บทที่ 112 เข็มฉีดยาส่วนตัว
ป้าสายที่รู้ดีว่าไม่ควรขัดใจเจ้านายคนนี้ แล้วยิ่งในเวลาแบบนี้ด้วย ทำให้แกรีบเดินออกไปทันที แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยคำถามและความอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหนก็ตาม
แกที่ออกมายังนอกห้องนอนของผู้เป็นนายได้เพียงเล็กน้อย ก็ยังไม่วายเอี้ยวตัวกลับไปมองยังทิศทางที่ตัวเองเพิ่งเดินจากมา พร้อมกับพรั่งพรูความสงสัยที่อยู่ภายในใจออกมาขบคิดเพื่อหาความจริง
‘เอ...ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียนายท่านเซบาสเธีย แล้วคุณหนูเรน่าที่เคยมาเกาะเราบ่อยๆ พร้อมกับพวกนายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่ล่ะ นายท่านเซบาสเธียเอาเธอไปไว้ที่ไหน ได้ข่าวมาว่ากำลังจะหมั้นหมายกันด้วยไม่ใช่หรอ’ ป้าสายได้แต่คิดวนไปมาเกี่ยวกับปัญหารักสามเส้าของเจ้านายอย่างใคร่รู้ แต่ก็ทำได้เพียงเก็บงำความสงสัยที่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามเอาไว้กับตัว พร้อมกับครุ่นคิดถึงวิธีการในการตามหาความจริง ก่อนที่จะปิ๊งไอเดียเด็ดๆ ได้
‘อ๋อ...รู้แล้ว...สงสัยงานนี้คงต้องโทรไปถามพี่เสริมซะหน่อยแล้วว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไงมายังไง’ ป้าสายตาลุกวาวคิดถึงป้าเสริมพี่สาวแท้ๆ ของตัวเองขึ้นมาทันที เพราะแกรู้ดีว่าป้าเสริมทำงานเป็นแม่บ้านใกล้ชิดกับคุณเซฟที่สุด...
ณ ห้องพักส่วนตัวของเซบาสเธีย
--- เอลิซ Talk ---
เขาที่นั่งเฝ้าฉันตั้งแต่ที่ฉันหมดสติไปอย่างไม่วางตาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับคอยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ฉันจนฉันฟื้น แม้ว่าจะยังมีอาการมึนหัวอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม
“เอลิซเป็นยังไงบ้างเดี๋ยวเฮียโทรเรียกหมอให้บินมารักษาเอลิซที่นี่เลยดีไหม” เขาที่เอ่ยถามฉันทันทีเมื่อเห็นฉันลืมตาขึ้นมา ท่าทางของเขาดูวิตกกังวลกับอาการที่ฉันเป็นอยู่มากจนดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“ไม่ต้องหรอกค่ะเฮีย สงสัยเอลิซจะเมาเครื่องบิน เลยหน้ามืดนะคะ” ฉันที่ค่อยๆ ประคองร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง รีบบอกเขาเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วจริงๆ
“แน่นะว่าจะไม่ให้เรียกหมอมา เฮียว่าเอลิซเป็นแบบนี้ถี่เกินไปแล้วนะ” เขารีบตรงมาประคองฉันให้นั่ง ก่อนที่ใบหน้ายังคงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด และเหมือนกับว่าจะยังไม่เชื่อว่าฉันโอเคแล้ว
“แน่สิคะ ร่างกายเอลิซเอลิซรู้ดี แล้วอีกอย่างเอลิซเพิ่งจะเป็นไม่ได้เป็นมานานแล้วสักหน่อย” ฉันยิ้มให้เขาเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยย้ำเพื่อให้เขาสบายใจ
เขามองหน้าฉันอย่างพินิจพิจารณาด้วยความเป็นห่วง พอเห็นว่าฉันมีแรงส่งยิ้มกลับไปให้เขาเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าฉันโอเคแล้วจริงๆ เขาก็ไม่เซ้าซี้อะไรฉันอีก
“หิวหรือยังค่ะ หรืออยากจะพักผ่อนอีกสักหน่อย” เขาเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก
"อืมมม...งั้นขอนอนอีกสักหน่อยดีกว่าค่ะ" ฉันตอบกลับเขาไป เพราะฉันรู้สึกว่านอนต่ออีกสักหน่อยอาการมึนหัวเล็กน้อยที่เป็นอยู่คงจะหาย
"ถ้างั้นก็ตามใจค่ะ แต่ถ้ารู้สึกไม่โอเคเมื่อไรต้องรีบบอกเฮียเลยนะคะ รู้ไหม...หื้อ" เขาที่บอกฉันด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นพร้อมกับจับฉันเอนตัวลงนอน ก่อนจะจูบลงมาเบาๆ บนหน้าผาก แล้วปล่อยให้ฉันได้ปิดเปลือกตานอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่
ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาแล้วเข้าสู้ห้วงนิทราอีกครั้ง...
