บทที่ 170: หลงจงผู้ปากไม่ตรงกับใจ

[จบแล้ว] ขนเสบียงนับล้าน มาเป็นมาร(ดา)ของเหล่าวายร้าย (อ่านฟรีวันละตอน 12.00)

-A A +A

บทที่ 170: หลงจงผู้ปากไม่ตรงกับใจ

เวลาผ่านไปไม่นาน เด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ก็วิ่งออกจากบ้านไม้หลังเก่าพร้อมสัมภาระไล่เลี่ยกัน จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในห้องของแต่ละคน

 

เนื่องจากห้องนอนอยู่บนชั้น 2 เจ้าตัวเล็กทั้งหลายจึงต้องปีนบันได แต่ขาสั้นของหลงเหยาไม่สามารถปีนขึ้นไปได้เลย และเขาก็ล้มหงายหลังอยู่บ่อยครั้ง

 

เมื่อพวกพี่ ๆ ทั้ง 4 ลงมายังชั้นล่าง น้องชายคนสุดท้องก็ยังใช้มือและเท้าปีนขึ้นบันไดได้เพียง 2 ขั้นเท่านั้น…

 

หลงอวี้ผู้เป็นพี่ใหญ่มองไปที่เสื้อผ้าหนังสัตว์ที่หล่นอยู่บนพื้น และช่วยน้องเล็กหยิบมันขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เสี่ยวเหยา เจ้าทำอะไรน่ะ?”

 

“เสี่ยวเหยาจะเอาของไปเก็บ!”

 

หลงเหยาตอบโดยไม่ต้องคิด

 

“แล้วของของเจ้าล่ะ?” หลงจงกลอกตาถาม

 

ในตอนนี้คนตัวเล็กพยายามปีนบันไดอย่างยากลำบาก พอได้ยินคำถามของผู้เป็นพี่ชาย มือและเท้าน้อย ๆ ก็หยุดชะงักไป

 

เขาก้มลงมองมือที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หันไปมองตรงบั้นท้ายตัวเอง

 

ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างแล้วเอามือ 2 ข้างตบหน้าผากตนดังป้าบ

 

“แย่แล้ว ของของเสี่ยวเหยาหายไป!”

 

ทางด้านหลงเซียวกับหลงหลิงเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะกุมหน้าผากของตัวเอง พวกเขากังวลจริง ๆ ว่าถ้าเสี่ยวเหยาซื่อบื้อมากขนาดนี้ ในอนาคตเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรหากไม่มีพวกเขาคอยดูแล

 

สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นหน้าที่ของหลงอวี้ที่ช่วยถือของของน้องชายคนเล็ก ในขณะที่หลงจงเป็นคนอุ้มตัวอีกฝ่ายเพื่อพาไปทำความคุ้นเคยในห้อง

 

ในทางกลับกัน การลงบันไดเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก

 

เพราะเจ้าตัวน้อยกระโดดพุ่งลงไปจนสุดทาง

 

หูเจียวเจียวเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกทั้ง 5 คนอยู่นอกบ้าน เมื่อเห็นพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เธอจึงยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ

 

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี

 

เด็กตระกูลหลงช่างบริสุทธิ์และมีจิตใจดี ส่วนหลงโม่ผู้เป็นพ่อทำงานหนักเพื่อดูแลครอบครัวของเขา และเผ่าก็กำลังจะเจริญรุ่งเรือง…

 

ขณะที่หญิงสาวกำลังรู้สึกโล่งใจ ก็มีเงาสูงมาทาบทับตัวเธอ

 

หูเจียวเจียวจึงหันศีรษะไปมอง

 

ไม่นานหลงโม่ก็มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมกับถือเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่พับไว้อย่างเรียบร้อย

 

“ข้าเก็บสัมภาระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว” เขากลั้นหายใจก่อนจะพูดเสียงเรียบ

 

สีหน้าจริงจังนั้นราวกับทหารที่พร้อมออกสู่สนามรบได้ทุกเมื่อ

 

นั่นทำให้มุมปากของจิ้งจอกสาวกระตุกอย่างช่วยไม่ได้

 

ผู้ชายคนนี้เข้มงวดเกินไปไหม…

 

เมื่อมังกรหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร เขาก็ขมวดคิ้วและพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “ถ้าอย่างนั้น... ข้าจะเอาของไปเก็บไว้ในห้องก่อนได้ไหม?”

