7. ความลับ...ที่ค้นหา

รักใสใสหัวใจฟิตหุ่น

-A A +A

7. ความลับ...ที่ค้นหา

 

“คัม...ช่วยดูเอกสารนี่ให้โรซด้วย...” โรซ่าออกคำสั่งให้คัมซาดูเอกสารโฆษณาชิ้นที่คู่แข่งมีของแถมเป็น premium เปรียบเทียบว่า การส่งเสริมการขายที่กำลังจัดโปรโมชั่นของคู่แข่งนั้นเทียบกับคอนโด Sky Bless ของฟ้าประทานได้หรือไม่

 

คัมซาเริ่มวิตกเรื่องการมาทำหน้าที่เสมือนเป็นเลขาของโรซ่า และประสานงานกับคุณสมมาดที่ไซด์จะทำให้เธอนั้นรู้สึกว่า การทำงานออกจะดูไม่มีระบบเท่าไหร่ เพราะงานด้านส่งเสริมการขายเป็นงานที่เหมาะสมและถนัดมากกว่างานเลขา ซึ่งเป็นงานจุกจิก ไม่ค่อยเป็นชิ้นไปอันสักเท่าไหร่ ลักษณะงานเลขาต้องเป็นคนเอาใจและรู้ใจนาย คอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของทุกคน บางครั้งคัมซาเรียกว่า งานสอดแนม เพราะคำนี้ในภาษาอังกฤษ ก็มาจากคำในภาษาลาตินว่า secretum แปลว่าความลับ เธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบเก็บความลับต่างๆ ของใครๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอฉงนอยู่ในใจ ทำไมต้องเป็นเธอที่มาทำงานที่นี่ พี่เดียวซุปที่ชอปน่าจะเหมาะสมและรู้เรื่องเครื่องฟอกอากาศดีกว่า เธอเพิ่งเริ่มงานยังไม่ถึงปีแค่ 9 เดือนเท่านั้น

‘เราต้องล้วงความลับเรื่องนี้ให้ได้...ต้องมีอะไรสักอย่างซ่อนเร้น’ คัมซาได้แต่คิดและนึกเดาไม่ออกเหมือนกันว่า เขามีอะไรอยู่เบื้องหลังกับภาพที่ซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งตอนนี้โต๊ะทำงานของคัมซาก็อยู่ตรงหน้ารูปภาพนี้ เดิมวันที่เธอมาเสนอขายเครื่องฟอกอากาศกับพี่เดียว ผนังตรงนี้มีภาพสามมิติกรอบใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของผนัง บริเวณที่เธอนั่งทำงานอยู่นี้โล่ง มีเฉพาะโซฟาขนาดสองที่นั่งวางอยู่หน้าห้องของโรซ่า ส่วนโต๊ะทำงานของคัมซาที่มาวางแทนโซฟาไม่ใหญ่นัก แต่ด้านหลังโต๊ะทำงานที่เป็นผนังมีภาพขนาดใหญ่แขวนอยู่นี่สิ ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ราวกับว่าได้เข้าไปอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งที่เป็นงานเต้นรำ เธอผู้นั้นและชายหนุ่มแบบบ้านๆ กำลังเต้นรำ ดูแล้วเหมือนเป็นงานแฟนซีที่จัดขึ้นเพื่อฉลองอะไรสักอย่าง

‘ความลับนี้ใครเป็นคนถือกุญแจอยู่นะ’ คัมซาใจลอยขณะพิมพ์งานอยู่ในออฟฟิศ

 

“เรียกเราอยู่ตั้งสองครั้ง...จะให้ตะโกน เดี๋ยวใครก็มองกันทั้งชอป” พี่เดียวมายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะตั้งนาน คัมซาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมหมู่นี้เธอถึงได้คิดแต่เรื่องที่ทำงานนั้นตลอด

“โหพี่...คงไม่ต้องตะโกนหรอกค่ะ” คัมซาแก้ตัวว่า มีสมาธิกับพิมพ์เอกสารเสนอขายเครื่องฟอกอากาศให้ลูกค้ายุ่งอยู่ จนไม่ได้สนใจว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหน้า

“คัม...พี่อยากให้คัมไปประชุมที่มะนิลาแทนพี่” คัมซาเหมือนมีเซอร์ไพร์สเล็กๆ จากพี่เดียว ทำงานมาแค่ 9 เดือนได้ไปร่วมประชุม เธอตื่นเต้นกับการเดินทางไปประเทศนี้

