ตอนที่ 835 รูปภาพอันซับซ้อน
ตอนที่ 835 รูปภาพอันซับซ้อน
การกลืนกินกันของอาวุธมายาธาตุไฟเป็นปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเปลวไฟชนิดหนึ่งได้ลุกโหมท่วมเปลวไฟอีกชนิดอย่างดุดัน ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดการระเบิดที่ส่องแสงสว่างอย่างเจิดจ้า
วินาทีต่อมาลาวาละลายลักษณ์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างช้า ๆ กลายเป็นเปลวไฟ 2 สีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นเปลวไฟสีน้ำเงิน ขณะที่พื้นที่อีกส่วนเป็นเปลวไฟสีแดงฉาน ซึ่งมันก็ให้ทั้งความรู้สึกที่ร้อนแรงและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน
ชายปริศนาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ เผยให้เห็นใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยผมเผ้าหนวดเคราอันรุงรัง แต่ดวงตาคู่นั้นก็มีลักษณะเหมือนกับเซียงจินเฉิงอย่างกับลอกกันมา
หลังจากจัดการหลอมรวมอาวุธมายาทั้งสองเข้าด้วยกันได้แล้ว เขาก็ค่อย ๆ เดินกลับไปยังเก้าอี้กัปตันของยานอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบรูป ๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างโหยหา และชายชรารูปนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากเซียงจินเฉิง
“พ่อครับ ผมจัดการหลอมรวมอาวุธมายาตามที่พ่อต้องการได้แล้วนะ หลังจากนี้ผมจะช่วยล้างความอัปยศของตระกูลให้กับพ่อเอง” ชายหนุ่มกัดฟันพูดด้วยแววตาที่ดุร้าย
—
หากเซี่ยเฟยต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้าน เขาก็จำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญในกฎแห่งการประดิษฐ์ซะก่อน โดยกฎนี้เป็นกฎย่อยที่แตกแยกออกมาจากกฎแห่งสสาร แน่นอนว่านอกจากชายหนุ่มจะต้องเรียนรู้อักขระกฎแล้ว เขายังจำเป็นจะต้องทำความรู้จักวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ ในจักรวาลอีกด้วย
เซี่ยเหล่าสือนำหนังสือมาให้เซี่ยเฟยอ่านมากมาย โดยภายในหนังสือแต่ละเล่มต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยคำอธิบายของวัตถุดิบแต่ละชนิด
โชคดีที่เซี่ยเฟยเป็นคนชอบอ่านหนังสือตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เขาจึงใช้เวลาทั้งวันทุ่มเทไปกับการอ่านหนังสือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการจะพักผ่อน เขาจะเดินทางไปยังพันธมิตรเพื่อหาแอวริล ซึ่งเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ภายในค่ายฝึกจัสทิสลีก
ในช่วงกลางคืนเซี่ยเฟยก็กำลังนอนอยู่บนเตียงโดยถือหนังสือเก่า ๆ เล่มหนาเอาไว้ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่าสารานุกรมการสกัดที่มีการพูดถึงวิธีการสกัดโลหะประเภทต่าง ๆ
พูดตามตรงว่าเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงอ่านหนังสืออย่างสนุกสนาน ทำให้เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่รู้ตัว
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาพบว่ามีเนื้อหาบางส่วนที่เขาไม่เข้าใจ เขาก็จะอ่านหนังสือเล่มนั้นซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ถ้าหากเขาอ่าน 1 ครั้งแล้วยังไม่เข้าใจเขาก็จะอ่าน 2 ครั้ง ถ้าหากเขาอ่าน 10 ครั้งแล้วยังไม่เข้าใจ เขาก็จะอ่านมัน 100 ครั้ง
ตราบใดก็ตามที่เขายังคงไม่เข้าใจเนื้อหา เขาก็จะอ่านหนังสือเล่มนั้นซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะเข้าใจเนื้อหาทุกอย่างให้ได้อย่างถ่องแท้
