ตอนที่ 1 .. “ วิหคพลัดถิ่น ”

องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

-A A +A

ตอนที่ 1 .. “ วิหคพลัดถิ่น ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

     เป็นเพียงความบันเทิงในการฟังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

ด้วยความเคารพผู้ประพันธ์นิยาย .. มัชฌิมา

มีเธอจึงมีฝัน - ไผ่ พงศธร

https://youtu.be/upTqraZK-U4

ขอขอบคุณคุณไผ่ พงศธร จาก ค่าย แกรมมี่ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

( คำชี้แจง )

             “ เชื้อสายของพระราชวงศ์ ในบทประพันธ์นี้ เป็นเพียงนามที่สมมุติขึ้นเฉพาะ เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเป็นเพียงความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเกิดขึ้นในชีวิตจริงแต่ประการใด ทางผู้เขียน มิได้มีเจตนาที่จะแอบอ้าง ลบหลู่ดูหมิ่น หรือหมิ่นเกียรติ์ แต่ประการใด เน้นเพียงแต่ จะเพิ่มความสนุกสนานในการอ่านให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น

             ถ้าหากชื่อ และนามสกุล ไปพ้องหรือคล้องจองกับเชื้อพระวงศ์ท่านใดพระองค์ใด ทางผู้เขียน ก็ต้องกราบขออภัย มา ณ.โอกาสนี้ด้วย ” ด้วยความนับถือ..ผู้ประพันธ์

***** ----- *****

ตอนที่ 1 .. “ วิหคพลัดถิ่น ”

     คืนหนึ่ง ณ.พระราชวังหลวง ( ตำหนัก บุษบง ) อันกว้างใหญ่ ฝนตกหนักราวกับพายุคลั่งและมีฟ้าผ่าอย่างรุนแรง ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลายปี องค์หญิงน้อย ( พระองค์เจ้าหญิง อรัญญิกา บุษบง ) นอนหลับอยู่ในห้องนอนที่กว้างใหญ่เพียงพระองค์เดียว เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าทำให้เธอตื่น เธอลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วเดินไปดูที่หน้าต่าง เธอค่อยๆ เปิดผ้าม่านมองดูว่าภายนอก มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงมีเสียงดังไปหมด เธอค่อนข้างกลัวอุ้มตุ๊กตาหมีตัวโปรดไว้แน่น จังหวะนั้น ฟ้าได้คำรามอย่างดัง และผ่าลงมาอย่างรุนแรง แสงสว่างจ้ามากระทบดวงตาเธอ ดวงตาเธอเบิกโพง < เปรี้ยง..ลงมา > เธอตกใจสุดขีด กรี๊ดร้อง เสียงดังมาก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต < ว๊าย > อาจเป็นเพราะความกลัวสุดขีดของเธอก็เป็นได้ จึงทำให้เธอช๊อก ล้มลงและหมดสติ ไปในที่สุด

       ท่านพ่อ ( เสด็จฯ เจ้าฟ้า ) และท่านแม่ (หม่อม มณีกุล บุษบง ) ได้ยินเสียงกร๊ดร้องของลูกสาวก็เลยวิ่งมาดู

       “ ลูกหญิง ” ท่านพ่อเรียกลูกสาว ภาพที่ปรากฏต่อหน้าก็คือ องค์หญิงน้อย นอนหมดสติอยู่ที่ข้างหน้าต่าง

       “ รัน รัน หญิงน้อย หญิงน้อย ” ท่านแม่ ก็เรียกลูกอยู่ตลอดเวลา

       ท่านพ่อ บรรจงอุ้มลูกน้อยของเขาไปไว้บนเตียง แล้วเอามือปัดผมที่ปิดบังใบ้หน้าออก ท่านแม่เอาผ้าขนหนูที่ชุบน้ำเพียงเล็กน้อยมาเช็ดหน้าให้ลูกสดชื่น องค์หญิงน้อย ยังคงแน่นิ่ง ท่านพ่อ มองหน้าท่านแม่ ด้วยความวิตกกังวล องค์หญิงน้อย นอนหายใจรวยระริน ทั้งสองท่าน ก็เลยอยู่เป็นเพื่อน ท่านแม่ก็เลยตัดสินใจ ขึ้นไปนอนกอดลูกสาวเอาไว้ ส่วนท่านพ่อ ก็นั่งเอามือตัวเองกุมมือลูกน้อยเอาไว้ เพื่อเธอจะได้อุ่นใจเวลาตื่นขึ้นมาว่าเธอไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ท่านพ่อ ได้แต่นั่งจ้องหน้าลูกสาว ด้วยความหวั่นใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

       รุ่งเช้า พอองค์หญิงน้อย เริ่มมีสติฟื้นตื่นขึ้นมา เธอค่อยๆ ลืมตา เธอยังคงมึนๆ เห็นเพดานห้องลางๆ หันไปทางขวาเห็นท่านพ่อนอนฟุบอยู่ข้างเตียงมือซ้ายของท่านกุมมือขวาของเธออยู่ หันไปทางซ้าย เห็นท่านแม่นอนกอดตัวเธออยู่ เธอจึงเริ่มขยับตัว เอามือซ้ายสะกิดท่านแม่ และใช้มือขวาเรียกท่านพ่อ ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกตัว แล้วมองไปที่ลูก องค์หญิงน้อย ยังไม่รู้สาเหตุที่ท่านพ่อและท่านแม่ ท่านทั้งสองคนมาทำอะไรที่ห้องเธอ

       เธอยังไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าพ่อและแม่ ท่านแม่ดึงลูกสาวขึ้นมากอด องค์หญิงน้อย ก็ยังคง งง อยู่

       “ หญิงน้อย ของแม่ เป็นไรมากรึป่าวลูก ” ท่านแม่ ถามด้วยความเป็นห่วง เธอจ้องมองหน้าผู้เป็นแม่แล้วยิ้มออกมา แล้วก็พูดออกมา

       “ หญิงไม่เป็นได้เป็นอะไรนี่คะ ท่านแม่ ” ท่านแม่ เห็นปากลูกขยับ แต่ไม่มีเสียง จึงถามลูกอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ ว่าสิ่งที่เขาคิดจะไม่เป็นความจริง

       “ พูดออกมาซิลูก พูดออกเสียงมาไม่ใช่ แค่เพียงอ้าปากเฉยๆ ” ท่านแม่เริ่มวิตกกังวลและหวั่นใจขึ้นมาทันที

       ท่านพ่อ ก็เลยถาม ภรรยาว่า เกิดอะไรขึ้น

       “ น้องไม่ได้ยินเสียงลูกค่ะ ท่านพี่ ” ภรรยาตอบแบบตกใจ องค์หญิงน้อยเริ่มทำหน้าตกใจ ไม่จริง ก็เธอพูดกับท่านแม่ไปแล้วนี่ ทำไมท่านแม่ถึงไม่ได้ยิน ท่านพ่อก็เลยเรียกลูกสาว ด้วยความวิตกกังวล

       “ ลูกหญิง หันมาพูดกับพ่อซิลูก ” องค์หญิงน้อย ก็หันไปแล้วพูด

       “ ขา ท่านพ่อ มีอะไรกับหญิงเหรอคะ ” เป็นจริงอย่างที่ภรรยาพูด เขาไม่ได้ยินเสียงของลูกสาว คงเห็นแต่ปากขยับเท่านั้น ท่านพ่อ ถึงกับตกตะลึง ตาเบิกโพง อ้าปากค้าง ส่วนท่านแม่ ก็เอามือปิดปากตัวเอง แล้วร่ำไห้ออกมา