“เอ้า...แล้วทำไมต้องเป็นคัม...ล่ะ” เธอสงสัย เพราะคนในที่ทำงานเธอก็หลายคน ทำไมต้องเป็นเธอด้วย

“ไปเตรียมตัว...วันจันทร์ที่จะถึง” คัมซาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าทำไม แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะพี่เดียวไม่ให้ข้อมูล ให้เตรียมเอกสารไปนำเสนอวิธีการส่งเสริมการขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงวิธีการขายและให้บริการแก่ลูกค้า

 

คัมซาลงเครื่องบินเที่ยวเช้าวันอาทิตย์ เธอมองสนามบินทันสมัยสะอาดตา และก่อนเครื่องบินลง มองเห็นทุ่งสีเขียวขจีนับว่าเป็นประเทศที่งดงามประเทศหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเมืองหลวง ผู้คนแออัดในสนามบิน เธอผ่านพิธีการต่างๆ แล้วก็ลากกระเป๋าออกจากบริเวณทางออก มุ่งหน้าไปยังเคาเตอร์แท็กซี่เพื่อหารถไปยังโรงแรมที่พัก ในที่สุดก็ได้หนุ่มตากาล็อกคนหนึ่งที่ทำหน้าที่อยู่บริเวณจุดนัดพบทางออก ช่วยแนะนำเธอหารถแท็กซี่เพื่อไปยังที่พัก ไม่ต้องทุลักทุเลกับการหาทาง แม้เธอจะเคยไปต่างประเทศมาแล้วก็ตาม การไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง คัมซาเป็นคนรอบคอบและระวังตัวเสมอถ้าเป็นคนแปลกถิ่น คนขับแท็กซี่ที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว ไม่แปลกใจเพราะประเทศนี้เคยเป็นเมืองขึ้นอเมริกา แต่สำเนียงพื้นถิ่นก็ทำให้ภาษาอังกฤษฟังทะแม่งหูสำหรับคัมซา มะนิลาเป็นเมืองที่รถติดมากแม้กระทั่งวันเสาร์อาทิตย์ เห็นผู้คนเดินขวักไขว่ สอบถามคนขับรถได้ความว่าที่นี่มีรถไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งก็วิ่งอยู่รอบใจกลางเมือง ซึ่งย่านที่คัมซาพักชื่อ Makati เป็นย่านธุรกิจของกรุงมะนิลา โรงแรมที่พักบริษัทที่นี่ได้จองไว้เรียบร้อยแล้ว จากสนามบินมาใจกลางเมืองก็ประมาณเกือบสองชั่วโมงเศษ ขนาดคนขับรถบอกว่าวันนี้รถติดไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เสียงบีบแตรตลอดทางนี่สิ ทำให้คัมซารู้สึกว่าหนวกหูไปหมด ไม่เคยชินแบบนี้เลยเพราะคัมซารู้สึกว่าแม้รถจะติดมากมายที่บ้านเธอ แต่ไม่เคยได้ยินเสียงการบีบแบบกดแตรค้างตลอดทาง จะว่าขอทางหรือรีบร้อนขอไปก่อนก็ไม่ใช่ เลยถามคนขับว่าทำไมบีบแตรตลอดแบบนี้ กลับได้รับคำตอบว่า ถ้าไม่กดแตรสิ ถือว่าไม่มีมารยาทในการขับรถ คัมซาอยากหัวเราะแต่ก็อดใจไว้...ได้แต่ยิ้มๆ เท่านั้น

 

คนขับพาคัมซามาถึงโรงแรมย่านใจกลาง Makati เกือบบ่ายสามโมง เวลาที่นี่เร็วกว่าหนึ่งชั่วโมง คัมซาอยากถึงห้องพักเร็วๆ เพราะเหนื่อยตื่นเช้า ที่บ้านเธอพลอยตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้ แม่กับอันยองตื่นแต่เช้ามืด แม่ง่วนกับการเตรียมข้าวเช้ามากมาย พ่อกับอันยองก็มาช่วยเช็คถามว่ามีอะไรตกหล่นบ้างไหม ทั้งบ้านมาส่งคัมซาถึงสนามบินโดยพ่อเป็นสารถี เธอก็ตื่นเต้นไม่น้อยกว่าทุกคน เตรียมเรื่องที่จะต้องนำเสนอ ซ้อมการพูดคุยเหมือนว่าเธอจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ การมาประชุมถึงต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงาน คัมซาเครียดเพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อยเกินไป