 

ชายหนุ่มตัวสูงประมาณ 190 เซนติเมตร เขาพูดอย่างระมัดระวังต่อหน้าจิ้งจอกสาวที่สูงไม่ถึงอกตน เพราะกลัวว่าเธอจะขัดขวางข้อเสนอของเขา

 

“เจ้าอย่าเพิ่งไป” หูเจียวเจียวส่ายหัวพลางหยิบเสื้อผ้าจากแขนของคนตัวสูงมาแล้ววางลงบนเก้าอี้หินข้าง ๆ เธอ

 

ทันใดนั้น ใบหน้าของหลงโม่ก็หม่นหมองลง ประกอบกับความผิดหวังที่ฉายชัดในรูม่านตาสีทองอันล้ำลึก

 

นางจะกลับคำหรือ?

 

ถ้านางกลับคำขึ้นมาจริง ๆ เขาจะต้องมีชีวิตอยู่แบบอนาถ หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ เขาจะถูกขับไล่ออกจากเผ่าอีกครั้ง

 

บัดนี้หลงโม่คิดจินตนาการในหัวไปไกล ถึงขั้นคิดภาพว่าตัวเองจะนำสัมภาระกลับไปวางไว้ในกระท่อมไม้ของหูเจียวเจียว เสร็จแล้วก็อ้อยอิ่งอยู่ที่นั่นต่อไปดีไหม

 

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่ได้รอให้ชายหนุ่มเคลื่อนไหว

 

ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งนุ่ม ๆ ทาบลงมาบนฝ่ามือหยาบกร้านของเขา

 

“ตอนนี้ยังมีของใช้บางอย่างที่ยังไม่ได้ยกเข้าไป เรายกของใช้เข้าไปก่อนค่อยเอาเสื้อผ้าไปเก็บ”

 

หูเจียวเจียวจับมือเขาและเดินออกจากบ้าน

 

ตอนนี้ครอบครัวทั้ง 7 กำลังจะย้ายไปบ้านหลังใหม่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เพราะบ้านหลังเก่าไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ซึ่งแม้แต่เตียงก็ทำมาจากหญ้าและหนังสัตว์

 

ไม่นานมานี้ เธอเคยขอให้โหวเสี่ยวเตียวช่วยหาภูตมาทำเครื่องเรือนให้ แต่เธอไม่เคยย้ายพวกมันกลับเพราะในบ้านไม่มีที่ให้วาง

 

เนื่องจากจิ้งจอกสาวมักจะเดินคนเดียวในเผ่า เธอจึงไม่เคยปล่อยให้ภูตคนอื่นแบกเธอไว้บนหลัง และเธอไม่ได้คิดที่จะให้หลงโม่กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายเพื่อพาตนเองไปที่นั่น

 

ทางด้านมังกรหนุ่มกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง 

 

เขาได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่หรือ? 

 

ยามนี้แสงแวววาวส่องประกายผ่านดวงตาที่ลึกล้ำของมังกรหนุ่ม จากนั้นเขาปล่อยมือออกจากมือของหญิงสาว ในวินาทีต่อมา เขาก็กลายร่างเป็นมังกรดำโดยใช้หางม้วนร่างผู้หญิงตัวเล็กขึ้นมาวางลงบนหลังตน

 

ก่อนที่หูเจียวเจียวจะทันได้ตอบสนอง เธอก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว

 

“…”

 

ช่วยพูดอะไรล่วงหน้าก่อนจะจับฉันขึ้นบินหน่อยได้ไหม!

