2. เพลิงราวี

-A A +A

2. เพลิงราวี

 

 

 

เพลิงราวี...ปะทะ ฉันทเสน่หา จันทราเสี้ยว อย่างดุเดือด

-------------------------------

 

‘อย่า...อย่า...อย่า ....’ เสียงหญิงสาวแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ทุกเซลล์ในร่างกายดั่งถูกยึดด้วยเกลียวแห่งมนตรา

 

‘ช่วย ด้วย...ช่วยฉันที...พ่อ แม่ขา ช่วยลูกด้วย’ พลังลมที่เปล่งพร้อมเสียง...นิ่งแค่อยู่ในดวงจิต ดวงตาเบิกโตค้างตะลึง ร่างขยับไม่ได้ราวถูกผีอำอยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า ดวงหน้าดูไร้สง่าราศีขะมุกขะมอมราวยักษ์มักกะสัน

 

‘เจ้ายังร้ายกับข้า!!!...แม้พล่านดาลเดือดอีก...จะเหวี่ยงเจ้าลงสิงขรกลางนาคา บาดาล!!!’ เสียงขู่กรรโชกข่มอนงค์นางนี้ด้วยอารมณ์งุ่นง่าน

 

ประกายแววตาของนางทั้งข่มเหงทั้งดูถูกสบประสานตาเขาอยู่ ณ ขณะนี้ ช่างยั่วยุให้พญานาคาเกิดอาการพิโรธ เห็นประกายแววตาทั้งคู่แดงก่ำ จนอาจทำให้นางถึงกาลดับสูญได้

 

‘อย่าพึงราวีข้าเยี่ยงต่ำตม!!!...เพลิงปะทุครานี้ ร่างเจ้ามิเหลือแม้เงา!!!’ จันทรปภาประสานตานาง สีแดงดั่งเปลวอัคนีเป็นริ้วๆ สาดออกมาปะทะจนเธอรู้สึกว่าเรือนร่างกำลังถูกแผดเผาแทบมลาย

 

‘แกเป็นใครกันฮะ...ฉันอยากรู้ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน!!!’ จันทรปภาไม่เคยถูกนาคีตนใดขึ้นเสียงแหลมแสบหูเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นกระแสอยู่ในห้วงวาระจิต

 

ทันใดเขากลับคืนสติ พลันสำนึกได้ว่าแม่เจ้าอาจพิโรธมหันต์ หากเขายังหาเค้าความเป็นมาของนางปริศนาผู้นี้ไม่ได้

 

‘...ฉันไม่ได้ทำร้ายแก!!! แต่แกต่างหากที่จับตัวฉันมา ฉันไม่เคยมีศัตรูด้วย!!!’ จิตที่ถูกฝึกมาจนเกิดสมาธิระดับฌานขั้นต้นของนาง ส่งกระแสไปกระทบญาณของพญานาคา การตอบโต้กระทบกระทั่งด้วยกระแสจิตต่อจิตจึงบังเกิดขึ้น

 

‘ดั่งเจ้าว่า เรามิเคยกระทำอริต่อกัน... ข้าจะขานเรียกเจ้าว่า...อันใด’ กระแสเอ่ยกลับมาอ่อนทุ้มนุ่มลง เสียงกังวานกลับมีเมตตาต่อผู้ไร้ทางสู้

 

‘พ่อแม่ฉันอยู่ที่เวียงพันแสนฝาง ฉันชื่อ ‘บัวระวง’ แล้วนายล่ะ’ ตาของหญิงสาวยังค้างจ้องหน้าเขาอยู่ ด้วยมนต์สะกดให้เธอเงียบนิ่งเป็นเหตุให้ร่างกายแข็งทื่ออยู่ในท่านั้น

 

‘ข้า จันทรปภา...ตำหนักข้า ณ รัตนนาคา’ แววตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวคล้ำ

 

‘พญานาค งั้นเหรอ... ฉันหลงเข้าไปในโลกเสมือน โถ...มาแปลกยิ่งกว่าโลกโซเชียล’

 

ดวงตาของนางปริศนาผู้นี้สีน้ำตาลวาวใสดั่งแก้วมณี ขนตาเป็นแพงอนงามยิ่งนัก ทำหัวใจขององค์ราชันย์สั่นสะเทือนทั่วอินทรีย์

‘ข้าจะพาเจ้าลงสู่บาดาล... จงหลับตา’ เขาร่ายมนต์ให้หญิงสาวที่เอ่ยนามตนเองว่า บัวระวง หลับใหลก่อนเข้าสู่ประตูแห่งมิตินาคราช

