มุกดาน้ำผึ้ง 1: บ้านสองหลัง

มุกดาน้ำผึ้ง (รวมเรื่องสั้นชุด ม่านรุ้งรัตติกาล)

-A A +A

มุกดาน้ำผึ้ง 1: บ้านสองหลัง

  “จะว่าไป ผมว่าคุณหน้าตาใช้ได้อยู่นะ อยากทำเรเซอร์ หรือเข้าคอสเสริมความงามสักหน่อยไหม เดี๋ยวผมออกเงินให้”

            วันหนึ่ง ขณะที่อติญานำกาแฟไปเสิร์ฟให้เจ้านายหนุ่มในห้องทำงาน จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมา จนเธอแทบทำตัวไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมดเกือบจะระงับอาการไม่อยู่ เนื่องจากเธอค่อนข้างมีมุมมองไม่ดีนักต่อชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว

  “เอ่อ..ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เกรซพอใจแล้วค่ะ”

            ดิษณ์กรไล่สายตามองแม่บ้านสาวคนใหม่ของตนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา ดวงตาคมกริบของเขาทำให้เธอตัวเกร็งขึ้นมาด้วยความประหม่าและวิตก ใจหนึ่งก็กลัว ใจหนึ่งก็เคืองที่อีกฝ่ายไม่รักษามารยาทเอาเสียเลย

  “คุณแน่ใจหรือ” ดิษณ์กรอดสงสัยในคำตอบของแม่บ้านสาวไม่ได้ เห็นอยู่ว่าใบหน้าเรียวได้รูปนั้นเต็มไปด้วยกละและไฝเม็ดโตสองสามเม็ด ซึ่งเป็นลักษณะที่ผู้หญิงทุกคนไม่ปรารถนา ถ้ามีวิธีแก้ไขพวกเธอย่อมไม่ปฏิเสธไม่ใช่หรือ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับบอกว่าพอใจแล้ว

  “ผมออกให้ ไม่หักเงินเดือนคุณหรอก” เขาบอกอย่างใจป้ำ แน่สิ ทายาทเศรษฐีอย่างเขาไม่มีปัญหาเรื่องเงินหรอก ยิ่งได้ของสวยๆงามๆมาวนเวียนใกล้ตัวยิ่งนับว่าคุ้มเสียมากกว่า

  “ม..ไม่เป็นไรค่ะคุณกัสโตร เกรซไม่รบกวนจริงๆค่ะ เกรซว่าแบบนี้ดีแล้วค่ะ” เธอพยายามยืนยันอีกครั้ง แม้ตอนนี้จะขยับปากยากเย็นเหลือเกินก็ตาม

 

  “อยู่นี่เอง” เสียงทุ้มเท่ของใครคนหนึ่งทักขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย ขณะที่อติยากำลังมัวครุ่นคิดบางอย่างอยู่ลำพังในครัว เธอสะดุ้งโหยงทันที ก่อนจะรีบหันไปรับคำอีกฝ่ายเมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงใคร

  “ค..คะคุณกัสโตร?!”

  “โทษที ผมแค่จะมาบอกว่าวันนี้ไม่กลับบ้านนะ จะไปค้างข้างนอก ไม่ต้องรอ เช็กบ้านเรียบร้อยก็นอนได้เลย” ดิษณ์กรเห็นว่าหญิงสาวตกใจเพราะตนเองก็กล่าวขอโทษ ก่อนจะบอกธุระให้เธอทราบ แล้วเดินออกไปหลังจากหมดเรื่องพูดแล้ว

            เจ้านายของอติญาไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าตนจะไปทำอะไรที่ไหน และเหตุใดจึงไม่กลับมานอนที่บ้าน ด้วยความที่ข่าวเกี่ยวกับเขามักดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง ถ้าไปค้างข้างนอก มีอยู่ไม่กี่กรณี หนึ่งในนั้นคือควงสาวสวยเข้าโรงแรมหรู หญิงสาวทราบ เพราะก่อนจะเข้ามาทำงานในคฤหาสน์หลังนี้เธอศึกษาข้อมูลเขามาพอสมควร เพื่อเตรียมรับมือ ชีวิตเธอเจอประสบการณ์แย่ๆจากผู้ชายมาหลายครั้งจนต้องระวังตัวอยู่เสมอ จริงๆ ถ้าไม่จำเป็น และผู้มีพระคุณบังคับ ให้ตายก็คงไม่ยอมโผล่มาที่นี่หรอก

