อุ่นในไอรัก บทที่ 5 เส้นบางๆ ระหว่างความฝันกับความจริง

อุ่นในไอรัก

-A A +A

อุ่นในไอรัก บทที่ 5 เส้นบางๆ ระหว่างความฝันกับความจริง

แสงหนึ่งในความมืดมิดเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในขณะที่เรากำลังหลงทาง

 

หลังจากคนร่างยักษ์จากไปได้สักพักฉันก็กลับเข้าห้องเรียนที่ตอนนี้คืนสู่ปกติอีกครั้ง เหมือนทุกคนจะลืมเหตุการณ์เมื่อคาบที่แล้วไปจนหมด เพราะลีน่าไปนั่งคุยกับมอคค่าที่โต๊ะของเขาอย่างเคร่งเครียด ส่วนเมมี่กับนีโอกำลังชักชวนกันดูอะไรบางอย่างบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างเพลิดเพลิน เพื่อนหลายคนจับกลุ่มคุยกันเพราะเป็นชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนก่อนอาทิตย์หน้าจะเริ่มเข้าสัปดาห์ของการสอบ

 

ฉันทรุดตัวนั่งยังโต๊ะเรียนของตัวเองควานหาสมุดร่างภาพที่จินนี่ซื้อให้ออกจากกระเป๋านักเรียนขึ้นมาเปิดดู ภาพนกเป็ดน้ำที่ลงสีสมบูรณ์เด่นหราอยู่หน้าแรกของเล่ม ฉันตวัดตาไปมองยังโต๊ะริมหน้าต่าง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ‘นี่คงหลบมุมไปอ่านหนังสือที่ไหนสักแห่ง’ ฉันคิดแล้วก็ละความใส่ใจ วางสมุดภาพลงหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่านทบทวน

 

“ปลายนา” เสียงเรียกของลีน่าทำให้ฉันละสายตาจากตัวหนังสือเงยหน้ามองเธอ

 

“แกช่วยฉันหน่อยน้า ช่วยวาดรูปสามมิติให้ฉันหน่อย วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ไม่งั้นฉันจะต้องติดศูรย์แน่ๆ เลย” มือบางเขย่าท่อนแขนของฉันเบาๆ พลางกระพริบตาปริบๆ

 

“แหมๆ ไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นก็ได้มั้ง เอาสมุดมา ว่าแต่ส่งตอนไหนล่ะ” ฉันปิดหนังสือเรียนแล้วสอดเข้าไปในกระเป๋านักเรียนของตัวเองตามเดิม

 

“ไม่เกินห้าโมงครึ่ง แต่ว่าแก๊ ฉันจะต้องไปสอบรำด้วยน่ะซิ คงไม่ได้อยู่กับแกน่ะ แกวาดเสร็จแล้วแกเอาไปให้ฉันที่ห้องนาฏศิลป์ได้ไหม” ลีน่ามองฉันอย่างอ้อนวอน

 

“โหแม่คู้ณ เหลือห้านาทีจะหมดคาบเรียนละนะ ทำไมเพิ่งมาบอกเนี่ย ไหนๆ เอามาซิ”

 

“ขอบใจมากๆ แกจะวาดที่ห้องนี้ใช่ป๊ะ ถ้าฉันสอบรำเสร็จจะมาหาแกที่นี่แล้วกันนะ” ลีน่าวางสมุดร่างภาพลงบนโต๊ะของฉัน แล้วก็ชวนเพื่อนสองสามคนที่ต้องสอบซ่อมวิชานาฏศิลป์ออกจากห้องไป

 

ฉันหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วจากกระเป๋ากระโปรงขึ้นมาโทรหาจินนี่ บอกให้เธอรู้ถึงเหตุผลของการกลับบ้านค่ำ ฝ่ายนั้นบอกว่าจะติวหนังสือกับเพื่อนในห้องรอ ถ้าฉันเสร็จธุระแล้วก็ให้มาหาที่ห้องเรียนของเธอเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน ฉันคุยกับเธออีกสองสามประโยคก็ตัดสาย แล้วลงมือทำงานให้ลีน่า ในขณะที่เพื่อนในห้องเตรียมตัวเก็บกระเป๋านักเรียนกลับบ้านเมื่อสัญญาณหมดชั่วโมงเรียนดังขึ้น

 

