บทที่ 54 คำที่รอคอย
หลังจากที่เขารับอาหารมาจากพี่กิต เขาก็ปิดประตูใส่หน้าพี่กิตทันทีโดยที่ไม่พูดอะไร ฉันเห็นเงาพี่กิตเหมือนเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องทำงานสักพัก ก่อนจะเดินจากไป คงจะยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไป
“เฮียสั่งอาหารมาตั้งแต่ตอนไหนคะเนี้ย” ฉันพูด แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ถาดอาหารที่ดูน่ากินไปหมด ความจริงฉันรู้สึกหิวมาได้สักพักแหละ แต่เกรงใจเขาที่กำลังยุ่งกับการเคลีย์งานเลยไม่อยากจะรบกวน
“ก็ตอนที่นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้พกเมียมาด้วย” เขาหยอกฉันกลับแทนคำตอบ
ฉันค้อนให้เขาทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ ใครเป็นเมียตัวเองกันย่ะ ขี้ตู่ชะมัด...ชิ
เขาจัดแจงเตรียมจานข้าวและตักข้าวให้ฉัน โดยที่ไม่ให้ฉันช่วยอะไรเลย พอฉันอยากจะช่วยเขาก็บอกขอให้ฉันช่วยนั่งเป็นกำลังใจกับนั่งกินข้าวเป็นเมียเขาก็พอ
ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขา เลยทำตามที่เขาบอก จากนั้นเราทั้งสองคนก็ลงมือกินอาหารข้างหน้าทันที เรากินไปคุยไป เขาคอยตักอาหารให้ฉัน ฉันก็ตักให้เขาคืน มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่ดูเรียบง่าย จนฉันนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพนี้ ภาพที่ท่านเซบาสเธียผู้ยิ่งใหญ่ จะมานั่งกินอาหารที่เรียบง่ายกับฉันสองคนได้ ฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับเขา และนั่งมองเขามากกว่าจะตักข้าวเข้าปาก จนเขาคงรู้สึกได้ว่าฉันนั่งจ้องเขาอยู่
“มองเฮียแล้วอิ่มหรอค่ะ” เขาเอ่ยโดยที่ไม่ได้มองหน้าฉัน
“อะ..เอ่อ” ฉันถึงกลับไปไม่ถูกเมื่อโดนเขาจับได้
“หรือว่าไม่หิวข้าวแล้วแต่หิวเฮียแทน” สิ้นประโยคที่ออกจากปากเขา ฉันรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวทันที ตาบ้าปีศาจเซฟนี่ มีช่องไม่ได้จ้องจะแทะโลมพูดสองแง่สองง่ามกับฉันตลอด (จนฉันหวั่นไหวแล้วนะ...อดทนไว้นะอดทนไว้ยัยเอลิซ)
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉันเตรียมจะเก็บไปล้างที่โซนห้องครัวด้านนอก แต่เขาห้ามไว้โดยบอกว่าเขาเรียกให้พี่กิตมาจัดการแล้ว
สักพักพี่กิตก็เข้ามาเก็บทุกอย่างออกไป โดยไม่ลืมที่จะหันมาโค้งคำนับให้ฉันอีกครั้ง ส่วนฉันก็ได้แต่ก้มหัวลงน้อยๆ เพื่อเป็นการเคารพกลับเขาเช่นกัน
“แปลกนะ...” อยู่ดีๆ คุณเซฟเขาก็เอ่ยขึ้นมา
“แปลกอะไร อะไรแปลกหรอค่ะ” ฉันถามกลับด้วยความสงสัย
“เอลิซรู้ไหม กิตมันไม่เคยยอมก้มหัวคำนับใครโดยเฉพาะผู้หญิง” เขาเอ่ยบอกให้ฉันคลายความสงสัย
“หาาา...จริงหรือคะเนี้ย แล้วทำไมพี่กิตเขาถึง...” ฉันเอ่ยถามพร้อมกับถอดสายตาออกไปทางประตู
“เพราะว่ากิตมันยอมรับเอลิซไงคะ” ^-^ เขาเอ่ยด้วยสายตาที่ยิ้มมีความสุข
“แต่เอลิซยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่กิตเขาเลยนะคะ” ฉันยังคงสงสัยอยู่
“แค่เอลิซคือคนสำคัญของเฮีย คือคนที่เฮียแคร์ที่สุด คือเมียของเฮีย แค่นี้ก็เพียงพอที่กิตมันจะยอมรับเอลิซเป็นนายหญิงแล้ว” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงละมุนปนได้ด้วยความสุขในหัวใจที่ลูกน้องที่เขารักเหมือนครอบครัวเหมือนพี่น้องยอมรับคนที่เขาเรียกว่าเมีย
