระดาษ และใส่แก้วใบนี้ จากนั้นผมก็จะจับออกทีละใบ ออกนะไม่ใช่เอา เหลือใบสุดท้ายคนนั้นแหละถึงจะเป็นบัดดี้กับผม ตกลงไหม และจากนั้นทุกคนก็จับคู่เดิมของตัวเอง”

“ดีค่ะผู้กอง เพ็ญว่ายุติธรรมดี ทุกคนเห็นด้วยไหม” ทุกคนพยักหน้า

   อัธวิทย์เขียนชื่อเล่นทุกคนต่อหน้า ม้วนแล้วเอาใส่แก้วกาแฟ เพื่อความโปร่งใสอีกครั้งอัธวิทย์จึงไม่จับเอง เปิดประตูเรียกเจ้าหน้าที่สาวเข้ามาหนึ่งคน แล้วให้คนนั้นจับให้ ทั้ง 5 คนนั่งลุ้นกันตัวโก่ง ใบแรก..

“เพ็ญ” ทุกคนปรบมือ “เย้..” อ้อมออกตัวสุดแรงคนเดียว ทุกคนมองไปที่อ้อม อ้อม ก้มหน้าเลย คนต่อไป..

“เบียร์” ทุกคนปรบมืออีก “เย้..” คราวนี้กลับเป็นม่านมุกเสียเองที่ออกตัว ทุกคนมองไปที่ ม่านมุก คนต่อไป..

“ม่านมุก” อ้อม แอบยิ้ม แต่ม่านมุกซิ แอบน้อยใจ ว่าทำไมโชคถึงไม่เข้าข้างเธอบ้าง

“เหลือใครหละทีนี้ 2 คน อ้อมกับขิง แกว่าใครวะไอ้เพ็ญ”

“ไม่รู้โว๊ย จะใครก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” คนต่อไป..เสียงที่ออก อ้อมลุ้นน่าดู พอเจ้าหน้าที่สาวจับออกมา อัธวิทย์ จึงขอขัดจังหวะ

“อย่าพึ่งเปิดครับ”

“อ้าว ทำไมหละพี่วิทย์”

“เพื่อความโปร่งใส ชื่อที่อยู่ในมือของน้องคนนี้ คือคนที่ไม่ใช่นะ ดังนั้นชื่อที่อยู่ในแก้วอีก 1 ใบนี้จะเป็นคนที่เป็นบัดดี้ผม”

   อ้อมกับขิง นั่งตัวเกร็ง ลุ้นทั้งคู่

“ผมขอให้คุณหนูเพ็ญมาอ่านรายชื่อบัดดี้ของผมหน่อยครับ ส่วนน้องคนนี้รอแป๊บครับ”

   แล้วเพ็ญก็เดินไปหยิบกระดาษแผ่นนั้น แล้วค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ และเปล่งเสียงออกมา “ขิง” อ้อมรีบลุกขึ้นมาคัดค้าน

“ไม่จริง พี่เพ็ญโกหก”

   อัธวิทย์ บอกให้เจ้าหน้าที่ ดูชื่อที่เหลือ “อ้อม” แล้วก็หันกระดาษไปให้อ้อมดู อ้อมหงุดหงิด แต่ขิงซิกลับพูดอะไรไม่ออก แทนที่จะยินดี อ้อมเลยฉวยโอกาส

“ถ้าพี่ขิงไม่เอา ให้หนูก็ได้นะ”

“ตกลงตามนี้นะครับ วันนี้แค่นี้ ขอบคุณน้องมากเลยครับ หมดหน้าที่แล้ว..พรุ่งนี้ 11 โมง ผมจะมาบอกรายละเอียดของเวรและวันเวลาการทำงานอีกที สำหรับตอนนี้ เชิญครับ แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของทุกคนได้แล้ว”

   ทุกคนก็เดินแยกย้ายกันออกไปจากห้องนั้น คงเหลือแต่ขิงที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น อัธวิทย์เลยเข้าไปสะกิดขิง

“จะไม่กลับบ้านเหรอครับ หมวด” ขิงยังคงนั่งคิดอะไรอยู่

“หมวดขิง” อัธวิทย์ ตะโกนเข้าไปในหูซ้าย จนขิงต้องสะดุ้ง

“ขา เบาๆก็ได้หูจะหนวกเอา”

“ก็คุณไม่พูดอะไร เห็นไหม เขาออกไปกันหมดแล้ว ทำไม ทำงานคู่กับผม มันอึดอัดใจมากนักเหรอ ถึงได้นั่งอึ้งไปขนาดนั้น”

“ก็ขิง ไม่เคย ไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสองนี่ มันก็เลยรับอะไรไม่ทัน”

“คุณเป็นตำรวจนะ อะไรที่ไม่เคยก็ต้องเคยซะ เข้าใจไว้ด้วย” พูดจบอัธวิทย์ก็เดินออกไปเลย

“อ้อ..ฝากปิดไฟในห้องด้วยนะครับหมวด” ขิง หงุดหงิดแต่ก็ต้องลุกออกไปจากห้อง พร้อมทั้งปิดไฟ

[[[[[ ===== ]]]]]

   เย็นแล้ว ปูนยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่แตงโมบอกเป็นนัยๆปูนก็เก็บมาคิด

“ไม่มีใครเข้าใจปูน อย่าคิดมากเลยนะคนดี อย่างน้อยก็ยังมีพี่นะที่ยังเข้าใจและหวังดีกับปูนเสมอ พี่เป็นห่วงปูนนะ ถ้าปูนเป็นอะไรไปพี่จะอยู่ยังไง”

