ตอนที่ 774 แบล็ครีเบลเลี่ยน
ตอนที่ 774 แบล็ครีเบลเลี่ยน
ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงของเยว่เกอดังขึ้นมาจากหุบเขาที่อยู่ห่างไกล
สหายของเซี่ยเฟยคนนี้เป็นหญิงสาวผู้มีจิตใจอันแข็งแกร่ง และการที่เธอกรีดร้องออกมาได้แบบนี้ มันก็หมายความว่าสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงส่วนลึกของจิตใจ
“รีบไปที่นั่นเร็วเข้า!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดังก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าตรงไปยังต้นกำเนิดเสียงในทันที
นักรบมารที่มีความเร็วสูงหลาย ๆ คนก็พยายามที่จะไล่ตามเซี่ยเฟยไปด้วยเช่นกัน แต่หลังจากที่พวกเขาวิ่งตามไปได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที ร่างของพวกเขาก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยใบหญ้าของหงส์ครามที่ปรากฏขึ้นมาจากบนพื้น
เพียงแค่ไม่นานชายหนุ่มก็เดินทางมาจนถึงจุดหมายได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะได้เห็นหญิงสาวทั้งสามกำลังยืนพิงหน้าผาและจ้องมองไปยังเนินเขาสีแดงเพลิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเสียงรถไฟที่เซี่ยเฟยได้ยิน
“เกิดอะไรขึ้น?!” เซี่ยเฟยตะโกนถามเมื่อได้เห็นบาดแผลบนแขนของเยว่เกอที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เยว่เกอตอบกลับพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง? เธอจะบอกว่าเธอกัดแขนตัวเองเล่นงั้นเหรอ?!” ก่อนที่เซี่ยเฟยจะพูดอะไรไวท์ตี้ก็พูดประชดประชันขึ้นมาซะก่อน
“หุบปากไปซะไอ้นกโง่! จู่ ๆ แผลนี้มันก็เกิดขึ้นมาเองโว้ย” เยว่เกอตอบกลับไปอย่างดุร้ายโดยไม่สนใจตัวตนของไวท์ตี้เลยแม้แต่นิดเดียว
เหตุการณ์นี้ทำให้นกขาวรู้สึกตกตะลึงอย่างฉับพลัน เธอจึงพยายามชี้ปีกไปยังหญิงสาวตรงหน้าด้วยร่างกายที่สั่นเทา
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยยังคงสงสัยกับคำอธิบายอันคลุมเครือของเยว่เกอ เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าบาดแผลของเธอเกิดขึ้นจากการที่ใครสักคนมาทำร้าย แต่การที่หญิงสาวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครมันจึงยิ่งทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันสับสนมากไปใหญ่
“ตอนที่พี่เยว่เกอพยายามใช้กฏแห่งภาพลวงตาครอบคลุมภูเขาและสร้างกับดักเพื่อช่วยเหลือพวกเราในระหว่างการหลบหนี จู่ ๆ การเคลื่อนไหวของพี่เขามันก็เหมือนจะไปรบกวนอะไรบางอย่างที่อยู่ในภูเขา มันเลยจู่โจมเข้าใส่พี่เยว่เกออย่างฉับพลันแบบนี้” เซียวรั่วหยูอธิบายออกไปอย่างรวดเร็ว
จักจั่นขาวดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกไปด้วยเช่นกัน แต่เนื่องมาจากลักษณะนิสัยที่พูดไม่เก่ง เธอจึงตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้อย่างกังวลเพียงคนเดียว
“สรุปคือตัวอะไรเป็นคนทำร้ายเยว่เกอกันแน่?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง แต่หญิงสาวทั้งสามกลับส่ายหัวพร้อมกัน มันจึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
“เซี่ยเฟย พวกมารกำลังมา” แบล็คกี้กล่าวพร้อมกับมองไปยังด้านหลังอย่างประหม่า
“โถ่เว้ย! รีบมานี่ก่อนเร็ว ๆ เข้า” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะรีบอุ้มหญิงสาวทั้งสามเอาไว้ในอ้อมแขน
ไม่ว่าจะเป็นเซียวรั่วหยู, เยว่เกอหรือจักจั่นขาวต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความงดงามจนทำให้คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกหลงใหล แต่เซี่ยเฟยกลับอุ้มหญิงสาวทั้งสามเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าหากว่าคนนอกได้มาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็คงจะรู้สึกอิจฉาเซี่ยเฟยจนแทบอยากจะเป็นบ้า
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย สิ่งเดียวที่เขาคิดคือศัตรูกำลังใกล้เข้ามา แล้วเขาก็จำเป็นจะต้องพาหญิงสาวทั้งสามให้หลบออกไปยังสถานที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
สิ่งที่นักรบรู้สึกว่ากลัวมากที่สุดคือการต่อสู้อย่างพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะถ้าหากว่ามันยังมีคนห่วงใยอยู่ใกล้ ๆ ตัวชายหนุ่มจะสามารถต่อสู้อย่างสุดกำลังได้ยังไง และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะนักรบมารนับพันได้โดยลำพัง แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือเซียวรั่วหยูจะต้องปลอดภัย
การอุ้มของเซี่ยเฟยทำให้ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสามเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลัน แต่มันก็ไม่มีใครโต้แย้งการกระทำของชายหนุ่มเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อมีหญิงสาวทั้งสามอยู่ในอ้อมแขน เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะเร่งความเร็วอย่างสุดกำลังได้ ไม่อย่างนั้นแรงลมก็จะทำร้ายหญิงสาวทั้งสามด้วยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดพวกเธอก็ไม่ใช่ผู้ที่มีพลังความเร็วอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา
หลังจากวิ่งไปได้เพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรมันก็มีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงที่ดูคล้ายรถไฟกลับดังขึ้นอย่างถี่รัวมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญคือเสียงนั้นยังกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาชายหนุ่มโดยปราศจากร่างใด ๆ ที่อยู่ในระยะสายตา
ตูม!
