บทที่ 95 ช่วยกันปกป้อง
สายตาคมไม่พลาดที่จะจับจ้องการกระทำระหว่างฉันกับคุณมาร์ค ก่อนจะถลึงตาโตจ้องมองไปยังมือที่ประสานกันของชายหญิงด้วยสายตาไม่พอใจ
“แล้วก็ปล่อยมือเมียกูด้วย ถ้ายังอยากกลับไปแบบครบ 32 “คุณเซฟเอ่ยบอกโดยที่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้พูดเล่นเลย จนทำให้ทั้งฉันและคุณมาร์คถึงกับรีบหดมือเก็บกลับเข้าหาตัวเองในทันที
คุณเซฟเดินมายืนที่ข้างฉัน ก่อนที่จะวาดมือโอบเอวกระชับร่างของฉันเข้าหาตัวเขาทันที เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของให้กับคุณมาร์คได้รับรู้
“เอ๊า... ยืนมองเมียคนอื่นอยู่ได้ มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา” ดวงตาสีเทาเข้มจ้องคนตรงหน้าเขม็ง บ่งบอกว่าพร้อมปะทะเต็มที่
“ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม” คุณมาร์คพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตามั่นคงไม่มีท่าทีล้อเล่นเช่นกัน
คุณเซฟมองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ก่อนจะหันมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหี้ยมเช่นกัน ฉันที่รู้จักกาลเทศะดี รีบแสดงท่าทีเพื่อขอปลีกตัวออกจากตรงนั้น
“งั้นเอลิซขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ไปให้คุณมาร์ค
ในขณะที่ฉันกำลังจะหันหลังเดินออกไปจากวงสนทนาที่ดูอึมครึมนั้น ก็ได้ถูกเสียงเย็นยะเยือกเรียกให้หันกลับไป
“เดี๋ยวก่อน...อ่ะนี่...คลุมซะ” คุณเซฟถอดเสื้อสูทของตัวเองแล้วยื่นมาให้ฉัน น้ำเสียงที่ดูเหวี่ยงคงเพราะยังโกรธฉันอยู่ แต่ฉันก็อดปลื้มใจไม่ได้ที่เขายังคงห่วงฉัน
ฉันรับมาด้วยอาการประหม่านิดๆ แล้วรีบสวมคลุมไหล่ตัวเองทันที โดยไม่อิดออด เพราะไม่อยากที่จะทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจไปมากกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้ฉันรับรู้ได้ดีเลยว่าอารมณ์ของเขากำลังเดือดมากแค่ไหน ที่ฉันเล่นหนีลงมาจากห้องโดยที่ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เขาบอก แล้วยังแถมเดินมาคุยกับคุณมาร์คอีกด้วย
ฉันเดินเลี่ยงไปอย่างรู้งาน แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีอะไรกัน แล้วไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน...
จ๊อกๆๆ~~
เสียงท้องน้อยๆ ของฉันร้องดังขึ้นขัดจังหวะความอยากรู้อยากเห็นของฉันพอดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังแล้วกัน เรื่องปากท้องสำคัญกว่า
ฉันเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่คุ้นเคย เนื่องจากตรงนั้นมีพนักงานกำลังจัดเตรียมร้านให้พร้อมต้อนรับนักท่องราตรีที่จะย่างกรายกันมาในค่ำคืนนี้อยู่พอดี
ฉันถามพนักงานหญิงคนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้นไปว่า ฉันจะไปสั่งอาหารมาทานได้ที่ไหนบ้าง ก่อนที่พนักงานหญิงคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน จากนั้นก็รีบกุลีกุจอไปจัดหาอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันแทบจะในทันที
การกระทำของพนักงานทำให้ฉันอดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ โชคดีที่พนักงานสังเกตเห็นว่าฉันคงจะสงสัยในการกระทำของเธอ เธอจึงรีบเฉลยบอกความจริงกับฉันว่าทางพี่กิตได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และสั่งกำชับทุกคนที่อยู่ภายในร้านว่าถ้านายกับคุณเอลิซลงมาก็ให้จัดโต๊ะเตรียมพร้อมไว้ได้เลย
ฉันยกยิ้มพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณส่งไปให้พนักงานผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่จะมองเธอที่รีบวิ่งหายไปทางด้านหลังร้าน แล้วหันมาลูบท้องตัวเองปอยๆ ด้วยความหิว
ในระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟอยู่นั้น สายตาฉันก็ยังคงจับจ้องไปที่ชายหนุ่มหน้าตาดีสองคน ที่กำลังทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่ แต่เพราะความหล่อออร่ากระจายของทั้งคู่ทำให้มุมตรงนั้นดูสว่างไสวจนฉันแสบตาเลยทีเดียว
ถ้าไม่ติดว่าฉันมีคุณเซฟที่หล่อระเบิดระเบ้อหล่อวัวตายควายล้ม หล่อจนไม่มีใครเทียบติดอยู่แล้วล่ะก็...หึหึ คุณมาร์คนี้ก็เข้าตากรรมการเหมือนกันแหละน๊าาาา
ฉันนั่งมองดูเขาสองคนด้วยความเพลิดเพลินต่อไป...