เพียงชั่วอึดใจเดียว ประตูมิติเปิดออกทันที สาวฟ้อน 4 นางกับบัวระวง ก็เคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่มิติแห่งเมืองบาดาล กลิ่นของมนุสสมังสาขจรขจายทั่วทั้งพารา

 

ในเวลานี้ล่วงเข้าสู่ยามสองแล้ว แม่เจ้านิลตวงรู้ด้วยญาณว่า จันทรปภาพาได้นางลงมาอยู่ในกรงของอสูรแล้ว

 

นางฟ้อนทั้งสี่หลับใหลยังไม่ตื่น มีเพียงบัวระวงเท่านั้นที่ถูกเสกให้ฟื้นเพื่อเข้าสู่พิธีกรรมที่รออยู่

 

“แม่เจ้า...รู้แจ้งชัดฤาว่า นางผู้นี้จำเพาะเริงนาคีกับข้าเท่านั้น”

“เจ้ามิได้ส่อง...หรือแล ...รูปจันทราเสี้ยวนั้นดอกรึ!!!” แม่เจ้าขึ้นเสียงไม่พอใจใส่หลานทันที

“อาภรณ์นางปิดบัง...ข้าจึงมิได้เห็นปทุมถัน”

“ต้องพานางขึ้นตำหนักบรมพิมานสังวาส เพลานั้นเจ้าจะแจ้งใจว่า ใช่นางฤาไม่” แม่เจ้าไม่พอใจที่เขาพลาดการสำรวจเรือนร่างของนาง

“ข้า...กำราบนาง จึงหลงลืมคำสั่งของแม่เจ้า” เขาแก้ตัวด้วยสัตย์จริง

“เร่งเข้าพิธี... หากมิใช่นาง เราจำต้องเสาะหานางทั้งสี่ ...เจ้าจะทำข้าเสียพิธี!!!” เสียงไม่พอใจปะทุด้วยอารมณ์โทสะ

 

องค์ราชันย์จึงร่ายมนต์สะกดใจให้นางเข้าร่วมพิธีเริงนาคี เพื่อดึงพลังงานพิสุทธิ์จากกลางใจ แม่เจ้ากำชับเขาแล้วว่า นางผู้มี ‘ฉันทเสน่หา’ รูปพระจันทร์เสี้ยวบนปทุมถันตรงกับห้องหัวใจที่ฝังประสานพลังงานแห่งนาคากับมนุสสะไว้ จะช่วยให้เขาได้สั่งสมพละในจักรวาลนาคา ฤทธาของเขาจะไม่มีใครต่อกรได้ตราบนาคอสงไขย

 

ครั้นได้เพลายามสองเศษ องค์ราชันย์อนันตนาคาอุ้มนางปริศนาผู้มีนามว่า บัวระวงลอยเหาะขึ้นบนยอดตำหนัก อันเป็นหอสังวาสของเหล่านาคาธิบดีสืบมาหลายนาควรรษ

 

“ทำอะไรน่ะ...ฉันไม่ใช่นาคีของพวกนาย!!!” บัวระวงมองเขาอย่างหวาดหวั่น

“เริงรมย์สั่งสมพละ...” เขาตอบเสียงนุ่ม

“ไม่ได้...ฉันไม่เคยทำ และฉันเป็นคน ไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลาน เข้าใจไหม!!! มันจะวิปริตผิดมิติ เป็นไปไม่ได้” เธอขึ้นเสียงเล็กน้อย

 

องค์ราชันย์เริ่มขุ่นเคืองด้วยนางจะทำพิธีเสียทั้งหมด แม่เจ้าจะพิโรธดั่งไฟโลกันต์กับเขานั่นเอง

 

‘แม่เจ้า...มิได้แจ้งวิถีเยี่ยงไร ข้ากับมนุสสะจึงจะเสพสมได้...ด้วยท่วงท่าเยี่ยงนาคา ข้าจำต้องคืนร่าง มิใช่กรรมบถเยี่ยงมนุสสะ’

 

‘ก่อนร่วมเสพสม ข้าจำต้องให้รู้แจ้ง...นางปริศนาผู้นี้มีรูปจันทราเสี้ยวบนปทุมถัน’ เขารำพึง

 

