ตอนที่ 900 ข่าวทวีความเข้มข้น
ตอนที่ 900 ข่าวทวีความเข้มข้น
“เซี่ยเฟยนายจะโชคดีเกินไปแล้ว!” ทั้งเซี่ยเค่อและเซี่ยเหลียนหนิงต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“สรุปแล้วมันคืออะไรเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“พวกเรากลับกันก่อนดีกว่า มีอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ จากนั้นทุกคนก็มองไปยังแท่งทองอย่างสงสัยว่าเซี่ยเฟยจะจัดการกับหนอนยักษ์ตัวนี้ยังไงกันแน่
เห็นได้ชัดว่านักรบระดับสูงของสกายวิงทุกคนต่างก็ไม่มีใครเคยเห็นหนอนด้วงมิติสีทองมาก่อน ซึ่งนอกเหนือจากขนาดลำตัวที่ใหญ่โตของมันแล้ว มันยังเชื่อฟังคำสั่งของเซี่ยเฟยเป็นอย่างดีอีกด้วย
โดยปกติหนอนด้วงมิติเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการฝึกฝนจากเผ่ามารตั้งแต่พวกมันยังเด็ก พวกมันจึงกลายเป็นศัตรูกับเผ่าเทพโดยกำเนิด และมีหนอนด้วงมิติอยู่ภายใต้คำสั่งของเผ่าเทพเป็นจำนวนน้อยมาก
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เพราะว่าเผ่าเทพไม่ต้องการฝึกหนอนด้วงมิติ แต่เป็นเพราะการฝึกหนอนด้วงมิติจำเป็นจะต้องใช้วิธีการเฉพาะที่ได้รับการส่งต่อกันมา
นักรบเผ่าเทพส่วนใหญ่ที่สามารถฝึกหนอนด้วงมิติได้สำเร็จคือคนที่บังเอิญได้ไข่ของหนอนด้วงมิติมาตั้งแต่แรก พวกเขาจึงมีความผูกพันเสมือนครอบครัว มันจึงไม่มีใครเคยเป็นเจ้าของหนอนด้วงมิติขนาดใหญ่ยักษ์เหมือนกับแท่งทองมาก่อน
ทุกคนไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยจับหนอนด้วงตัวใหญ่แบบนี้ได้ยังไง และทุกคนก็คิดว่าแท่งทองอาศัยมิติมาแล้วหลายล้านปีก่อนที่จะเติบโตกลายเป็นหนอนด้วงขนาดยักษ์ในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วแท่งทองเพิ่งจะมีอายุครบ 1 เดือนเท่านั้น
“แท่งทอง” เซี่ยเฟยเอื้อมมือออกไปลูบหัวแท่งทองเบา ๆ
อย่างไรก็ตามทันทีที่ชายหนุ่มเรียกชื่อหนอนด้วงร่างยักษ์ตัวนี้มันก็ถึงกับทำให้นักรบสกายวิงอ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะการตั้งชื่อของเซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะดูทะแม่ง ๆ อยู่เล็กน้อย
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการแอบฟังบทสนทนาระหว่างเซี่ยเฟยกับแท่งทองต่อไป ทุกคนจึงส่ายหัวและปลีกตัวออกมา
“ทำไมเซี่ยเฟยถึงไปได้หนอนด้วงมิติแบบนี้มานะ?”
“เขาก็เล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาบังเอิญไปช่วยมันในตอนที่มันกำลังจะตาย แต่เซนส์ตั้งชื่อของเซี่ยเฟยมันใช้การไม่ได้จริง ๆ”
—
คฤหาสน์อีวิลวิง
สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก นักรบสกายวิงทุกคนจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกกระจายกำลังออกไปทำตามหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมาจากบรรพบุรุษ เมื่อภารกิจช่วยเหลือพวกเซี่ยกวงไห่เสร็จสิ้นลง ทุกคนจึงกระจายกันออกไปเพื่อทำภารกิจดั้งเดิมของตัวเอง
ภายในห้องประชุมปัจจุบันเซี่ยเค่อ, เซี่ยเหลียนหนิงและเซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะวงกลม
“นายอย่าปล่อยหนอนสีทองตัวนั้นไปเด็ดขาดเลยนะ ในอนาคตอันใกล้มันจะกลายเป็นกองกำลังของพวกเรา” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว
“ผมเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ ทุกคนไม่ต้องห่วง เมื่อถึงคราวจำเป็นแท่งทองก็พร้อมจะออกมาช่วยเหลือพวกเราแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ท้ายที่สุดหนอนด้วงมิติก็คือราชาแห่งช่องว่างมิติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกจะทิ้งหนอนด้วงมิติเอาไว้ในช่องว่างมิติและเข้าไปดูแลมันเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ผู้ฝึกจะสร้างรหัสลับเอาไว้เพื่อคอยสื่อสารกับหนอนด้วงมิติยามจำเป็น
เมื่อทุกคนได้เห็นท่าทีของแท่งทองที่มีต่อเซี่ยเฟย ผู้อาวุโสของตระกูลทั้งสองก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการจัดการหนอนสีทองตัวนี้มากนัก
หลังจากนั้นผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ถามเซี่ยเฟยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งเซี่ยเฟยก็อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดจากมุมของเขา
“ที่แท้มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์จากดาร์คไนท์นี่เอง ตอนนั้นเราแค่เห็นลิ้นขนาดใหญ่กวาดเอาพื้นที่บริเวณนั้นไป แต่เรายังไม่กล้ายืนยันว่าสิ่งที่เราเห็นมันคืออะไรกันแน่” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเค่อกับเซี่ยเหลียนหนิงไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าร่างของคางคกตัวนั้นจะมีความใหญ่โตขนาดไหนกันแน่ เพราะเพียงลิ้นของมันก็มีความใหญ่โตมาก และแม้แต่แท่งทองที่มีขนาดเกือบเท่าพระจันทร์ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ เมื่อเทียบกับคางคกจากดาร์คไนท์
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเล่าออกมาอย่างสบาย ๆ แต่ทุกคนก็สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าการเผชิญหน้าในครั้งนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็สามารถพิชิตต้นสนไร้วันสลายได้และเขายังสามารถจัดการกับคางคกขนาดยักษ์ได้อีกด้วย
“สถานการณ์ตอนนี้ย่ำแย่มาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แบบนั้นจะปรากฏการณ์บริเวณชายแดนของดินแดนกฎแล้ว แสดงว่าสถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่าที่พวกเราได้คาดการณ์เอาไว้” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“ดูเหมือนพวกเราจะเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงนี้บรรพบุรุษถึงยุ่งมาก ที่แท้สถานการณ์มันก็เลวร้ายมาถึงขั้นนี้แล้วนี่เอง” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ประตูจักรวาลเริ่มไม่เสถียรแล้ว พวกสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์ก็เริ่มทำการเคลื่อนไหว แล้วทำไมเบื้องบนจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ถึงยังไม่วางกลยุทธ์ตอบโต้ออกมาสักทีล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
เซี่ยเค่อกับเซี่ยเหลียนหนิงหันมามองหน้ากันก่อนที่จะเผยรอยยิ้ม จากนั้นเซี่ยเค่อก็กล่าวอธิบายออกมาว่า
“การวางกลยุทธ์ของเผ่าพันธุ์เป็นหน้าที่ของราชวังราชันย์เทพ พวกเราจึงไม่มีทางรู้ว่าทางเผ่าเทพกำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าคนอื่นจะวางแผนทำอะไรสกายวิงควรจะวางแผนรับมือสถานการณ์ของตัวเองอยู่เสมอ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเราในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ แต่เป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วต่างหาก”
“ในตอนที่พวกเราบุกเข้าไปในมัดดี้ มันก็มีความขัดแย้งร้ายแรงเกิดขึ้นบริเวณชายแดนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายพันคน อารมณ์ของสองเผ่าพันธุ์เริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ฉันเกรงว่าอีกไม่นานมันก็คงจะเกิดสงครามใหญ่”
“อะไรนะ?! ระหว่างที่พวกดาร์คไนท์กำลังรุกคืบเข้ามา แต่ทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็ยังยืนกรานที่จะเริ่มสงครามต่อกันอีกงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล
“ไม่ใช่แค่นายหรอกที่ไม่เข้าใจ แต่พวกเราและบรรพบุรุษก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นายรู้ไหมว่าตอนนี้บรรพบุรุษของเรากำลังทำอะไรอยู่?” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับกางแขนอย่างช่วยไม่ได้
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบ เพราะเขายังไม่เคยเจอบรรพบุรุษของตระกูลเลย มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ข่าวคราวการเคลื่อนไหวของบรรพบุรุษ
“ความจริงแล้วตระกูลของเราได้รับคำสั่งให้ส่งนักรบชั้นยอดไปที่ชายแดน แต่บรรพบุรุษของพวกเราตอบปฏิเสธกลับไป” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ปฏิเสธ!? บรรพบุรุษกล้าปฏิเสธคำสั่งของเผ่าเทพเลยเหรอครับ” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เพราะการปฏิเสธนี้แหละมันจึงทำให้บรรพบุรุษกำลังเผชิญหน้ากับผู้นำของทุกตระกูลในราชวังราชันย์เทพ และเป็นสาเหตุที่ทำให้บรรยากาศในคฤหาสน์ตึงเครียดแบบนี้” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะไม่ได้อธิบายสถานการณ์ออกมามากนัก แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของทั้งคู่แล้ว เซี่ยเฟยก็สามารถสรุปได้เลยว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของตระกูลอยู่ในขั้นที่ร้ายแรงแล้วจริง ๆ