       “ ท่านพ่อ ท่านแม่ เป็นอะไร ทำไมไม่มีใครพูดกับหญิงเลย ท่านพ่อ ท่านแม่ ” องค์หญิงน้อย ใจไม่ดีแล้ว ได้แต่เขย่าตัว ท่านแม่ และ เขย่ามือท่านพ่อ

       “ ทำไมไม่มีใครบอกอะไรหญิงเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหญิง ” เธอพูดอยู่คนเดียว

       ท่านพ่อและท่านแม่ ก็เลยตัดสินใจบอกลูกสาวตัวเอง อย่างละมุนละม่อม ช้าๆ และอธิบายให้ลูกสาวฟังว่า

       “ รัน ทำใจดีๆ ไว้นะลูก พ่อและแม่ไม่ได้ยินเสียงของลูก รันได้ยินเสียงที่แม่บอกนะลูก ” ท่านแม่จ้องหน้าลูกสาว องค์หญิงน้อย ตกใจตาเบิกโพงขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว เธอนิ่งอึ้งไปพักใหญ่

       “ หญิงน้อย หญิงน้อย ได้ยินสิ่งที่ท่านแม่ บอกไหมลูก อย่านิ่งเงียบซิ พ่อกับแม่ ใจไม่ดีเลย แค่ลูกพูดไม่ได้ หวังว่า หูคงไม่หนวกด้วยนะลูก ตอบพวกเราซิลูก ” ท่านพ่อ ถามเร่งเร้าองค์หญิง เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วเอามือขวาชี้ไปที่หู เสมือนบอกว่า รับทราบ หูยังทำงานได้ยินดีเป็นปกติ

       ท่านพ่อท่านแม่ก็ดีใจ โล่งอก ท่านแม่ ดึงลูกสาวมากอดเอาไว้ แล้วก็ปลอบใจลูกสาว

       “ ไม่ต้องเสียใจนะลูก ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรนะ ที่ทำให้หญิงน้อย ของแม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ” ท่านแม่ร้องไห้

       “ พ่อจะหาหมอเก่งๆ มารักษาลูกให้เร็วที่สุด พ่อสัญญา ” ท่านพ่อ รีบแสดงความเป็นห่วง

       “ หญิง เป็นใบ้ไปแล้วหรือนี่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ” ท่านพ่อท่านแม่เห็นปฏิกิริยาของลูกสาว เหมือนโมโหอะไรสักอย่าง ท่านแม่ก็เลย กอดลูกสาวเอาไว้

       “ รัน รัน รัน ทำใจดีๆ เอาไว้นะลูก แม่เข้าใจ แม่เข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ลูกรับไม่ได้ มันเร็ว และกระทันจนเกินไป ค่อยๆ ปรับตัวนะลูก พวกเราทุกคนก็จะพยายาม ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับและเข้าใจนะลูก แม่ขออย่างเดียวนะลูก ” ท่านแม่ คอยปลอบประโลม ลูบหัวลูกสาวตลอดเวลา องค์หญิงจ้องหน้าแม่

       “ อย่าคิดน้อยใจคิดสั้น ฆ่าตัวตายหนีพ่อกับแม่ไปนะ รับปากพ่อกับแม่นะลูก ได้ไหม แม่ขอร้อง ”

       “ ได้ค่ะ หญิงรับปาก ” องค์หญิงพยักหน้าให้ทั้งสองคนเห็น พ่อเอื้อมมือซ้ายไป แล้วดึงลูกสาวมากอด

       ท่านพ่อ จับไหล่สองข้างขององค์หญิง แล้วดันตัวเธอออกมา ได้สังเกตุเห็นว่า องค์หญิงน้อย ร้องไห้ออกมา เพราะเสียใจที่พูดไม่ได้ เธอร่ำไห้ สักพักเธอก็หันไปกอดท่านแม่เอาไว้ ด้วยความน่าสงสาร..เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงเพื่อนสนิทขององค์หญิง เธอจึงรีบมาที่ตำหนักบุษบง ทันทีโดยมิรอช้า

       ม.จ. วรุณยุภา หัสดี   เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของ พระองค์เจ้าหญิง อรัญญิกา บุษบง ตั้งแต่เด็กๆ             

       “ หญิงรัน ” ยุภา เพื่อนสนิท เมื่อมาถึง ก็วิ่งตรงมากอดเพื่อน ในสภาพที่นั่งนิ่งเหมือนร่างไม่มีชีวิต

       “ เป็นไงบ้าง ไหนดูซิ ” ยุภา เอามือเช็ดหน้าเช็ดตาปัดผมเพื่อน

       “ จริงหรือป่าวหญิง ที่ข่าวออกมาว่า เธอพูดไม่ได้ ” ยุภาไม่เชื่อ ก็เลยถามซ้ำ เพื่อความแน่ใจ

       “ จริง ฉันเป็นใบ้ ฉันพูดออกไปแล้ว ไม่มีใครได้ยินเสียงฉัน เข้าใจรึยัง ” ยุภาถึงกับนิ่งเมื่อเห็นเพื่อนพูดกับเธอ แต่ไม่มีเสียงจริงๆ คงเห็นเพียงแต่ปากขยับ

       “ คราวนี้เชื่อฉันรึยัง หญิงยุ ” ลืมไป องค์หญิง ทำหน้าเซ็ง เธอก็เลยหยิบสมุดฉีกที่วางอยู่ข้างๆ มาเขียนเป็นประโยคให้อ่านแทน พอยุภาอ่านก็ เข้าใจ

       “ อ๋อ เข้าใจแล้ว ” แล้วยุภาก็ทำหน้า น่าสงสาร เขยิบมานั่งข้างๆ เพื่อน แล้วกอดองค์หญิงน้อย

       ท่านพ่อ ท่านแม่ เดินเข้ามาพอดี ยุภา ยกมือไหว้ทั้งสองคน

       “ เจอกันแล้วซินะหญิงยุ” ท่านพ่อทัก

       “ เพคะ เสด็จฯ อา หนู สงสารเพื่อนจังเลย ” ยุภา พูดแล้วตาแดง คล้ายจะร้องไห้

       “ เห้อ เด็กเอ้ย แค่ 7 ขวบเอง ก็มาเจอมรสุมชีวิตแบบนี้เสียแล้ว ” ท่านแม่ถอนหายใจ ต่อหน้าเด็กๆ

       “ เสด็จฯ อาเพคะ แล้วคราวนี้เรื่องการเรียนของหญิงรัน จะทำยังไงหละทีนี้ ” ยุภาถาม

       “ มีวิธีเดียวนะเท่านั้นหละหลาน ” ยุภามองหน้าหม่อมแม่ของหญิงรัน

       “ ก็คงต้อง หาครูมาสอนในวังนี่แหละจร้า หลานยุ ” ยุภาเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น

       “ ยังไง อาก็คงต้องรบกวนหญิงยุด้วยนะ ขอให้มาเล่นเป็นเพื่อนหญิงรัน เหมือนเดิม ได้ไหม ” เสด็จอาบอก

       “ ถึงเสด็จฯ อาไม่ขอ หญิงก็จะมาเพคะ ” ยุภาพูดแบบเต็มใจ

       “ ขอบใจมากนะหญิงยุ ” หม่อมดีใจมาก แล้วยุภาก็เดินไปกอดเพื่อน

       และจากนั้นเป็นต้นมา องค์หญิงน้อย ก็ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารกับใครได้อีกเลย จะคุยกับใครหรือบ่าวในวัง ก็จะเขียนสื่อสารด้วยกระดาษเท่านั้น จนปัจจุบัน จึงทำให้เธอกลายเป็นคนเศร้า ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเดิม ส่วนเรื่องการเรียน เขียน อ่าน ได้จ้างครูมาสอนส่วนตัวที่วัง มี ม.จ. วรุณยุภา หัสดี เป็นเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว

***** ----- *****

       15 ปี ผ่านไป..องค์หญิงก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ เหมือนคนทั่วไป ในจุดที่เธอรับได้ มีความสุขไปอีกแบบ ไปเที่ยวแต่งตัวสวยงามใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นผู้หญิง อายุ 22 ทั่วไป โดยไม่ได้คิดน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองผิดปกติไม่เหมือนคนอื่น ไม่น่าเชื่อว่า เธอกลับชอบดูหนัง ดูละครฟังเพลง ก็เลยทำให้รอบข้างมีความสุขไปด้วย กับความน่ารักน่าเอ็นดู ทุกคนรักและอยากอยู่ใกล้เธอ เพราะอยู่ใกล้เมื่อใด ก็อบอุ่นในความไร้เดียงสา ขององค์หญิงน้อย

       ธวัช รุจิศม ชายหนุ่มอายุ 30 ปี เป็นคนจน อาศัยอยู่ใกล้สลัม เรียนจบ ปวส. ช่างยนตร์ ระหว่างเรียนก็ไปช่วยรุ่นพี่ตามอู่ต่างๆ พอเรียนจบ ก็เลยมาเปิดร้านซ่อมรถยนต์ / มอเตอร์ไซด์ เล็กๆ อยู่ปากซอยสลัม เลี้ยงดูพ่อแม่ ที่เฒ่าชรา ลูกคนเดียว มีใจโอบอ้อมอารีย์ นิสัย ชอบช่วยเหลือผู้อื่น โดย ไม่หวังสิ่งตอบแทน ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย รักพวกพ้อง ไม่ทานเหล้า ไม่สูบบุหรี่ บางวันก็ออกไปขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง จนทำให้ผู้คนในละแวกนั้น ยกย่องให้เป็น “ เจ้าชาย ยาจก ”

       เสียงเพลง จตุคามลามทุ่ง ของ คาราบาว ลอยดังลั่นในร้าน คนเดินผ่านไปผ่านมาก็รู้ว่า ธวัชอยู่ร้านแน่ เพราะเขาเป็นคนชอบทำงาน ไม่ค่อยจะออกไปไหน

       “ ไม่ได้ออกไปไหนเหรอ เจ้าชาย ” ลุงดี ถาม เขาก็ส่งยิ้มให้ พร้อมกับได้คำตอบ

       “ นั่งปล้ำไอ้เจ้านี่อยู่ สองวันแล้วลุง มีอะไรให้ผมช่วยรึป่าว ” ธวัช ตอบลุงดี มือก็ทำงานไปด้วย

       “ หลวงพ่อที่วัดบอกว่า ถ้าเอ็งว่าง ก็ไปหาท่านหน่อยนะ ท่านมีธุระที่จะคุยด้วย ” ลุงดี พูดเสร็จก็เดินจากไป

       “ จร้าลุง สักพักผมจะเข้าไปนะ ฝากบอกท่านด้วย ” ธวัช ตะโกนบอกลุงดี แล้วก็หันหลังมานั่งทำงานต่อ

       “ ไอ้จ้อย หยิบปะแจเบอร์ 10 มาซิ ” จ้อย กำลังจะหยิบ งามตา เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ หยิบส่งให้ธวัชแทน แล้วเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อโดยไม่ได้ดูว่าใครส่งให้ งามตา บอกให้จ้อยหลบไป แล้วงามตาก็นั่งอยู่ตรงนั้นแทน

       “ เอาคืมปากแบนตัวใหญ่ด้วย ” แล้วคืมก็ส่งถึงมือ แต่ธวัชเห็นไอ้จ้อยกำลังเดินทานข้าวผ่านหน้าไป แล้วใครหละที่ส่งคืมให้เขาธวัช ก็เลยหันไปดู

       “ งามตา ” งามตานั่งยิ้ม ปากกว้างอยู่ตรงหน้า

       งามตา เด็กสาว แถวสลัมที่มาชอบ ธวัช เรียนหนังสือยังไม่จบ ปวช.3 เลย ชอบแต่งตัวสวยไปวันๆ ชอบหนี โรงเรียน วันๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไร ไม่ตั้งใจเรียน อายุ 18 ปี ไล่ๆ กับ องค์หญิงใบ้ แต่มีความจริงใจ รักใครรักจริง เธอจะยอมธวัชอยู่คนเดียวไม่ว่าจะเรื่องอะไร และชอบหาเรื่องทะเลาะเป็นประจำตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนี้เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ ทั้งๆ ที่ธวัชพยายามอธิบายอยู่บ่อยครั้งว่า เขาไม่ได้รักและชอบเธอแบบนั้น รักเหมือนน้องสาว แต่งามตา ก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจอะไรมากนัก

       “ จร้า หนูเอง ” พูดแบบยังยิ้มอยู่

       “ อ้าวแล้ววันนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ปี 3 ปีสุดท้ายแล้วนี่ น่าจะตั้งใจเรียนหน่อยนะ ตากับยาย แกก็อายุมากแล้ว ถึงท่านจะเป็นแค่ตายาย แต่พวกท่านก็เลี้ยงงามมานะ ไม่สงสารท่านบ้างเหรอ ” แล้วก็วางอุปกรณ์ ลุกไปล้างมือ เพื่อที่จะไปหาหลวงพ่อที่วัด งามตาเห็นธวัชล้างมือ คิดว่าคงเสร็จงานแล้ว ก็เลยจะชวนธวัชไปเที่ยว

       “ พี่วัช ” เธอสะกิดธวัช

       “ ว่าไง ” ธวัช กำลังเช็ดมือให้สะอาด แล้วหยิบเสื้อใส่จะไปวัด

       “ คืนนี้มีงานวัด พี่ไปเป็นเพื่อนหนูนะ ”

       “ พี่คงไม่ว่างหละงาม เนี่ยหลวงตาเรียก ให้ไปหา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร จะเกี่ยวกับเรื่องงานวัด นี่ด้วยรึป่าวพี่ก็ยังไม่รู้เลย พี่ต้องไปก่อนนะ ท่านรออยู่ ให้ผู้ใหญ่รอนานๆ คงไม่ดี ” แล้วธวัชก็เดินออกไป งามตาวิ่งตามไปด้วย

***** ----- *****

       ที่วัดใกล้สลัมแถวนั้น ธวัชเดินมาอย่างเร่งรีบ งามตาก็วิ่งตามแล้วเกาะแขนตามธวัชเข้าวัดไป ธวัชเดินขึ้นไปหาหลวงตาที่กุฎิ พอถึงก็นั่งลงแล้วกราบ งามตาก็ทำตาม

       “ มาแล้วรึ ธวัช ” หลวงตา ถามทั้งที่กำลังซดน้ำชาร้อนๆ อยู่ แล้วเห็นหญิงสาวนางหนึ่งในชุดนักเรียนนั่งเบียดธวัช ซะชิดจนแทบจะนั่งตักได้แล้วมั้ง ก็เลยเตือนสติ

       “ ครับหลวงตา ” ธวัช พนมมือแล้วตอบหลวงตาอย่างปกติ

       “ แล้วนั่นหนีบลิงที่ไหนมาด้วยหละ ในวัดในวานังหนู ไม่ต้องชิดแบบนั้นก็ได้ มันดูไม่งาม ”

       “ ค่ะ หลวงตา ” งามตา พนมมือขึ้น หน้าเสียเลย โดนหลวงตาเทศน์ซะ 1 กัณฑ์

       “ เจ้าวัช มันไม่หนีแกไปไหนหรอก เกาะยังกะลูกลิงติดแม่ซะอีก ไม่ไหวๆ ”