ฉันพลิกสมุดการบ้านของลีน่ามายังหน้าเปล่า หยิบดินสอสองบีในกล่องดินสอของตัวเองขึ้นมาถือแล้วจรดปลายดินสอบนกระดาษอย่างคล่องแคล่ว ในการเขียนรูปแบบสามมิตินั้นครูจะให้ดูภาพแล้วเขียนออกมาตามมุมที่เราสามารถมองเห็น และแน่นอนว่าวิชานี้ฉันมีคะแนนเก็บนำโด่ง ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วเป็นการสอบภาคปฏิบัตินั่นทำให้ลีน่าที่ไม่ชอบวิชานี้สอบตก ดังนั้นครูศิลป์นทีจึงให้ซ่อมโดยการร่างเส้นรูปสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นการเขียนแบบไอโซเมตริก การเขียนแบบภาพไอโซเมตริกนั้นจะเขียนเพียงสองมุมเท่านั้นคือมุมสามสิบและเก้าสิบองศา และเส้นที่ขีดทำมุมด้านซ้ายและขวา จะทำมุมสามสิบองศา ส่วนเส้นที่ขีดขึ้นขีดลงจะเป็นมุมเก้าสิบองศา

 

ครูจะย้ำทุกครั้งว่าในการขีดเส้นนั้นจะต้องขีดให้เป็นเส้นขนานกันโดยตลอด คือ เส้นที่ทำมุมด้านซ้าย เส้นที่ลากด้านขวา และเส้นตั้งฉากก็จะขนานกัน และการขีดเส้นระนาบเส้นแรกนั้นควรให้อยู่ด้านล่างเพราะภาพที่เขียนจะอยู่ด้านบนและควรคำนึงถึงความสูงของภาพที่จะเขียนด้วยเพื่อไม่ให้ภาพที่เขียนล้นกรอบกระดาษเขียนแบบ และก่อนที่จะขีดเส้นตั้งฉากจะต้องดูก่อนว่าภาพเอียงไปด้านใด หากภาพที่จะเขียนเอียงด้านซ้ายเส้นตั้งฉากจะต้องอยู่ด้านขวา เป็นต้น

 

เมื่อลากเส้นสุดท้ายบรรจบกัน ฉันก็วางดินสอแล้วยกมือนวดต้นคอเพื่อลดอาการเมื่อยขบ โชคดีที่เป็นโจทย์เดียวกับข้อสอบของอาทิตย์ที่แล้วฉันจึงใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด เสียงรถจากถนนใหญ่ดังอยู่ไกลๆ แสงแดดส่องลอดหน้าต่างที่หับไม่สนิทเข้ามาทำให้ภายในห้องสว่างกว่าปกติ ฉันเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนตั้งใจจะเอาสมุดไปให้ลีน่าแล้วรีบไปหาตะเกียบและจินนี่ที่อาคารวิทยาศาสตร์เพื่อกลับบ้านพร้อมกัน ตัดสินใจได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นคว้ากระเป๋านักเรียนสะพายหลัง

 

“จะกลับแล้วเหรอ” เสียงทักของมอคค่าทำให้ฉันที่กำลังจะก้าวออกจากประตูห้องชะงักทันที

 

“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” เขามองหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนที่จะเดินสวนกลับเข้าไปในห้อง

 

ฉันรู้สึกว่าเขาเคร่งเครียดมาก ถ้าจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเอาสมุดไปให้ลีน่ามันอาจจะใจร้ายกับเขาเกินไป และดูเหมือนว่าเขาอยากคุยกับฉันจริงๆ ไม่ได้แกล้งล้อเล่น ฉันจึงตัดสินใจในเสี้ยววินาทีเดินตามเขาเข้าไป ‘นี่ฉันคงไม่ใช้เวลาในการคิดทบทวนมากไปใช่ไหมนะ’

 

“มีอะไรเหรอ” ฉันหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะเรียนของตัวเองเมื่อเห็นว่าเขานั่งยังโต๊ะของลีน่าแล้วเอาแต่มองฉันจนฉันรู้สึกอึดอัดจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

 

“ปลายนา คือว่าเราชอบเธอ” คำสารภาพโต้งๆ ของมอคค่าทำให้สมองฉันหยุดทำงานไปชั่วขณะ หูอื้อ หัวใจเต้นเร็วเกินอัตราที่เคยเต้นในทุกวัน

 