จู่ ๆ ร่างสีดำขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากพิ้นดิน กีดขวางเส้นทางของเซี่ยเฟยเอาไว้ด้วยความเร็วที่สูงมาก โดยร่างกายของมันมีขนาดความยาวมากกว่า 5 กิโลเมตร จนทำให้มันดูคล้ายกับรถไฟขนาดยักษ์
ทั่วทั้งลำตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกแข็งสีดำสนิท และเสียงที่ดังคล้ายกับรถไฟนั่นก็คือเสียงของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ตัวนี้ที่ได้เคลื่อนที่ใต้พื้นดิน
เซี่ยเฟยสามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าเนินเขาสีแดงคือสถานที่ที่สัตว์อสูรตัวนี้อาศัยอยู่ และสิ่งที่พวกเยว่เกอทำคือการเข้าไปรบกวนสัตว์อสูรร่างยักษ์โดยไม่ได้ตั้งใจ หนามที่ยื่นออกมาจากร่างสีดำขนาดใหญ่จึงเป็นชิ้นส่วนที่ทำให้แขนของเยว่เกอได้รับบาดเจ็บ
หงส์คราม!
ขณะที่ร่างของชายหนุ่มกำลังจะปะทะกับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ หงส์ครามจากแขนขวาของเขาก็พุ่งตัวออกไปยันพื้นดินส่งผลให้ร่างกายของเขาลอยขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันหางของอสูรร่างยักษ์ก็ยกขึ้นพร้อมกับจู่โจมไล่ตามเซี่ยเฟยที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เล่ห์กายา!
ชายหนุ่มพลิกร่างกายกลางอากาศอย่างฉับพลัน เพื่อหลบหลีกการโจมตีด้วยการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจะสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างสวยงาม แต่การเคลื่อนไหวฉวัดเฉวียนไปมาก็ทำให้หญิงสาวทั้งสามที่ถูกแบกมาเกือบจะอาเจียน
“เอาไป” เมื่อเท้าของชายหนุ่มสัมผัสกับพื้นอีกครั้ง เซี่ยเฟยก็โยนร่างสาวงามทั้งสามในอ้อมแขนไปที่แบล็คกี้กับไวท์ตี้
นกแก้วขนาดยักษ์ทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกมันจึงใช้ร่างกายอันใหญ่โตในการรองรับหญิงสาวเอาไว้ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยจะเป็นเรื่องที่ฉุกละหุกเกินไปสำหรับพวกมันก็ตาม
เหตุการณ์นี้ทำให้แบล็คกี้รู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะมันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซี่ยเฟยจะกล้าโยนสาวงามออกไปอย่างโหดร้ายแบบนี้
“ตายไปซะ!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพุ่งตัวเข้าใส่สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ดูคล้ายกับเครื่องจักร
เป้ง!
แข็งมาก!