       “ หลวงตามีอะไรจะให้ผมรับใช้ครับ ”

       “ ก็ไม่มีอะไรมาก เจ้ารู้ใช่ไหมว่าวัดเรา จะมีงานฝังลูกนิมิตประจำปี ”

       “ ทราบครับหลวงตา ”

       “ พอดี มักคทายก เปลี่ยน มาบอกว่า กรรมการที่ดูแลเรื่องการเงิน เรื่องติดต่อ อะไรเนี่ย เขาไม่สบาย ตอนนี้ป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็เลยไม่มีคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ข้าก็นึกถึงเจ้า เพราะบวชเรียนที่นี่มา รู้จักคนก็เยอะ ก็เลยอยากจะให้ช่วยหน่อย จะได้ไหม ”

       “ ไม่มีปัญหาครับหลวงตา ผมยินดีช่วย แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ ”

       “ ก็ไม่มีอะไรมาก ” มักคทายก เปลี่ยน เดินขึ้นมาพอดี

       “ นั่นไงมาพอดี เอ้าๆ นั่งๆ ” มักคทายก เปลี่ยน ไหว้พระอาจารย์ แล้วก็นั่งลงตรงหน้าธวัช

       “ รบกวนหน่อยพ่อหนุ่ม คนทำหน้าที่เดิม ก็มาป่วยกระทันหัน งานมันก็เริ่มคืนนี้แล้วด้วย หาคนไม่ทันเลย ”

       “ ไม่เป็นไรครับลุง ผมยินดีช่วย ”

       “ ขอบใจมากนะ ไอ้ข้าก็ยังเป็นห่วงอยู่เลย ปีนี้งานค่อนข้างใหญ่กว่าทุกปี ”

       “ แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ ”

       “ ก็แค่ดูแล เรื่องตู้บริจาคทั้งหมด หมดวันก็เปิดตู้และจดยอดในแต่ละวันว่าได้เท่าไหร่ ทำบัญชีรายรับเก็บไว้ ส่วนรายจ่าย เรื่องค่าน้ำค่าไฟ ไว้ทำตอนเลิกงาน ว่าต้องจ่ายใครบ้าง ส่วนเรื่องพวกที่มาออกร้านขายของ ไม่ต้องไปยุ่ง ข้าจัดการเอง ได้ยอดเท่าไหร่ เดี๋ยวข้าจะรวมให้วันสุดท้าย ก็แค่นี้แหละ ”

       “ ได้ครับ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก ผมทำได้ ”

       “ ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม เอ้านี่ สมุดจดบันทึกรายรับของตู้ต่างๆ ข้าขอลงไปดูงานก่อน ปาดนี้พวกที่จะมาทำการแสดงคงเริ่มทยอยมากันแล้ว ” แล้วก็หันไปกราบลาพระคุณเจ้า

       “ ไชโย ดีจัง งั้นคืนนี้ พี่ธวัชก็มาเที่ยวงานกับหนูได้นะซิ ” งามตาดีใจจนลืมตัว หลวงตาเลยเอ็ดอีกครั้ง

       “ เอาอีกแล้ว นังเด็กคนนี้ หลวงตาสอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ ไม่เรียบร้อย ไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลยนะเจ้า ”

       “ อย่าไปถือสา งามตามันเลยครับหลวงตา มันก็ล้นๆ แบบนี้แหละ ผมชินซะแล้ว ”

       “ หนูขอโทษ ก็มันดีใจหนะ ” งามตา ทำตาปะหลกๆ ใส่ธวัช

       “ พี่มาทำงาน ไป ลาหลวงตาซะ ” แล้วทั้งสองก็ลาหลวงตา หลวงตา มองงามตาตามหลัง คิดว่าถ้าไม่มีธวัช งามตาจะเป็นยังไง จะเอาที่ยึดเหนี่ยวใจที่ไหนได้อีก หลวงตา คิดแล้วก็ปลง เพราะงามตา ติดธวัชมากใครๆ ก็รู้

***** ----- *****

       องค์หญิงน้อยจอมซนของเรา วันๆ นอกจากจะชอบแกล้งพวกบ่าวไพร่ให้ปวดหัวเล่นแล้ว วันนี้ ก็ยังมีอาการเบิกบานสดชื่นแบบไม่เคยมีมาก่อน เพราะได้รู้ข่าวมาจากบรรดาสาวใช้ที่อยู่ในครัวและตำหนักในว่า จะมีงานวัดที่จัดใหญ่โตมากในรอบหลายปี แถวๆ เมืองนนท์ เธอจึงได้วางแผนหนีเที่ยว เป็นไฟว์บังคับ โดยห้ามใครขัดใจ

       “ เอาแน่เหรอ หญิงรัน ” ยุภา ถามแบบ ไม่แน่ใจ

       “ แน่ แล้วเธอห้ามป๊อต เข้าใจไหม หญิงยุ ” ทุกครั้งที่มีการเจรจา เธอจะสื่อสารด้วย การเขียนใส่กระดาษ

       “ แล้วเธอจะหลบสายตาท่านพ่อ ท่านแม่ และทหารองครักษ์ไปได้ยังไง ”

       “ ก็ปลอมตัวไง เพราะฉะนั้นเธอต้องช่วยฉัน ” หญิงรัน จอมวางแผนก็เริ่มแปลงโฉมเบ็ดเสร็จใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง มีหญิงรัน หญิงยุ และผู้ติดตามอีก 2 คน

       “ ไปแค่นี้แหละ 4 คน สตางค์พร้อมไหม ”

       “ Ok ” หญิงยุ เตรียมเรียบร้อย สาวใช้อีก 2 คน ก็พร้อม ทั้งหมด ปลอมตัวเป็น แม่บ้านที่ทำงานในวัง เพราะสามารถเดินเข้าออก เวลาใดก็ได้ ยามที่หน้าวัง ทักทายตามปกติ

       “ สวัสดี ครับ นางกำนัล แขไข ” ยามหน้าวังทัก

       “ สวัสดีค่ะ”

       “ จะไปเที่ยวไหนกันเหรอครับ แหมแต่งตัวสวย กันทุกคนเลย ” แล้วยามก็จะเดินมาดูหน้า

       “ จ๊ะๆ จะไปเที่ยว ก็เลยรีบกลับ ไปก่อนนะ ” เธอพยายามจะรีบออกไปให้พ้นจากตรงนี้

       “ เดี๋ยว ” ยามคนที่สองตะโกนห้ามไว้

       “ ตายละว๊า ” หญิงยุ อุทาน แล้วยามคนที่สอง ก็เดินเข้ามาถึงองค์หญิงรัน

       “ ฝากซื้อของหน่อยซิ บะหมี่ มาม่า หรือ ยำยำ ก็ได้ เอามาให้ครึ่งโหลเลย แล้วตอนเช้า เอามาฝากไอ้เนี่ยไว้ให้ด้วย คืนนี้อยู่เวรยาว ฝากหน่อยนะน้อง ” องค์หญิงรับสตางค์ไว้ แล้วรีบดันหญิงยุ และสาวใช้ออกไปทันที

       “ มันจะรีบไปไหนกันนะ พึ่งหัวค่ำอยู่เลย เห็นบางวันกลับ 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม ” ยามคนที่สองเกาหัว

       “ ช่างมันเถอะ ไปดูละครที่วีดีกว่า กำลังสนุก ” แล้วยามคนที่หนึ่งก็เดินเข้าป้อมไปดูละคร

