ตอนที่ 836 ลูกนอกสมรส
ตอนที่ 836 ลูกนอกสมรส
ศัตรูในระดับราชากฎขั้นที่ 3 ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับเซี่ยเฟยหรือเซี่ยจงไห่เลย เพราะด้วยพลังอันน่าทึ่งของนักรบสายความเร็ว มันจึงทำให้ศัตรูในระดับเดียวกันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย โดยเฉพาะในสถานการณ์การต่อสู้แบบตัวต่อตัว ความเร็วปานสายฟ้าของสกายวิงก็ถือว่าเป็นฝันร้ายของศัตรูทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเฟย, เซี่ยจงไห่หรือเซี่ยอู๋เย่ต่างก็ไม่รู้สึกถึงอันตรายจากหวู่หยูหมิงเลยแม้แต่น้อย เพราะชายเพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ใด ๆ ขึ้นมาได้ ไม่ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม
หลังอาหารเช้าเซี่ยจงไห่ก็เดินทางไปยังสมาคมผู้คุมกฎ, เซี่ยอู๋เย่เดินออกไปทำความสะอาดหลังบ้านตามปกติ ขณะที่เซี่ยเฟยเดินเข้าไปในห้องฝึกเพื่อเริ่มฝึกการประดิษฐ์ขั้นปฏิบัติร่วมกันกับเซี่ยเหล่าสือ
ช่วงเวลาเที่ยงเซี่ยเฟยกับเซี่ยเหล่าสือก็ออกมาจากห้องฝึก ซึ่งการประดิษฐ์ในภาคเช้าที่ผ่านมาก็คือการพยายามฝึกประดิษฐ์อาวุธและชุดเกราะ
“ดูเหมือนว่านายจะจำเนื้อหาที่ฉันสอนได้จนหมดแล้ว แต่การทำความเข้าใจคุณสมบัติของโลหะเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของการเป็นนักประดิษฐ์เท่านั้น หลังจากนี้ฉันจะให้หนังสือไปอ่านเพิ่มว่าอาวุธอุปกรณ์ชนิดใดเหมาะสมสำหรับการใช้วัตถุดิบประเภทไหน แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยมาฝึกภาคปฏิบัติกันเหมือนเดิม” เซี่ยเหล่าสือกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับหลังจากที่ได้รับหนังสือหลายร้อยเล่มมาจากชายชรา แต่เนื้อหาพวกนี้มันก็ถือว่าค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เขาต้องฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงาน
เมื่อเซี่ยเหล่าสือกลับไปเซี่ยเฟยก็เริ่มออกตามหาพ่อบ้านชราเพื่อขอพิกัดไปจัดการกับศัตรู ซึ่งหลังจากที่เขาเดินตามหาเซี่ยอู๋เย่อยู่สักพัก เขาก็ได้พบว่าพ่อบ้านชรากับสายลับคนหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากแนะนำตัวกันสั้น ๆ เซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าชายวัยกลางคนคนนี้คือเซี่ยหยาง รองหัวหน้าสายลับของตระกูลสกายวิง แล้วถึงแม้ว่าพ่อบ้านชราจะไม่ได้พูดอะไร แต่เซี่ยเฟยก็พอเดาได้แล้วว่าหัวหน้าสายลับของตระกูลก็คือตัวของเซี่ยอู๋เย่นั่นเอง
อย่าลืมว่าเซี่ยอู๋เย่คือคนนอกที่พึ่งได้มีโอกาสมาเข้าร่วมกับตระกูลสกายวิง การที่บรรพบุรุษมอบหมายให้พ่อบ้านชราปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญอย่างหัวหน้าสายลับเช่นนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษมอบความไว้วางใจให้เซี่ยอู๋เย่มากแค่ไหน
“นายน้อยเฟย พวกเราไปกันเถอะ ในเมื่อเราเจอศัตรูแล้วเราก็ควรจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” เซี่ยหยางกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“เรียกผมว่าเซี่ยเฟยเฉย ๆ เถอะครับ พวกเราเป็นคนของสกายวิงเหมือนกัน ไม่จำเป็นจะต้องเรียกชื่อกันห่างเหินขนาดนั้นก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย
“ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวนสายลมทุกคนคือเสาหลักของตระกูล หากมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูล พวกคุณคือคนที่จะต้องแบกรับความรับผิดชอบของตระกูลเอาไว้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกคุณจะได้รับความเคารพ” เซี่ยหยางกล่าว
“หน่วยข่าวกรองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าหากว่าพวกเราไม่รู้ข่าวของศัตรูล่วงหน้า พวกเราก็ไม่สามารถที่จะประเมินสถานการณ์ที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับศัตรูได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
หลังจากเดินทางผ่านประตูมิติ เซี่ยหยางกับเซี่ยเฟยก็เดินทางมาจนถึงสนามบินอันทรุดโทรมภายในแดนเนรเทศ บนลานจอดมียานรบโบราณจอดเรียงกันอยู่หลายลำ ซึ่งพวกมันก็มีขนาดแค่ประมาณยานรบลาดตระเวนภายในพันธมิตรมนุษย์