 

            ต้นงิ้วสูงตระหง่านหลายต้นเรียงราย หนามแหลมใหญ่ตามลำต้นคอยโผล่ออกมาทิ่มแทงเหล่าสัตว์นรกชายหญิงให้ได้รับความเจ็บปวด เหนือต้นมีอีกาปากเหล็กคอยรอจิกทึ้งร่างเปลือยให้กระเด็นหล่นจากลงไป ด้านล่างเหล่าผู้คุมต่างถือหอกแหลมเสียบไล่สัตว์นรกให้ปีนขึ้นไป และหมาดำตัวใหญ่อีกจำนวนหนึ่งที่รอฉีกกระชากร่างที่ตกลงมาให้ดับดิ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วทิศด้วยความทรมาน ทว่าไม่มีใครมีทางเลือกนอกจากจำนนรับกรรมไปจนกว่าแรงบาปที่ก่อไว้ตอนเป็นมนุษย์จะบรรเทามากพอ

            เทพธิดาสาวิตรียืนมองภาพทั้งหมดอยู่บนวิมานแล้วอดสังเวทใจไม่ได้ อดีตสามีของเธอตอนนี้เป็นหนึ่งในสัตว์นรกขุมนั้น ด้วยสมัยยังเป็นมนุษย์เขาทำบาปไว้มาก เรื่องโลกีเรื่องผู้หญิงไม่มีเว้น แม้ตอนเธอมีชีวิตเขาจะเพลาลงบ้าง ทำบุญทำทานเนืองๆ แต่ก็ไม่มากพอให้ก่อนตายจิตอดีตสามีเกาะบุญไปภพที่ดีกว่าได้ ทำให้ต้องตกนรกมาชดใช้กรรมก่อน ผิดกับเธอที่แม้เกิดในตระกูลมาเฟียร์ ใจก็ฝักใฝ่ช่วยเหลือคนมากมายอยู่ตลอด ต่อให้อายุสั้นไปสักหน่อย แต่บุญกุศลก็มากพอส่งให้ขึ้นสวรรค์ได้

            ขณะที่เทพธิดาแสนสวยกำลังพิจารณาบาปของสัตว์ในนรกอยู่ ทันใดจิตสังหรณ์ก็ส่งสัญญาณมาจากโลกมนุษย์ เป็นผลให้เธอต้องหันความสนใจมาทางนี้ก่อน เธอรวบรวมสมาธิเพิ่งตาลงมาที่โลกมนุษย์อยู่ครู่ เห็นรถคุ้นตากำลังขับออกจากรั้วคฤหาสน์หรูไปก็ทราบทุกอย่างทันที

  “เจ้าตัวแสบ สอนเท่าไรไม่เคยเข้าหัว ห้ามเท่าไรไม่เคยฟัง เดี๋ยวได้เห็นดีกัน” เสียงสวยใสราวระฆังแก้วพึมพำกับตนเอง ก่อนร่างอรชรจะหายวับไปจากตรงนั้น

 

            ผู้คนมากมายที่เดินอยู่บริเวณชั้นสามของห้างดังต้องพากันหันมองเป็นตาเดียว เมื่อหนุ่มสุดหล่อมาดเท่เดินควงสาวสวยมาเป็นพรวน โดยมีหนึ่งคนเกาะแขนใกล้ชิด ในมือสาวสวยทุกคนล้วนเต็มไปด้วยถุงสินค้าแบรนด์หรูประจำห้าง บ่งบอกว่าถ้าเจ้าตัวไม่เงินหนา คนซื้อให้ก็กระเป๋าตุงน่าดู

  “เกือบสามทุ่มแล้ว เราไปไนต์คลับเลยแล้วกันนะครับสาวๆ” หนุ่มรูปงามหันไปพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ก่อนพวกเขาจะพากันออกจากห้างมายังผับเฟิร์สคลาสแห่งหนึ่งในย่านดังที่คนไฮโซมักมาเที่ยวกัน

      ที่นั่น ดิษณ์กรและสาวสวยทั้งหมดดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางแสงสีเคล้าเสียงดนตรีสุดเร้าใจที่มีทั้งจังหวะแดนซ์กระจายและจังหวะเบาสบายสลับกันไปเพื่อให้ผีเสื้อกลางคืนทั้งหลายได้เพลิดเพลิน

      ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่นี่ต่างคุ้นหน้าชายหนุ่มเป็นอย่างดี หนุ่มหล่อทรงอิทธิพลว่าที่หัวหน้ากลุ่มเจ้าพ่อข้ามชาติคนใหม่ หลายคนเข้ามาทักทายเขาอย่างจำได้ และส่วนใหญ่ก็หมายสานสัมพันธ์เผื่อหาช่องทางต่อยอดธุรกิจให้ตนเอง

  “กัสคะ อิ๊ฟเบื่อที่นี่แล้วค่ะ เราไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่านะคะ” ดื่มเต้นได้สักพัก สาวสวยข้างกายดิษณ์กรก็เข้ามาคลอเคลียพลางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

  “ได้ครับ เอาเป็นที่ไหนดีล่ะ” เขาเหลือบตามองเธอพลางถามอย่างตามใจ

  “ที่ไหนก็ได้ค่ะ แค่มีกัสอยู่ด้วย” สาวสวยบอกเสียงหวาน ดิษณ์กรยิ้มให้เธอก่อนโอบเอวบางออกจากไนท์คลับขึ้นรถหรูหายลับไป ทิ้งให้ลูกน้องรอส่งพวกเพื่อนๆของหญิงสาวแทน

 

            คืนนี้เจ้านายหนุ่มของอติญาไม่กลับบ้าน และเป็นปกติที่จะลากยาวไปถึงบ่ายอีกวัน ไม่ก็อีกสองวันถัดมา ทำให้เธอลดการระมัดระวังตัวลงนิดหนึ่ง ปกติเวลาเขาไม่อยู่บ้าน ก็แทบไม่มีชายหน้าไหนโผล่เข้ามาในพื้นที่สักคน มีก็แค่แม่บ้านสี่ห้าคนซึ่งประจำอยู่ที่นี่คอยช่วยเฝ้าเคหสถาน ถ้าถามว่าไม่มียามเลยหรือ ต้องตอบใช่ เพราะหนุ่มมากอิทธิพลวางระบบความปลอดภัยสุดไฮเทคไว้อย่างรัดกุมแล้ว แถมมีบริษัทผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลอีกชั้นหนึ่งด้วย ดังนั้นจึงวางใจได้เกินร้อยทีเดียว

            หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เงากระจกสะท้อนภาพหญิงสาวสวยร่างระหงคนหนึ่งชัดเจน ใบหน้ามันคลับกระจางใส รอยกละและเม็ดใฝดำโตหายไปราวไม่เคยมีอยู่ สำลีสีหม่นถูกทิ้งลงถังขยะทันทีเมื่อทำหน้าที่เสร็จ ก่อนเจ้าของเงาในกระจกจะจ้องภาพตนเองอีกครั้งอย่างตรวจตรา แม้จะชอบแต่งหน้าหลอกคนอื่นว่าขี้เหร่ แต่หญิงสาวก็ยังรักสวยรักงามเหมือนผู้หญิงทั่วไป ติดเพียงไม่สามารถเปิดเผยให้ใครเห็นได้มากนัก ด้วยมักจะต้องมีภัยคุกคามตามมาเสมอ

            หลังจากอติญาทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยก็พาตนเองเข้าไปอาบน้ำ เตรียมออกมาอ่านหนังสือต่อ อีกไม่กี่สัปดาห์มหาวิทยาลัยของเธอก็จะสอบปลายภาคแล้ว แม้จะลงเรียนแบบออนไลน์ที่บ้าน ทว่าตอนสอบอาจารย์ก็เรียกให้นักศึกษาทุกคนเดินทางเข้าไปสอบในพื้นที่อยู่ดี เธอทำงานส่งตนเองเรียนโดยไม่มีใครทางบ้านรู้ สมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างบังคับให้ออกมาทำงานเลี้ยงพวกเขา แม่เลี้ยง พี่ชายต่างพ่อ และน้องชายพ่อเดียวกันอีกคน

