ตอนที่ 988 เรียกกำลังเสริม
ตอนที่ 988 เรียกกำลังเสริม
“ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นทุกคนกล้ามาปิดล้อมราชวังเพราะฉันแบบนี้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าทุกคนยังไม่ลืมรากฐานสำคัญของสกายวิง”
จงอย่าละทิ้งใครไว้ข้างหลัง จงอย่ายอมแพ้ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็ตาม นี่คือทัศนคติของสกายวิงที่ต้องจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ และมันก็คือสิ่งที่ทำให้พวกเราแตกต่างไปจากตระกูลอื่น ๆ ระหว่างที่บรรพบุรุษกำลังพูดคุยกับสกายวิงอยู่นั้น มันก็ทำให้ใบหน้าของผู้นำตระกูลอื่น ๆ เริ่มแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ไม่เคยมีตระกูลไหนเคยปกป้องสมาชิกภายในตระกูลของตัวเองได้ดีเหมือนกับสกายวิง ไม่มีใครกล้าประกาศทำสงครามกับศัตรูเพื่อสมาชิกภายในตระกูลเพียงแค่คนเดียว ความกล้าหาญของสกายวิงเป็นสิ่งที่ตระกูลอื่นไม่สามารถลอกเลียนได้ เพราะเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลมันก็มักจะมีการยอมปล่อยผ่านเรื่องอื่นไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่สกายวิงไม่เคยปล่อยผ่านเรื่องสมาชิกในตระกูลเลยแม้แต่เรื่องเดียว
“แต่ถึงยังไงคราวนี้พวกนายก็เป็นฝ่ายผิดจริง ๆ ฉันแค่กำลังพูดคุยเรื่องสำคัญอยู่ ฉันถามจริงเถอะว่ามันจะมีคนกล้ากักขังฉันเอาไว้จริง ๆ งั้นเหรอ?” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ทำให้สมาชิกสกายวิงผ่อนคลายความกังวลภายในใจของพวกเขาลง
เหล่าบรรดาองครักษ์พิทักษ์วังต่างก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล แล้วพวกเขาก็อยากจะคุกเข่าลงกราบไหว้เซี่ยกู่เฉิงที่ทำให้สถานการณ์ไม่บานปลายไปมากกว่านี้
หากเซี่ยกู่เฉิงปรากฏตัวขึ้นมาช้ากว่านี้อีกไม่กี่วินาที ฝูงหมาป่าสกายวิงย่อมเริ่มทำสงครามกับราชวังอย่างแน่นอน ถึงแม้จำนวนองครักษ์จะมีมากกว่า 3,000 คน แต่มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกเขาจะสามารถต้านทานฝูงหมาป่าสกายวิงได้
แน่นอนว่าฝูงชนจำนวนหนึ่งก็รู้สึกผิดหวังด้วยเช่นกัน เพราะว่าพวกเขากำลังคาดหวังที่จะได้เห็นการลงมือของสกายวิงด้วยตาของตัวเอง
“บรรพบุรุษ นี่คุณพูดคุยจนลืมวันลืมคืนจนลืมติดต่อมาหาพวกเราแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยกวงไห่ถามด้วยรอยยิ้ม เพราะเมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลักษณะนิสัยขี้เล่นของเขาก็เริ่มกลับมา
“ไม่ต้องมาแซวว่าฉันแก่เลย นายนั่นแหละเมื่อไหร่จะแต่งงาน ถ้าหากว่านายยังไม่มีหลานมาให้ฉันอุ้มเร็ว ๆ นี้ ฉันจะจับเอานายไปตัดตอน” เซี่ยกู่เฉิงตะคอกกลับมา
ไม่เพียงแต่เซี่ยกวงไห่ที่เริ่มพูดคุยหยอกล้อกับบรรพบุรุษเท่านั้น สมาชิกส่วนที่เหลือของตระกูลยังเริ่มพูดคุยหยอกล้อกับบรรพบุรุษด้วยเช่นกัน บรรยากาศจึงเปลี่ยนเป็นคล้ายกับเด็ก ๆ จอมซนกำลังพูดจาหยอกล้อกับผู้ใหญ่ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ผู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ต่างก็รู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่าจู่ ๆ กลุ่มคนบ้าก็ได้เปลี่ยนสถานที่ที่น่าจะเป็นสนามรบให้กลายเป็นสนามเด็กเล่น ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าบรรดาฝูงหมาป่ายังพูดคุยอย่างเป็นกันเองไม่มีความเข้มงวดระหว่างชนชั้นเหมือนกับในตระกูลอื่น ๆ เลย