‘แล้วเราจะหน้าแตกไหมนะ...’ ถึงแม้มั่นใจว่าสื่อสารได้ แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจกับสำเนียงแปร่งหูของภาษาที่นี่ จะทำให้เธอต้องขายหน้า ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง

 

“We love your presentation very much. เราชื่นชอบการนำเสนอของคุณมากมาก” คุณรัสตี้ เป็นผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการขายของบริษัทสาขาที่เมืองหลวงแห่งนี้ เขากุลีกุจอแนะนำคัมซาให้รู้จักทุกคน ที่นี่คำเรียกชื่อเธอน่ารักทีเดียว ‘Comsa’  ‘คอมซา’ ดูเข้าท่าดีในความคิดเธอ ผู้บริหารระดับกลางเลี้ยงต้อนรับเธอที่ห้องอาหารในโรงแรมที่คัมซาพัก มะนิลาเป็นเมืองที่รถติดมากเหมือนบ้านของเธอ สะดวกสำหรับเธอที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง โรงแรมที่นี่ระดับ 4 ดาวย่านใจกลางเมือง ถือว่าราคาไม่แพงนักเท่าที่ดูราคา walk-in ตรงเคาเตอร์เช็คอิน ในห้องมีบาร์เล็กๆ สำหรับชงกาแฟ เตียงนอนขนาด Queen size สำหรับคนนอนคนเดียว วิวชั้นที่ 16 ด้านตัวเมือง เห็นฟ้าหม่นเทาสวยน่ามอง คัมซาชอบฟ้าในฤดูมรสุม..ดูสวยแบบโรแมนติก ฟ้าทะมึนสีเทาเข้มแต่งแต้มด้วยฟ้าคราม ไกลออกไปสุดขอบฟ้าเห็นสีฟ้าใสแซมเมฆขาว ราวกับมีบัลลังก์เมฆท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีเทาทะมึนล้อมรอบ เธอรู้สึกเหมือนได้เดินไต่เมฆขึ้นไปพบผู้ยิ่งใหญ่บนสรวงสวรรค์

‘ก่อนเดินทางกลับวันรุ่งขึ้น เที่ยวบินที่บริษัทจัดการจองให้ ค่อนข้างดึกเกือบสามทุ่ม พรุ่งนี้หลังจากไปพบปะพูดคุยกึ่งทางการกับผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งจะเข้าบริษัทพรุ่งนี้ เราจะได้มอบของที่ระลึกด้วย’  คัมซาเตรียมของที่ระลึกไว้เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทาง

 

คัมซารู้สึกสบายใจกับค่ำคืนวันนี้ที่การเลี้ยงต้อนรับของที่นี่ อบอุ่นเป็นกันเอง อาหารสั่งตามเมนูที่ชอบ คนที่มาร่วมรับประทานอาหารทั้งหมด 4 คน มีคุณรัสตี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมการขาย 2 คน และเลขาฝ่ายอีก 1 คน คัมซามีของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจช้าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศให้กับทุกคน ส่วนคุณรัสตี้ได้มอบโมบายขนาดกลางทำจากเปลือกหอยสีขาว ประเทศนี้เป็นเกาะจึงมีของที่ระลึกทำจากเปลือกหอยมากมาย เช่นพวงกุญแจ เข็มกลัดติดเสื้อ ม่านเปลือกหอย ส่วนอีก 3 คน ได้ให้ของฝากประเภทของกินเล่น มะม่วงและทุเรียนอบแห้ง คนละห่อใหญ่

 

‘พรุ่งนี้ซินะ ที่เราจะพบกับผู้อำนวยการใหญ่ ได้ข่าวจากวงในมาว่า เขาเป็นคนหนุ่มวัยกลางคน น่าจะอายุน้อยกว่าคุณรัสตี้ ด้วยความสามารถในการระดมเงินทุนจากหุ้นส่วนที่เป็นคนระดับเศรษฐี ทำให้มีเงินทุนก่อตั้งบริษัท และเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อเดียวกันนี้’ คัมซาชอบความเป็นกันเองของทุกคนที่นี่ เธอกลายเป็นคนพิเศษ ทุกคนสอบถามการส่งเสริมการขายของบริษัท คัมซาเล่าคร่าวๆ เพียงว่า บริษัทมีหน้าร้านเป็นชอปในห้างสรรพสินค้าสำหรับจังหวัดใหญ่ๆ และมีเว็ปไซด์ที่เข้าถึงผู้ซื้อได้ง่าย กลยุทธ์ส่งเสริมการขายสำหรับที่นี่ ก็ไม่ต่างจากบริษัทเธอ ห้างใหญ่ Mall of the City ที่คัมซาวางแผนจะไปเดินช้อปปิ้งพรุ่งนี้ มีหน้าร้านสำหรับบริษัทนี้ เธอก็จะไปแวะชมด้วย