   ทับทิม เดินเข้ามาพอดี มองไปเห็นปูนกำลังเหม่อลอย ว่าจะเข้าไปทัก แต่ลืมไปว่า ยังโกรธกันอยู่ ขนาดอยู่ที่ทำงานทั้งวันก็ยังไม่คุยกันเลย แต่ปูนไม่รู้ว่าเพื่อนคิดมากขนาดนั้น เลยทักตามปกติ

“ไอ้เตี๊ย..” ทับทิมไม่หัน เดินเข้าห้องนอน ปูนเดินตามเข้าไปเอามือดันประตู ทับทิมเลยปล่อย แล้วโยนกระเป๋าลงบนเตียง หยิบรีโมทมาเปิด Tv ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“แกเป็นอะไรของแก ที่ทำงานแกก็ไม่พูดกับฉัน มาที่บ้านแกก็ไม่พูด กะอีแค่เรื่องขอดูรูปแค่นี้ มันทำให้แกกับฉันตัดขาดความเป็นเพื่อนกันเลยเหรอ ไอ้เตี๊ย” ทับทิม หันไปมองหน้า และหันกลับ

 “เปล่า” ทับทิมตอบนิ่มๆ

“ถ้าเปล่า แล้วทำไมถึงไม่เหมือนเดิม”

“ฉันก็แค่น้อยใจ

น้อยใจ..กล้าเนาะ คำนี้” แล้วก็เดินไปมองหน้าเพื่อน

“ฉันไหมที่ควรจะน้อยใจแก ไม่ใช่แกมาน้อยใจฉัน”

“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึง”

“เออ ถ้าแกไม่อยากให้ฉันรู้ฉันเห็นฉันก็ไม่ยุ่ง Ok ไหม แต่ไม่ใช่มาเชิดใส่หรือไม่พูดกันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”

“เออ..ไม่ชอบ ก็แล้วแต่แก ต่อไปนี้ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน”

“อะไรวะ จะเอาอย่างนี้เหรอไอ้เตี๊ย”

“เออ ไอ้สูง” พูดจบก็กดรีโมทปิด Tv แล้วขึ้นเตียงแกล้งนอน ปูนไม่รู้จะทำไง ก็เลยเดินออกไป

!!!!! ----- !!!!!

   เลิกงานตอนเย็น เทียมฟ้าขับรถมารอรับเพ็ญ เพ็ญกำลังเดินคุยมากับเบียร์

“คุณเพ็ญ สวัสดีครับ”

“อ้าวคุณเทียมฟ้า มาทำอะไรคะ นี่เขาเลิกงานกันแล้ว” เบียร์ถาม

“ผมก็มารอรับคุณเพ็ญ หนะครับ

“รอเพ็ญ” เพ็ญชี้ไปที่ตัวเอง “เพ็ญจำได้ว่าไม่ได้นัดคุณ”

“ครับ ไม่ได้นัด แต่ผมอยากจะไปส่งคุณหนะครับ”

   เพ็ญไม่อยากกลับด้วย จึงอ้างว่าจะไปธุระกับเบียร์

“คงไม่สะดวกหรอกค่ะ วันนี้เพ็ญมีธุระจะไปซื้อของกับเบียร์”

“แหม อย่าพึ่งตัดไมตรีกันง่ายๆ แบบนี้ซิครับ ผมรู้นะว่าคุณเพ็ญไม่มีธุระที่ไหน”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไง” ขิงเดินลงมาพอดี

“พี่ฟ้า มาแล้วเหรอ” เบียร์หันไปรู้เลยว่ารู้ได้ยังไง จึงหันไปมองหน้าเพ็ญ

“นั่นไงตัวต้นเรื่อง” ขิงแกล้งเข้ามาทักสองสาว

“พี่ฟ้าทำไมเข้ามาช้าจัง นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว”

“ว่าไงขิง เห็นโทรหาพี่บอกว่าให้มารับ แล้วรถแกไปไหน”

“เสียหนะพี่ ..อ้าว เพ็ญกับเบียร์ นัดพี่ฟ้าไว้เหมือนกันเหรอ” แล้วทั้งสองก็ส่งซิ๊กกัน

“ในเมื่อมารับขิง งั้นเราสองคนขอตัวแล้วกัน..ไปเบียร์”

“แหม” ขิงเอามือจับแขนเพ็ญ

“ฉันใจกว้างพอน่าเพ็ญ อนุญาตให้ติดรถไปได้ เห็นว่าทุกวันต้องนั่งรถมากับท่าน ผบ. แต่ได้ข่าวว่าวันนี้ท่านผบ.มีประชุม เลยไม่มีรถกลับไม่ใช่เหรอ ฉันหวังดีนะ” ขิงกอดอกเพราะหอบเอกสารมา

“ฉันกลับกับเบียร์ได้ เราจะไปธุระกัน”

“เธอแน่ใจนะว่าจะไปกับเบียร์” แล้วขิงก็เอานิ้วขวาชี้ไปที่รถเบียร์

“ยางแบน..แบนได้ไง เมื่อบ่ายยังดีอยู่เลย” แล้วเบียร์ก็วิ่งไปที่รถ             

“เดี๋ยวเปลี่ยนก็ได้” เพ็ญบอกขิง

“ไม่ได้แล้วไอ้เพ็ญ” เบียร์ตะโกนมา

“ทำไม” เบียร์ชู 2 นิ้ว

“ได้ไง..” แล้วเพ็ญ ก็หันไปมองหน้าขิง

“ว่าไงครับคุณหนูเพ็ญ คราวนี้จะยอมให้ผมไปส่งได้รึยัง”

“ไอ้เบียร์..”

