บทที่ 23 โดนลอบฆ่า

พ่ายเกมสวาท

-A A +A

บทที่ 23 โดนลอบฆ่า

หมวดหนังสือ: 

ฉันใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเช็ดบริเวณแผล เพราะว่าเลือดยังคงไหลซึมออกมาเป็นระยะ ฉันจึงจำเป็นต้องออกไปขอยาทำแผลกับป้าเสริม แต่เมื่อฉันเปิดประตูออกมาก็พบกับกล่องปฐมพยาบาลวางไว้หน้าห้องแล้ว ก็ยังดีที่ยังมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้าง ฉันหยิบขึ้นมาแล้วเอาเข้ามาในห้องนั่งทำแผลให้ตัวเอง ก่อนจะออกไปหาอะไรกิน

 

ฉันเดินออกมาจากห้องตรงไปยังส่วนห้องครัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าเสริมทำอาหารเสร็จแล้ว ฉันนั่งลงกินทันที แต่อดไม่ได้ที่จะลอบมองว่าเขายังอยู่ไหม เหมือนป้าเสริมจะเห็นความหลุกหลิกในสายตาของฉัน ป้าเสริมจึงเอ่ยขึ้นมา

 

“นายท่านไปทำงานแล้วค่ะ” สิ้นเสียงป้าเสริมฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าได้อย่างสบายใจ

 

เวลาผ่านไป 3 วัน ที่เขาไม่กลับมาที่เพนท์เฮ้าส์เลย ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตแบบไร้ความหวาดระแวงนั่ง นอน กิน แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมีป้าเสริมคอยทำให้หมดทุกอย่าง แต่ในความสบายใจที่ไม่มีไอ้ปีศาจร้ายอยู่ใกล้ตัว มันกลับทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดตัวเองแปลกๆ ว่าทำไมฉันถึงต้องใจเต้นและอดมองไปทางเข้าไม่ได้ทุกครั้งที่เสียงประตูเปิดเข้ามา แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกเศร้าหน่อยๆ ที่คนที่เข้ามาไม่ใช่เขาคนนั้น

 

~~ กลางดึก

 

ระหว่างที่ฉันกำลังหลับสบายอยู่บนที่นอนแสนนุ่ม เสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังมาจากนอกห้อง ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อที่จะเดินไปดู ยังไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสกับลูกบิดเพื่อเปิดประตู ฉันก็ได้ยินเสียงที่เหมือนมีคนจำนวนหนึ่งกำลังพากันแบกของหนักผ่านหน้าห้องฉันไป ระหว่างนั้นพวกเขาพูดคุยโต้ตอบกันไปมาด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความกังวลใจ หนึ่งในนั้นออกคำสั่งด้วยเสียงที่เบาลงเหมือนกลัวว่าจะรบกวนคนที่นอนอยู่ในห้องที่กำลังจะผ่านนี้จนทำให้เจ้าของห้องตื่น เมื่อตั้งใจฟังก็จับใจความได้ว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ

 

“เร็วพวกมึงรีบพานายขึ้นไปบนห้อง” เสียงนี่คือเสียงของนายกิตลูกน้องคนสนิทของเขา

 

“พี่กิต นายเจ็บขนาดนี้ทำไมพี่กิตถึงไม่พานายไปโรงพยาบาลพากลับมาทำไม พี่กิตดูสิเลือดนายไหลไม่หยุดเลย” ลูกน้องอีกคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลไม่แพ้กัน

 

“เป็นความต้องการของนาย” กิตเอ่ยน้ำเสียงเครียด พร้อมพาร่างผู้เป็นนายเคลื่อนย้ายต่อไปเพื่อให้ถึงห้องนอน

 

สิ้นเสียงพูดคุยของคนกลุ่มนั้น ฉันได้แต่เอามือปิดปาก หัวใจกระตุกวูบโหวงแปลกๆ ความรู้สึกกลัวแล่นเข้ามาที่กลางหัวใจ ปฏิกิริยาทางร่างกายตอบสนองอย่างไว ฉันเปิดประตูห้องนอนพาสองเท้าก้าวตามคนกลุ่มนั้นไปด้วยหัวใจที่ร้อนรน เมื่อรู้ตัวอีกทีฉันก็มียืนอยู่หน้าประตูห้องนอนข้างบนแล้ว

 

ฉันยังคงยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องด้วยเพราะทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเองว่ามายื่นทำอะไรตรงนี้ ทำไมร่างกายถึงเดินตามมาอย่างอัตโนมัติ แค่เพียงได้ยินว่าเขาบาดเจ็บ ฉันยืนลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปดูดี หรือจะกลับห้องดี ฉันควรจะรู้สึกอย่างไรดี ถ้าเขาตายฉันควรดีใจสิ เพราะเขาก็โหดร้ายกับฉันเหลือเกิน แต่ทำไมแค่คิดว่าเขาจะเป็นอะไรไป ขอบตามันก็แสบขึ้นมา ฉันยืนเดินวนไปมาหน้าห้องสักพัก ก็มีคนเปิดประตูออกมา

 

พรึ่บ!!

