ตอนที่ 13 หอนางโลม

ผูกรักด้ายแดง

-A A +A

ตอนที่ 13 หอนางโลม

      บทที่ 13

ตอน หอนางโลม

            แสงอาทิตย์ขึ้นสู้ท้องฟ้า ลู่เหลียนยังคงนอนหลับ จนตะวันเริ่มสาย หว่านเอ่อร์เข้าห้องมา

               “พระชายา”

               “ถ้าเจ้าเรียกข้าแบบนี้ ข้าจะ......”

               “ไม่...จะอะไรทั้งนั้นค่ะคุณหนู องค์ชายสั่งว่า วันนี้คุณหนูต้องหาหนังสือที่สยดสยองเล่มนั้นให้เจอ มันคืออะไรหรือ”

               เธอสะดุ้งดีดตัวลุกออกจากเตียงทันที “จริงซิ แล้วองค์ชาย”

               “องค์ชายออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”

               “ไปไหนหรือ”

               “คุณหนูคงต้องถามองค์ชายเองแล้ว”

               หว่านเอ่อร์จัดแจงห้องเสื้อผ้าให้เธอจนเสร็จสิ้น

               “คุณหนูช่างงดงามยิ่งนัก ช่างเหมาะสมที่เป็นพระชายาขององค์ชายสี่นะเจ้าคะ”

               “เจ้านี่ล้อเราหรือ....จริงหรือ”

               แล้วเธอก็มองเห็นที่แขนของนางมีผ้าพันไว้

               “แขนท่าน” เธอมองหน้าหว่านเอ่อร์

               “ไม่มีอะไร แค่เป็นแผลเล็กน้อย”

               “แต่”

               “เราออกไปตลาดกันดีกว่า ข้าอยากหากระดาษพู่กันสีหมึก”

               “ที่จวนก็มีนะคะ”

               “รู้ว่ามี แต่อยากได้กระดาษเนื้อหยาบที่ไม่ใช้ของดีอะไร และสีหมึกที่เขียนต้องไม่เหมือนของวัง เพราะที่จวนนี้ส่วนใหญ่ของมาจากวังไม่ใช่หรือ ถ้าเขียนให้ฝ่าบาทอ่านต้องให้แนบเนียนหน่อย จะโกหกทั้งทีก็โกหกให้ถึงที่สุด”

               “คุณหนู โกหกฮ่องเต้โทษประหารเลยนะคะ”

               “ไปได้แล้ว”

               ทั้งสองออกจากจวนโดยไม่ได้บอกพ่อบ้าน โดยไม่มีผู้ติดตาม เธอตื่นเต้นมองตลาดที่นี่ช่างมีของเยอะมาก มีคนต่างถิ่นมากมายต่างแต่งกายกันหลากหลาย ลู่เหลียนเดินเข้าร้านนี้ ออกร้านนั้นอย่างเพลิดเพลิน

               “หว่านเอ่อร์ เจ้าเขียนหนังสือได้ใช่มั้ย”

               “ได้คะ”

               “พรุ่งนี้เขียนหนังสือตามที่ข้าบอกให้หน่อยนะ”

               “ทำไมคะ คุณหนูก็เขียนได้”

               “ลืมแล้วหรือ ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขียนอย่างไร”

               “คุณหนู.....หว่านเอ่อร์ว่าได้เวลาต้องฝึกวรยุทธแล้ว”

               “ไม่เอา ข้ากลัวเจ็บ ไม่เอาหรอก” แล้วเธอก็เดินหนีไป

               “คุณหนู” เธอรีบเดินตามไป ในมือก็เต็มไปด้วยของที่ซื้อ

               เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วท้องถนน

               “ใครไม่เกี่ยวอย่ายุ่ง”

               “เสียงอะไรกันนะ ไปดูกัน”

               “คุณหนู จะก่อเรื่องอีกหรือเปล่านะ”