“แกไปเถอะ วันนี้วันพฤหัส ฉันต้องไปขายของด้วย ฉันคงต้องยาวเลยละแก แกไปเถอะ”

   แล้วเบียร์ก็โทรตามช่างให้มาลากรถแต่สายไม่ว่าง เพ็ญก็เลยต้องจำใจไปกับเทียมฟ้าและขิง แล้วเบียร์ก็โบกมือให้เพื่อน ม่านมุกกับอ้อมเดินลงมา เห็นเบียร์กำลังยืนหน้าเซ็งเลยเข้าไปทัก

“เป็นอะไรพี่เบียร์”

“ก็ไม่รู้ว่ารถยางแบนทั้งสองล้อได้ไง ไม่รู้ว่าใครแกล้ง”

“จะมีใคร ถ้าไม่ใช่ยัยขิง”

“เธอรู้ได้ไงมุก”

“ก็ยัยอ้อมนะซิ บอกว่าเห็นยัยขิง มาลับๆล่อๆแถวรถเธอเมื่อตอนบ่ายสาม นางออกมาเข้าห้องน้ำ แล้วเหลือบไปเห็นไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ”

“โชคดีนะพี่ หนูไปหละ เดี๋ยวรถจะติด” อ้อมขอตัวกลับ ม่านมุกก็โบกมือบ๊ายบาย

“ยัยขิง ฝากไว้ก่อน ฉันเอาคืนแน่” เบียร์โมโหมาก เพราะคงต้องเสียตังค์เรียกรถมาลาก แถมไม่ได้ขายของอีก จ่ามิ่งกับจ่าหมงเดินลงมาพอดี

“เป็นอะไรหละหมวด ถึงทำหน้าแบบนั้น” จ่ามิ่งถาม

“ก็เนี่ยนะซิลุงจ่า ดูซิมีคนมาแกล้ง วางยารถหนู แบนทั้งสองเลยซ้ายขวา แล้วหนูจะกลับยังไง ต้องไปขายของอีก”

   จ่าหมง มองหน้าเพื่อน เพราะเห็นหน้าหมวดเบียร์ไม่ดีเอาซะเลย

“สงสารหมวดแกนะ ช่วยแกหน่อย” หมงบอกเพื่อน

“แล้วจะให้ช่วยยังไงหละ” มิ่งถาม

“หน่วยงานยานยนต์ของหน่วยเราอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ก็แค่ช่วยเปลี่ยนยางเอาที่แบนสองข้างเนี่ยไปปะ แล้วเดี๋ยวให้เด็กในนั้นมาช่วย แต่ตอนนี้เราสองคน คงต้องเหนื่อยกันหน่อยนะ”

“เอางั้นเหรอ”

“เออ..ดูหน้าหมวดเค้าซิหนะ ยังไงก็ทีมเดียวกัน”

“ขอขอบคุณลุงจ่าทั้งสองคนมากเลยนะคะ”

   แล้วจ่าหมงและจ่ามิ่งก็ช่วยกันเปลี่ยนยางเอาล้อที่แบนทั้งสองข้างออกไปปะที่หน่วยยานยนต์

((((( ----- )))))

   โบว์นั่งคุยกับเผด็จแบบมีความสุข หัวเราะต่อกระซิกกันโดยไม่รู้ตัว เพลินจนมืด และเหมือนสนิทกันเร็วมากในสายตาของขนมผิง โดยลืมไปเลยว่ามีลูกสาวมาด้วย บางจังหวะทำให้ขนมผิงไม่ค่อยพอใจขอตัวออกไปเดินซื้อนั่นดูนี่ มารู้ตัวอีกทีตอนที่ขนมผิงเอานาฬิกามายื่นให้ดูตรงหน้า

“หนึ่งทุ่ม 15 นาที” เผด็จตกใจ

“ตายแล้ว อาต้องขอโทษหนูโบว์ด้วย ที่ชวนหนูคุยอะไรก็ไม่รู้เพลินเลยตั้งแต่บ่ายจนนี่ทุ่มนึงเข้าไปแล้ว นึกว่าพึ่งแป๊บเดียวเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็เพลินไปกับคุณอาเหมือนกัน คุณอาคุยสนุกดีไม่มีอะไรที่ต้องซีเรียสเลย”

   แต่โบว์จงใจมากกว่าที่อยากจะใช้เวลาอยู่ใกล้กับคนที่เธอรักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“จะกลับกันรึยังคะพ่อ หนูเดินรอบห้าง ไม่รู้ว่าจะเดินดูอะไรอีกแล้ว เดินกี่รอบกี่รอบ กลับมาก็เห็นพ่อกับพี่โบว์นั่งคุยอะไรกันก็ไม่รู้หัวเราะ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรคุยกันอยู่ได้” ขนมผิงเริ่มทำท่าน้อยใจ ที่ตัวเองไม่มีความสำคัญ

