ตอนที่ 987 ปิดล้อม
ตอนที่ 987 ปิดล้อม
ภายในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ไม่นานทั่วทั้งแดนเทพก็เต็มไปด้วยทหารติดอาวุธครบมือรวมตัวด้วยสีหน้าอันจริงจัง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ พวกทหารถึงได้ไปรวมตัวกันแบบนี้ มันมีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งที่พึ่งออกมาซื้อของกล่าวถามออกไปอย่างสงสัย
“นี่คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นเหรอ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนสกายวิงประกาศสงครามกับราชวังราชันย์เทพแล้ว ว่ากันว่าราชวังกักขังผู้นำตระกูลของพวกเขาเอาไว้ สกายวิงจึงมาเรียกร้องให้ทางวังปล่อยตัวผู้นำตระกูลของพวกเขาออกมา ถ้าหากว่าในเวลาอีก 1 ชั่วโมงพวกเขายังไม่เห็นผู้นำตระกูลของตัวเอง พวกเขาจะเริ่มทำสงครามกับราชวังในทันที ตระกูลขนาดใหญ่ทุกตระกูลเลยรีบเรียกระดมกองกำลังเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุด”
“สกายวิง!? ตระกูลดาบคลั่งที่เต็มไปด้วยคนบ้านั้นน่ะเหรอ”
“ใช่ ตระกูลคนบ้าพวกนั้นนั่นแหละ”
“พวกเขากล้าประกาศสงครามกับราชวังได้ยังไง? คนพวกนี้มันบ้ากันไปหมดแล้วงั้นเหรอ”
“คนบ้าที่ไหนจะมีความคิดแบบปกติ แต่ในความคิดของฉันเรื่องนี้มันเป็นความผิดของราชวังที่หลอกลวงคนของสกายวิงก่อน ตอนแรกทางราชวังบอกว่าเซี่ยกู่เฉิงกำลังพูดคุยเรื่องสำคัญอยู่ในราชวัง แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่ตระกูลมีเรื่องสำคัญจะต้องติดต่อไปยังผู้นำ ทางราชวังกลับบอกว่าเซี่ยกู่เฉิงออกจากราชวังไปแล้ว”
“ทางราชวังจะต้องมีการปกปิดเรื่องของเซี่ยกู่เฉิงเอาไว้แน่ ๆ สกายวิงจึงออกมาเรียกร้องหาผู้นำตระกูลของตัวเองแบบนี้ ฉันเดาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าในท้ายที่สุดเรื่องนี้มันจะจบลงยังไง”
“อะไรนะ?! ราชวังราชันย์เทพเป็นแหล่งรวมตัวของจอมเทพผู้แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคนพวกนั้นจะต้องโกหกด้วย อย่าบอกนะว่าแม้แต่ราชวังก็ยังให้ความเชื่อมั่นกับพวกเราไม่ได้”
แผนการของเซี่ยเฟยได้ผลดีมาก เพราะผู้คนทั่วทั้งดินแดนกฎต่างก็ต้องการจะได้รับคำอธิบายจากราชวังราชันย์เทพ
ท้ายที่สุดแล้วผู้นำตระกูลหลักทุกตระกูลก็ต้องเข้าไปทำงานภายในราชวังด้วยกันหมด ถ้าหากว่ามันมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเซี่ยกู่เฉิง วันหนึ่งมันก็อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีแบบนี้กับผู้นำตระกูลของพวกเขาก็ได้ ราชวังจึงกลายเป็นเป้าโจมตีจากเหตุการณ์ครั้งนี้จากทุกตระกูล
แน่นอนว่าความคิดเห็นของฝูงชนเป็นเพียงแผนการส่วนหนึ่งของเซี่ยเฟยเท่านั้น เพราะถ้าหากว่าทางราชวังไม่คิดที่จะปล่อยตัวบรรพบุรุษของพวกเขาออกมาจริง ๆ ในเวลานั้นสกายวิงก็พร้อมที่จะทำสงคราม
—
บริเวณโถงนอกวัง
ฝูงหมาป่าสกายวิงยังคงปิดล้อมพื้นที่บริเวณนี้ต่อไป ขณะที่ฝูงชนเริ่มมารวมกลุ่มกันเฝ้าดูเหตุการณ์ในครั้งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่จอมเทพหลาย ๆ คนที่อยู่ภายในราชวังก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณด้านนอกด้วยเช่นกัน
เมื่อป้ายโถงนอกวังถูกเซี่ยเฟยทำลายเป็นชิ้น ๆ เหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่ก็มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเคียดแค้น แต่มันก็ยังไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวทำอะไร เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลสกายวิงอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าเพียงครั้งเดียวอาจจะจุดชนวนสงครามในครั้งนี้ขึ้นมาได้เลย