“แดนเนรเทศเป็นพื้นที่ที่ยากจนมาก มันจึงไม่ค่อยมีอุปกรณ์ระดับสูงอย่างเข็มทิศมิติหรือประตูมิติถูกใช้งานในพื้นที่นี้มากนัก โดยส่วนใหญ่แล้วยานรบจะทำหน้าที่เป็นระบบขนส่งหลักของดินแดนนี้ เครื่องมืออะไรที่พวกเราไม่ค่อยได้เห็นในดินแดนกฎก็มักจะถูกพบในแดนเนรเทศ” เซี่ยหยางกล่าวอธิบาย
“หวู่หยูหมิงอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“จากข่าวที่พวกเราสืบมาหวู่หยูหมิงใช้ยานรบขนาดกลางออกเดินทางเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อน แต่พวกเราไม่รู้ว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน เพราะมันไม่มียานรบลำใดที่ได้รับการจดทะเบียน จนกระทั่งเมื่อวานนี้พวกเราก็ได้รับข่าวมาว่ายานลำนั้นมีโอกาสที่จะลงจอดในสนามบินนี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเย็น” เซี่ยหยางกล่าว
‘ครึ่งเดือนที่แล้ว? ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่ตระกูลมูนวอร์ดประมูลลาวาละลายลักษณ์ไปได้ไม่ใช่เหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างสงสัย และสัญชาตญาณอันเฉียบคมของเขาก็กำลังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
“ตอนนี้เรายังพอมีเวลา ผมขอข้อมูลของศัตรูโดยละเอียดหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“พวกเราค้นพบตัวตนของหวู่หยูหมิงหลังจากที่สายสืบของเราตรวจสอบเข็มทิศมิติของเซียงจินเฉิง ทุกครั้งที่เขาเดินทางมาที่แดนเนรเทศ เขาจะเดินทางไปหาพวกทหารรับจ้างก่อนแล้วจะเดินทางไปยังเมืองโรสเลสเหมือนกันทุกครั้ง”
“แต่ข้อมูลเหล่านี้มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเราหาตัวหวู่หยูหมิงได้ เพราะภายในเมืองมีประชากรอาศัยอยู่หลายแสนคน ฉันเลยพยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยละเอียด ก่อนที่จะพบว่าทุกครั้งก่อนที่เซียงจินเฉิงจะเดินทางมายังเมืองโรสเลส เขาจะถอนเงินออกมาจากธนาคารเป็นจำนวนมากทุกครั้ง ฉันเลยพยายามตามร่องรอยของเงินพวกนั้นมาและฉันก็ได้พบกับหวู่หยูหมิงในที่สุด”
“ทันทีที่ฉันได้เห็นดวงตาของเขา ฉันก็สามารถระบุได้ในทันทีว่าเขาจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเซียงจินเฉิงอย่างแน่นอน เพราะดวงตาคู่นั้นมันเหมือนกับดวงตาของเซียงจินเฉิงทุกประการ” เซี่ยหยางอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างยอมรับว่าสายสืบของสกายวิงทำงานอย่างละเอียดมาก เพราะถึงแม้ว่าเซียงจินเฉิงจะพยายามซ่อนตัวตนของหวู่หยูหมิงเอาไว้ แต่สุดท้ายสายลับของสกายวิงก็ยังค้นพบตัวตนลูกนอกสมรสของเซียงจินเฉิงได้อยู่ดี
“หวู่หยูหมิงมีพลังระดับราชากฎแสดงว่าเขาจะต้องมีสถานะภายในเมืองโรสเลสพอสมควรเลยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่ใช่ ถ้าจะพูดให้ถูกมันก็ต้องบอกว่าไม่มีใครในเมืองรู้จักเขาเลย ตลอดเวลาเขาอาศัยอยู่ในห้องเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ราคาห้องเช่าของเขาอยู่ที่ 3 คริสตัลม่วงเท่านั้น ตอนที่คนของเราเข้าไปตรวจสอบห้องนั้น พวกเราก็ได้พบแค่ห้องเปล่า ๆ ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรเลย มันดูไม่เหมือนกับที่พักของราชากฎคนอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว”
“เงินส่วนใหญ่ที่เซียงจินเฉิงเอามาให้กับเขาถูกเอาไปใช้กับยานรบจนหมด เพราะโดยปกติเขาจะใช้ชีวิตล่องลอยอยู่ในอวกาศ แล้วจะลงมาพักภายในห้องเพียงแค่เดือนละไม่กี่วันเท่านั้น” เซี่ยหยางอธิบายพร้อมกับส่ายหัว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันไม่มีเหตุผลเลยที่ราชากฎสักคนจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนถึงขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึงลูกชายของจักรพรรดิกฎเซียงจินเฉิง ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกนอกสมรสแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรจะต้องใช้ชีวิตอย่างอัตคัดขนาดนี้
“หวู่หยูหมิงฝึกฝนกฎอะไร?” เซี่ยเฟยถาม อย่างไรก็ตามคำถามนี้กลับทำให้ใบหน้าของเซี่ยหยางแดงก่ำขึ้นมาในทันที
“พวกเรายังไม่รู้ข้อมูลในเรื่องนี้เลย เขาแทบจะตัดการเชื่อมต่อจากทุกคน เราเลยสืบหาข้อมูลเรื่องนี้จากใครไม่ได้” เซี่ยหยางกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันเขินอาย
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพลังของเขาอยู่ในระดับราชากฎขั้นที่ 3?” เซี่ยเฟยถามอย่างเร่งรีบ