--- เซฟ Talk---
ผมถอดเสื้อสูทที่ผมใส่มาส่งไปให้เธอคลุมปกปิดความเย้ายวนที่อาจจะทำให้ผมคลั่งฆ่าคนที่มองมันได้ ก่อนจะดูเธอเดินห่างออกไป แล้วค่อยหันมาประจันหน้ากับผู้ชายตรงหน้าที่ดูจากสายตามันที่มองเธอแล้ว ถ้ากินเธอได้มันคงกระโจนเข้าใส่แล้วล่ะมั้ง
“มีอะไรจะคุยกับกูก็ว่ามา กูมีเวลาไม่มากหรอกนะ” ผมหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางร้านทันที พร้อมกับท่าทางที่ไม่ยี่หระและอยากจะไล่คนตรงหน้าให้ไปพ้นๆ
“ผมเป็นห่วงเอลิซ” สิ้นเสียงที่คนตรงหน้าเอ่ย ผมขมวดคิ้วจ้องมันตาเขม็งทันที
“มึงอยากตายหรอ ถึงกล้ามาแพร่มว่าเป็นห่วงเมียเขาต่อหน้าผัวเขาแบบนี้เนี้ย” ผมแค่นเสียงเหี้ยมส่งไปด้วยอารมณ์เดือดที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกที รนหาที่ตายจริงๆ เลยนะไอ้ห่านี่!!
“แล้วอีกอย่างเมียกู กูดูแลเองได้ ไม่ต้องมาเสือกเป็นห่วง แต่เอ๊ะ!! เหมือนกูจะจำได้ว่าเคยบอกมึงไปแล้วนะ” ผมที่กำลังโกรธเลือดขึ้นหน้า จนแทบอยากจะกรอก.35 ใส่ปากมันให้เอาไปฝากพ่อมันจริงๆ
“อย่าเพิ่งหึงจนหน้ามืดได้ไหม ผมจริงจัง” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในแววตาไม่มีสัญญาณของการล้อเล่นอยู่ในนั้นเลย
มาร์คที่รำคาญความหึงไม่ดูเวล่ำเวลาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเอลิซเขาก็ไม่ได้อยากจะมายุ่งเกี่ยวกับไอ้เซบาสเธียหรอก
ผมที่ตอนแรกเดือดดาลจนแทบอยากจะเรียกลูกน้องให้มาลากมันออกไปให้พ้นหูพ้นตา แต่พอดูลักษณะท่าทางจริงจังของมันแล้ว จึงทำได้เพียงพยายามข่มความขุ่นเคืองเอาไว้แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่มันกำลังจะพูดออกมา
“มึงพูดมา แต่กูบอกไว้ก่อนนะว่า ถ้ามึงคิดตุกติกอะไร กูจะเรียกยมบาลมารับตัวมึงไปทันที” ผมไม่วายที่จะพูดสำทับไปว่าผมเองก็ไม่ได้ว่างมานั่งล้อเล่นด้วยเหมือนกัน
ไอ้มาคินทร์มันค่อยๆ นั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้ามกับผม แล้วเปิดถึงประเด็นที่มันต้องการที่จะคุยกับผมในครั้งนี้ทันที
“ผมรู้ว่าคุณคงสืบเรื่องราวข้อมูลที่เกี่ยวกับผมมาหมดแล้ว และคุณคงรู้แล้วว่า ผมกับท่านผู้นำ เอ่อ พ่อของผม เราไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร เพราะผมไม่เห็นด้วยกับธุรกิจที่เขาทำ ก็ไอ้ธุรกิจที่เขาอยากจะให้คุณช่วยนั้นแหละ อย่างที่คุณรู้ผมเป็นหมอรักษาคนแล้วจะให้มาค้าขายคนเนี้ยนะ ผมทำไม่ได้หรอก” มาคินทร์เริ่มเท้าความให้ผมฟัง
ผมนั่งฟังมันพูดเงียบๆ พร้อมกับคิดตามด้วยความหวาดระแวว่ามันจะมาไม้ไหน ทำมันอยู่ดีๆ ถึงมาพูดเรื่องแบบนี้ให้ผมฟัง
“แล้วถ้าผมคิดไม่ผิด ผมคิดว่าคุณก็คงรู้ด้วยอีกว่า ทางตระกูลของผมเขาให้ผมมาคอยตามสืบหาจุดอ่อนเพื่อเอามาเล่นงานคุณ ซึ่งตอนนี้ทางตระกูลผมเขาก็รู้แล้ว...ว่าจุดอ่อนนั้นก็คือ...”
“เอลิซ / เอลิซ” สองเสียงประสานพูดขึ้นพร้อมกันทันทีโดยที่ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 25
แสดงความคิดเห็น