26

ตัวร้าย.. ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร ?

-A A +A
อ่านต่อ
26

26

ตอนที่ 26

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวเรื่องหนึ่งที่ทำให้เมืองเทียนเจียนตกตะลึงก็เริ่มแพร่กระจายไปในเมือง

 

 “ตระกูลชางถูกทำลาย”

 

 นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เพียงชั่วข้ามคืน ตระกูลที่มีประวัติยาวนานถึง 500 ปีกลับสูญสิ้นไปเช่นนี้

 

ตอนนี้ยามของคฤหาสน์ของเจ้าเมืองกำลังล้อมรอบอยู่ที่ซากบ้านตระกูลชาง เมื่อคืนที่ผ่านมาไฟโหมกระหน่ำลุกโชนตลอดทั้งคืน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังมีประกายไฟเล็กๆหลงเหลืออยู่  

 

เจ้าเมือง ตงหยานอิง เองก็ยืนอยู่กลางซากปรักหักพัง และเขารู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้  

 

“ดูแลสถานที่นี่ให้ดี ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงที่นี่และไม่จำเป็นตอนสืบสวนเพิ่มแล้ว ” ตงหยานอิงกล่าวกับผู้คุมอย่างสงบ

 

“ท่านครับ วันนั้นข้ากับคุณหนูได้พบเจอกับคนกลุ่มหนึ่ง….  ” ชายชราชื่อลุงเหลียงพูดจากด้านข้าง

 

“พวกเขามาจากนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ และสถานะของเขาก็ดูไม่ต่ำต้อย” ตงหยานอิงครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “ช่วงนี้ข้าบอกหลิงเอ๋อแล้วว่าอย่าออกไปข้างนอก และข้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรถึงได้มายังเมืองเทียนเจียน”

 

ชายชราพยักหน้าและถอยกลับ

 

  …………

 

ในเวลานี้ เต๋าซุน กำลังฝึกดาบของเขาอยู่ที่ลานบ้าน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้รับรายงานจากคนรับใช้ว่ามีชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นองค์ชายสามของจักรวรรดิจื่อหยางต้องพบเขา 

 

 เต๋าซุนก็นึกถึงบางอย่างในใจ ดูเหมือนว่าเขาผู้นี้จะเป็นตัวละครที่น่าเศร้าไม่น้อยในชีวิตที่แล้วของข้า….

 

 “ให้เขาเข้ามา” เต๋าซุน กล่าว

 

แล้วชายหนุ่มผู้มีใบหน้าแน่วแน่ก็เดินเข้ามา ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและมีดาบยาวอยู่ที่เอว

 

“คุณชายเต๋า ข้าองค์ชายสามแห่งจักรวรรดิจื่อหยาง หวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้าที่มารบกวนโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 “เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้ารึ” เต๋าซุนถาม

 

“จักรวรรดิจื่อหยางของเราเป็นของกองกำลังภายใต้การปกครองของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวงจักรวรรดิในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อข้าได้ยินว่าคุณชายมาเยือนที่นี่ ข้าจึงคิดที่จะมาเยี่ยมเยียน  ” อันอี้เฟิงกล่าว

 

“ท่านมาที่เมืองเทียนเจียนเพื่อเอาชนะใจตระกูลชางเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์สินะ  ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

อันอี้เฟิง เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า " เป็นว่าคุณชายทราบอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปิดบัง  

 

เดิมทีข้าต้องการเอาชนะใจตระกูลชางจริงๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาได้พบเข้ากับผู้กล้าผู้รักในความถูกต้องเสียก่อน.. ตอนนี้ข้าออกมาข้างนอกนานมากแล้ว สมควรถึงเวลากลับเมืองหลวงเสียที  "อันอี้เฟิง ตอบด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

 

“ องค์ชายมีพี่น้องชื่ออันอี้เหิงใช่หรือไม่ ? ” เต๋าซุนแตะคางของเขาแล้วถาม

 

“นั่นคือพี่สองของข้าเอง ”อันอี้เฟิง พยักหน้าและพูด

 

 “เจ้าอยากเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์หรือไม่  ?” เต๋าซุนถามทันที

 

อันอี้เฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นอย่างมาก

 

เขากลืนน้ำลายอย่างหนัก มองไปที่เต๋าซุนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ และพยักหน้า

 

"ดี ข้าจะมอบโอกาสนั้นให้เจ้า " เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม: "ตราบใดที่ข้าได้ยินข่าวการตายของอันอี้เหิง ข้ารับปากเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคตของจักรวรรดิจื่อหยาง  "

 

อันอี้ก็เฟิงสะดุ้ง “นี่ท่านหมายความว่าให้ข้าสังหารพี่สองรึ!”