“ระวังตัวด้วย ชายชุดขาวคนนั้นคือผู้นำตระกูลเขี้ยวเงินที่มักจะขัดแย้งกับบรรพบุรุษของเรามาโดยตลอด” เซี่ยเค่อโน้มตัวไปกระซิบบอกเซี่ยเฟยหลังจากที่ได้มีชายชราชุดขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในดาบของเผ่าเทพเหมือนกัน แต่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องสนใจพวกมันหรอก เป้าหมายของเราคือการทำลายราชวังต่างหาก ถ้าพวกมันต้องการเข้ามาขวางพวกเราก็แค่ต้องจัดการกับพวกมันซะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
เซี่ยเค่อนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะเมื่อพิจารณาจากจิตอสูรที่เซี่ยเฟยระเบิดออกมา ทุกสิ่งที่เขาพูดย่อมไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน
ฝูงหมาป่าสกายวิงจัดทีมเตรียมพร้อมทำสงครามได้ทุกเมื่อ โดยมีเซี่ยเฟย, เซี่ยเค่อ, เซี่ยกวงไห่และเซี่ยเหอหลินยืนอยู่บริเวณแถวหน้าของทีม
สิ่งที่น่าสนใจคือการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีเซี่ยเฟยเป็นผู้นำ ทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มคนนี้มีความอาวุโสน้อยที่สุดในบรรดาสมาชิกแกนนำของสกายวิงแล้ว
แต่เหล่าบรรดาหมาป่าสกายวิงไม่ได้สนใจเรื่องอายุของเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รับการแต่งตั้งจากบรรพบุรุษให้กลายเป็นกุนซือของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นเขาคือผู้ครอบครองดีว่อนวิงคนที่ 2 ของตระกูล ในเวลาไม่ช้าก็เร็วเซี่ยเฟยก็จะถูกเลื่อนระดับกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
เวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไปอย่างกดดัน เหล่าบรรดาฝูงหมาป่าต่างก็ยืนรอด้วยแววตาอันแน่วแน่ ทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปร่างของพวกเขายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็พร้อมที่จะบุกจู่โจมทำลายเป้าหมายได้ตลอดเวลา
ผู้อำนวยการร่างอ้วนพยายามวิ่งเข้าไปหาเซี่ยเค่อเพื่อให้สกายวิงใจเย็นลงก่อน แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยขัดขวางเขาไว้และตะคอกกลับไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“เหลือเวลาอีก 37 นาที 15 วินาที ก่อนที่เราจะเริ่มทำสงคราม” เซี่ยเฟยกล่าวขณะชี้นิ้วไปยังนาฬิกาที่กำลังนับถอยหลัง
ผู้อำนวยการร่างอ้วนสะดุ้งขึ้นมาในทันที แต่เขาก็พยายามชักชวนพวกเซี่ยเฟยให้เข้าไปนั่งคุยกันดี ๆ ไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้เลย
“หุบปากไปซะ! ถ้าแกพูดอะไรมากกว่านี้ฉันจะฆ่าแกด้วยตัวเอง!!” เซี่ยเฟยตะโกนด้วยความโกรธและไม่คิดจะรักษาความสุภาพไว้อีกต่อไป
ผู้อำนวยการโถงนอกวังหน้าซีดขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะถึงแม้เขาจะปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้อย่างเนิ่นนาน แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใครไร้เหตุผลและหยาบคายอย่างเซี่ยเฟยมาก่อน
ในทางตรงกันข้ามเหล่าบรรดานักรบสกายวิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะถึงแม้คำพูดจะดูหยาบคายแต่เรื่องนี้มันก็คือเอกลักษณ์ของสกายวิง
พวกเขาจำเป็นจะต้องสุภาพกับศัตรูด้วยงั้นเหรอ?