“ข้าขอเปลื้องอาภรณ์เจ้า...ขอส่องปทุมถัน” จันทรปภาเอ่ยขึ้นเบาๆ ขออนุญาตก่อนไม่อยากให้นางต่อต้าน แต่ภาษาที่สื่อสารกลับกลายเป็นการคุกคามทางเพศของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

“เฮ้ย...นายบ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายเลย จะมาขอส่องนี่แย่มาก มันคือการทำร้ายคุกคามต่อร่างกายฉัน!!!” เธอขึ้นเสียงแหลม

 

พญานาคาเกิดอารมณ์โมโหขีดสุด เพราะเวลาจะเข้าใกล้ยามสาม เขาต้องรีบกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง

 

“นี่กระชากผ้าฉันเลยรึ...” เธอตกใจไม่เห็นตัวของชายหนุ่ม และเสื้อผ้าที่ปกปิดส่วนบนหลุดลอยออกไปอย่างกับในหนังไซไฟ

 

ด้วยฤทธิ์แห่งนาคาทำให้เธอไม่เห็นร่างของเขาซึ่งอยู่ใกล้เพียงแค่ลมหายใจรดกัน บัวระวงยกมือปัดป้องกับอากาศ เธอเอามือทั้งสองประสานกันบนหน้าอกที่บัดนี้เปลือยเปล่า

 

องค์ราชันย์ยังยื้อยุดด้วยฤทธิ์กับเธอ เพลิงราวีแห่งอสูรในตัวเขาเริ่มร้อนเกือบหมื่นฟาเรนไฮต์ เปลวของมันกำลังพุ่งออกจากตาที่สาม

 

“เจ้าจงนิ่ง...เงียบ!!! อย่าต่อกรกับข้า!!!” เขาพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้สติกระเจิงด้วยความโกรธ

“ไม่ได้!!!...นายกำลังคุกคามร่างกายของฉันอยู่”

“เงียบ!!! สำเนียงของเจ้าเหวี่ยงสาดใส่ข้า... ทำข้าหมดใจ”

“ดีเลย...ฉันไม่ชอบถูกยัดเยียดให้นอนกับใคร เข้าใจไหม...มันทุเรศ!!!”

 

บัวระวงถอยออกไปชนฝาไม้สีทองเหลืองอร่าม บนฝาผนังของห้องเป็นรูปแกะสลักการสังวาสของเหล่านาคาธิบดี

 

“เฮ้ย...นั่นมัน!!!... แปลกมาก!!!” เธอตกใจร้องเสียงหลง

“เงียบ... เพลาจะล่วงยามสาม ข้าขอส่องให้รู้แจ้งว่า เป็นเจ้าฤา...ที่ข้าต้องกระทำเยี่ยงนี้” ด้วยญาณแห่งการล่องหนทำให้บัวระวงระแวงสุดขีด เธอทั้งปัดมือปัดแขนถีบเท้าเพื่อปกป้อง ซึ่งเหมือนเหวี่ยงกับอากาศรอบตัว

 

ในที่สุดจันทรปภาตัดสินใจเหวี่ยงนางด้วยฤทธิ์เพื่อให้กระแทกกับพื้นห้อง...นาง

หน้าหงายนอนราบลงพื้น  ทันใดแสงจากจันทราเสี้ยวบนปทุมถันเบื้องซ้ายตรง

กึ่งกลางใจส่องกระแทกเข้าตาทั้งสองของเขาจนมืดมัว...มองอะไรไม่เห็นไปชั่วครู่

 

‘เพลิงราวีของนางปริศนาผู้นี้กำลังท้าทายข้า…จะเริงนาคีตรงส่วนไหนให้ดึงพลังงานของนางออกมาได้’ เขาสงสัยยิ่งนักว่า การณ์นี้อาจไม่สำเร็จตามแผนที่แม่เจ้าได้สั่งไว้

 

“อย่ามาใกล้ฉันอีก...ไม่งั้นตาย!!!” เธอรู้แล้วว่าจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามนั้นคืออะไร

“อย่าเพ่อยินดี...เจ้ามิได้มีฤทธิ์อันใดต่อกรข้าได้!!!” จันทรปภากระแทกร่างนางอีกครั้งด้วยฤทธิ์พญานาคราชสยบพลัง ‘ฉันทเสน่หา’

 

เขาเลี่ยงการปะทะจุดจันทราเสี้ยวนั้น โดยไม่เหลือบตาไปส่องมันตรงๆ อีกเลย เขาคิดว่า เพลิงราวีของเขาใช้งานไม่ได้เลยหากเจอแสงจันทราเสี้ยว