 

‘ผู้อำนวยการใหญ่ หน้าตายังดูหนุ่มหล่อผิวเข้มแบบลูกครึ่งเสปน-ตากาล็อก อายุประมาณ 35 ปี ท่าทางเป็นกันเอง ภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกจากทุกคนเมื่อวาน เหมือนจะเรียนจบจากต่างประเทศ’ คัมซามองกิริยาอาการตั้งแต่เขาเดินยิ้มเข้ามาทักทายเธอ ขณะที่นั่งรออยู่หน้าห้องเลขา

“Good Morning คุณคัมซา...ผมไมเคิล คอนซาเลช” ไมเคิลแนะนำตนเองและเชิญให้คัมซาเข้าไปในห้องทำงาน รู้จักชื่อของคัมซา แสดงว่าเขาต้องได้รับข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว

“Good morning…ยินดีที่รู้จักท่านนะคะ” คัมซาพูดภาษาอังกฤษโต้ตอบกับนายใหญ่ของที่นี่

‘น่าจะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ดูเคร่งขรึม เหมือนนายฟ้าประทาน ที่เราเริ่มไปทำงานด้วย คนนั้นเรารู้สึกอึดอัดมาก รอยยิ้มไม่ค่อยเห็น ท่าทีวางเฉย พนักงานที่นี่ก็เป็นกันเอง และคุณไมเคิลก็ไม่ถือตัว ชอบจัง...ทำงานที่นี่คงจะมีความสุขดี’ คัมซาคิดอยู่ในใจ สังเกตเห็นว่าบอสใหญ่ของที่นี่ยังหนุ่มแน่นหน้าตาคมผิวเข้มลูกครึ่ง คงจะมีคนแอบรักแอบชอบเป็นแน่

“คุณคัมซา...ผมขอฟังการส่งเสริมการขายบริษัทคุณ ไม่ต้องนำเสนอบนจอ...ผมอยากให้เล่าแบบสบายๆ...” ไมเคิล คงเกรงว่าคัมซาคงจะกังวลเรื่องพิธีรีตอง สำหรับคนที่นี่แล้ว ความเป็นกันเองคือความสุขในการทำงาน ซึ่งคัมซารับรู้จากวินาทีแรกที่พูดคุยกัน

“บริษัทของดิฉัน...มีการวางแผนส่งเสริมการขายตั้งแต่กลางปีก่อนปีถัดไป เพื่อเป็นแนวทางร่วมกันในการกำหนดเป้าหมาย มีหลายวิธีสำหรับการเข้าถึงลูกค้า ทั้งที่มีหน้าร้านและออนไลน์” คัมซาเริ่มต้นเปิดประเด็นและเล่ารายละเอียดไปเรื่อยๆ จนมาถึงการเชิญให้ไปทำหน้าที่ส่งเสริมการขายให้กับคอนโดหนึ่งด้วย 

“คอนโด Sky Bless ใช่ไหม..” ไมเคิลเอ่ยขึ้น ทำให้คัมซาแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทราบชื่อสถานที่นี้ก่อนที่เธอจะบอก

‘หรือว่าเราพูดไปแล้วกันแน่ สนทนาภาษาที่ไม่ใช่ภาษาตนเอง สงสัยคงลืมไปล่ะมั๊ง...’ เธอนึกพึมพำในใจ แต่ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่

“ผมรู้จักกับฟ้าประทาน...ตอนเรียนอยู่ที่อังกฤษ” คัมซามึนว่าโลกช่างกลมจัง ที่นายไมเคิล...อะไรนี่ เป็นเพื่อนสนิทกับบอสใหญ่ที่เธอตั้งฉายาว่า ‘นายหน้าขาวเรียบ...เฉยเมย’

‘สวรรค์เล่นตลกกับฉันหรือนี่...หรือว่าเรามาทำงานที่นี่...เพราะจักรวาลจัดการให้มาหรือเปล่า’ คัมซากังขาลึกๆ อยู่ในใจ จากนี้ไปเธอจะเจอเรื่องอะไรอีก...เธอเริ่มจะรู้สึกกังวล ที่มีเรื่องมหัศจรรย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้