“โอ๋..ไม่เอาน่า” แล้วก็ดึงขนมผิงมาหอมแก้ม

“น้องเค้าคิดว่า เค้าไม่สำคัญค่ะคุณอา” โบว์ชะโงกไปกระซิบที่หูเผด็จเบาๆ

“พูดเหมือนน้อยใจ ใครจะเห็นคนอื่นดีกว่าลูกสาวคนดีของพ่อคนนี้ได้ ขนมผิงสำคัญกับพ่อเสมอและคราวหน้าห้ามพูดแบบนั้นออกมาอีกนะไม่น่ารักเลย รู้ไหมไออ้วน”

“ก้อ..ด้าย” ทำเป็นงอนหน้าตาย

“ที่พ่อพูดกับพี่โบว์นานๆเนี่ย เพราะพ่อจะได้รู้ว่าพี่โบว์เค้าจะสอนอะไรหนูกับน้องบ้าง และวางแผนต่อไปเลยว่าถ้าหนูเรียนจบแล้วจะไปเรียนต่ออะไรดีไง ยิ่งคุยพ่อก็ยิ่งจะวางอนาคตให้ขนมผิงได้ไงหละครับสาวน้อยของพ่อ”

“จริงหงะ”

“จริงครับ” โบว์เอามือมาบีบจมูกสาวน้อยขนมผิง

“ถ้าแค่นั้นจริงๆ ก็แล้วไปหนูหิวอีกแล้วไปเหอะพ่อ”

“ไป ถ้างั้นเราไปหาอะไรทานกันอีกรอบ แล้วจะได้ไปส่งพี่โบว์กัน”

   เผด็จเลยถือโอกาสจะขอไปส่งโบว์ที่คอนโด โบว์บ่ายเบี่ยงไม่ให้ไป

“เออ..หนูเกรงใจหนะค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเองได้ มันไกลคนละทางกันเลย”

“ไม่เป็นไร เรามีรถไกลแค่ไหนอาก็ไปส่งหนูโบว์ได้”

“เอางี้ ตอนนี้ไปทานมื้อค่ำกับอาก่อน ทานเสร็จค่อยว่ากันใหม่นะ”

“ไปค่ะพี่โบว์ พ่อพูดถูก ไปหนูหิวแล้ว”

   ตรงนี้แหละที่ขนมผิงชอบ เพราะผู้หญิงบางคนอ้อนอยากจะให้พ่อไปส่ง แต่คนนี้ใช้ได้ จึงให้คะแนนบวกในใจ เลิกหวง และหลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ

“ตกลงตามนี้นะครับหนูโบว์ ถือซะว่าเป็นค่าเสียเวลา ถ้าหนูไม่ให้อาไปส่ง อาจะถือว่าหนูรังเกียจที่จะรับอาเป็นเพื่อนอีกคน”

“หนู..คือ..”

“ไปเถอะค่ะพี่โบว์ มันมืดแล้วหนูเห็นด้วยกับพ่อนะว่ามันอันตราย แล้วคราวหน้าหวังว่าคงไม่มีแบบนี้อีกนะคะพ่อ หนูให้วันนี้วันเดียว” เผด็จมองหน้าลูก

“อะไรวะ ตกลงใครพ่อใครลูกกันแน่เนี่ย ดูมันซิหนูโบว์ เดี๋ยวนี้จะทำอะไรต้องรอให้มันอนุญาตด้วย”

   โบว์ยิ้มและหัวเราะ “ก็ได้ค่ะ นี่พี่โบว์เห็นว่าขนมผิงอนุญาตนะเนี่ย ไม่ใช่คุณพ่อ”

   เผด็จ ทำหน้าจ๋อยไปเลย เผด็จตื้อจนโบว์ต้องยอม แต่เธอให้ไปส่งอีกมุมนึงของที่อยู่ คนละที่เลย ระหว่างทางที่เผด็จไปส่งโบว์ โบวี่ อีสาวดินระเบิด โทรเข้ามา โบว์แอบเห็นชื่อโบวี่โผล่มาเล็กน้อย เพราะเผด็จวางโทรศัพท์ไว้ที่คอนโซลข้างเกียร์ พอเผด็จไม่รับ ก็มีข้อความวิ่งเข้ามา โบว์พยายามมองว่า คือข้อความอะไร แล้วแสงก็ดับไป พอถึงจุดที่คิดว่าไกลพอแล้วจึงบอกให้เผด็จเลี้ยวรถเข้าไปจอดในคอนโดแห่งหนึ่ง เผด็จมองดูชื่อคอนโดและบริเวณใกล้เคียง

“ที่นี่เหรอครับ สาทร” แล้วโบว์ก็เปิดประตูรถลงไป

“ถึงแล้วนะคะ ตามคำสัญญา คุณอาก็กลับได้แล้วนี่ 2 ทุ่มกว่าแล้ว” โบว์หันไปดูขนมผิงซึ่งนอนหลับอยู่ที่เบาะหลังรถ

“หนูถึงที่พักด้วยความปลอดภัยโดยสวัสดิภาพตามที่คุณอาบอก สบายใจรึยัง”

“ครับ..แต่ไกลมากเลยนะครับ กับบ้านอา” เผด็จมองดูรอบๆ

“มีรถไฟฟ้าค่ะคุณอาเห็นไหม วิ่งไปถึงฝั่งธนฯ บ้านคุณอาได้”

“แต่..” แล้วโบว์ก็เดินอ้อมหน้ารถ มาหาเผด็จแล้วจับมือเผด็จขึ้นมาเล็กน้อย

“อย่าดื้อซิคะ”

“แต่..” โบว์เอานิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวาขึ้นมาปิดที่ปากเผด็จ