 

“ข้าต้องดึงพลังงานของเจ้า...นิ่ง!!!…นิ่ง!!!” พญานาคาเริ่มหงุดหงิดตะคอกเสียงดัง เวลาเริ่มงวดเข้ามาทีละน้อย

 

“นี่เลย...ถ้าเข้ามา นายต้องรู้ว่าทำอะไรฉันไม่ได้ นายต้องเจ็บตัว...ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียง

หัวเราะของบัวระวงดังก้อง สายตาเหวี่ยงไปจ้องอากาศที่อยู่เบื้องหน้า คิดว่าเขาคงหายตัวอยู่บริเวณรอบกายเธอ

“แน่จริง... ต่อกรกันซึ่งหน้า ไม่ต้องหายตัว ไม่แมนเลย... นายมันขี้ขลาด!!!” เธอใช้แผนเยาะเย้ยถากถาง มันได้ผลเกินร้อย

 

องค์ราชันย์อารมณ์ขึ้นสุดเหลือประมาณ ตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์โกรธา เขาปรากฏร่างเป็นชายหนุ่มอยู่ในเครื่องทรงนักรบโบราณ  

 

“โห…เสื้อผ้าสุดประหลาด เหมือนยักษ์มักกะสัน มีเขางอกบนหัวไหล่เหมือนเขี้ยว

พญานาค เอาไว้ทำอะไรนั่น!!!” บัวระวงแน่ใจแล้วว่า ถ้าเขาก้าวเข้ามาเธอจะใช้ท่ามวยไทย เตะผ่าหมาก

 

“อย่าเพ่อยินดีว่า...ฤทธิ์เพียงนี้จะสู้ข้า ฮะ!!!” เขาหัวเราะเสียงกังวาน

“ลองดู...ได้!!!” บัวระวงท้าทายนาคาธิบดีเสียแล้ว

 

เรื่องใหญ่แน่ๆ อารมณ์ฟาดงวงฟาดงาหน้าแดงก่ำ แทบจะกลืนกินเธอได้อย่างนั้นเลย

“มานี่...พิษสงร้ายนัก...ข้าจะทะลวงเจ้าจนหมดพิษ สังขารเจ้าจะมิเหลือซากอีกต่อไป...ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!”

 

จันทรปภาลากแขนเธอออกมา กระชากตัวเธอมาซบหน้าอกเขาอย่างจัง ตอนนี้ได้จังหวะโอบร่างน้อย...รัดจนแน่นเข้า...แน่นเข้า แล้วก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากของนางอย่างรุนแรง...สุดเมามัน

บัวระวงดิ้นสุดชีวิต ยกเข่าขึ้นถองเข้าผ่าหมากตรงจุดเป้าหมาย แต่มันกลับไม่ได้ผล

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!! จะทำอะไรข้าได้...ข้าจะดึงพลังเจ้าออกมาจนหมดอินทรีย์สังขาร!!!” เสียงตะคอกประหนึ่งสายฟ้าฟาด กระแทกหูเธอสุดทานทน

“นี่เล่นงานด้วยเสียง...เหอะ!!!” บัวระวงถอยไปชนผนังแกะสลัก ตรงรูปพญานาคเกี้ยวร่างหญิงสาวในท่าอุ้มสังวาส

 

เธอเอามือทั้งสองทาบไปที่รูปแกะสลักนั้นรับพลังงาน แล้วดันหน้าอกเพื่อให้ปานชมพูรูปจันทราเสี้ยวของเธอทาบเข้าไปสัมผัสจนเกิดพลังแห่งฤทธิ์ เรียกว่า activate charming power จุดกำเนิดพลัง ‘ฉันทเสน่หา’ ซึ่งมีเชื้ออยู่ในตัวเธอแล้วให้ทรงอำนาจด้วยฤทธิ์แห่งนาคี

 

“ทำอะไร...ฮะ!!!” เสียงตะคอกสั่น อารามตกใจที่เห็นนางเชื่อมจุดพลังงานจากตรงรูปแกะสลักนั้น

 

บัวระวงหันกลับมาด้วยดวงตาสีเขียวส่องประกายพุ่งสาดตรงไปยังร่างนาคอสูรที่เธอเปรียบดังยักษ์มักกะสัน... รูปชั่วไม่พอยังใจร้ายอีก เธอกระแทกเสียงขู่

“เข้ามาเลย...นายไม่รอดแน่!!!”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.