ฉันได้แต่จ้องเขาอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเผลออ้าปากค้างด้วยหรือเปล่า หรือมองเขาตาถลน เหงื่อไหลมือเย็นไหม และอาการอะไรต่ออะไรที่ฉันเคยได้อ่านในหนังสือเมื่อถูกผู้ชายบอกชอบนั้นมันเกิดกับฉันหรือเปล่าฉันตอบไม่ได้เลยสักอย่าง ฉันได้แต่ยืนบื้ออย่างทำอะไรไม่ถูก

 

“แล้วเธอล่ะคิดเหมือนกับเราไหม” คำถามที่สองซัดเข้ามาคล้ายคลื่นยักษ์ ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องล้มโคลมลงไปอีก

 

ในที่สุดสิ่งที่ฉันเคยแอบหวังเล่นๆ นั้นมันก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ฉันควรทำยังไงดีล่ะ เสียงหนึ่งยุให้ฉันรีบตอบรับและบอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาให้รับรู้ไปเลยจะได้จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง อีกเสียงกลับบอกให้ฉันแกล้งปฏิเสธเพื่อเพิ่มคุณค่าของตัวเองอย่างที่จินนี่ชอบทำบ่อยๆ แต่ยายอ้วนอย่างฉันมันมีคุณค่าอะไรที่ต้องให้เพิ่มอีกเล่า เสียงแรกสวนกลับและนั่นทำให้ฉันเห็นด้วยกับเสียงแรกขึ้นมาทันที ยายอ้วนหน้าจืดอย่างฉันมันไม่น่าพิสมัยสักเท่าไหร่นี่ดีแค่ไหนที่ฉันไม่ต้องเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกให้เขารับรู้ด้วยตัวเอง ในขณะที่ฉันเถียงกับตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นเสียงของมอคค่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ว่าไงล่ะ” ประกายตาเจือแววหวานยามเมื่อทอดมองฉันมันทำให้ใจของฉันแกว่งซ้ายแกว่งขวาพิกล

 

เขาเอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้ สมุดของลีน่าในมือเลื่อนลงสู่พื้นแต่ฉันไม่ใส่ใจจะเก็บขึ้นมา ฉันซึมซับเอาความร้อนจากอุ้งมือของเขาที่ค่อยๆ ไหลลามเข้าสู่หัวใจ อุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้นเป็นลำดับเมื่อฉันสบเข้ากับดวงตาที่เปิดเผยความรู้สึกของเขา ความนัยในแววตาของเขาทำให้ฉันประหม่า ‘นี่ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่ดวงตาของเขามันกำลังบอกฉันอย่างที่เขาได้บอกฉันไปเมื่อไม่กี่อึดใจนี่เอง’

 

พ่อบอกฉันเสมอว่าโอกาสของคนเราไม่ได้มีมาบ่อยๆ เมื่อปล่อยทิ้งไปแล้วอาจจะทำให้ฉันต้องเสียใจภายหลังก็ได้ แม้ว่าส่วนหนึ่งของใจจะคาดหวังให้เป็นนีโอก็ตาม แต่จะสำคัญด้วยหรือว่าจะเป็นใครก็ในเมื่อฉันชอบทั้งสองคนเลยนี่ ส่วนนีโอเองก็คงไม่ได้ชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบเขาหรอกกระมัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าคงเป็นการหยอกล้อของเขาเท่านั้น แล้วทำไมฉันจะต้องไปหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ด้วยเล่า เพราะสิ่งที่เป็นไปได้นั้นอยู่ตรงหน้าฉันแล้วนี่ไง ฉันคงเป็นยายอ้วนที่โง่มากถ้าปฏิเสธเขา ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดในชีวิตเพื่อบอกความรู้สึกของฉันให้เขารู้

 

“คะ-คือว่า ฉะ-ฉัน...”