นานเท่าไรแล้วไม่รู้ที่ฉันได้ผล็อยหลับไป จนกระทั่งเปลือกตาสวยได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมองไปที่หน้าต่างห้องนอนก็พบว่าแสงตะวันได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว คงเหลือไว้แค่เพียงแสงจันทร์กับดวงดาวระยิบระยับสวยเต็มท้องฟ้าสาดส่องเข้ามา ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งเพื่อเช็กอาการตัวเองอีกที ก่อนจะพบว่าอาการมึนหัวได้หายไปแล้ว ฉันถึงได้ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนอน เพื่อไปตามหาร่างหนาที่คุ้นเคย
จากที่ฉันใช้สายตาสำรวจลักษณะการตกแต่งบ้านหลังนี้ก่อนที่จะหมดสติไป ทำให้ได้รู้ว่าด้วยการตกแต่งบ้านสไตล์นี้ ค่อนข้างที่จะเรียบง่ายโปร่งสบายไม่ซับซ้อน บวกกับกลิ่นอาหารแปลกๆ อันคุ้นเคยเหมือนกับว่าฉันจะเคยได้กลิ่นแบบนี้ตอนอยู่เพนท์เฮ้าส์มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ฉันจะเดินหาห้องครัวเจอ
ฉันเดินไปตามกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์จนพาไปถึงห้องครัว เพียงไม่กี่ก้าวก็พบเข้ากับร่างอันคุ้นเคยที่ยืนหันหลังทำตัวงันงกหยิบจับอะไรก็ดูเกๆ กังๆ จนทำครัวเละเทะไปหมด ดูท่าน่าจะกำลังจะทำอาหารอยู่นั้น มันทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังทำให้สิ่งที่เขาไม่ถนัดเพื่อฉัน ฉันยืนมองดูเขาด้วยสายตาเอ็นดูที่เขาพยายามโดยที่ไม่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองเลย
“อ้าาา...เสร็จพอดี” เขาที่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงดีใจที่ทำสิ่งยุ่งยากได้สำเร็จ
"นี่เฮียจะเปลี่ยนห้องครัวใหม่หรอค่ะ" ฉันเอ่ยถามเขาไปทั้งที่กลั้วหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นสภาพห้องครัวของเขา
เขาหันมาตามเสียงหวานทันทีพร้อมกับเบิกยิ้มกว้าง...
“ทำอะไรกินค่ะ” ฉันถามเขาอีกครั้ง
“อ้าวตื่นแล้วหรอค่ะ รีบลุกขึ้นมาทำไม เฮียว่าทำเสร็จแล้วจะเอาไปเสิร์ฟให้ถึงเตียงสักหน่อย” เขาที่ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของฉัน กลับรัวคำถามกลับมา พร้อมกับรีบเดินตรงมาหาฉันทันที
เมื่อร่างหนาที่เดินมาถึงตัวฉันก็รีบเอามือขึ้นมาอังหน้าผาก จับใบหน้า ทำตัวเป็นคุณหมอสำรวจอาการฉันไปมาเหมือนกับต้องการให้ตัวเองแน่ใจว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
“ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่าคะ...หื้มมม” เขาเอ่ยถามอาการฉันอีกครั้ง พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
ฉันยกยิ้มหวานให้กับการกระทำอันอ่อนโยนของเขา ความอบอุ่นที่เขาส่งมาให้จนฉันรู้สึกได้ มันทำให้ฉันยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณที่เขาคอยเป็นห่วง และดูแลฉันไม่ห่างตั้งแต่ก่อนมาถึงที่นี่
“เอลิซไม่เป็นไรแล้วค่ะ เพราะได้คุณหมอคนเก่งคนนี้คอยดูแล เอลิซเลยหายเร็วเลยค่ะ” ฉันฉีกยิ้มหวานจนตาหยี เอ่ยคำชมเชยให้กับเขา พร้อมกับเอามือตัวเองจับไปที่ใบหน้าคมเข้มของเขาแล้วส่ายไปมา
เขายกยิ้มกว้างตอบกลับมาด้วยความดีใจที่ได้รับคำชมจากฉัน ก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาเอ็นดู
“เอ...แต่เฮียว่า เอลิซยังดูไม่หายดีเลยน๊าาา” เขาที่พูดขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่มีเลศนัย
"เอลิซหายแล้วจริงๆ ค่ะ" ฉันที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ความกรุ้มกริ่มที่เขากำลังแสดง เอ่ยบอกเขาด้วยแววตาใสซื่อ
"ไม่หรอกกกก...เอลิซยังไม่หาย...เชื่อเฮียสิ" เขาที่ยังคงไม่ยอมลดละความเจ้าเล่ห์เอ่ยปากทำเสียงเซ็กซี่
"แล้วต้องทำยังไงดีค่ะ...คุณหมอออออ" ฉันที่เหมือนจะรับรู้ได้ถึงรังสีความหื่นที่แผ่ออกมาจากคนตรงหน้า จึงแกล้งทำเป็นอินโนเซ้นส์ถามกลับไป
"ก็...ต้องโดนจับฉีดยาจากกระบอกเข็มส่วนตัวของหมอไงคะ" เขาที่เข้ามากระซิบที่ข้างหูของฉันด้วยน้ำเสียงกระเส่า จนเรียกขนบริเวณใบหูและต้นคอของฉันให้ลุกชูชันขึ้นมาทันที
ใบหน้าสาวแดงแปร๊ดดดด เพราะรู้ถึงความหมายที่เขาพูดเป็นอย่างดี ก่อนที่ตัวเองจะพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อนความเขินอายและเพื่อไม่ให้คนเจ้าเล่ห์ได้สมหวังดั่งใจ...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 24
แสดงความคิดเห็น