               เมื่อลู่เหลียนเดินมาดู ชายชรากำลังดึงตัวหญิงสาวจากชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าตาหน้าดุดันหน้ากลัวยิ่งนัก โดยมีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูดีในชุดสีแดง

               เธอคอยพูดว่า “จับตัวนางมา”

               หญิงสาวร้องขอให้ชาวบ้านช่วยแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าช่วยนางเลย ลู่เหลียนยืนมองชาวบ้านที่ได้แต่พูดว่าสงสาร แต่ก็ไม่มีใครช่วย

               “หว่านเอ่อร์เจ้าไปจัดการ”    

               “ค่ะ”

               “เดี๋ยวแม่นางพวกเจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้เป็นแน่ รู้หรือไม่ผู้หญิงชุดแดงนั้นใคร”

               “ใครกัน ถึงกล้าฉุดผู้หญิงกลางวันแสก ๆได้”

               “เจ้าของหออี้หลง”

               “แล้วหออี้หลงคืออะไร”

               หว่านเอ่อร์กระซิบ “หอนางโลมค่ะ”

               เมื่อได้ยินอย่างนั้นลู่เหลียนถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า เธอเดินเข้าไปดึงตัวหญิงสาวออกจากชายผู้นั้น หว่านเอ่อร์กระโดดเตะจนชายผู้นั้นกลิ้งออกไปหลายตระหลบ

               “พวกเจ้าเป็นใคร” หญิงสาวพูดขึ้น “อย่ายุ่งเรื่องของข้า”

               ลู่เลียนเดินเข้าไปหานาง “รู้หรือไม่ฉุดกระชาก ขืนใจผู้อื่นโดยที่เขาไม่ยินยอมมันผิด”

               “แล้วไง” เธอพูดไปยิ้มไป แล้วมองลู่เหลียนตั้งแต่หัวจนถึงเท้า

               “เจ้านี่ช่างงดงามยิ่งนัก นี่ถ้าได้มาอยู่หอข้า เจ้าต้องเป็นที่หนึ่งของหอแน่นอน”

               “เจ้า” หว่านเอ่อร์โกรธที่นางพูดแบบนั้น จะเข้าไปตบแต่ก็เจอกลุ่มชาย ห้าคนเข้ามาขวาง จับพวกนาง วันนี้ข้าต้องได้ตัวสาวงามผู้นี้”

               หว่านเอ่อร์ต่อสู้กับชายพวกนั้นอย่างกล้าหาญ ลู่เหลียนเองก็เช่นกันแม้เธอจะไม่มีวรยุทธแต่ก็เรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง

               “หว่านเอ่อร์ เจ้าไม่ได้เอากระบี่มาเหรอ”

               “ก็ใครสั่งไม่ให้ข้าเอามาละค่ะ”

               ลู่เหลียนหลบซ้ายหลบขวา ปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือใส่พวกเขา  แล้วลู่เหลียนก็ถูกจับแขนทั้งสองข้าง

               “อย่ารุ่มซิ ปล่อยนะ” หว่านเอ่อร์เห็นอย่างนั้น ก็จะเข้าไปช่วยเธอ แต่ก็ถูกชายสองคนขวางไว้ เธอต่อสู้ซัดพวกนั้นกระเดนไปทุกทิศ แต่พวกมันก็ไม่ยอมถอยยังคงเข้ามาจะจับตัวนาง

               “เกิดอะไรขึ้น” องค์ชายสามเดินผ่านมาทางนี้พอดีกับองครักษ์ “เราไปดูกัน”

               เมื่อเขาเดินเข้ามาก็เห็นลู่เหลียนกำลังถูกชายสองคนจับตัวอยู่ กับหญิงสาวอีกคน เข้ามองหว่านเอ่อร์ที่ต่อสู้ เขานิ่งไปครู่หนึ่ง

               “คุณชาย”