“หนูรู้ว่าคุณอาเป็นห่วงหนู หนูดูออก แต่เราพึ่งเจอกันแค่ 2 ครั้งเองนะคะ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะหนูรู้นะว่าคุณอาคิดอะไรอยู่” โบว์เบรคเผด็จกลางอากาศ

“คือ..” โบว์พยายามข่มใจไว้ ใจก็อยากจะจัดการกับแฟนตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะตรงนี้เลย สายตาเจ้าชู้นักปากหวานนัก

“สายตาแบบนี้ ปฏิกิริยาแบบนี้ ใครก็ดูออก ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ” โบว์พยายามหว่านล้อมเผด็จ จ้องเข้าไปในตาเขา

“หนูให้สัญญาว่าจะคุยกับคุณอาเมื่อคุณอาโทรหาและไม่รังเกียจที่จะคบหา Ok ไหม..สบายใจขึ้นมารึยัง”

“เออ..คือว่า” ที่เผด็จไม่ตอบเพราะ เผด็จกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าสายตาแบบนี้เคยเห็นที่ไหน และคำพูดแบบนี้เคยได้ยินที่ไหน

   เมื่อเห็นเผด็จนิ่งเงียบ โบว์เลยตัดสินใจดึงมือขวาของเธอกลับมาแตะที่ริมฝีปากของเธอ และเอากลับไปแตะที่ริมฝีปากของเผด็จอีกครั้ง เหมือนเป็นมัดจำไว้ให้เผด็จสบายใจ บอกเป็นนัยๆให้รู้ว่า เธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรที่เผด็จจะขอคบ แล้วใช้จังหวะที่เผด็จกำลังเผลอ ใช้มือซ้ายเอื้อมเอาจดหมายฉบับหนึ่งไปเสียบไว้ที่ปัดน้ำฝน แล้วก็ดึงมือกลับมา

“คุณอา คุณอา..ป๊า” คำสุดท้ายหลุดปากออกไป พร้อมกับการทุบไหล่อย่างแรง แต่เผด็จไม่ได้ยินอะไร หลุดจากภวังค์ทันที

“ครับ” แล้วก็มองหน้าโบว์

“นี่แสดงว่าที่หนูพูดอะไรไปเมื่อกี้ คุณอารับรู้ไหมเนี่ย”

“หนูโบว์พูดอะไรกับอาเหรอครับ” แล้วโบว์ก็ทำท่าเหมือนเบื่อหน่ายเหลือเกินกับแฟนตัวเอง เป็นเอามาก จึงเดินไปทันที

“หนูโบว์” เผด็จรีบเอามือขวาดึงมือซ้ายโบว์ไว้อย่างเร็ว โบว์หันมา จ้องหน้าเผด็จ แล้วไม่พูดอะไร จนสักพัก

“ถ้าคุณอายังขืนเป็นแบบนี้ เราสองคนก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก รู้สึกว่า ใจคุณอาไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ หนูพูดอะไรไป..”

“อาขอโทษ” แล้วโบว์ก็เอามือขวามาแกะมือเผด็จออก

“เอาไว้ให้คุณอาสบายดีเป็นปกติกว่านี้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกับหนูใหม่อีกทีแล้วกันนะคะ บาย Good Night ราตรีสวัสดิ์ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” แล้วโบว์ก็หมุนตัวเดินหายไปกับความมืด

   เผด็จยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ยังสับสนว่าตัวเองเป็นอะไรแล้วก็หันหลังกลับไปที่รถ ก่อนจะเปิดประตูรถก็สังเกตุเห็นว่า ที่ปัดน้ำฝนมีจดหมายหนึ่งเสียบอยู่ มีสัญลักษณ์ของแฟนตัวเองปรากฏอยู่บนจดหมาย จึงรีบเปิดอ่าน

“ป๊า 5 ทุ่มคืนนี้ ขอพบด่วน หนูจะรอที่คอนโดป๊า ถ้าไม่มามีเรื่อง”

   เมื่ออ่านจบรีบหยิบนาฬิกามาดู “3 ทุ่ม” หันไปดูลูกสาวซึ่งนอนหลับอยู่เบาะหลังรถ จะเอาไงดีวะเวลากระชั้นชิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรมากรีบขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้านเอาลูกไปไว้ก่อนเลย

!!!!! ----- !!!!!

   คฑา มาหาเบียร์ที่ร้าน แต่ลืมจำไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน กำลังเดินหา แต่กลับมาเห็นจีจี้กับเพื่อนกำลังจะไปเที่ยวที่ไหนกันก็ไม่รู้

“นั่นคุณจี้จี้นี่ กำลังจะไปไหนหนะ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจเลย” จึงรีบขับรถตามไป

((((( ----- )))))

   ขณะที่ขับรถกลับบ้านเขานึกขึ้นได้ว่า โบวี่ อีสาวดินระเบิด ส่งข้อความอะไรเข้ามาให้เขา เขาจึงแวะข้างทางทันที แล้วเปิดอ่าน “พรุ่งนี้ 10 โมง เจอกันที่เดิมของมาแล้ว” เมื่ออ่านจบก็รีบขับรถออกไป

[[[[[ ===== ]]]]]

   คฑา สังเกตุว่า เหมือนมีปาร์ตี้ยาอีหรืออะไรสักอย่าง เพราะเห็นเด็กส่งยาของแทนไทมาป้วนเปี้ยนที่นี่ จึงเดินเข้าไปลากตัวมาถาม “มาทำอะไรที่นี่” คฑาจับคอเสื้อเด็กส่งยา