 

“อ้าว คุณเอลิซ” เสียงของกิตเอ่ยทักฉัน

 

“พวกผมต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่เสียงดังรบกวนจนคุณเอลิซตื่นขึ้นมา” กิตก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษฉัน

 

“ไม่เป็นไรค่ะ เอลิซนอนไม่ค่อยหลับพอดี ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันหรอค่ะ” ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้เอ่ยถามออกไป

 

“เอ่อ.....” กิตเหลือบมองไปด้านหลังตัวเอง พร้อมเอ่ยตะกุกตะกัก

 

ระหว่างที่ฉันกำลังรอคำตอบจากกิต

 

“ทางนี้ค่ะคุณหมอ” เสียงป้าเสริมดังขึ้น พร้อมกับนำทางพาหมอให้ตามมา

 

เมื่อฉันเห็นท่าทางที่รีบร้อนและดูเป็นกังวลอย่างมากของทั้งหมอและป้าเสริม ฉันถึงกับจิตตกพร้อมกับคิดว่าจะต้องเป็นหนักขนาดไหนกันถึงกับต้องตามหมอมาเร่งด่วนขนาดนี้ ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

ฉันทนไม่ไหวเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน จึงรีบเดินตามป้าเสริมและหมอเข้าไป...

 

แล้วสิ่งที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกับเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้องด้วยความตกใจดังออกมา บนเตียงขนาดคิงไซซ์มีร่างสูงใหญ่กำยำนอนเหยียดตัวนิ่ง สีหน้าคมเข้มที่เคยมีเสน่ห์ บัดนี้กลับซีดขาวแทบไม่มีสีเลือด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแสดงถึงความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ พอได้มองมายังข้างลำตัวก็พบว่ามีผ้าขนหนูที่ชุ่มไปด้วยเลือดปิดอยู่ มองปริมาณเลือดที่ไหลออกมาก็พอจะเดาได้ว่าบาดแผลใหญ่ขนาดไหน

 

ดวงตาฉันเริ่มสั่นระริก ความรู้สึกแสบรอบดวงตาก่อตัวมากขึ้น ฉันพยายามกลั้นไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ความเป็นจริงฉันควรที่จะสะใจที่เห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนั้น แต่ทำไมกัน ฉันกลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลย กลับมีแต่ความรู้สึกกลัว กลัวว่า...เขาจะเป็นอะไรไป

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเซฟเป็นแบบนี้” ฉันถามออกไปทันที เมื่อฉันสำรวจบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเสร็จ

 

ทุกคนนิ่งเงียบก้มหน้าไม่พูด

 

“ฉันถามว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” ฉันถามน้ำเสียงเข้มขึ้น เพื่อเค้นเอาคำตอบกับกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า

 

เออ... นายถูกลอบฆ่ามาครับ” นายกิตค่อยๆ พูดออกมา แต่ดวงตาฉายแววโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ใจฉันกระตุกวูบ เหงื่อเย็นเริ่มออกตามรูขุมขนของร่างกาย

 

“ละ..ลอบฆ่า..” คำตอบที่ได้รับทำฉัน เข่าแทบทรุด

 

“แล้วทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล พามาที่นี่ทำไม” ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ เขาอยากจะให้เจ้านายเขาตายหรือไงกัน

 

“มันเป็นความต้องการของนายครับ ผมไม่กล้าขัดคำสั่ง” กิตตอบ พร้อมกับมองไปที่เจ้านายของเขาด้วยความเป็นห่วง

 

ระหว่างนั้น หมอก็ได้ทำการรักษา หมอได้ทำการเปิดผ้าขนหนูขึ้นมาทำให้ฉันเห็นบาดแผลได้ชัดขึ้น นั้นมันยิ่งทำให้ฉันใจเสียขึ้นไปอีก แผลมีความลึกและยาว ดูน่ากลัว ฉันยืนตัวแข็งทื่อ ความร้อนผ่าวเริ่มครอบคลุมรอบดวงตาสวย