***** ----- *****

       ท้องฟ้ายามราตรีในเมือง นอกวังช่างสวยงามสดชื่นอะไรปานนี้ เพราะองค์หญิงของเราโดนสั่งห้ามออกจากวัง และห้ามไปไหนมาไหนยามค่ำคืน นอกจากตอนเช้า และต้องกลับเข้าบ้านก่อน 18.00 น. วันนี้เธอวางแผนหนีเที่ยวได้สำเร็จ เธอจึงมีความสุขเต็มที่ แต่หารู้ไม่ว่าชีวิตของเธอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป กำลังมีอันตราย เพราะมีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังติดตามเธอมา โดยเธอไม่รู้ตัวเลย รอหาจังหวะดีๆ เพื่อจัดการกับเธอ

       องค์หญิงมองดูแสงสีข้างทางตลอดทางขณะที่นั่งรถแท็กซี่ เธอนั่งคู่มากับหญิงยุและสาวใช้อีกคน ส่วนแขไข นั่งอยู่ด้านหน้า กลุ่มคนร้ายก็ขับรถตามมาไม่ห่างนัก คิดว่า น่าจะจัดการตอนลงจากรถ

       “ ฮู้ ” เธอยกมือขึ้น เมื่อรถแท็กซี่จอดให้ลงบริเวณงานวัดแถวเมืองนนท์ หลังจากชำระค่ารถ พวก 4 สาวก็เริ่มท่องราตรีกัน ส่วนทางด้าน ธวัช ก็มาช่วยงานหลวงตาดังที่ได้รับปากไว้ งามตาก็ติดหนึบมาด้วยไม่ยอมห่าง

       “ ปล่อยพี่ได้แล้วงาม อะไรจะขนาดนี้นะ คนอื่นเข้ามองจนเขานึกว่า เราเป็นแฟนกันแล้ว ”

       “ ก็ช่างเขาซิ มันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ ” งามตาเดินเกี่ยวแขนธวัชไปทั่วงาน       

       “ ดูพูดเข้า พี่ไปเป็นแฟนงามตั้งแต่เมื่อไหร่ ” งามเอาสีข้างเข้าถู

       “ ไป จะไปไหนก็ไป เอานี่ตัง อยากเที่ยวอยากเล่นอะไรก็ไป พี่จะอยู่ตรงนี้ เฝ้าตู้ต่างๆ เนี่ยให้หลวงตา บอกไอ้จ้อย มันด้วยว่า หาอะไรมาให้พี่ทานด้วย ”

       “ ก็ได้ หนูไปหละ เดี่ยวจะมาอยู่เป็นเพื่อน ” แล้วงามก็ไปเที่ยวตามประสาของเด็กสาว ธวัชก็ยิ้ม ยังไงก็โกรธงามตาไม่ลง เพราะ สงสารงามตา เธอเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ ทิ้งไว้ให้ตายายเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ เขาจึงไม่ค่อยจะถือสาอะไรมากนัก

       ส่วนทางองค์หญิงของเรา ก็สนุกและเพลิดเพลิน กับงานวัด เพราะนานๆ จะมีโอกาสได้หนีออกมาเที่ยวสักที เจออะไรก็ตื่นหูตื่นตาไปหมด ไม่ว่า ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาเป้า สาวน้อยตกน้ำ เวทีร้องเพลง หนังกลางแปลง เธอมีความสุขมาก พวกเหล่าร้ายก็แยกย้ายกันหาองค์หญิง เพราะผู้คนเยอะมาก พอเข้างานมา ก็หาไม่เจอแล้ว

       องค์หญิงมาหยุดยืนอยู่ที่ยิงปืนจุกน้ำปลา รอให้สาวใช้และหญิงยุ ซื้อน้ำกับขนมมาให้ เธอมัวแต่หันมองนั่นมองนี่ ก็ไปชนเอากับงามตาเข้า ก็เลยมีปากเสียงนิดหน่อย งามตาล้มลง ก้นจ้ำเบ้า เพราะไม่ทันระวังตัว น้ำที่ถือมาก็หกไปด้วย “ โอ๊ย..อะไรวะ ” งามตา พูดแบบโมโห เพราะหน้าและชุดเธอเปื้อนน้ำหมดเลย

       “ เอาไงวะ ชนเขาแล้วไม่ขอโทษ ได้แต่ทำท่าอะไรก็ไม่รู้ ขอโทษนะ พูดเป็นไหม พูด ” งามตา ดึงเสื้อรันไว้

       “ มีไรกันหนะ ” หญิงยุวิ่งเข้ามาพอดี แล้วก็รีบผลักงามตาออกไป

       “ ทำไรหนะ พูดกันดีๆ ก็ได้ รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ” หญิงยุ โมโหมาก หลุดปากออกไป หญิงรัน ดึงมือเอาไว้

       “ จะเป็นใครฉันไม่รู้ จะป็นคุณหนูยิ่งใหญ่มาจากไหน ฉันไม่สน ชนฉันแล้ว ต้องขอโทษ ” งามตาฉุนขาด

       “ ฉันขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยแล้วกัน เขาพึ่งมาจากต่างประเทศ เขาไม่รู้ธรรมเนียมคนไทย ” หญิงยุ แก้ตัวแทนหญิงรัน แล้วก็มองหน้างามตา ใช้สายตาจิกเหมือนอาฆาตแค้น สาวใช้รีบประคองหญิงรันออกไปทันที

       “ ยิ่งใหญ่มาจากไหนวะ อย่าให้เจออีกนะคอยดู หมดสนุกเลยเรา กลับไปหาพี่วัชดีกว่า ” แล้วก็ปัดเนื้อปัดตัว เดินกลับไปหา ธวัช พวกเหล่าร้ายคนหนึ่งได้เห็นองค์หญิงแล้ว ก็ติดต่อพรรคพวกให้ตามไปประกบไว้ แล้วรอจังหวะ ค่อยจัดการ

       “ เชิญครับเชิญครับ ฝังลูกนิมิต ทางนี้นะครับ เงินใส่ตู้ตามศรัทธาเลย ” ระหว่างนั้น งามตาเดินหน้ามุ่ยเข้ามา

       “ เป็นไรมาอีกหละงาม งานไม่สนุกเหรอ แล้วทำไมหัว และเสื้อมันเลอะแบบนี้หละ ” งามโมโหนั่งลงทันที

       “ ก็เมื่อกี้นะซิ กะว่าจะไปยิงปืนเอาตุ๊กตาสักหน่อย โดนยัยคุณหนูที่ไหนก็ไม่รู้ ชนเอาอย่างแรง แล้วไม่ขอโทษด้วยนะ มันน่าโมโหไหมหละพี่ ยิ่งพูดยิ่งโมโห ดูซิชุดหนู อุตส่าห์ เตรียมมาอย่างดี เละหมดเลย ”

       “ เอาน่า วันนี้วันดีนะคนดี ถือว่าทำบุญก็แล้วกัน เครไหม ” พูดแล้วก็เอามือยีหัวงามตา

       “ ก็ได้ นี่พี่ขอนะ ไม่งั้น คืนนี้นอนไม่หลับแน่ ” แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้น เอามือจับแขนธวัชไว้ แล้วฉีกยิ้มเต็มที่

       องค์หญิง หลังจากหลบมาจากตรงนั้น ก็มานั่งทานหวานเย็น เพื่อดับอารมณ์ หญิงยุ เป็นห่วงมากกับเรื่องนี้

       “ เป็นไงบ้าง หญิงรัน ไหวไหม กลับวังไหม ”