“พี่คฑา..ผมก็มาทำงานของผม นี่มันเขตของเราผมไม่ได้ข้ามเขตนี่พี่ ปล่อยผมได้รึยัง” แล้วคฑา ก็ปล่อย

“เออ ฉันรู้ แค่อยากรู้ว่าเมื่อกี้แกขายอะไรให้กับกลุ่มเมื่อกี้”

“ก็ยาตัวใหม่ไงครับพี่ อะไรกัน เดี๋ยวนี้พี่เป็นอะไร”

“ฉันไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้นานแล้ว นี่เจ้านายยังไม่เลิกขายพวกนี้อีกเหรอ ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง”

“เรื่องนี้ผมไม่รู้ ลูกพี่สั่งมา ผมก็ต้องทำไม่งั้นผมก็แย่ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปทำมาหากินต่อก่อนหละ”

   แล้วเด็กส่งยาคนนั้นก็รีบไปจากตรงนั้น คฑาจึงรีบเดินเข้าไปยังผับ แล้วเดินหาจีจี้

((((( ----- )))))

   โบว์มารอเผด็จ นานมากเพราะกว่าจะมาได้ต้องเอายัยตัวแสบนอนก่อนและแว่บออกมา..1 ชั่วโมงผ่านไป นางแมวป่าของเรานั่งรอนานมาก เที่ยงคืนเศษๆ เผด็จจึงมาถึง จึงทำให้เธอหงุดหงิดเป็นที่สุด จนลุกเดินไปมา ลุกนั่งลุกนั่ง นั่งไขว่ห้างกอดอกด้วยสีหน้าที่ไม่มีความสุข คือถ้าไม่พูดให้ได้วันนี้ท่าทางเธอจะนอนไม่หลับไปอีกหลายวัน เธอจึงรีบมาก่อนวันนัดปกติ

   รถจิ๊บเผด็จมาจอดที่ลาน เห็นมอไซด์แฟนจอดอยู่ เขาเลยรีบกดลิฟท์ แล้ววิ่งเข้าไป พอลิฟท์เปิดรีบวิ่งออกและเข้าห้องตัวเอง ไม่ทันได้เปิดไฟ ถึงจะเหนื่อยหอบยังไงเขาก็ยังคงใช้สายตามองหาแฟนตัวเอง..เจอแล้ว..นางแมวป่าในชุดหนังสีดำนั่งหันหลังไขว่ห้างกอดอกใส่หน้ากากผ้าคลุมปลิวไสวอยู่บนระเบียงดอกไม้ เขาจึงค่อยๆเดินเข้าไปหา พอถึงตัว เขาก็สวมกอดและหอมแก้มซ้ายด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด โบว์สะดุ้งนิดหน่อย

“มาได้แล้วเหรอ นึกว่ากำลังเพลินติดสาวอยู่ที่ไหน”

“อะไรกันน้องแมว มาถึงก็หาเรื่องป๊าเลย” โบว์ขยับลงมาจากระเบียง แล้วกำลังจะก้าวเดิน เผด็จก็ดึงตัวมาโอบกอดไว้

“อย่าคิดว่าหนูไม่รู้ไม่เห็นอะไรนะเรื่องของป๊าอยู่ในสายตาหนูตลอด”

“หนูพูดอะไรป๊ายังไม่เข้าใจ ขอที่มาที่ไปหน่อย”

   โบว์แกะมือของเผด็จและทำเป็นสลัดตัวออก เดินหนีทำเป็นน้อยใจที่แฟนตัวเองปันใจไปให้ผู้หญิงคนอื่น

“ไม่ต้องมากอด มาหอมหนูอีกต่อไปเลย ไปเลย ไปกอดคนอื่นโน้น”

“ก็อะไรหละมาถึงก็ใส่ป๊าเอา ใส่เอา ป๊ายังไม่รู้เลยว่าป๊าผิดอะไร” แล้วโบว์ก็หันมา

“อย่านึกว่าได้หนูแล้ว จะทิ้งกันง่ายๆ มันไม่ง่ายอย่างที่ป๊าคิดนะจะบอกให้”

“ไปกันใหญ่แล้ว ป๊าไม่ได้คิดอย่างนั้น”

“หนูไม่ได้ เป็นผู้หญิงใจง่ายที่จะนอนกับใครง่ายๆได้ทุกคนนะ ถึงหนูจะเป็นโจร หนูก็มีหัวใจเหมือนผู้หญิงทั่วไปนะป๊า”

“แล้วป๊าไปมีใครที่ไหน เมื่อไหร่ ไหนหนูบอกมาซิ แล้วไปเอาข่าวอะไรที่ไหนมา”

   ระหว่างนั้นอัธวุฒินอนไม่หลับคิดถึงแต่เรื่องชุดของนางแมวป่า รถมอเตอร์ไซด์ลึกลับและสายสร้อยที่อยู่ในห้องน้ำของเผด็จ เขาจึงขับรถมาที่คอนโดเผด็จกลางดึกเพื่อที่จะหาหลักฐานอะไรเพิ่มเติม และอีกครั้งที่เขาเห็นรถมอเตอร์ไซด์ลึกลับ มาจอดอีก เขาจึงตัดสินใจที่จะขึ้นไปที่ห้องของเผด็จทันที

“ปากหวาน ส่งสายตาหวาน ให้กับใครหละ 2 วันนี้หนะ”

“ไม่มีนะ”