“หวู่หยูหมิงเคยทะเลาะกับหัวหน้าสนามบินนี้เมื่อปีที่แล้ว เพราะเขาถูกเรียกเก็บเงินค่าจอดยานเกินกว่าปกติไป 2 วัน ตอนนั้นเขารู้สึกโกรธมากจนเกือบจะลงมือ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้และจ่ายเงินออกไปเพื่อไม่ให้เรื่องราวใหญ่โต”
“สนามบินนี้เป็นของกลุ่มทหารรับจ้างไทเกอร์ ที่มีหัวหน้าเป็นราชากฎขั้นที่ 5 เขาบอกว่าตอนนั้นพลังที่หวู่หยูหมิงปล่อยออกมาทรงพลังมาก อย่างน้อยอีกฝ่ายจะต้องมีความแข็งแกร่งในระดับราชากฎขั้นที่ 3 อย่างแน่นอน” เซี่ยหยางกล่าวต่อ
เซี่ยเฟยอดที่จะส่ายหัวออกมาอย่างเหนื่อยใจไม่ได้ เมื่อได้รู้ว่าเซี่ยหยางเพียงแค่ประมาณการระดับพลังของศัตรูเท่านั้น แต่เรื่องนี้มันก็ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหวู่หยูหมิงถึงต้องทำตัวลึกลับถึงขนาดนี้
“ตระกูลของเรามีสมาชิกอยู่น้อยมากและหน่วยสายลับของพวกเราก็มีพี่น้องอยู่เพียงแค่ 50 คนเท่านั้น ทุกคนไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ความจริงพวกเราควรจะต้องตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดเจนกว่านี้ก่อนที่จะรายงานไปที่สวนสายลม แต่ฉันกลัวว่าข่าวเรื่องหวู่หยูหมิงจะหายไปอีก ฉันเลยรีบไปแจ้งผู้อาวุโสเซี่ยอู๋เย่ให้รู้เรื่องก่อน” เซี่ยหยางกล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
สกายวิงเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่หนึ่งในข้อเสียหลักของตระกูลคือสมาชิกภายในตระกูลของพวกเขามีจำนวนน้อยมาก แม้กระทั่งหน่วยสายลับที่ต้องคอยหาข่าวให้ตระกูลก็มีจำนวนเพียงแค่ 50 คน ทั้ง ๆ ที่หน่วยสายลับของตระกูลอื่น ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 10,000 คน
การที่เซี่ยหยางทำงานได้จนถึงระดับนี้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมากแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถสืบหาข้อมูลของหวู่หยูหมิงโดยละเอียดได้ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะตำหนิชายคนนี้ได้เต็มปากมากนัก
“ตอนนี้ผมเข้าใจสถานการณ์แล้ว คุณช่วยไปดื่มชารอผมที่เมืองโรสเลสก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะหยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ออกมาให้กับเซี่ยหยาง
—
เซี่ยหยางยอมรับของรางวัลจากเซี่ยเฟย ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองโรสเลสซึ่งอยู่บริเวณทางทิศเหนือของสนามบิน
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางมาตามที่อยู่ที่เซี่ยหยางทิ้งเอาไว้ เขาก็ได้พบกับห้องของหวู่หยูหมิงซึ่งเป็นห้องบนอาคาร 2 ชั้นเก่า ๆ ที่มีกลิ่นอับและกลิ่นขี้นกลอยโชยมาแต่ไกล
ระบบล็อกของห้องพักเป็นระบบล็อกง่าย ๆ ที่เซี่ยเฟยสามารถปลดล็อกได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งรอบนโซฟาและใช้วิชาพรางจิตเพื่อรอคอยศัตรูอย่างเงียบ ๆ
ช่วงเวลาประมาณค่ำ ในที่สุดมันก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากนอกประตู แต่ในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังจะไขกุญแจ มันก็มีเสียงหยุดนิ่งราวกับว่าหวู่หยูหมิงกำลังลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาภายในห้อง
“สกายวิงงั้นเหรอ?” หวู่หยูหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง ขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในห้องอย่างสงบนิ่ง ราวกับว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาได้
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะพยักหน้ารับในความมืด ซึ่งเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกแปลกใจ เมื่อศัตรูสามารถค้นพบตัวตนของเขาได้ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตู
“แกหาฉันเจอได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันทิ้งผมเส้นหนึ่งเอาไว้ในรูกุญแจ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว” หวู่หยูหมิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
**************
พี่เฟยพลาดงั้นเหรอ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 377
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น