 

โชคดีที่จิ้งจอกสาวไม่กลัวความสูง ไม่อย่างนั้นเธอคงกลัวจนกรีดร้องลั่นเผ่าแน่ถ้าเขายังพาเธอบินร่อนไปบนฟ้าแบบนี้อีก

 

คราวนี้มังกรดำตัวใหญ่ก็ยังบินอย่างมั่นคงเช่นเคย หูเจียวเจียวเองก็ปรับตัวกับเสียงลมที่หวีดหวิวอยู่ในหูตัวเองได้ ก่อนจะบอกว่าให้เขาบินไปที่ไหน 

 

นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เธอนั่งบนหลังของหลงโม่ 

 

ในเวลาไม่ถึง 2 นาที มังกรร่างยักษ์ก็ลงจอดพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความเร็วที่เร็วผิดปกติ

 

เนื่องจากโหวเสี่ยวเตียวต้องการสร้างบ้านหินและไม่มีเวลาทำเครื่องเรือน เขาจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านตัวเอง

 

ภูตเพื่อนบ้านคนนั้นมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือจิ้งจอกสาว ตอนนี้เขายังไม่มีคู่ และเขาวางแผนที่จะแสดงความรักต่ออีกฝ่ายในยามที่นางมารับของที่สั่งทำกลับไป

 

เมื่อชายหนุ่มเห็นหูเจียวเจียวเดินเข้ามา เขาก็ออกไปทักทายนางอย่างมีความสุข แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะได้เห็นหลงโม่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวด้วยสายตาดุจดั่งมีดคมกริบ

 

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาเลยเจื่อนลงทันที

 

“ข้ามารับของที่สั่งไว้น่ะ”

 

หูเจียวเจียวยิ้มอย่างใจดีให้ภูตชาย อีกทั้งเธอจ่ายค่าทำสิ่งอำนวยความสะดวกไปแล้ว

 

“ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น” ภูตเพื่อนบ้านของโหวเสี่ยวเตียวเหลือบมองมังกรหนุ่ม เขาอยากจะสลัดเจ้าหมอนี่ออกไปและใช้เวลากับจิ้งจอกสาวตามลำพัง

 

“ตกลง ข้า—”

 

“เดี๋ยวข้าไปเอง”

 

ทันทีที่หูเจียวเจียวอ้าปาก เธอก็ถูกหลงโม่พูดขัดจังหวะเสียก่อน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาภูตชายและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา

 

“ไปกันเถอะ”

 

เมื่อชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาอันตรายของคนตัวสูงตรงหน้า เขาก็มองไปทางอื่นอย่างอับอาย

 

ความแข็งแกร่งของภูตมังกรคนนี้ต่างกับเขามาก ก่อนหน้านี้พวกเขาทุกคนได้เห็นหลงโม่ควักลูกตาของลู่ซุยซุยออก หรือแม้กระทั่งตอนที่โยนหู่จงเข้าไปในถ้ำหมื่นอสรพิษ เหล่าภูตในเผ่าได้เห็นการกระทำทั้งหมดของอีกฝ่ายด้วยตาตัวเอง

 

ยกเว้นภูตที่เดินทางกับมังกรหนุ่มที่ได้มีโอกาสทำความคุ้นเคยกับเขาบ้างแล้ว ส่วนภูตคนอื่น ๆ ในเผ่าต่างก็กลัวเขากันทั้งนั้น

 

มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูตชายที่ทำเครื่องเรือนให้หูเจียวเจียวไม่กล้าแข่งขันแย่งชิงคู่กับหลงโม่เลย

 

ไม่อย่างนั้นสักวันหนึ่งลูกตาของเขาอาจจะถูกควักออกไปแทน!

 

ในไม่ช้า มังกรตัวโตก็นำตู้เสื้อผ้าไม้ 6 ใบและโต๊ะเก้าอี้หลายชุดกลับมา

 

ระหว่างที่จิ้งจอกสาวเดินทางมาที่นี่ เธอรู้สึกกังวลมาตลอดทางว่าจะขนของมากมายกลับไปอย่างไร แต่ใครจะไปคิดว่าหลงโม่มัดตู้เสื้อผ้ารวมถึงโต๊ะเก้าอี้ด้วยเชือก จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็นมังกร แล้วใช้กรงเล็บหิ้วของทั้งหมดไปทีเดียว

 

การทำแบบนี้มันทั้งทำให้การขนของง่ายขึ้นและไม่เปลืองแรงอีกด้วย

 

ตั้งแต่ออกไปข้างนอกจนถึงขนย้ายเครื่องเรือนกลับบ้าน พวกเขาทั้ง 2 ใช้เวลารวมกันแล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมง

 

หูเจียวเจียวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ น่าเสียดายที่ในโลกปัจจุบันไม่มีการส่งของหรืออาหารด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์แบบนี้