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ปิดหนังสือแล้วโยนหนังสือเล่มนี้ไปยังกองภูเขาหนังสือที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ซึ่งกองหนังสือเหล่านั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาที่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วทั้งหมด
“นายอ่านจบเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” โอโร่กล่าวถามพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะสำหรับตัวเขาการอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่ทรมานมาก เขาจึงไม่เข้าใจว่านักรบที่เก่งกาจอย่างเซี่ยเฟยมีความสามารถในการอ่านหนังสือขนาดนี้ได้ยังไง
“อือ การได้อ่านหนังสือพวกนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจริง ๆ ผมเพิ่งรู้ว่าทั่วทั้งจักรวาลมีโลหะอยู่มากกว่า 6,000 ล้านชนิด ท่ามกลางโลหะพวกนั้นมีโลหะมากกว่า 20 ล้านชนิดที่เป็นโลหะสำคัญสำหรับดินแดนกฎ”
“ดูเหมือนว่ากระบวนการในการประดิษฐ์จะมีความซับซ้อนมากพอ ๆ กับการปรุงยา มันยังคงมีความรู้พื้นฐานอีกเยอะมากที่ผมยังไม่ได้เรียนรู้ ผมคิดว่ากฎแห่งการประดิษฐ์น่าจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญจริง ๆ น่าจะเป็นสัดส่วนของโลหะ, วิธีการหลอมและ…”
เมื่อได้ยินเซี่ยเฟยร่ายยาวถึงทฤษฎี โอโร่ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงพยายามส่งเสียงกระแอมขัดจังหวะชายหนุ่มเอาไว้ และกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลียว่า
“พรุ่งนี้หลังจากนายไปเจอเซี่ยเหล่าสือแล้ว นายค่อยเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกับเขาเถอะ ไม่ว่ายังไงกฎแห่งการประดิษฐ์ของนายก็พัฒนามาจนถึงขั้นที่ 2 แล้ว หลังจากนี้มันควรจะเป็นการฝึกภาคปฏิบัติได้สักที”
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่โอโร่สนใจมีเพียงแค่เรื่องประวัติศาสตร์ดินแดนกฎ, วิชาการต่อสู้แขนงต่าง ๆ และสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลของอีกฝ่ายเท่านั้น อดีตจอมมารเกราะดำจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการประดิษฐ์หรือการปรุงยาเลย แต่ถึงกระนั้นโอโร่ก็ยังคงเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถช่วยให้คำแนะนำในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อยู่ดี
เซี่ยเฟยใช้นิ้วแตะแหวนมิติและทำการเรียกรูปมิสเทอรีมูนออกมา ทันทีที่ม้วนภาพยาวถูกเปิดออก มันก็แสดงให้เห็นถึงรูปภาพอันซับซ้อนต่อหน้าของชายหนุ่ม
รูปมิสเทอรีมูนคือมรดกที่เทพแห่งการประดิษฐ์ได้ทิ้งเอาไว้ ว่ากันว่าหากใครสามารถตีความภาพ ๆ นี้ได้ คนคนนั้นก็จะมีสิทธิ์พัฒนากลายเป็นเทพนักประดิษฐ์คนต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามลวดลายต่าง ๆ ภายในภาพก็เป็นสิ่งที่ยากจะตีความมากเกินไป คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่าภาพ ๆ นี้พยายามจะสื่อสารถึงอะไรกันแน่
“ภาพนี้มันคือภาพจริงใช่ไหม? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องเล่าของมันเป็นเรื่องไร้สาระ ฉันยังไม่สามารถเชื่อมโยงได้เลยว่าภาพแบบนี้มันจะมีความเกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ได้ยังไง?” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ เพราะภาพ ๆ นี้ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวมากกว่าหนังสือของเซี่ยเฟยซะอีก
“ถ้ามันตีความได้ง่าย ๆ จักรวาลนี้คงจะมีเทพนักประดิษฐ์อยู่ทั่วทุกที่แล้ว ผมเดาว่าภาพนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์แน่ ๆ ขึ้นอยู่กับว่าผมจะเริ่มตีความมันออกมาได้เมื่อไหร่” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วตอนนี้นายได้อะไรจากมันบ้าง?” โอโร่ถาม