            แม่เลี้ยงเป็นตัวตั้งตัวตีส่งหญิงสาวมาเป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้ หมายมาดให้ลูกเลี้ยงสาวเอาตัวถวายเป็นนางบำเรอดิษณ์กรแลกกับเงินก้อนโตเสีย ทุกครั้งที่มีโอกาสแม่เลี้ยงมักพร่ำบอกให้เข้าหาดิษณ์กรบ่อยๆ แต่ต่อให้เธอจะกตัญญูแค่ไหน อะไรที่ไม่สมควรทำก็จะไม่ทำเด็ดขาด เธอยอมเข้ามาทำงานที่นี่ตามคำสั่ง ทว่าก็ทำในขอบเขตคนดูแลบ้านเท่านั้น และเมื่อมีเงินก็ไม่ยอมทิ้งโอกาสดีๆไป แอบแบ่งเงินก้อนหนึ่งส่งตนเองเรียนต่อ ตระหนักดีว่าการศึกษาคือใบเบิกทางสู่อนาคตสดใสที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

 

            ภายในห้องหรูสุดสวีตบนชั้นวีไอพีของโรงแรมสิบดาวแห่งหนึ่ง ช่วงเวลาอันเร่าร้อนของหนุ่มสาวคู่หนึ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นานนักหลังจากมาถึงสถานที่ และต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งเกือบใกล้รุ่ง ทุกอย่างจึงสิ้นสุด ดิษณ์กรและคู่ควงสาวต่างพากันสลบไสลด้วยความเหนื่อยอ่อน โดยมีร่างบางนอนกอดเขาอยู่ไม่ห่าง

                        ดวงตะวันค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า ส่องลำแสงเรืองรองลอดผ่านประตูกระจกที่รูดม่านเปิดไว้เข้ามากระทบสองร่างที่นอนเกยกันอยู่บนเตียงนุ่ม ก่อนประกายสีขาวสว่างของอะไรบางอย่างจะปรากฏขึ้นยังมุมหนึ่งในห้องอย่างเงียบเชียบไม่มีใครรู้ตัว

  “เหลือเวลาอีกห้าวินาที ก่อนน้ำมนตร์คำสาปที่แอบใส่ไว้ในแก้วไวน์เมื่อคืนจะออกฤทธิ์ หึๆ หวังว่าชีวิตเวิร์ลชั่นนี้จะให้อะไรกับเธอบ้างนะ กัสจัง” เสียงกังวานใสราวระฆังแก้วกล่าวจบประโยค ประกายสีม่วงน้ำเงินก็เปล่งแสงวูบวาบขึ้นบริเวณเตียงด้านที่หนุ่มหล่อนอนอยู่ ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปในเวลาต่อมา

 

  “กรี๊ด! ไอ้แมวบ้า แกมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”

            ดิษณ์กรตกใจตื่นทันทีเมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้นใกล้ตัว ก่อนเขาจะรู้สึกเหมือนใครเอาอะไรฟาดใส่เต็มแรงจนต้องเบี่ยงตัวหลบทว่าก็ไม่อาจพ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมายจะหยุดการทุบตีนั้นเสีย แต่กลับพบว่ามันไม่สามารถทำได้ตามใจต้องการ

  “อิ๊ฟ! คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย เอาหมอนมาฟาดผมทำไม” เขาเปลี่ยนมาร้องท้วงแทน ก่อนจะพบว่าเสียงที่เปล่งออกจากปากเป็นเสียงเมี้ยว ไม่ใช่เสียงทุ้มเท่แบบที่เคยได้ยินจากตนเอง

  “ไอ้แมวบ้า! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! แกเข้ามาได้ยังไง! ออกไปไอ้แมวบ้า!”

            ยังไม่หายมึนงงดี หมอนใบโตก็ฟาดลงมาอีกไม่ยั้งจนเขาต้องตัดสินใจหนีลงเตียงมายืนมองสถานการณ์แทน แต่เหมือนขาเจ้ากรรมจะเอื้อมไม่ถึงพื้น ทำให้จากที่จะลงมาอย่างสวยงามกลายเป็นตีลังกาลงมาเสียอย่างนั้น ก่อนเขาจะพบว่า สิ่งรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เตียงที่ใหญ่ขึ้น ข้าวของที่เพิ่มขนาดขึ้นทำเอารู้สึกราวตนเองดูเล็กไปถนัดตา

  “กัส!..กัสคะ คุณอยู่ไหน?!”