 

พอทั้งคู่กลับมาถึงบ้านหิน หลงโม่ก็ย้ายเครื่องเรือนทั้งหมดเข้าไปในห้องทีละชิ้น โดยที่จัดเรียงตามคำบอกของหญิงสาวแบบไม่มีการบ่นอิดออดใด ๆ

 

หลังจากที่ชายร่างสูงขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ เสร็จ จิ้งจอกสาวก็รู้สึกว่าตนเองกำลังเอาเปรียบอีกฝ่ายจึงทนอยู่เฉยไม่ได้

 

“หลงโม่ ถ้าเจ้าเหนื่อยก็พักเสียหน่อย ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องขนแล้ว”

 

“ข้าไม่เหนื่อย” มังกรหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธ

 

เมื่อหูเจียวเจียวเห็นว่าเขายังมีพลังเต็มเปี่ยมและไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยล้า เธอจึงไม่บังคับเขาอีกก่อนจะหันไปจัดเตียง

 

แต่ละห้องมีเตียงคั่ง* ซึ่งหญิงสาวปูที่นอนด้วยผ้าฝ้าย ตามด้วยปูหนังสัตว์ทับอีกชั้นหนึ่ง

*เตียงคั่งหรือเตียงอุ่น (炕床) เป็นเตียงที่ก่อด้วยอิฐ ด้านใต้กลวง และปูทับด้วยหินพอกดินโคลน จากนั้นจึงปูทับด้วยเสื่อหรือฟูก โดยที่ด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับปล่องจากเตาไฟ อีกด้านหนึ่งมีช่องระบายควัน

 

พอเด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ได้ยินการเคลื่อนไหวภายในห้องก็วิ่งตามเข้ามา

 

“ท่านแม่ นี่คืออะไร?” หลงหลิงเอ๋อถามพลางมองไปยังที่นอนแปลกตาอย่างสนใจ

 

นางสงสัยว่าหินก้อนใหญ่ที่ก่อขึ้นมานี้คืออะไร

 

“นี่คือเตียงคั่ง เอาไว้นอนอุ่น ๆ” แม่จิ้งจอกอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

 

“ทำไมเราถึงนอนบนหิน เราไม่มีหนังสัตว์เลยหรือ?” หลงอวี้ขมวดคิ้วมองไปที่พ่อมังกร

 

ท่าทางของเด็กหนุ่มเหมือนกับว่าจะกล่าวหาผู้เป็นพ่อว่าไม่ให้หนังสัตว์แก่ท่านแม่

 

ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังจะอธิบาย หลงเหยาก็อ้าแขนออกและตะโกนบอกเธอว่า

 

“เสี่ยวเหยาอยากนอนบนเตียง เสี่ยวเหยาอยากขึ้นไป!”

 

นอกจากการกินแล้ว งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของเจ้าตัวเล็กก็คือการนอนหลับ

 

หลงโม่จึงใช้มือใหญ่หิ้วลูกชายตัวแสบขึ้นมา ก่อนจะพาเขาไปที่เตียง

 

ทันทีที่เท้าน้อย ๆ ของหลงเหยาสัมผัสที่นอน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายพลางกระดิกหางอย่างตื่นเต้น แล้วเขาก็กระโดดไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข

 

เด็กน้อยทำแบบนั้นอยู่บนเตียงนุ่มสักพัก

 

“นุ่มจัง! เสี่ยวเหยาชอบเตียงนี้จัง~”

 

เมื่อหลงหลิงเอ๋อเห็นเช่นนี้ นางก็ขยับร่างกายส่วนบนไปฝังหน้าตัวเองลงบนฟูก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะว่า “เตียงนี้นุ่มและสบายมาก!”

 

“มันก็แค่ที่ซุกหัวนอน ทำไมจะต้องทำอะไรยุ่งยากด้วย” หลงจงบ่นพึมพำ แต่เขาก็ยังใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสเตียงเงียบ ๆ

 

ปรากฏว่าเพียงแค่สัมผัสด้วยฝ่ามือก็ยังไม่พอ เขาใช้หลังมือถูไปมาด้วย 

 

มันนุ่มจริง ๆ...

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.