“แฟร้งค์...เป็นเพื่อนสนิทจาก high school ถึง undergrad จากมัธยมปลายถึงป.ตรี” ไมเคิลเริ่มเล่าเรื่องส่วนตัวถึงความใกล้ชิดสนิทสนม และที่สำคัญคือเขาทั้งสองยังติดต่อกันอยู่

‘ฉันมาที่นี่ก็คงเพราะเขาใช่ไหมเนี่ย...’ คัมซาชักสงสัย อยากสืบว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“แฟร้งค์...เป็นคนเก่ง เรายังคงแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดและกลยุทธ์การขาย” ไมเคิลเล่ายืดยาวเกี่ยวกับธุรกิจของเขาที่มะนิลาไปจนถึงเรื่องส่วนตัว

‘ฉันจะอยากรู้เรื่องนายฟ้า...ไปทำไมล่ะ  ก็ไม่เข้าใจว่าเขาสองคนมีแผนอะไร ฉันเองก็มาที่นี่แบบไม่ทันตั้งตัว’ คัมซาคิดถึงฟ้าประทานขึ้นมาทันที เธอรู้สึกฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก

“กลับไป...บอกด้วยว่า ผมเชิญมาเที่ยวกับแฟนใหม่” ไมเคิลมีคำพูดที่สะดุจใจเธอ แฟนใหม่นี้คงเป็นโรซ่าแน่นอน แล้วใครคือคนรักเก่า คัมซาเริ่มสงสัย

“ค่ะ...จะไปรายงานให้บอสทราบ...” คัมซารับปาก

“...รูปที่ฝากไปปีที่แล้ว...เป็นอย่างไร” คัมซารำพึงในใจ...แท้จริงแล้ว คงจะเป็นรูปภาพที่ติดฝาผนังนั่นแน่ๆ

“ใช่รูปสามมิติ...ใช่ไหม” คัมซาถามกลับไปเพื่อให้แน่ใจ

“ใช่ครับ...” ไมเคิลตอบอย่างชัดเจน คัมซาเริ่มอยากทราบภาพปริศนาที่ซ่อนอยู่ในสามมิตินั่น

“ภาพนี้...แขวนอยู่บนผนังตรงบริเวณหน้าห้องทำงานของคุณโรซ” คัมซาบอกคร่าวๆ เท่านี้ แต่คำพูดของไมเคิลทำให้เธอรู้ลางๆ ปะติดปะต่อเรื่องราว

“เหรอครับ...ภาพนี้เป็นอดีตของแฟร้งค์...” คัมซาทราบอีกว่า ภาพดังกล่าวเป็นของที่ระลึกจากไมเคิล ลงทุนหาคนวาดแบบสามมิติให้ ภาพปริศนาที่ซ่อนอยู่นั้นถ้าใครมองไม่ออก ก็จะไม่มีทางเห็นเลย เป็นภาพระลึกถึงงานพรอม เป็นงานปาร์ตี้ของนักเรียนไฮสคูลที่จบการศึกษา

“ผู้หญิง...ในภาพเป็นใครคะ” คัมซาอดใจไม่ไหว โพล่งถามขึ้น...จนไมเคิลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“คุณคัมซา...มองเห็นภาพข้างในด้วยเหรอครับ...” ไมเคิล...งงกับคำถามนี้

“ทั้งหมดในภาพ...คืออดีตของแฟร้งค์” ไมเคิลพูดแค่นี้ แล้วก็ขอโทษพูดเลี่ยงว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนสนิท ไม่อยากเปิดเผย เหมือนซ่อนเป็นนัยๆ ว่า อยากรู้ก็ไปถามกันเอง

‘เอ...แล้วไงล่ะ...พิลึกพูดขึ้นมาให้เราเกิดความอยาก...ต้องสืบให้ได้ว่า มันคืออะไรกันแน่’ คัมซาอยากกลับไปสืบหาความลับเรื่องนี้

 

กลับถึงสนามบินที่กรุงเทพ พ่อแม่และอันยองยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงจุดนัดพบ เห็นหน้าน้องสาว คัมซาก็อดขำไม่ได้ ดูท่าทางอยากได้ของฝากจากมะนิลา ขนาดยังไม่ได้ขึ้นรถ ถามทันทีที่เห็นหน้า คัมซาเหนื่อยกับการเดินทาง และสิ่งหนึ่งที่น่าเหน็ดเหนื่อยกว่านั้นคือ การทำงานกับนายหน้าขาว...เรียบเฉย เธอคิดว่าจะล้วงความลับจากนายคนนี้ยังไง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.