 

เขาดูอึกอักเล็กน้อยไม่รู้จะตอบเช่นไร  อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างบัลลังก์หรือพี่ชายต่างมารดา….

 

“เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล เจ้าค่อยๆกลับไปคิดดูดีๆ คำสัญญาของข้าจะยังคงอยู่เสมอ” เต๋าซุน โบกมือแล้วพูดว่า “แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน หากไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากข้าแล้ว ทั้งชีวิตเจ้าก็ไม่อาจเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ได้อย่างแน่นอน  ”

 

เต๋าซุนไม่ได้โกหก ในชีวิตก่อนของเขา  อังอี้เหิงที่เป็นพี่ชายของอันอี้เฟิงนั้นคือผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต  

 

ตัวเอกเย่เฉินที่ออกจากหมู่บ้านชิงหยางจะเดินทางมาที่เมืองเทียนเจียน และฟื้นคืนตระกูลชาง 

 

 หลังจากนั้นเขาก็จะเดินทางไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิจื่อหยางและพบกับองค์ชายสองอันอี้เหิง ทั้งสองจะกลายเป็นสหายสนิทกัน และในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากเย่เฉิน อันอี้เหิงก็ชนะในการชิงตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์  

 

 สำหรับอันอี้เฟิง เขาเป็นกลายเป็นผู้ที่น่าสังเวชที่สุด  

 

“ข้าจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดอย่างดี คุณชาย….” อันอี้เฟิงพยักหน้าแล้วก้าวถอยหลังจากไป

 

  …………

 

 ต่อจากนั้น เต๋าซุน ก็เรียกเหย33 มาพบ

 

“เหย33 ข้ามีบางอย่างให้เจ้าทำ และจงทำให้เงียบที่สุด”

 

“นายน้อยโปรดออกคำสั่ง” เหย33 พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

 

  …………

 

ในตอนเช้าที่หมู่บ้านชิงหยาง โค้ชโม่กำลังพาเด็กๆ เริ่มออกกำลังกายตอนเช้าตามปกติ

 

นับตั้งแต่ได้โอสถมาจากคังเย่ซาน เขาก็ทะลวงเข้าสู่ระดับ 2 ได้สำเร็จ และพลังจิตวิญญาณของเขาก็พลุ่งพล่านอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการฝึกบ่มเพาะที่สั่งสมมาหลายปี 

 

 ส่วนหนุ่มสาวของหมู่บ้านนั้นต่างออกไป สีหน้าของพวกเขาแดงก่ำ และพวกเขาก็ยืนอยู่ในท่ามานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว 

 

 แต่มีเพียงเด็กหนุ่มที่ชื่อเย่เฉินที่ยืนอยู่แถวสุดท้ายเท่านั้น ที่ยังคงยืนนิ่งอย่างมั่นคงราวกับต้นสนราวกับเขาไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย   

 

ตั้งแต่เขาฝึกฝน "วิถีเทพอมตะ" ที่ผู้เฒ่าโม่มอบให้เขา กับใช้โอสถที่คังเย่ซานทิ้งไว้ให้ ร่างกายของเย่เฉินก็ถูกปรับสภาพดีกว่าเดิมหลายเท่า และตอนนี้เขาก็อยู่ขั้นเก้าของระดับ 0 อันเป็นต้นกำเนิดก่อนการเปิดเส้นชีพจรแล้ว

 

 ดังนั้นการฝึกในระดับนี้จึงไม่ต่างจากการละเล่นของเด็กสำหรับเขา

 