               “เข้าไปช่วยพวกนาง” แล้วองครักษ์ทั้งสองก็เข้าไปช่วย ทำเอาทั้งห้าคนต่างสลบคาที่

               “ใครกันช่างบังอาจทำคนของใต้ท้าว”หญิงสาวชุดแดงพูดขึ้น

               “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”หว่านเอ่อร์รีบเข้ามาดูเธอ

               “ไม่เป็นไร” เธอหันมองก็เห็นว่าเป็นองค์ชายสามที่เข้ามาช่วย

               “มือท่านเลือดไหล” เธอดูแขนตนเอง แล้วเดินเข้าไปหาชายชรากับหญิงสาว “พวกท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”

               “ไม่เป็นอะไรค่ะ”

               เธอเดินเข้าไปหาองค์ชายสามพร้อมกับหว่านเอ่อร์จะยกมือคารวะแต่องค์ชายสามได้ห้ามเธอไว้

               “น้องสะใภ้เหตุใดถึงมีเรื่องกับคนกลุ่มนี้” เธอมองหน้ารู้ทันทีว่าองค์ชายสามไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน

               “ก็พวกเขาฉุดผู้หญิงกลางวันแสก ๆ น้องสงสารนางเลยเข้าไปช่วยค่ะ”

               “พวกเจ้าทำงานให้ใคร ไม่รู้หรือฉุดหญิงสาวมีความผิด”

               “ผิดได้ไง พ่อนางติดหนี้ใต้ท้าวของเราอยู่ ไม่จ่ายก็เอาร่างกายไปขัดดอกซิ”

               “ช่างกล้ายิ่งนัก ใต้ท้าวที่เจ้าพูดถึงนี้คือใต้ท้าวแห่งกรมยุติธรรมใช่หรือไม่”องค์ชายพูด

               “ใช่....กลัวละซิ”

               “นางติดหนี้พวกเจ้าเท่าไร”ลู่เหลียนถาม

               “หนึ่งร้อยตำลึง”

               “หว่านเอ่อร์”

               “ไม่ต้องจ่าย”องค์ชายสามพูด

               “ข้าจะให้เจ้า หนึ่งพันตำลึง หากเจ้าพาข้าไปที่ศาลยุติธรรม”

               “ได้ จะได้รู้ว่าที่นี่ใครใหญ่”

               แล้วนางก็เดินมุ่งหน้าไปที่ศาลยุติธรรมด้วยใจที่ลำพอง

               องค์ชายสามมองหน้าของหว่านเอ่อร์ ทำให้นางถึงกับต้องก้มหน้า

               “องค์ชาย”ลู่เหลียนกระซิบเรียก

               “ออ...ข้าแค่แปลกใจที่เห็นเจ้ากับ”

               “นี่หว่านเอ่อร์เพื่อนสนิทหม่อมฉัน”

               “หว่านเอ่อร์หรือ” เขายิ้มให้เธอ

               ลู่เหลียนมองหน้าองค์ชายสามเธอรู้ทันที่องค์ชายสามสนใจหว่านเอ่อร์เข้าแล้ว

               “เราไม่ตามนางไปหรือ”

               “ไปซิ พวกเจ้าสองคนด้วย” องค์ชายสามหันไปพูดกับชายชราและหญิงสาว “แขนเจ้าเลือดออก ช่างบังอาจ”

               “ไม่เป็นไรคะ”

               “เจ้ากลับจวนไปก่อน”

               “ไม่ ขออยู่ดูด้วย อยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป”

               “กลับจวนเถอะ องค์ชายสี่คงถึงจวนแล้วตอนนี้ เดี๋ยวข้าก็ไปที่นั่นของจัดการพวกคนชั่วก่อน”

               “ไปเถอะค่ะคุณหนู”