น่าเสียดายที่ถึงแม้เซี่ยเฟยจะใช้บลัดบิวเทียสจู่โจมด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุเปลือกแข็งที่ห่อหุ้มร่างกายของศัตรูเข้าไปได้ และสิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงมากกว่านั้นคือ แม้กระทั่งระเบิดพลังงานของขนอุยก็ไม่สามารถที่จะเจาะทำลายเปลือกแข็งของศัตรูเข้าไปได้ด้วยเช่นกัน
“นั่นมันอะไร? ทำไมร่างของมันถึงแข็งแบบนั้น?!” ไวท์ตี้อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
หลังจากการปะทะในรอบแรก อสูรร่างยักษ์ก็ขุดตัวลงไปในดินอีกครั้งพร้อมกับก่อให้เกิดเสียงดังคล้ายเสียงรถไฟดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ในเวลาเดียวกันกลุ่มนักรบมารที่ตามมาจากด้านหลังก็ตามมาทันพวกเขาแล้ว มันจึงยิ่งทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันสับสนวุ่นวายมากกว่าเดิม
แต่ในขณะที่พวกมารกำลังจะโจมตีเข้าใส่เซี่ยเฟยนั้น อสูรร่างยักษ์ก็ได้ใช้ร่างกายของมันในการกระแทกเข้าใส่กลุ่มนักรบมารอย่างรุนแรง
—
“แย่แล้ว! พวกเซี่ยเฟยบังเอิญไปล่อแบล็ครีเบลเลี่ยนออกมา” เทพดำที่อยู่ในห้องบัญชาการอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง และเนื่องมาจากว่าพวกเขาสองพี่น้องไม่สามารถเข้าสู่สนามรบโบราณได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ส่งแรงใจไปให้จากที่นี่เท่านั้น
“แบล็ครีเบลเลี่ยน? ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ามันมีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่ในสนามรบโบราณด้วย” เทพขาวกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“มันไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับสูงกว่าไวท์ตี้กับแบล็คกี้ของพวกเรารวมกันซะอีก”
“นานมาแล้วมีนักรบมารที่ได้ครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่ง ต่อมาบุคคลนี้ก็ได้เสียชีวิตในสนามรบโบราณ แบล็ครีเบลเลี่ยนจึงปกป้องร่างเจ้านายของมันนับตั้งแต่นั้นอย่างภักดี จากนั้นสนามรบโบราณก็ปิดตัวลง มันจึงไม่มีข่าวแบล็ครีเบลเลี่ยนออกมาอีกเลย ฉันเลยไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้” เทพดำกล่าว
“อ๋อ ๆ ๆ ฉันจำได้แล้ว ดูเหมือนฉันจะเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ว่าแต่มันก็อยู่ในสนามรบแห่งนี้มาเป็นเวลานาน ทำไมจู่ ๆ มันถึงเริ่มจู่โจมเข้าใส่คนอื่นหลังจากที่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมานานแล้วล่ะ?” เทพขาวกล่าวอย่างนึกขึ้นได้
“ถึงแม้ว่ามันจะใจดีอยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าแบล็ครีเบลเลี่ยนจะทำร้ายนักรบที่เข้าไปรบกวนมันไม่ได้ บางที 1 ใน 3 สาวคงจะไปกระตุ้นแผลเก่าของมันขึ้นมา เลยทำให้มันออกมาอาละวาดแบบนี้” เทพดำกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังภาพหน้าจอของพวกเยว่เกอ
ภาพบนหน้าจอยังคงเป็นการต่อสู้อย่างวุ่นวาย และเนื่องมาจากการปรากฏตัวของนักรบมาร มันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถใช้ความวุ่นวายเพื่อหลบรอดออกมาจากการปะทะได้
ในทางกลับกันพวกนักรบมารก็กำลังตกอยู่ภายใต้การต่อสู้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเชสนี่พยายามกระตุ้นนักรบภายในทีมให้ต่อสู้กับสัตว์อสูรอย่างเต็มกำลัง
“โชคดีที่เซี่ยเฟยฉลาดมากพอไม่ได้เข้าไปพัวพันกับสัตว์อสูรตัวนี้” เทพดำกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขณะเฝ้าดูการหลบหนีอันชาญฉลาดของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมนักรบมารพวกนั้นถึงไม่สามารถทำอันตรายแบล็ครีเบลเลี่ยนได้เลย?” เทพขาวกล่าวขึ้นมาอย่างสับสน
“อสูรตัวนั้นไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร มีเพียงแต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพล้วน ๆ เปลือกที่ปกคลุมร่างมันอยู่มีความแข็งมาก และมันก็เป็นเกราะป้องกันชั้นยอดที่แม้แต่พลังกฎก็ไม่สามารถทะลุผ่านเปลือกสีดำของมันเข้าไปง่าย ๆ” เทพดำอธิบาย
“เปลือกของมันกันพลังกฎได้งั้นเหรอ?!” เทพขาวอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะโดยปกติมันจะมีเฉพาะชุดเกราะชั้นยอดที่มีพลังในการต่อต้านพลังกฎเท่านั้น
ในทางกลับกันนักรบมารพวกนั้นก็มีพลังเพียงแค่ราชากฎเท่านั้น พลังของพวกเขาจึงไม่มากพอที่จะเจาะทะลุการป้องกันของแบล็ครีเบลเลี่ยนเข้าไปได้ การต่อสู้ที่ดูเหมือนจะดุเดือดจึงกลับกลายเป็นการต่อสู้ที่มีการทำร้ายกันเพียงแค่ฝั่งเดียว
ร่างสีดำปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของทุกคนในพริบตา เผยให้เห็นร่างของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่มีความยาวมากกว่า 100 กิโลเมตร
เหล่าบรรดานักรบมารเริ่มถูกบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนกันอยู่นั้น มันก็ไม่มีใครทันสังเกตเห็นเลยว่าจักรพรรดิกฎผู้สั่งให้พวกเขาจู่โจมอย่างเต็มกำลังกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
***************
นี่สินะเป้าหมายที่เชสนี่วางแผนไว้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 431
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น