“ผมคิดว่าลวดลายส่วนใหญ่คือภาพลวง ส่วนที่สำคัญจริง ๆ น่าจะเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็ก ๆ ภายในภาพเท่านั้น ตราบใดก็ตามที่ผมตัดส่วนที่เป็นภาพลวงออกไปได้ เมื่อนั้นความจริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าของพวกเรา” เซี่ยเฟยกล่าว
“ปริศนานี้มันคล้าย ๆ กับปริศนาภาพของเฮเลนที่นายตีความออกมาเป็นท่อนเพลงใช่ไหม?” โอโร่ถามอีกครั้ง
“มันไม่เหมือนกัน รูปนั้นเป็นรูปที่ไม่ได้ซ่อนอะไรเอาไว้เลย แต่รูปนี้ทั้งมีการอำพรางและต้องแก้ไขปริศนาไปในเวลาเดียวกัน” เซี่ยเฟยตอบ
ในที่สุดโอโร่ก็เลือกที่จะละความสนใจไปจากชายหนุ่ม เพราะเขาไม่อยากจะเสียพลังงานไปกับการมองรูปภาพที่น่าปวดหัวแบบนี้ เขาจึงใช้เวลาว่างในการวางแผนว่าเขาจะทำอะไรหลังจากที่ได้เกิดใหม่ ซึ่งอันที่จริงเขาเคยวางแผนมาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยยังไม่ยอมสังหารเขาสักที
ตลอดเวลาที่ผ่านมาโอโร่เคยพยายามยั่วยุเซี่ยเฟยให้สังหารเขาหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้มีนิสัยเจ้าเล่ห์มากเกินไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเซี่ยเฟยก็ไม่เคยรู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้ง ๆ ที่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาถูกบลัดบิวเทียสแทงลงไป เมื่อนั้นเขาก็จะได้รับโอกาสไปเกิดใหม่อย่างที่เขาต้องการ
เซี่ยเฟยยังคงจ้องมองรูปปริศนาไปจนถึงกลางดึก ซึ่งการจ้องมองรูปที่ซับซ้อนแบบนี้นาน ๆ มันก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกเวียนหัว แต่สำหรับชายหนุ่มคนนี้แล้วเขากลับกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังผจญภัยไปในท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสนุกมากกว่าที่จะรู้สึกน่าเบื่อ
ชายหนุ่มพยายามวิเคราะห์ลายเส้นต่าง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพยายามลบพื้นที่บางส่วนออกไปเพื่อพยายามเข้าถึงความตั้งใจที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ
การค้นหาครั้งนี้เปรียบเสมือนกับการพยายามงมเข็มในมหาสมุทร และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกสนุก แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็เลือกที่จะม้วนเก็บภาพวาดเพื่อนอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มันยังมีการฝึกฝนที่ยังรอเขาอยู่
“ดูเหมือนว่าการพยายามไขปริศนาของภาพนี้มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
—
แม้ว่าเมื่อคืนเซี่ยเฟยจะเข้านอนดึกมาก แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งหลังจากที่เขายืดเส้นยืดสายเขาก็เดินทางไปยังสวนหลังบ้าน
เซี่ยอู๋เย่ได้เตรียมอาหารเช้าเอาไว้รอชายหนุ่มอยู่แล้ว ซึ่งอาหารพวกนี้มีไว้กินเพื่อความเอร็ดอร่อยเท่านั้น ท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถเติมพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดโดยตรงได้ และในช่วงมื้ออาหารมันยังเป็นเวลาที่ทุกคนจะมีโอกาสได้พูดคุยกันอีกด้วย
แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เซี่ยเสี่ยวโป้จะเดินทางมาอาศัยยังสวนสายลม แต่หลังจากที่เขาต้องอยู่เฉย ๆ มาระยะหนึ่ง เขาก็เริ่มกระสับกระส่ายเหมือนกับสมาชิกทุกคนในตระกูล เขาจึงบอกว่าเขาต้องการจะออกไปท่องเที่ยวสักหน่อย เซี่ยเฟยจึงไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายท่องเที่ยวไปจนถึงไหนแล้ว