               “ก็ได้”แล้วลู่เหลียนคำนับองค์ชายสามก่อนจะเดินจากไปด้วยความไม่เต็มใจ

               “ขอบคุณที่คุณชายได้ช่วยไว้ค่ะ”หว่านเอ่อร์คำนับเขาเล็กน้อย

               เขายิ้ม ก่อนที่ทุกคนจะแยกตัวกันไป

               เมื่อองค์ชายสามเดินเข้าศาลยุติธรรม เขาเห็นหญิงชุดแดงกระซิบเล่าทุกอย่างให้ใต้ท้าวที่ประจำการฟัง เมื่อเขาเห็นองค์ชายสามเดินเข้ามาก็ถึงกับเข่าทรุดล้มทั้งยืน ก้มลงกราบขอชีวิตทันที หญิงสาวชุดแดงเห็นอย่างนั้นเธอมีสีหน้าที่สงสัย

               “ใต้ท้าวเจ้าหนุ่มหน้าหล่อคนนี้แหละที่ทำให้ข้าอดได้สาวงามผู้นั้นมาให้ท่านเลย นางงามราวกับเทพธิดาเลยนะท่านรู้ไม่”

               “เจ้าอยากตายหรือไง รู้หรือไม่ชายผู้นี้เป็นใคร”

เขาพูดพร้อมกับก้มหน้าไม่กล้ามอง

               “ใครกัน ถึงทำให้ท่านกลัวขนาดนี่”

               “องค์ชายสาม”

               “ห่า......องค์ชายสาม ผู้บัญชาการหน่วยใหมทองที่....”

               ใต้ท้าวพยักหน้า เธอเองร้องไห้คุกเข่า ทุกคนคุกเข่าร้องของชีวิตทันที

               “พวกเจ้านี่ช่างกล้าที่ทำแบบนี่ เจ้าเป็นถึงขุนนางสอบผ่านเข้ามาได้แทนที่จะบำรุงสุขแก่ประชาชนให้ความเป็นธรรมแก่พวกเขากลับทำชั่วซะเอง ทหาร นำตัวคนชั่วผู้นี้กลับวังหลวงรอการไต่สวน”

               ทหารในศาลต่างลังเลพวกเขายืนมองกัน องค์ชายสามหันมอง เขาถอนหายใจ พยักหน้าหนึ่งครั้ง องครักษ์ก็ชูป้ายประจำตัวเขาขึ้นมา ทุกคนเห็นอย่างนั้นจึงรีบทำตามคำสั่งทันที

               “องค์ชายข้าน้อยผิดไปแล้ว”

               “ผิดหรือไม่ ไม่ใช่ข้าที่จะตัดสิน รอให้กรมสอบสวนสืบเรื่องของเจ้าก่อนแล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าผิดหรือไม่ เอาตัวไป”

               “เจ้าชื่ออะไร”เขาถามหญิงชุดแดง

               “ต้าติงเพคะ”เสียงนางสั่นเครือ

               รวมถึงชายทั้งห้าต่างพากันร้องขอชีวิต

               “เป็นสตรีเช่นเดียวกันเหตุใดถึงไม่มีความเมตตาต่อกัน พ่อนางติดหนี้พวกเจ้า  เป็นหนี้ย่อมต้องจ่าย แต่ถ้านางไม่อยากขายตัวเจ้ามีสิทธิ์หรือ อาฟงเอาเงินใช้หนี้ให้พวกเขา”

            ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงถูกวางไว้ตรงหน้านาง นางมองเงินก้อนนี้แต่ไม่กล้าหยิบมัน

               “พวกเจ้ารู้หรือไม่การหยามเกียรติพระชายามีโทษสถานใด”

               “องค์ชายเราไม่เคยหยามเกียรติพระชายาเลย”

               “ไปแก้ตัวกับองค์ชายสี่เองเถอะ จับตัวพวกมันไปจวนองค์ชายสี่”

               “องค์ชายเหตุใดท่านถึงไม่ลงโทษพวกเขาเอง”องครักษ์ฟงหยางถาม

               “ข้าอยากเห็นว่าองค์ชายสี่จะทำเช่นไร” แล้วทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสี่

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.