“นายไม่จำเป็นจะต้องกังวลไปหรอก ถึงฟ้าจะถล่มดินจะทำลายแต่บรรพบุรุษก็จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อพวกเราต่อไป สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำคือการเชื่อมั่นในตัวเขาเท่านั้น เพราะการที่บรรพบุรุษกล้าทำแบบนี้ มันก็แสดงว่าเขาคิดแผนสำรองเอาไว้แล้ว” เซี่ยเค่อกล่าว
เซี่ยเฟยมีความเชื่อมั่นในตัวของบรรพบุรุษที่เขาไม่เคยพบมาก่อนด้วยเช่นกัน และถึงแม้ภายนอกบรรพบุรุษจะดูมีนิสัยบ้า ๆ แต่ในความจริงแล้วชายชราคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมาก
“ว่าแต่ลูกแก้วดาร์คไนท์อยู่ไหนแล้ว?” เซี่ยเหลียนหนิงถาม
“ไอ้นี่มันชื่อลูกแก้วดาร์คไนท์งั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามขณะหยิบลูกแก้วที่เขาได้รับมาจากคางคกยักษ์ออกมา
“นายอย่าพึ่งดูถูกมันไป นี่คือสมบัติที่มีมูลค่าหลาย 10 ล้านคริสตัลฟ้าเลยนะ” เซี่ยเค่อกล่าว
“หา!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้รู้ว่าแท้ที่จริงลูกแก้วสีดำสนิทนี้มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านคริสตัลฟ้า
“มันมีเอาไว้ทำอะไรเหรอครับ? ทำไมราคาของมันถึงสูงขนาดนั้น” เซี่ยเฟยถาม
“ลูกแก้วนี้คือแกนพลังงานของสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ ว่ากันว่านักกลั่นพลังงานสามารถดึงพลังงานออกจากมันเพื่อนำมาช่วยพัฒนาอย่างรวดเร็วได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับการนำมาสร้างอาวุธได้อีกด้วย”
“ตอนนี้นายน่าจะรู้แล้วว่าโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์แตกต่างจากโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตภายในดินแดนกฎอย่างสิ้นเชิง พวกมันมีพลังชีวิตที่สูงมากและสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้ไม่ว่าเราจะทำลายพวกมันไปแค่ไหนก็ตาม”
“วิธีการจัดการกับพวกมันไม่ใช่แค่การใช้อาวุธมายาและกฎจากสมัยโบราณเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงอาวุธที่ทำขึ้นมาจากลูกแก้วดาร์คไนท์อีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของพวกมันฟื้นฟูกลับมาได้อีกครั้ง”
“ถึงแม้จะไม่มีใครพูดถึงสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์ แต่ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี มันจึงมีการพยายามแอบรวบรวมลูกแก้วดาร์คไนท์อย่างลับ ๆ ยิ่งโดยเฉพาะสถานการณ์ที่ประตูจักรวาลเกิดความไม่เสถียร มันยิ่งทำให้มูลค่าของลูกแก้วดาร์คไนท์เพิ่มขึ้นจากเดิมไปอีกหลายเท่า” เซี่ยเค่ออธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจว่าลูกแก้วนี้ไม่เพียงแต่จะนำมาเพิ่มพลังให้นักรบได้เท่านั้น แต่มันยังเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการสร้างอาวุธเพื่อจัดการกับพวกดาร์คไนท์อีกด้วย
“นายเก็บรักษามันเอาไว้ก่อน ลูกแก้วดาร์คไนท์แต่ละลูกเป็นสมบัติล้ำค่า บางทีบรรพบุรุษอาจจะมีวิธีการดี ๆ มาแนะนำก็ได้” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว
“ว่าแต่ผมจะต้องทำอะไรต่อไปงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากเก็บลูกแก้วดาร์คไนท์ไว้ในแหวนมิติตามเดิม
“กลับไปที่บริษัทฟิกส์เหมือนเดิม บริษัทนั่นเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ตระกูลของเราไม่สามารถส่งสายลับเข้าไปได้ ถ้าหากนายสามารถสร้างตัวตนในบริษัทได้สำเร็จ มันก็จะช่วยตระกูลได้เป็นอย่างมาก” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวหลังจากหันไปส่งสายตากับเซี่ยเค่อ
“แม้แต่บรรพบุรุษก็ยังสงสัยว่าทำไมบริษัทฟิกส์ถึงเป็นองค์กรที่ถูกยกขึ้นให้เทียบชั้นกับราชวังราชันย์เทพ บรรพบุรุษเคยบอกว่าบริษัทฟิกส์ไม่ใช่บริษัททั่ว ๆ ไปเท่านั้น พวกเราเลยกำลังสงสัยว่าบริษัทฟิกส์อาจจะมีเบื้องหลังเป็นพระเจ้าผู้สร้างดินแดนกฎเหมือนกับราชวังราชันย์เทพก็ได้” เซี่ยเค่อกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“พระเจ้าผู้สร้างดินแดนกฎ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เมื่อได้พบตัวตนใหม่ที่ถูกเรียกว่าพระเจ้า
“ถ้าราชวังราชันย์เทพมีบรรพบุรุษ บริษัทฟิกส์ก็มีนายคอยส่งข่าวออกมาด้วยเหมือนกัน ในเวลานั้นพวกเราจะมีเครือข่ายข่าวสารที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งหมด” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเป็นประกาย
**************
อีกไม่นานไม่สงครามใดก็สงครามหนึ่งล่ะพี่เฟย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 343
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น