ด้วยเหตุนี้เองสวนสายลมจึงเหลืออยู่เพียงแค่เซี่ยเฟย, เซี่ยจงไห่กับเซี่ยอู๋เย่เท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเรื่องสำคัญ สมาชิกทุกคนของตระกูลก็พร้อมที่จะกลับมารวมตัวกันได้ทุกเมื่อ
“หลังจากที่พวกเราชนะสงคราม สถานการณ์ก็สงบลงไปมากแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้สายลับของเราได้รายงานมาว่าเซียงจินเฉิงอาจจะมีลูกนอกสมรสซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง” เซี่ยอู๋เย่กล่าวกลางมื้ออาหาร
“ลูกนอกสมรส!?” ทั้งเซี่ยเฟยและเซี่ยจงไห่ต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะสงครามครั้งที่ผ่านมาพวกเขาได้ประกาศออกไปแล้วว่าพวกเขาจะฆ่าศัตรูแบบถอนรากถอนโคนทั้งหมด
หากเซียงจินเฉิงยังคงมีลูกนอกสมรสอยู่จริง ๆ มันก็หมายความว่าศัตรูของพวกเขายังคงเหลือรอดชีวิตอยู่
“เซียงจินเฉิงซ่อนลูกชายคนนี้เอาไว้อย่างฉลาดมาก หลังจากการสืบสวนสายลับได้ตรวจพบว่าเซียงจินเฉิงมักจะเดินทางไปที่แดนเนรเทศเป็นระยะ ๆ”
“ตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาแค่เดินทางไปติดต่อกับพวกทหารรับจ้าง แต่หลังจากสายลับตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ พวกเราก็ได้พบว่านอกเหนือจากเซียงจินเฉิงจะเดินทางไปพบกับพวกทหารรับจ้างแล้ว เขายังได้ไปพบกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าหวู่หยูหมิงด้วย” เซี่ยอู๋เย่กล่าวพร้อมกับเปิดหน้าจอเพื่อแสดงใบหน้าของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
“เหมือนมาก! ตาของพวกมันเหมือนกันอย่างกับแกะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงสงสัยว่ามันเป็นลูกนอกสมรสของเซียงจินเฉิง” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับวางตะเกียบลงกับโต๊ะ
“คุณตาไปหาตัวเขาเจอได้ยังไงครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“นายน้อย ถึงแม้ว่าสงครามจะจบลงแล้วแต่การถอนรากถอนโคนศัตรูยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สายลับของเรายังคงยุ่งอยู่กับการสังหารคนของพวกมันที่เหลือรอดอยู่ในทุก ๆ วัน เพียงแต่คนพวกนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่ฉันจะต้องนำมารายงานบอกกับพวกคุณ” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าสงครามจะจบลงไปแล้ว แต่การล่าสังหารยังคงดำเนินต่อไป พ่อบ้านชราคนนี้ยังคงยึดมั่นในคำสั่งของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศัตรูเหลือรอดชีวิตกลับไปแม้แต่คนเดียว
“ในเมื่อเราค้นพบตัวตนของมันแล้ว แล้วทำไมพวกเราถึงไม่ฆ่ามันเลยล่ะ?” เซี่ยจงไห่กล่าวถาม
“หวู่หยูหมิงมีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นที่ 3 สายลับของเราจึงไม่สามารถที่จะดำเนินการเองได้ ปัจจุบันคนที่สามารถจัดการกับเขาได้ในสวนสายลมมีเพียงแค่พวกคุณ 2 คนเท่านั้น ใครสนใจจะไปจัดการกับเขาบ้าง? ฉันยังไม่อยากจะต้องรายงานเรื่องนี้ไปที่ท่านผู้นำ” เซี่ยอู๋เย่กล่าว
“ไม่ต้องมามองหน้าฉันเลย วันนี้ฉันมีนัดเล่นหมากรุกกับหลางจิวหลิน นี่มันการแข่งขันครั้งสำคัญเชียวนะ!” เซี่ยจงไห่รีบพูดขึ้นมาก่อน ขณะที่เขากับเซี่ยเฟยหันไปจ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน
“โอเคครับ หลังจากฝึกเสร็จผมจะไปจัดการกับมันเอง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
***************
น่าจะเหนื่อยพอตัวนะเนี่ย!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 418
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น