“บรรพบุรุษ พวกเราได้ล้อมวังเอาไว้แล้ว ถ้าหากเราล่าถอยไปตอนนี้ผมก็เกรงว่าพวกคนภายในวังจะตามมาหาเรื่องพวกเรา” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว
“หากใครมันกล้าก็เข้ามาเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีคนโจมตีสมาชิกตระกูลของเรา มันคนนั้นก็จะเป็นศัตรูของฉันด้วยเหมือนกัน!” เซี่ยกู่เฉิงตะโกนเสียงดังพร้อมก็ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างน่ากลัว
คำพูดนี้คล้ายกับส่งตรงไปถึงผู้นำตระกูลอื่น ๆ ที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ในครั้งนี้อยู่ ผู้นำตระกูลทุกคนจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายสกายวิง เพราะผลลัพธ์ของการไปยั่วยุคนบ้ามักจะจบลงที่ภัยพิบัติกันทุกราย
ทาคิ ผู้นำตระกูลเขี้ยวเงินถอนหายใจและหันศีรษะไปทางอื่น และถึงแม้เขาจะอยากให้ทางราชวังลงโทษสกายวิง แต่เขาก็รู้ดีว่าในตอนนี้คงจะไม่มีใครกล้าออกหน้าอย่างแน่นอน
ในที่สุดความตึงเครียดหน้าวังก็สิ้นสุดลง ซึ่งก่อนวางสายบรรพบุรุษก็บอกเซี่ยเค่อกับเซี่ยเฟยว่าให้นำทุกคนกลับไปได้แล้ว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ภายในแววตาของเขากลับเปล่งประกายอย่างเย็นชา โดยที่ไม่มีใครสามารถตรวจจับจิตสังหารของเขาได้เลย
“พวกเราต้องถอนกำลังกลับไปจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเค่อกระซิบถามเซี่ยเฟย
“ตอนนี้เราต้องถอนตัวก่อน แต่ให้ทีมกระเรียนขาวไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบและผมอยากให้เซี่ยเกิงไปกับเราด้วย” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างใจเย็น
เซี่ยเค่อชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติภายในน้ำเสียงของเซี่ยเฟย และมันก็ดูเหมือนกับว่าในมุมมองของชายหนุ่มคนนี้แล้วเรื่องนี้มันยังไม่จบลงง่าย ๆ
—
หลังจากฝูงหมาป่าถอนตัวออกไป ทีมกระเรียนขาวและเซี่ยเกิงก็ไปรวมตัวกันบริเวณริมทะเลสาบ
เมื่อเดินทางมาจนถึงจุดหมาย เซี่ยเกิงก็แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภายในตระกูลยังมีจอมเทพทั้งห้าแอบซุกซ่อนอยู่ด้วย
“สิ่งที่เราเห็นมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา” คำพูดแรกของเซี่ยเฟยทำให้ทุกคนสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เราทุกคนต่างก็เห็นบรรพบุรุษพร้อม ๆ กันไม่ใช่เหรอ? นายคิดมากเกินไปหรือเปล่า ทำไมนายถึงคิดว่ามันเป็นภาพลวงตาด้วย?” เซี่ยเค่อถาม
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าบรรพบุรุษมีกระเรียนขาวที่สามารถติดต่อมาหาพวกเราได้ทุกเวลา แล้วทำไมเขาจะต้องออกมาสื่อสารผ่านผู้อาวุโสไซด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที และถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำถามง่าย ๆ แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนมองข้าม ภาพที่ทุกคนเห็นมีเพียงบรรพบุรุษที่ดูปกติ แต่พวกเขาหลงลืมไปเลยว่าวิธีการสื่อสารของบรรพบุรุษเป็นเรื่องผิดปกติกว่าที่ควรจะเป็น
ทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเซี่ยเฟยเหมาะสมกับการถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของตระกูลจริง ๆ เพราะถ้าหากชายหนุ่มพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้ ทุกคนก็ยังคงถูกหลอกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ในราชวังราชันย์เทพอย่างปลอดภัย
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? บรรพบุรุษแฝงข้อความอะไรเอาไว้ด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเหลียงถามอย่างจริงจัง
“บรรพบุรุษไม่ได้แฝงข้อความอะไรเอาไว้เลย แต่เขาแอบส่งข้อความมาหาผมโดยใช้รหัสลับสมัยโบราณ”
“หากผมเดาไม่ผิดบรรพบุรุษคงถูกสั่งให้ออกมาหยุดพวกเราเอาไว้ แต่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด มันจึงทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้มากกว่านี้”
“คนที่แอบส่งข้อความมาให้ผมคือผู้อาวุโสไซต่างหาก เพราะในระหว่างที่บรรพบุรุษปรากฏตัวทุกคนก็เพิกเฉยต่อผู้อาวุโสไซโดยสมบูรณ์ ซึ่งในช่วงจังหวะเวลานี้มันก็เป็นช่วงเวลาที่ผมได้รับข้อความมา”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้ทุกคนพูดไม่ออกอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็มองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม ทักษะการสังเกตและการวิเคราะห์ที่ไม่ธรรมดาของเซี่ยเฟยได้พิสูจน์ซ้ำ ๆ อีกครั้งหนึ่งแล้ว ว่าเขาคนนี้คู่ควรกับการได้เข้าร่วมทีมกระเรียนขาวซึ่งถือได้ว่าเป็นทีมเสาหลักของตระกูล
“ทุกคนช่วยรอแป๊บหนึ่ง ผมขอถอดรหัสจากความทรงจำก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะเดินไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่และนึกถึงรหัสลับที่ไซส่งมาให้เขา
“เขาเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” เซี่ยเหลียงหันไปถามเซี่ยเค่อขณะมองไปทางเซี่ยเฟย
เซี่ยเหลียงเพิ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับเซี่ยเฟยไม่กี่คำเท่านั้น แต่มันมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มในตระกูลอย่างมากมาย และความแข็งแกร่งที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาในวันนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ
“นับตั้งแต่วันแรกที่เขากลับเข้าร่วมกับสกายวิง เขาก็แสดงความโดดเด่นออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ หากคุณคุ้นเคยกับเขาไปเรื่อย ๆ คุณก็จะรู้เองว่าคนอย่างเขามันสมควรจะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด พูดตามตรงเลยนะว่าถึงแม้เซี่ยเฟยจะมีระดับพลังที่ต่ำที่สุดและมีอายุน้อยที่สุดภายในกลุ่มกระเรียนขาว แต่ฉันคิดว่าเขาสมควรจะเป็นผู้นำกลุ่มกระเรียนขาวมากที่สุดแล้ว” เซี่ยเค่อกล่าว
“เรื่องนี้ผมเห็นด้วย ทักษะในการสังเกตและวางแผนของเขาอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก” เซี่ยเกิงที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวเสริม
“ปัจจุบันนักวางแผนที่ดีที่สุดของตระกูลคือเซี่ยเฟย, นักสังเกตการณ์ที่ดีที่สุดในตระกูลก็คือเซี่ยเฟย และผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดีที่สุดก็คือเซี่ยเฟย ซึ่งอสูรในครอบครองของเขามีทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาวและหนอนด้วงมิติสีทองที่ตัวใหญ่มาก”
“ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ครอบครองอาวุธมายาธาตุพืชที่ถูกหลอมรวมมาแล้วถึงห้าครั้ง ดาบกากบาทแปลก ๆ ที่สามารถดูดเลือดศัตรูได้ และกฎแปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็น พูดตามตรงว่าถึงแม้เซี่ยเฟยจะมีพลังในระดับเพียงแค่ราชันย์ แต่พลังที่แท้จริงของเขามันเกินกว่าระดับจอมเทพขึ้นไปแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้จอมเทพทั้งห้าจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเป็นประกายมากยิ่งขึ้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบรรพบุรุษถึงได้นำตัวเขาเข้ามาภายในทีมกระเรียนขาว ที่แท้เขาก็เป็นคนที่โดดเด่นขนาดนี้นี่เอง” เซี่ยเหลียงกล่าว
—
เนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยมีลินนิจคอยให้ความช่วยเหลือ เขาจึงใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานในการถอดรหัสลับที่ไซมอบมาให้
“มันเป็นไปอย่างที่ผมคิดเอาไว้เลย บรรพบุรุษถูกกักขังเอาไว้จริง ๆ ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียดหลังจากที่เขาได้กลับมารวมกลุ่มอีกครั้ง
“ใครมันกล้าขังบรรพบุรุษของเราไว้ ฉันจะไปถลกหนังมันเอง!” เซี่ยจิงตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว และถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่พูดแต่ทุกคนต่างก็ปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่มีข้อยกเว้น
“ศัตรูจะต้องแข็งแกร่งมากถึงขั้นสามารถกักขังบรรพบุรุษเอาไว้ได้ ตอนนี้มันไม่มีเวลาแล้วพวกคุณช่วยรอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะต้องรีบไปที่ ๆ หนึ่งเดี๋ยวนี้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็ใช้เข็มทิศมิติที่ไม่ระบุตัวตนจากไปโดยทิ้งคนอื่น ๆ เอาไว้ท่ามกลางความสับสน
“เขาจะทำอะไร? ทำไมเขาถึงทิ้งพวกเราไว้แบบนี้?!” เซี่ยจิงอุทานพร้อมกับเกาหัว
เซี่ยจิงมีบุคลิกค่อนข้างหุนหันพลันแล่นและเขาก็ต้องการที่จะออกไปช่วยเหลือบรรพบุรุษเดี๋ยวนี้เลย น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยยังไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ ทุกคนจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไรต่อไปกันแน่
“สิ่งที่เราทำมีเพียงแค่ต้องเชื่อใจเซี่ยเฟย อย่าลืมนะว่าเขาคือนักวางแผนที่ดีที่สุดของตระกูล” เซี่ยเค่อกล่าว
แม้ว่าชายชราจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงภายในใจของเขาก็กำลังรู้สึกอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้า
การรอคอยโดยไร้จุดหมายเป็นไปอย่างทรมาน และใน 3 ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็ลงมาจากบนท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามในคราวนี้เขาไม่ได้เดินทางมาเพียงคนเดียว แต่เขาได้นำจอมเทพติดตามเขามาด้วย โดยจอมเทพคนหนึ่งสวมใส่ชุดเกราะสีดำ ขณะที่จอมเทพอีกคนใส่ชุดเกราะสีขาว แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้นั่นก็คือเทพขาวเทพดำผู้ซึ่งอยู่ในกลุ่มกบฏของดินแดนกฎนั่นเอง
ทั่วทั้งจักรวาลมีเพียงบุคคล 3 คนที่ได้เรียนรู้กฎแห่งความโกลาหล และการจากไปของเซี่ยเฟยในคราวนี้นั่นก็คือการไปเรียกกองกำลังเสริมมาช่วย
***************
จะใช้กฎโกลาหลสู้ผู้สร้างเหรอ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 338
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น