“ตอแหล โกหก เก่งนักนะป๊า” โบว์ชี้หน้าว่าแฟนตัวเองด้วยมือขวา

“วันนี้เป็นอะไร ทำไมถึงได้ว่าป๊าแรงขนาดนี้” เผด็จเดินเข้ามาตรงหน้าและเอามือซ้ายจับมือขวาโบว์แล้วดึงเข้ามากอด

   เผด็จหอมแก้มซ้ายและขวาโบว์ ขณะที่โบว์ร้องไห้อยู่

“ร้องไห้ทำไมคนดี น้อยใจอะไรป๊า มีอะไรก็พูดออกมาซิ”

“แล้วมันจริงไหมหละ ป๊ามีหนูอยู่ทั้งคนแล้วป๊ายังจะไปมีคนอื่นอีกทำไม หนูรู้นะว่าวันนี้ป๊าไปไหน ไปขลุกอยู่กับใครมาทั้งวันตั้งแต่บ่ายจนมืด หนูหึงนะ หนูก็มีหัวใจป๊ารู้ไหมว่าหนูเจ็บ เวลาที่เห็นป๊าอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่หนู”

   ลิฟท์ช่างเดินทางช้าเหลือเกิน อัธวุฒิคิดในใจ เขาดึงปืนขึ้นมาเตรียมไว้ ใกล้ถึงชั้นที่ต้องการแล้ว

“นึกว่าเรื่องอะไร หนูโบว์หนะเหรอ”

“นั่นไง พูดออกมาแล้วเรียกมันว่าหนูโบว์ด้วย คงแนบสนิทชิดใจกันดีใช่ไหม”

   แล้วโบว์ก็สะบัดตัวออกจากเผด็จ เดินหนีไปที่ระเบียง อัธวุฒิรีบเดินไปที่ห้องหยิบการ์ดเสียบที่ประตู เสียงดัง “กึ๊ก” โบว์ได้ยินเสียง รีบดึงเผด็จหลบไปที่ใต้ระเบียงดาดฟ้า อัธวุฒิเปิดไฟสว่างทั้งห้อง

“เฮีย..เฮีย” เขาถือปืนยื่นไปด้านหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน มองเข้าไปดู ก็ไม่มีใคร ที่นอนไม่มีใครใช้

   เขาเดินกลับออกมา ปิดประตู “เฮีย” อัธวุฒิเรียกอีกครั้ง พึ่งสังเกตุว่าประตูระเบียงเปิดอยู่ จึงใช้ปืนแหวกผ้าม่าน แล้วออกไปดูตรงระเบียง โบว์ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดเผด็จก็ยังคงงอนแฟนตัวเองอยู่ เผด็จได้โอกาส จึงหอมแก้มซ้ายโบว์สองครั้ง โบว์ทำอะไรไม่ได้เพราะเผด็จกอดเธออยู่ โบว์หลุดเสียงมานิดนึง เผด็จจึงหอมอีก แล้วใช้สายตาจ้องบอก เหมือนให้เงียบ

“ไม่ต้องเลย” อัธวุฒิหูไวจึงหันไปตามเสียง มองลงไปที่ระเบียงชั้นล่าง เพราะความมืดจึงมองอะไรไม่เห็น

“หูแว่วเหรอวะ” แล้วอัธวุฒิ ก็เก็บปืน และกลับมาคิด

“ถ้าเฮียไม่อยู่นี่ แล้วเฮียไปไหน รถก็จอดอยู่ครบทั้งสองคัน แล้วไหนจะมอเตร์ไซด์ลึกลับคันนั้นอีก”

   อัธวุฒิเดินออกจากห้องปิดไฟและปิดประตู พอสิ้นเสียงประตูโบว์ก็รีบลุกออกมาจากมุมมืดตรงนั้น แล้วผลักเผด็จออกไปให้ห่างจากตัวเองและปีนระเบียงขึ้นมา เผด็จปีนตามลงมา เมื่อแฟนยังไม่สิ้นฤทธิ์ไม่สิ้นพยศ เผด็จไม่สนใจ จึงดึงแขนซ้ายโบว์เข้ามาตัวเองแล้วก็ประทับจูบลงไปอย่างนุ่มนวลด้วยความรัก

[[[[[ ===== ]]]]]

   คฑา คอยดูจีจี้เพื่อให้อยู่ในสายตาตลอด แต่หารู้ไม่ว่า เธอได้แอบทดลองยารุ่นใหม่ที่พ่อของเธอผลิตเองไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

“จีจี้ เอาอีกไหม” จีจี้เมาและไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป เคยสัญญากับพ่อแล้วว่าจะไม่เสพยาอีกหลังจากที่เคยไปบำบัดมาแล้ว

“ชน ชน ชนเอาให้สนุกไปเลยคืนนี้ ไม่สว่างไม่เลิก”

   คฑา ทนเห็นสภาพของจี้จี้ลูกเจ้านายตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้ เมาแล้วถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่เสื้อชั้นใน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปลากตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ

“คุณหนู คุณหนู กลับบ้านครับ เมามากแล้ว”

“ใคร ใคร ใคร กล้ามาสั่งฉัน แกเป็นใคร” ชายคนหนึ่งเดินมาดึงเสื้อคฑา

“เอ๊ยแกเป็นใครวะ ถึงมายุ่งกับแฟนอั๊ว” คฑาต่อยเข้าไปหนึ่งหมัดถึงกับเซออกไปเลย

“แฟนเหรอ แกเป็นใคร บังอาจมาก”