       “ ไม่ ” เธอส่ายหน้า แล้วชี้มือไปตรงที่มีตุ๊กตา

       “ จะยิงปืนหรือเพคะ องค์หญิง ” พิกุล สาวใช้อีกคน ถามองค์หญิง เธอยิ้มแล้วพยักหน้า

       “ ไปค่ะ จะมัวรอช้าอยู่ใย ” แล้วทั้งหมดก็รีบไปที่ซุ้มยิงปืน

       พวกคนร้ายมารวมตัวกัน แล้วก็เริ่มแผนปลงพระชนม์ทันที

       “ เอ้ย เดี๋ยวแกสองคน ไปจัดการเอาอีนางสนมสองคนนั้นออกให้ห่างตัวองค์หญิงเลยนะ ข้าจะใช้เวลานี้แหละจัดการ ได้ตัวแล้ว ไปเจอกันหลังวัด ตามนี้นะ” แล้วพวกนั้นก็แยกย้ายกันไปทำตามแผน

       “ งามตา พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ พี่ฝากตู้ 5 ใบนี้ด้วยนะ ” งามตายกมือ Ok แล้วก็นั่งฟังเพลงต่อ

       ระหว่างที่ 4 สาวกำลังเดินไปที่ซุ้มยิงปืน สาวใช้ 2 คน ก็ถูกยาสลบโป๊ะแล้วลากหายไปแบบเงียบๆ โดยที่หญิงรันกับหญิงยุ ไม่รู้ตัว เมื่อมาถึงซุ้ม ก็หันไปจะเรียกใช้ “ อ้าว ” ไปไหนซะแล้ว หญิงยุ มองหาไม่เจอ

       “ แปลก จะไปไหน ทำไมไม่บอก..น้าขอ 2 ชุด ค่ะ เท่าไหร่จ๊ะ ”

       “ 60 ครับ ” เจ้าของซุ้ม กล่าวแล้วก็หยิบปืนพร้อมจุกน้ำปลามาให้

       “ ถ้าจะเอาตัวใหญ่ แบบที่ห้อยเนี่ย ต้องทำไงจ๊ะน้า ” หญิงยุกะว่าจะเอาตัวใหญ่ มากอดเล่นสัก 2 ตัว

       “ ต้องยิงไอ้ตัวที่วิ่งอยู่ตรงนั้นให้โดนครับ ” แล้วน้าเจ้าของร้านก็ชี้ไปที่ป้ายที่วิ่งไปวิ่งมากลางร้าน

       “ อ๋อ ได้เลย ” นัดแรก เธอขึ้นไก แล้วยิงไป ไม่โดน หญิงรัน หัวเราะเยาะ

       “ ตลกมากไหม หญิงรัน ของตัวเองก็เอาให้รอดเถอะ” แล้วก็ยิงใหม่ นัดที่สองก็ไม่โดนอีก

       ผิดกับหญิงรัน นัดแรกเธอก็โดนแล้ว เธอดีใจหญ่ กระโดดกอดหญิงยุ แล้วหญิงยุ ก็ยกนิ้วให้ เจ้าของร้านถามหญิงรันว่า จะเอาตัวไหน หญิงรันก็ชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวไม่ใหญ่นัก เพราะที่เธอยิงโดน ไม่ใช่ตัวใหญ่ เสร็จจากยิงปืน สรุปแล้วได้มาเพียง 1 ตัว เธอกอดไว้แน่นเลย หญิงยุ ขอกอดบ้าง เธอก็ให้

       “ เอ แขไข กับพิกุล หายไปไหนเนี่ย ไม่น่าเหลวไหลเลย เธอเห็นไหมหญิงรัน ” เธอส่ายหน้า ยุ ก็หันซ้ายหันขวา กลุ่มคนร้าย 4 คน มายืนดักหน้า องค์หญิงเดินชน เพราะไม่ได้สังเกตุ หญิงยุ หันมาขอโทษ

       “ ขอโทษค่ะ” แล้วก็ขอตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง เธอพาหญิงรันขยับไปทางขวา พวกนั้นก็ขยับตาม ไปทางซ้าย ก็ขยับตาม ชักเริ่มไม่ดีแล้ว

       “ จะทำไร จะเอาไง ก็ขอโทษแล้วไง จะเอาอะไรอีก ” หญิงยุ ชักเริ่มไม่พอใจ พวกนั้น ก็ได้แต่จ้องไปที่องค์หญิง หญิงยุ กระซิบที่หูหญิงรัน เพราะสถานการณ์ ชักจะเริ่มไม่ดีแน่แล้ว

       “ ถ้าจะไม่ดีแล้วหญิงรัน เอาไงดี ” หญิงรันใช้นิ้ว ชี้ไปที่ตัวเองและชี้ไปทางโน้น แล้วให้หญิงยุ ไปอีกทางหนึ่ง เธอให้สัญญา นับ 1, 2, 3 พอนิ้วขึ้นถึงสาม ทั้งสองคนแยกตัวออกแล้ววิ่งหนีไปคนละทาง

       “ แยกกันตาม ไป ” หัวหน้ากลุ่มสั่ง แล้วก็รีบแยกตามไปคนละทาง องค์หญิงวิ่งหนีพวกนั้นแบบไม่คิดชีวิต ทางหญิงยุก็เช่นกัน ส่วนสาวใช้ สองคน เริ่มมีสติ ถูกจับมาปล่อยไว้แถวกองขยะข้างวัด

       “ นี่มันที่ไหนเนี่ย พิกุล แล้วฉันเป็นอะไรไป เวียนหัวมากๆ เลย ” แขไข กล่าวขึ้นแบบมึนๆ

       “ เหมือนกัน เดินมาดีๆ ก็วูบไปเลย ” พิกุล ก็ส่ายหัวแบบมึนๆ เช่นกัน

       “ องค์หญิงรัน ใช่ แล้วองค์หญิงรันหละ พิกุล ” แขไขนึกขึ้นมาได้

       “ ไป ไปตามหากัน ท่านหญิงยุด้วย ” แล้วทั้งสองก็รีบออกตามหาทั้งสองคน

       ระหว่างทางที่เดินกลับจากห้องน้ำ ซึ่งค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวงาน ธวัช ก็ได้เดินมาแบบสบายใจ องค์หญิงวิ่งมาชนดังโครม ล้มลงทั้งคู่ องค์หญิงลุกขึ้นมาไม่สนใจใคร ก็วิ่งออกไปเลย เขาลุกขึ้นมาก็เดินเข้างานไป

       ทางหญิงยุ วิ่งมาอีกทาง สองคนร้ายมาดักหน้าไว้ ตรงนั้นเป็นบริเวณที่ขายตลาดนัดเล็กๆ ข้างวัด หญิงยุ ปัดของใส่พวกนั้น หญิงยุ หยิบโต๊ะไม้ฟาดลงไปแล้วก็วิ่งไปให้คนแถวนั้นช่วย

       “ ช่วยด้วยๆๆ ” คนที่อยู่แถวนั้น ก็วิ่งมาช่วย สองคนร้ายเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีไป แขไขกับพิกุล วิ่งมาเจอ หญิงยุ พอดี

“ ท่านหญิงยุ องค์หญิงรันหละเพคะ ” แขไขถาม

       “ ไม่รู้ เราแยกกันหนีคนละทาง แล้วพวกเธอสองคน ไปไหนมาหละเนี่ย ”

       “ ไม่รู้ว่าโดนยาสลบตอนไหน คงตอนที่เดินตามหลังท่านหญิงนั่นแหละเพคะ ” พิกุลตอบ

       “ แล้วนี่องค์หญิงรัน เป็นยังไงบ้างเนี่ย ตายหละ ถ้าเป็นอะไรไป ฉันแย่แน่เลย ” หญิงยุ กังวล