 

“จะ..เจ้านายของพวกนายเจ็บขนาดนี้ กลับพามาที่นี่เพราะกลัวที่จะขัดคำสั่งเนี๊ยนะ” ฉันพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าจะตกใจกับสิ่งไหนก่อนดี

 

“ใช่ครับ” กิตตอบ

 

ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

 

“นายอยากกลับบ้านมากครับ คุณเอลิซอาจจะไม่รู้ว่า 3 วันที่ผ่านมานี่ นายรีบเคลีย์งานทุกอย่าง หามรุ่งหามค่ำ แทบไม่ได้นอนเลย ประจวบเหมาะกับจังหวะที่คาสิโนมีปัญหาพวกคู่อริมาก่อกวนพอดี ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติพวกมันไม่มีทางทำอะไรนายได้แน่นอน แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้นายไม่ค่อยได้พักผ่อนบวกกับเออ...” กิตเว้นคำพูดเล็กน้อย

 

“.....นายเห็นคุณเอลิซที่คาสิโน “

 

“ห๊ะ...เห็นฉันเนี๊ยนะ” ฉันอุทานขึ้นพร้อมกับเอามือชี้เข้าที่ตัวเอง

 

“ครับ นายเห็นผู้หญิงคนหนึ่งจากข้างหลังแล้วบอกว่าเห็นคุณเอลิซ จากนั้นนายก็รีบวิ่งตามไป แต่สุดท้ายแล้วใครจะไปคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นนางนกต่อ ล่อนายไปติดกับจนพลาดโดนพวกมันประชิดตัวแล้วแทงครับ” กิตเล่าต้นเหตุของการโดนลอบฆ่าในครั้งนี้ พร้อมกัดฟันกรอดด้วยความแค้น

 

หลังจากที่ได้ฟังกิตเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่มีก็ยิ่งสับสน ฉันมองไปทางคนร่างใหญ่ที่นอนไม่ได้สติ เขาทำแบบนั้นทำไมกัน ถึงกับไม่ระวังตัวเองเพียงแค่เพราะเห็นคนที่คล้ายฉัน

 

เหมือนว่ากิตจะรู้ถึงความคิดของฉัน จึงอธิบายต่อ~~

 

“เพราะว่านายมักจะเหม่อลอยถึงคุณเอลิซครับ” กิตบอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเจอมาหลายวันนี้

 

“เหม่อลอยถึงฉัน” ฉันรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

 

“นายเห็นใครก็เหมือนคุณเอลิซ จนอยากจะเคลีย์งานให้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้กลับบ้าน แต่ก็มาเกิดเรื่องก่อนนี่แหละครับ” กิตบอกให้ฉันคลายความสงสัย

 

ยิ่งฉันฟังกิตอธิบายเรื่องราว หัวใจของฉันมันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บ ความรู้สึกที่หลากหลายแล่นเข้ามา มันมีทั้งความรู้สึกกลัว สงสาร เป็นห่วง และแอบดีใจ (ที่เขาคอยคิดถึงฉัน) ปะปนอยู่ในนั้น

 

“แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยที่พวกนายพาเขามาที่นี่นะ ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล เครื่องไม้เครื่องมือมันมีมากกว่ามารักษาตัวที่บ้านนะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะว่าพวกเขาออกไป

 

เพราะถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาเจ็บขนาดนี้แต่กับเลือกมาที่นี่แทนไปที่โรงพยาบาล เลือดออกขนาดนี้เขาอาจจะตายได้เลย

 

“พวกผมก็อยากจะพาไปครับ แต่ว่า..ก่อนที่นายจะหมดสติไป นายสั่งอย่างเด็ดขาดว่าให้พวกผมพานายมาที่นี่ นายบอกว่าหายมาหลายวันแล้วเดี๋ยวคุณเอลิซจะเหงา ยังไงต้องกลับมาบ้านก่อน นายยังบอกอีกว่าถ้านายตื่นมาแล้วไม่ได้อยู่ที่บ้าน นายจะลงโทษพวกผมทุกคน แล้วพวกผมจะไปพูดอะไรได้ กลัวจะโดนเหมือนไอ้สองคนครั้งก่อน เลยต้องพากลับมาแล้วค่อยตามหมอมานี่แหละครับ” กิตเล่าความลำบากใจที่เจอเพื่อให้ฉันคลายความกังวล ก่อนจะเอ่ยขอตัวพาลูกน้องที่เหลือไปตามล่าคนที่ทำกับเจ้านายของพวกเขาให้เป็นแบบนี้

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.