 ในตอนท้ายของการออกกำลังกายตอนเช้า หนุ่มสาวทุกคนก็เหนื่อยมากจนไม่อาจยืนตัวตรงได้อีก มีเพียงเย่เฉินคนเดียวเท่านั้นที่ยังผ่อนคลาย  

 

 โค้ชโม่เข้ามาตบไหล่เขาแล้วพูดว่า "ดีจริงๆ บางทีในอนาคตความสำเร็จของเจ้าอาจสูงส่งกว่าข้าเสียอีก"

 

เย่เฉินก็ยิ้ม จากนั้นพยักหน้าอย่างมั่นคง

 

  …………

 

 หลังอาหารเช้า เย่เฉินก็มาที่ป่าด้านนอกหมู่บ้านชิงหยาง ภายในป่านี้มีหุบเขาขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

 

 แม่น้ำรวมตัวกันเหนือหุบเขา มันไหลลงมาจากท้องฟ้าราวกับน้ำตก ทำให้เกิดคลื่นบนพื้นดิน ด้านล่างแม่น้ำมีแอ่งน้ำเล็กๆอยู่

 

มีปลาคาร์พสีทองว่ายอยู่ในสระ และบนหินเรียบ ๆ ทั้งสองข้าง มีเต่านอนเงียบ ๆ นอนอาบแดดอยู่

 

เย่เฉินเดินไปจนถึงสระน้ำ และเสียงของผู้เฒ่าโม่ก็ดังออกมาจากวงแหวน

 

“เย่เฉิน เจ้าจงนั่งใต้น้ำตกและใช้แรงดันของน้ำตกเพื่อเปิดชีพจรเส้นแรกของเจ้าภายในวันนี้ซะ  ”

 

สายน้ำไหลตรงลงมาจากที่ความสูงสามพันฟุต มันราวกับว่าไหลลงมาจากท้องฟ้า 

 

เย่เฉินเงยหน้าขึ้นมองน้ำตกที่มีลักษณะคล้ายมังกร เขากัดฟัน และค่อยๆ นั่งลงใต้นั้น

 

ทันทีที่เขานั่งใต้น้ำตก เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทับของสายน้ำที่ไหลลงมา และความเจ็บปวดที่ราวกับกล้ามเนื้อฉีกขาดก็ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา 

 

 เขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังไหลย้อนกลับ ราวกับว่าหลอดเลือดกำลังจะระเบิด

 

  เขาอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าแล้วคำรามด้วยความเจ็บปวด

 

“เดี๋ยวก่อน” เสียงของผู้เฒ่าโม่ก็ดังขึ้นจากด้านข้าง “กระตุ้นวิชาวิถีเทพอมตะซะ ฟื้นฟูร่างกายของเจ้าทีละน้อย จากนั้นก็ค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับแรงกดดันของสายน้ำ ”

 

เย่เฉินพยักหน้าด้วยความยากลำบาก เขากัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

 

 ร่างกายของเขาค่อยๆกลายเป็นเลือนราง และจิตสำนึกของเขาเริ่มเบลอ

 

“เจ้าหนู ตอนนี้จงบุกทะลวงเส้นชีพจรจุดแรกในคราวเดียวซะ ไม่เช่นนั้นรากฐานของเจ้าอาจถูกทำลายได้  ” ผู้เฒ่าโม่ก็ตะโกนจากด้านข้าง

 

เย่เฉินลืมตาขึ้นอย่างคลุมเครือและพึมพำกับตัวเอง "ข้าต้องทำให้สำเร็จ ข้าต้องไปพบหลี่เอ๋อให้ได้  "

 

 เขานึกถึงวันที่หญิงสาวจากไปและรู้สึกหดหู่อย่างช่วยไม่ได้

 

ทันใดนั้นแสงก็แวบวาบผ่านดวงตาของเขา และเสียง "ปัง" ก็ดังขึ้นราวกับว่าโซ่ตรวนในร่างของเขาถูกปลดออก  

 

น้ำจากน้ำตกจำนวนนับไม่ถ้วนไหลย้อนกลับพุ่งสูงขึ้น และเย่เฉินก็เริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น 

 

ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นสภาพแวดล้อมที่อยู่ใต้น้ำตกอย่างชัดเจน และถ้ำที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.