       ทางธวัช เมื่อเดินถึงหน้างาน ก็เห็นงามตา นอนหลับอยู่ตรงนั้น ก็ถอดเสื้อกันหนาวที่ตัวเองใส่มาวางห่มให้เธอ แล้วก็ส่ายหัว แล้วก็นั่งทำงานต่อ ทางด้านองค์หญิงขวัญเสีย วิ่งเตลิดออกไปทางหลังวัด ไปซุกตัวอยู่ข้างเมน โดยไม่รู้ตัว เธอหันซ้ายหันขวา มีเสียงคนเดินไปมา

       “ ไปไหนแล้ววะ ไอ้โขง เห็นแว๊บๆ อยู่เมื่อกี้ ไวจริงคนอะไรวะ ” ไอ้เมฆ ซึ่งเป็นหัวหน้าถาม ยังไม่ทันที่สองคนจะพ้นตรงนั้น เหมือนจะมีหนูวิ่งผ่านเท้ารัน < ว๊าย > เธอขยับตัวหนี เสียงสังกะสีตรงนั้นก็เลยดัง สองคนร้ายวิ่งไปดู หญิงรัน วิ่งกระโจนออกมา ไอ้เมฆจับตัวไว้ได้ แล้วก็อุ้มออกมาจากตรงนั้น เธอลอยอยู่ในอุ้งมือของเมฆ

       “ ได้ตัวซะทีนะองค์หญิง ” ไอ้เมฆ กล่าวเสียงดังฟังชัด แล้วก็เหวี่ยงองค์หญิงลงพื้นอย่างแรง เธอจุก

       “ กระหม่อมต้องขอโทษด้วยนะพะยะค่ะ ที่ต้องทำเช่นนี้ เขาจ้างวานมา ไม่อยากให้ท่านมีชีวิตอยู่ ”

       “ พี่เมฆ จะทำอะไรก็รีบทำ งานคงใกล้เลิกแล้ว คนทยอยกลับกันแล้ว ” ไอ้โขงรีบบอกลูกพี่มัน

       เมฆขึ้นนกเตรียมยิง แล้วยกปืนเล็งไปที่หน้าองค์หญิง องค์หญิงร้องไห้ นั่งคุกเข่ายกมือไหว้ ร้องไห้

       “ อย่าทำอะไรฉันเลย ” เธออยากตะโกนให้พวกนั้นรู้ว่าเธอพูดอะไร ธวัชเดินมาพอดี และเห็นเมฆเล็งปืนไปที่ใครคนหนึ่ง ธวัชจึงหยิบท่อนไม้ที่อยู่ตรงนั้น โยนไปที่แขนของเมฆ ปืนลั่น < เปรี้ยง > ไปโดนฐานเมน ธวัชรีบวิ่งไปช่วยองค์หญิง เขากำลังจะคว้าแขนองค์หญิงได้อยู่แล้วเชียว เมฆวิ่งเข้ามาถีบธวัช เขากระเด็นออกไป โขงวิ่งเข้ามาซ้ำ ธวัชหลบทันจึงหยิบท่อนไม้เมื่อกี้ฟาดไปเต็มแรง โขงกระเด็นออกไปล้มกลิ้ง เมฆยิงปืนไปอีกนัดไม่ถูก

       คราวนี้ เขาจับแขนองค์หญิงได้ถนัด รีบดึงออกมา เมฆวิ่งไล่ยิงมาอีกนัด ธวัชนำองค์หญิงไว้ใต้กุฏิ แล้วเขาก็ออกมาจัดการกับเมฆ ธวัชหลบอยู่ข้างเสา พอเมฆวิ่งมา เขาก็ใช้ท่อนไม้ตีไปที่แขนเพื่อให้ปืนหล่น ธวัชวางมวยกับเมฆได้พักใหญ่ ไอ้จ้อยพาพวกวิ่งมาช่วย ไอ้โขงกับไอ้เมฆ เห็นท่าไม่ดี ต้องรีบหนีไปก่อน

       “ มาได้ยังไงเนี่ย ไอ้จ้อย ” ธวัชถามด้วยความงง

       “ ก็ผมเดินตามหลังพี่มา แค่จะมาถามว่า คืนนี้จะให้งามตานอนไหน ผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนัดนึง แล้วเห็นพี่กำลังสู้กับใครอยู่ก็ไม่รู้ ผมก็เลยวิ่งกลับไปตามพวกเรามาช่วยพี่ไง ” จ้อยอธิบายละเอียดจนธวัชเห็นภาพเลย

       “ เก่งมาก ไอ้จ้อยน้องรัก ” แล้วก็เอามือซ้ายตบไหล่ขวาไอ้จ้อย สักพักก็หันไปดูองค์หญิง ที่ยืนตัวสั่น อยู่ใต้กุฏิ จ้อยถามว่าใคร ธวัช ก็ส่ายหัว พวกเพื่อนๆ วิ่งกลับมาพอดี หลังจากวิ่งไล่ไอ้สองคนร้ายไปทางหลังวัด

       “ ตกลงน้องคนนี้เค้าเป็นใครเนี่ยลูกพี่ ” จ้อยถามอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ

       “ ไม่รู้ เห็นไอ้นั่นมันกำลังจะยิงเธอ ข้าก็เลยเข้าไปช่วยไว้ ยังไม่ได้มีเวลาถามว่าเป็นใครมาจากไหน เข้าใจยังไอ้จ้อย ” แล้วก็เอามือเขกกระบาลไอ้จ้อยเบาๆ ธวัชเดินเข้าค่อยๆ ประคององค์หญิงออกมา แล้วค่อยๆ ปลอบ

       “ ใจเย็นๆนะ ปลอดภัยแล้ว พวกนั้นไปหมดแล้ว” องค์หญิงขวัญกระเจิง เหมือนช๊อกไปอีกครั้ง ตาขวางมองไปมองมา กอดธวัชแน่นอยู่คนเดียว ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ธวัชเป็นคนมาช่วยเธอคนแรก เธอจึงไว้ใจธวัชเพียงคนเดียว ธวัชพยายามสื่อสารเพื่อให้เธอเข้าใจและตอบกลับให้ได้ แต่ก็เงียบไร้เสียงตอบ เธอสั่นกลัวเหมือนลูกนก

       “ เอางี้ไอ้จ้อย แกกับพวก พางามตาไปส่งบ้านนะ เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง คงต้องพาไปที่บ้านข้าก่อนหละ ทำไงได้ มันไม่มีทางเลือกแล้ว เดี๋ยวข้าจะบอกพ่อแม่ ข้าเอง ฝากด้วยนะพวกเรา ” แล้วธวัชก็เดินแยกไปกับองค์หญิง แต่ยังไม่ทันจะเดินไป องค์หญิงก็หมดสติล้มลงตรงนั้นต่อหน้าทุกคน ธวัชก็เลยต้องตัดสินใจอุ้มเธอกลับบ้านไปทันที แล้วจ้อยกับเพื่อนๆ ก็ไปส่งงามตาที่บ้าน

       ก็สรุปได้ว่า พระองค์เจ้าหญิง อรัญญิกา บุษบง ได้พลัดหลงกับเพื่อนและสาวใช้ทั้งสองแล้วตอนนี้อย่างเป็นทางการ เพราะความเป็นผู้มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น ที่ธวัชได้มาพบ และช่วยเหลือไว้ได้โดยบังเอิญ ธวัช ไม่รู้ว่าเธอเป็นใบ้ สื่อสารเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง แต่ก็สงสารเลยพาไปหลบที่บ้านตัวเองก่อน

       ส่วนทางด้านหญิงยุ และนางข้าหลวงทั้งสองคน เมื่อหาองค์หญิงไม่พบ ก็ต้องกลับไปบอกความจริงกับเสด็จพ่อขององค์หญิง ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก และยอมรับโทษทัณฑ์ หากท่านทั้งสองเอาเรื่อง