“ถ้าแค่นั้น พี่กิตคงต้องยอมรับผู้หญิงอีกหลายคนที่เฮียเคยผ่านมา และกำลังจะผ่านเข้ามาด้วยแหละค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่ขุ่นเคืองในใจ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น มันเหมือนกับว่าฉันกำลังรอคำบางคำจากปากของเขาให้ฉันได้มั่นใจที่จะยืนเคียงข้างเขาและได้รับการยอมรับจากคนรอบตัวเขามากกว่านี้
ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งได้คิดว่าเขาเคยผ่านใครมาบ้าง และฉันอาจจะเป็นแค่หนึ่งคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาแล้วผ่านออกไป สุดท้ายแล้วก็ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไรและอาจจะเลือนรางไม่เหลืออยู่ในความทรงจำของเขา
พอคิดแล้วอยู่ดีๆ น้ำตาฉันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเมื่อเห็นหัวไหล่ฉันเริ่มสั่นไหว เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังร้องไห้
“เอลิซเป็นอะไรคะ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะคะ” เขารีบเดินมานั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามฉัน และพยายามที่จะจับตัวฉันให้หันไปหาเขา
“ฮืออออออ” จากที่แค่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเงียบๆ บัดนี้เมื่อโดนคำถามแทงใจดำน้ำตาก็ยิ่งหลั่งไหลออกมาเป็นสาย
“เป็นอะไรคะ บอกเฮียหน่อยได้ไหม บอกผัวโง่ๆ คนนี้ให้รู้ได้ไหมคะ” เขาพยายามเอ่ยปลอบ โดยที่ฉันไม่ยอมหันไปหาเขาได้แต่นั่งหันหลังให้เขา เขาจึงทำได้แค่โอบกอดฉันจากด้านหลัง แล้วเอาคางมาเกยบนไหล่ที่กำลังสั่นไหวของฉัน
“ฮึก...ฮึก...ฮือออ” ฉันส่ายหัวเป็นคำตอบ และพยายามที่จะหยุดน้ำตาที่ไหลออกมา แต่ก็ทำไม่ได้
เขาดึงตัวฉันให้เข้าไปซุกที่อกแกร่งของเขา กลิ่นกายที่แสนอบอุ่นของเขามันเริ่มทำให้ฉันสงบลง ฉันได้แต่เอามือปิดปากไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา แล้วฝังตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“โอ๋ นิ่งสะนะคนดีของเฮีย บอกเฮียได้ไหมคะว่าเป็นอะไร” เขาเอ่ยปลอบเสียงทุ้มนุ่มอบอุ่นจนฉันเริ่มผ่อนคลาย ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แค่คิดว่าจะไม่มีความหมายในชีวิตของเขา แค่คิดว่าวันหนึ่งจะไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ฉัน น้ำตามันก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงเกี่ยวกับความรู้สึกที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
เหมือนว่าเขาจะรู้ว่าฉันคงยังไม่พร้อมที่จะบอกอะไร เขาก็ไม่ได้เร่งรัดที่จะเอาคำตอบ ได้แต่กอดปลอบฉันจนเสียงสะอื้นจางหายไป
ฉันจมอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก ก่อนที่จะหยัดตัวออกมา เขายื่นมือขึ้นมาเพื่อเชยคางฉันขึ้นไปสบตากับเขา แววตาของเขาแน่วแน่และอบอุ่น จนหัวใจฉันเริ่มสั่นไหว ก่อนที่เขาจะบรรจงจุมพิตเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลมหัวใจฉันอีกครั้ง ริมฝีปากที่ประทับลงมาอย่างบางเบาแต่กลับแผ่ซ่านความรู้สึกมาถึงหัวใจให้อบอุ่น ความหวาดกลัวที่เกาะกินหัวใจเมื่อครู่พลันหายไปฉับพลัน เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก ก่อนจะแย้มรอยยิ้มอบอุ่นแสนมีเสน่ห์แบบที่ฉันชอบส่งมาให้หัวใจทำงานหนักอีกครั้ง
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 44
แสดงความคิดเห็น