  “อีฟ! ผมอยู่นี่ไง คุณอยู่ไหนน่ะ?” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มได้ยินเสียงเมี้ยวดังออกมาจากปากแทนที่จะเป็นเสียงตนเองเมื่อก่อน และที่เกินคาดคิด คือภาพน่าตกใจตรงหน้าที่อยู่เหนือเตียงใหญ่ขึ้นไป สาวสวยคู่ควงของเขายืนทำหน้าบูดอยู่ตรงนั้น ร่างกายเธอใหญ่โตราวกับยักษ์

  “ไอ้แมวบ้า! แกยังไม่ไปอีกหรือยะ! อยากถูกจับโยนลงระเบียงหรือไง” เธอไม่ใช่คนพิศวาสแมว โดยเฉพาะแมวไร้เจ้าของสุดแสนสกปรกพวกนั้น หนำซ้ำเธอยังแพ้ขนแมวมากอีก และไม่มีทางที่เจ้าสี่ขาที่อยู่ในห้องกับเธอตอนนี้จะเป็นแมวของหนุ่มรูปงามไปได้ เพราะอยู่กับเขาทั้งคืนยังไม่เห็นสักตัว

 

เวลานี้เกือบบ่ายโมงแล้ว ภายในครัวคฤหาสน์หลังใหญ่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหารหอมหวนที่พวกแม่บ้านช่วยกันทำ เสียงพูดคุยของหญิงแม่บ้านต่างวัยสามสี่คนยังดังเรื่อยๆ โต้ตอบกันไปมาระหว่างนั่งล้อมวงกินข้าว คงมีแต่อติญาเท่านั้นที่เอ่ยปากให้ได้ยินเสียงนับคำได้ กระนั้นก็ไม่มีใครใส่ใจ เพราะมัวหมกมุ่นอยู่แต่หัวข้อสนทนาเด็ดประจำวันกับคนที่เหลืออยู่ ก่อนเธอจะเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งปรากฏตัวหน้าประตูครัว จึงรีบลุกเข้าไปหา

  “มีอะไรให้ทำหรือเปล่าคะคุณโอลิมปัส” อติญาเรียกฉายาของเขา จริงๆ ก่อนหน้านี้หญิงสาวก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือฉายา จนรุ่นพี่แม่บ้านขาเมาท์เล่าให้ฟังนั่นล่ะ คนในสังกัดเจ้านายหนุ่มมักไม่ใช้ชื่อจริงติดต่อกันมานานแล้ว ส่วนหนึ่งอาจต้องการปกปิดตัวตน แต่ฉายานี้คล้ายตำแหน่งอยู่ในที เป็นฉายาของมือขวาดิษณ์กร ซึ่งไม่ว่าใครมารับหน้าที่ตรงนี้ก็จะต้องใช้เหมือนกันทุกคน

  “เห็นบอสบ้างไหม”

  “วันนี้ยังไม่เห็นเลยค่ะ”

  “คนอื่นล่ะ” ชายหนุ่มถามต่อ พลางปรายตามองไปยังคนที่ล้อมวงกันอยู่ ซึ่งเงียบเสียงลงแล้วตั้งแต่เห็นเขา

  “ไม่เห็นเหมือนกันค่ะ / ไม่เห็นเลยค่ะ / ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” แม่บ้านสี่คนตอบแทบจะพร้อมกัน

  “ขอบใจ” เขารับทราบแค่นั้นก็เดินออกไป ทิ้งให้คนด้านหลังมองตามด้วยความงงงวยอยู่อย่างนั้น ก่อนจะมีใครจุดประเด็นขึ้นมา

  “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าน่ะป้า ปกติพวกมือซ้ายขวาจะไม่ปล่อยคุณกัสโตรคลาดสายตาเลยนะ ทำไมจู่ๆ วันนี้มาถามเอากับแม่บ้านได้ล่ะ”

  “สงสัยท่าไม่ดีแล้วสิ หลังจากบอสใหญ่ตายช่วงนี้ก็ได้ข่าวว่าพวกฝ่ายตรงข้ามกำลังพยายามทำลายอิทธิพลที่บอสใหญ่ พ่อคุณกัสโตรสร้างไว้อยู่ด้วย”

  “หรือคุณกัสโตรจะโดนอุ้มไปแล้วจ๊ะป้า ช่วงนี้พวกนักธุรกิจ พวกคนมีเงินโดนอุ้มหลายรายเลย รายล่าสุดก็เป็นข่าวเมื่อเช้านี้เอง!” แม่บ้านอีกคนสันนิษฐานหน้าตาตื่น แต่ไม่ทันสิ้นคำดี เสียงเล็กหนึ่งก็ร้องแทรกขึ้นมาจนบางคนสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว

  “เมี้ยวววว!”

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.