       “ อะไรนะหญิงยุ พูดใหม่อีกทีซิ ” เสด็จพ่อตกใจเมื่อได้รู้ความทั้งหมด

ท่านโกรธมากแต่ไม่สามารถลงโทษพวกนี้ได้ เพราะทำตามความต้องการขององค์หญิง

       “ แล้วจะทำยังไงดีหละเนี่ย แจ้งตำรวจให้ช่วยออกตามหาดีไหมท่านพี่ ”

       “ มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว น้องพี่ ” พระสวามีตอบแบบหนักแน่

       “ มันน่าทำโทษกันให้หมดนี่เลยนะ โดยเฉพาะหญิงยุ อะไรเป็นไปกะเขาด้วย ทำไมไม่ห้ามลูกหญิงนะ”

       “ หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วยเพคะ เสด็จอา หม่อมฉันผิดไปแล้ว จะทำอะไร จะลงโทษยังไง หม่อมฉันยินดี เพคะ ” เสด็จ โกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หม่อม มณีกุล เข้ามาปลอบใจ บอกให้ใจเย็นๆ ยังไงๆ ต้องทำใจ

       “ ช่างเถอะพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปนอนก่อน หญิงยุ ไปนอนที่ห้องลูกหญิงก่อนแล้วกันคืนนี้ มันดึกแล้ว เดินทางกลับมันจะเกิดอันตราย ”

       “ เพคะ เสด็จอา หม่อมฉันขอตัวก่อน ” แล้วก็ขอแยกตัวไปพักผ่อน

       แล้วเสด็จฯ ก็ยกหูโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง ที่กรมตำรวจ ตอนเช้าคงจะได้รู้ว่าเป็นใคร ส่วนยุภาเมื่อเข้ามานอนที่ห้องเพื่อน ก็ได้แต่นอนคิดกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ทั้งคืน และหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

***** ----- *****

       รุ่งเช้า ที่บ้านของธวัช องค์หญิงยังคงนอนซมด้วยพิษไข้ ธวัชแตะหัวดู ร้อนมาก จึงหันไปบอกพ่อกับแม่

       “ แม่ วัช ขอตัวไปตามลุงหมอให้มาดูอาการสักหน่อย เดี๋ยวจะกลับมา วัชฝากน้องคนนี้ให้แม่กับพ่อ เช็ดตัวไปพลางๆ ก่อนนะครับ นึกว่าช่วยลูกนกลูกกาตาดำๆนะแม่นะพ่อนะ”

       “ ไปเถอะลูกทางนี้แม่กับพ่อ จะดูแม่หนูคนนี้ให้ ” แล้ว ธวัชก็รีบลงจากบ้านไป

       “ โถ น่าสงสารนะพ่อนะ ตัวแค่นี้ ก็ถูกใครไม่รู้ตามฆ่าแกง แม่คุณเอ้ย ดูซินะ ปากนิดจมูกหน่อย ใครนะ ช่างกล้าทำได้ลงคอ ” แม่ของธวัช จ้องหน้าองค์หญิง ก็หลงรักขึ้นมาทันที เหมือนถูกชะตาก็ว่าได้

       “ นั่นซิแม่ พ่อว่า นังหนูเนี่ย มันคงมีกรรมนะ ไม่งั้น คงไม่โดนเขาทำร้ายได้ขนาดนี้หรอก ”

       สองตายาย ได้แต่จ้องมององค์หญิงและเวทนาในเคราะห์กรรมที่เธอเผชิญอยู่ในขณะนี้ ธวัชเดินผ่านไปยังหน้าร้านตนเอง เห็นมีลูกค้ามารอที่หน้าร้าน

       “ วันนี้ผมเปิดสายหน่อยนะครับพี่ ยังไงวันนี้รถพี่เสร็จแน่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวมา ขอไปธุระก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน ” แล้วเขาก็รีบวิ่งไปหาลุงหมอ เพื่อให้ไปดูอาการขององค์หญิง

       พอถึงบ้านลุงหมอ ก็รีบลากตัวมาทันที โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย เขาคว้ากระเป๋ายาคล้องตัวทันที

       “ อะไรของมันวะ ไอ้วัช เดี่ยวช้าๆ เดี๋ยวข้าตกบันได ไอ้วัช จะไปไหน บอกข้าก่อน ” ลุงหมอเวก ตะโกน ไปตลอดทาง ธวัชก็ลากตัวลุงหมอมาอย่างไว

       “ ขอทางหน่อย ขอทางหน่อยรีบๆ ขอทางหน่อย ” ปากก็ตะโกน มือขวาก็ลากลุงหมอเวกมาตลอดทาง จนคนแถวนั้นงง ว่า เจ้าชายเป็นอะไรวันนี้ มีอาการแปลกๆ พอถึงบ้านก็รีบบอกลุงหมอให้ช่วยองค์หญิงด้วย

       “ ช่วย ด้วย เธอคนนี้ ลุงหมอ ช่วย นะนะลุง ” ธวัชพูดแบบตะกุกตะกะ ไม่เป็นประโยค ลนๆ จนลุงหมอรำคาญ “ เออๆ รู้แล้ว หยุดได้แล้วแกหนะ ข้าจะรักษา ” ธวัชจึงหยุดได้ เมื่อเจอลุงหมอดุเอา

       ธวัชนั่งดูอาการแบบไม่ห่าง ลุงหมอฉีดยาลดไข้ให้แล้ว และตรวจดูอาการเบื้องต้น ก็ไม่มีอะไรที่น่าห่วง

       “ ปลอดภัยแล้วนะ เจ้าวัช แค่ตัวร้อน นังหนูเนี่ยอาจจะตกใจอะไรมาสักอย่างบวกกับเพลียด้วยก็เลยสลบไป ”

       “ ขอบคุณมากๆ เลยครับลุง ไม่ได้ลุงคงแย่ ” ลุงหมอ ตบไหล่ธวัช

       “ สบายใจได้ เอายานี้ไว้นะ บ่ายๆ คงจะได้สติ ฉีดยาบำรุงไปให้แล้ว ลุงไปหละ แล้วคราวหน้าอย่าทำแบบนนี้อีกหละ ข้าจะหัวใจวาย ” แล้วพ่อและแม่ ก็ยกมือขอบคุณเช่นกัน ลุงหมอยกมือรับไหว้ แล้วก็ค่อยๆ เดินลงบ้านไป “ ไม่ส่งนะลุงหมอ” ธวัชแกล้งพูดประชดตามหลัง “ เออ ” ลุงหมอตอบกลับแบบไม่หันไปมองเช่นกัน

       ธวัชนั่งเช็ดตัวให้องค์หญิงตลอดเวลา เพื่อให้เธอสดชื่น แม่เข้ามาหาเพราะความเป็นห่วงลูกชาย

       “ ไปทำงานเถอะลูก ทางนี้พ่อกับแม่ จะดูแลให้ ถึงอยู่ตอนนี้แกก็ทำอะไรไม่ได้ เอาไว้ นังหนูมันตื่นแล้ว แม่จะให้คนไปบอกนะ ไป ไปอาบน้ำ ทานข้าว แล้วรีบไปเปิดร้าน ปาดนี้คนรอเต็มร้านไปหมดแล้วมั้ง ”

       “ เชื่อแม่เค้าเถอะลูก ไปเถอะ ” ธวัชได้ยินพ่อพูดก็สบายใจขึ้น ขณะที่ลุกเดินไปเขาก็ยังหันไปมองเธอตลอด

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 2 .. “ ความฝันหรือความจริง ”

ตอนที่ 1 .. “ วิหคพลัดถิ่น ”

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ พิทักษ์ภัยภูมิ

ผมว่าในการบรรยาย ใช้การเว้นวักเยอะไปหน่อยครับ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.