ขอโทษด้วย แต่นั่นมันไม่ใช่สไตล์ของสกายวิงเลยแม้แต่นิดเดียว!!
ไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าหน้าที่จากราชวังก็พยายามที่จะเข้ามาห้ามปรามเซี่ยเฟยอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ตะโกนกลับไปเพียงแค่คำว่า ‘ไสหัวไป’ ไม่เปิดช่องว่างให้มีการเจรจาเลยแม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศในบริเวณโถงนอกวังตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าสกายวิงคิดจะบุกโจมตีราชวังจริง ๆ ถ้าหากว่าทางราชวังไม่ยอมปล่อยตัวบรรพบุรุษของพวกเขาออกมา
“5 นาทีสุดท้าย” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดัง
ดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องมองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความระทึกขวัญ เพราะทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไป มันก็หมายความว่าสงครามระหว่างสกายวิงกับราชวังราชันย์เทพกำลังเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ แล้ว
หนึ่งตระกูลกำลังที่จะท้าทายหนึ่งในเผ่าพันธุ์สูงสุด!
สงครามที่มีความแตกต่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!!
ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณนอกวังก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยนักรบชุดเกราะสีสันสดใสได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน นักรบทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังในระดับราชันย์ขึ้นไป และพวกเขาก็มีจำนวนอยู่ไม่น้อยกว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นกองกำลังที่มากกว่าสมาชิกสกายวิงหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตามสกายวิงก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากศัตรูมีจำนวนมากขึ้น พวกเขาก็แค่จะต้องต่อสู้อย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นสกายวิงยังเคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ศัตรูมีจำนวนมากกว่ามาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ท้ายที่สุดตระกูลของพวกเขาก็ยังคงสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้
“3 นาที!” เซี่ยเฟยตะโกนพร้อมกับจับจ้องมองไปยังกลุ่มนักรบด้านหน้าด้วยแววตาอันเย็นชา
เสียงเข็มนาฬิกาที่ค่อย ๆ ดังขึ้นมาในแต่ละวินาทีเปรียบเสมือนกับภูเขาทั้งโลกที่ค่อย ๆ กดทับลงในจิตใจของผู้คน จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สมกับเป็นสกายวิงจริง ๆ ถึงแม้พวกองครักษ์จะปรากฏตัว แต่พวกเขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะล่าถอยเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ถ้าวันหนึ่งฉันถูกรังแกแต่คนของฉันกล้ายืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อฉันเหมือนกับสกายวิง ในวันนั้นฉันคงจะนอนตายตาหลับ แม้ว่าฉันจะหนีไม่พ้นไปจากความตายก็ตาม”
“โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตระกูลอื่นเป็นไปได้ยากมาก ถึงแม้ในตระกูลของเราจะมีคนเก่งกล้าที่ไม่กลัวความตาย แต่มันก็ไม่มีตระกูลไหนที่สมาชิกทุกคนในตระกูลกล้ายืนหยัดเหมือนกับสกายวิง”
การยืนหยัดของสกายวิงเริ่มปลุกอารมณ์ความรู้สึกของผู้นำตระกูลต่าง ๆ และถึงแม้คนทั่วทั้งจักรวาลจะเรียกพวกเขาว่าเป็นคนบ้า แต่ช่วงเวลาวิกฤตกลุ่มคนบ้าพวกนี้ก็เป็นคนที่คนในตระกูลเชื่อใจได้เสมอ
ราชวังราชันย์เทพไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนอย่างในวันนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นทางราชวังก็สูญเสียความน่าเชื่อถือไปเรื่อย ๆ เพราะทุกคนเชื่อว่าทางราชวังได้กักขังเซี่ยกู่เฉิงเอาไว้จริง ๆ
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงนาทีสุดท้าย ฝูงหมาป่าต่างก็ชักอาวุธของตัวเองออกมาพร้อมกับระเบิดจิตอสูรของตัวเองออกไปอย่างบ้าคลั่ง
โบราณว่าไว้อย่าไล่สุนัขให้จนตรอกอย่าต้อนคนให้จนมุม เพราะในยามที่ราชวังบีบบังคับสกายวิงมากเกินไป ฝูงหมาป่าเหล่านี้ก็พร้อมจะแว้งกัดศัตรูได้ทุกคน
“10!”