   แล้วก็หันไปดูจีจี้ที่กำลังเมาเละเมาปิ้น เขาเก็บเสื้อที่กองอยู่ 2 ตัวขึ้นมา ใส่ให้กับจีจี้ คนที่เซไป เดินมาอีกรอบ คราวนี้ถึงกับยกมีดจะแทงคฑา แต่คฑาไวกว่า ยกปืนขึ้นมาจ่อตรงหน้าผาก

“เอาดิ ใครไวกว่า หรือว่าจะแลก”

“ใครวะ ใคร” จีจี้เมา แบบสุนัขไม่รับประทาน ไม่มีสติ

“ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อสนุกต่อ ก็อย่าเสี่ยงไอ้น้อง”

   แล้วคฑาก็ขยับปืนให้ถอยไป พวกนั้นก็ต้องหลบ และคฑาก็ลากจีจี้ออกไปจากผับนั้น ขึ้นรถพากลับบ้านทันที

----- ***** -----

   เผด็จจูบโบว์ได้พักใหญ่ พอรู้ว่าโบว์สิ้นฤทธิ์ เขาก็ปล่อยจูบ และก็มองหน้าโบว์

“บ้า..ไอ้ป๊าบ้า” แล้วโบว์ก็เอามือขวาทุบไปที่ไหล่ซ้ายเผด็จเบาๆ

“แล้วเข้าใจป๊ารึยัง” โบว์มองหน้า เมื่อไม่มีคำตอบเผด็จจะจูบอีก โบว์รีบตอบ

“เข้าใจแล้ว” โบว์รีบหงายมือซ้ายตัวเองมาดันคางแฟนตัวเองทันที

“เข้าใจว่าไง” เผด็จถาม

“เข้าใจว่า ไม่ได้คิดอะไรกับคนที่ชื่อโบว์ พอใจรึยังคะ”

“ไม่เชื่อ ป๊ารู้ว่าหนูเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆสายตามันฟ้อง”

“แล้วป๊าจะให้หนูทำยังไง ป๊าถึงจะเชื่อ”

“สาบานก่อน”

“โห..เล่นแบบนี้เลยเหรอ พอได้ทีรีบเลยนะ”

“ก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ป๊าก็ไม่ห้ามนะ แล้วถ้าต่อไปเกิดอะไรขึ้น จะมาว่าป๊าไม่ได้นะ”

“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ สาบาน”

“ว่า..” เผด็จจ้องหน้าแฟนตัวเอง แล้วยิ้ม โบว์เขิน

“หนูขอสา”

“ยกมือด้วย”

“อะไรอีก”

“สาบานเขาทำยังไง ยกสามนิ้วใช่ไหม”

“บ้า..เออๆยกก็ได้ ขอสาบานว่าต่อไปนี้ หนูนางแมวป่าแฟนผู้การเผด็จ จะเชื่อใจไม่ขี้หึงและระแวงในตัวแฟนของข้าพเจ้าอีก”

“ดีมาก..เมื่อเข้าใจแล้ว..ก็” เผด็จรวบสองขาโบว์ขึ้นมาอุ้มทันที โบว์ตกใจ

“จะทำอะไรหนะป๊า”

“ก็ไปนอนไง ป๊าง่วงแล้ว เพลียด้วย วันนี้ไม่ได้พักเลย” อ้อนแฟนนิดหน่อย

“ไม่ได้ อีกสองวันค่อยนอน”

“ทำไมหละ นี่มันก็ดึกมากแล้ว”

“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับเดี๋ยวที่บ้านหนูเขาจะสงสัย นี่หนูแอบหลบออกมา”

“ก็..” โบว์เอามือซ้ายยกขึ้นมาปิดปากเผด็จ

“อย่าดื้อ อย่างอแงซิคะคนดีของน้องแมว อีกสองวันเองทนหน่อย รับรองวันนั้นวันของเรา หนูจะไม่ดื้อหนูจะให้ป๊าทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนที่เคยสัญญาเอาไว้ จะอยู่กับป๊าทั้งวันทั้งคืน 1 วัน ไม่ไปไหนเลย Ok ไหม”

“ก็ได้..แต่”

“อะไร”

“ก่อนไป ขอ..นิดนึงได้ไหม” เผด็จมองไปที่หน้าอกโบว์ โบว์รู้เลย

“ไม่ได้ ไม่เอา อีตาบ้า หนูจะกลับแล้ว ขืนหนูใจอ่อนให้ป๊า หนูไม่ได้กลับแน่..ไปไป”

“ใจร้าย” ไม่ทันขาดคำ โบว์ก็รีบเปิดประตูห้องเดินออกไป เผด็จรีบปิดประตูระเบียงแล้ววิ่งตามแฟนออกไป

   ประตูลิฟท์ชั้นใต้ดินเปิดออก ถึงมันจะไม่สว่างเท่าใดนัก แต่มันก็ไม่มืดจนเกินไปที่จะมองไม่เห็นอะไร เผด็จเดินอุ้มนางแมวป่าออกมาจากลิฟท์ หยอกล้อเล่นกัน มีการก้มไปหอมแก้มเป็นระยะๆ ตามประสาแฟน

“เฮีย” อัธวุฒิตกใจเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขานั้น เขาไม่อยากจะเชื่อ

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 18 .. “ สิ่งที่อยู่ในใจ ”

ตอนที่ 17 .. “ น้อยใจ ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.