“9!”
“8!”
ช่วงเวลาประวัติศาสตร์กำลังนับถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ในระหว่างที่สงครามกำลังจะปะทุกันอยู่นั้นเอง มันก็มีเสียงตะโกนอันดังสนั่นล่องลอยมาตามอากาศ
“หยุด! บรรพบุรุษของพวกคุณมีเรื่องจะพูด”
เมื่อเซี่ยเฟยเงยหน้าไปยังเจ้าของเสียง เขาก็ได้พบว่าชายชราคนนี้คือไซผู้ที่เขาเคยได้พบเจอมาก่อน
ความสัมพันธ์ระหว่างไซกับเซี่ยเฟยค่อนข้างดี เพราะถึงแม้ชายชราคนนี้จะได้ค้นพบเรื่องโอโร่กับเทพขาวเทพดำ แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยความลับของชายหนุ่มออกไป จนทำให้เซี่ยเฟยยังสามารถอยู่ในแดนเทพมาได้จนถึงทุกวันนี้
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเล็กน้อยพร้อมกับส่งสัญญาณให้ฝูงหมาป่าบริเวณด้านหลังอย่าพึ่งทำการเคลื่อนไหว เพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไรออกมากันแน่
“เฮ้อ!”
เหล่าบรรดาองครักษ์พิทักษ์วังต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะพวกเขาอยู่ห่างจากการทำสงครามกับสกายวิงเพียงแค่เล็กน้อย และถึงแม้ว่าทางฝั่งสกายวิงจะมีนักรบอยู่เพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน แต่พวกเขาก็รู้จักความน่ากลัวของฝูงหมาป่าเหล่านี้เป็นอย่างดี
“คุณมีเวลา 1 นาที” เซี่ยเฟยกล่าว
“ก้าวร้าวจังนะไอ้หนุ่ม เอาฟังซะ! บรรพบุรุษมีเรื่องจะคุยกับพวกนาย” ไซชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นชายชราก็เปิดเครื่องสื่อสารเผยให้เห็นภาพเซี่ยกู่เฉิงปรากฏขึ้นมาในอากาศ
“บรรพบุรุษ!”
ฝูงหมาป่าต่างก็ตะโกนเรียกชื่อบรรพบุรุษขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง และเมื่อได้เห็นท่าทางของทุกคนเซี่ยกู่เฉิงก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงโดยไม่ได้พูดอะไร
“ฮ่า ๆ ๆ นี่พวกนายกล้าล้อมวังเอาไว้จริง ๆ เหรอเนี่ย ดีมาก! นี่แหละคือความกล้าของสกายวิง!!” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หา!
เหล่าบรรดาผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นผู้นำของตระกูลกำลังชื่นชมพวกเซี่ยเฟยที่กล้ามาปิดล้อมราชวัง
เหตุการณ์แบบนี้มันเป็นเหตุการณ์ปกติของสกายวิงงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามทันทีที่พูดจบลงสีหน้าของเซี่ยกู่เฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง ราวกับว่าชายชราคนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
***************
ตัวจริงหรือตัวปลอมหรืออะไร? ทำไมพี่เฟยดูแปลก ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 286
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น