 

“ทำอะไรกัน” เสียงตวาดของผู้มาใหม่ทำให้ฉันตกใจรีบชักมือออกจากการเกาะกุมของมอคค่าแล้วหันไปมองผู้มาใหม่ทันที

 

“นีโอ” ฉันอุทานอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขา ร่างสูงเอามือไพ่หลังก้าวเข้าหาฉันกับมอคค่าอย่างช้าๆ

 

“นายมาทำไม” มอคค่าถามขึ้น ฉันสัมผัสถึงความเคร่งเครียดในน้ำเสียงของเขาได้

 

“ปลายนาฉันชอบเธอ” นีโอไม่ตอบคำถามของมอคค่าแต่หันมาพูดกับฉันแทน และนั่นทำให้ฉันตกใจมาก ไม่เพียงแต่คำสารภาพความในใจของเขาเท่านั้น แต่เขายังเอากุหลาบแดงดอกโตที่ซ่อนไว้ข้างหลังยื่นให้ฉันอีกด้วย

 

“ไม่จริง นายเป็นแฟนกับเมมี่” มอคค่าโพร่งขึ้นนั่นมันตรงกับความคิดของฉันพอดีจึงเผลอพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับยายนั่น และไม่คิดจะชอบด้วย ที่ฉันไปไหนมาไหนกับยายนั่นก็เพราะถูกยายนั่นบังคับไป ฉันปฏิเสธไม่เป็นเลยต้องไปด้วยก็แค่นั้น ส่วนเธอน่ะฉันสนใจตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันแล้ว วันที่เรามาสายทั้งคู่ ตั้งแต่ได้สบตากับเธอที่หน้าห้องในวันนั้น ฉันก็แอบมองเธอตลอด พยายามหาเรื่องเข้าไปคุยกับเธอเรื่อยๆ” น้ำเสียงอ่อนโยนกอรปกับสายตาที่ทอดมองฉันนั้น ทำให้ฉันหวลนึกถึงวันแรกของการเรียน แววตาหวานเชื่อมที่เขาทอดมองฉันในยามนี้มันช่างเหมือนแววตาที่เขาใช้มองฉันเมื่อเราบังเอิญเดินสวนกันเหลือเกิน

 

“ปลายนา นายนี่โกหก อย่าไปเชื่อนะ” เสียงของมอคค่าฉุดให้ฉันออกจากภวังค์ความคิด เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเปิดกระเป๋านักเรียนดึงกุหลาบออกมาให้ฉัน

 

“กุหลาบเราก็มีให้เธอ” ฉันมองกุหลาบในมือของมอคค่าอย่างงงๆ สมองจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเขากำลังจะสื่ออะไร

 

“นี่อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่มันก็บอกชอบเธอด้วยน่ะ” นีโอถามฉันแต่มองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย ฉันเผลอพยักหน้ารับ มือทั้งสองกำแน่นเพื่อลดอาการประหม่า ฉันไม่กล้ามองหน้านีโอตรงๆ ได้แต่มองเสี้ยวหน้าของเขาแทน

 

“เก็บกุหลาบของนายไปดีกว่าน่า โอ๊ะ! นี่กระดาษอะไรเอ่ย” นีโอเอื้อมมือข้างที่ว่างดึงกระดาษที่ห้อยบนก้านกุหลาบในมือมอคค่าส่งให้ฉัน

 

ฉันรับกระดาษมาอ่าน ตัวหนังสือเรียงตัวสวยบอกได้ทันทีว่าเป็นลายมือของผู้หญิง ฉันไล่สายตาอ่านข้อความแล้วส่งกระดาษคืนมอคค่า

 

“เขาบอกรักนายไม่ใช่เรา” ฉันพยายามบังคับให้น้ำเสียงไม่สั่น แต่หน้าผิดหวังที่ฉันทำไม่ได้เลย ความรู้สึกผิดหวังจู่โจมหัวใจ แล้วสิ่งที่เขาบอกฉันเมื่อครู่นั้นคืออะไร เขาแค่ต้องการล้อเล่นกับฉันอย่างนั้นหรอกหรือ

 

“อ้าว! ผิดดอก” นีโอพูดกลั้วหัวเราะ ยิ่งทำให้ใจของฉันหนักอึ้ง

 

“ไม่ใช่นะปลายนา เราไม่ได้จะหลอกเธอนะ แต่ว่า...” มอคค่าเตะเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวล้มเพื่อระบายอารมณ์ นีโอเพียงยิ้มบางๆ ปราศจากความรู้สึกใดๆ บนดวงหน้า ฉันมองชายทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ อารมณ์หวานเมื่อครู่กลายเป็นสับสนเมื่อมอคค่ามองฉันด้วยแววตาตัดพ้อ

 

“แล้วนายจะอธิบายว่ายังไงล่ะ” ฉันกัดฟันถาม จิกเล็บเข้ากับมือตัวเองเพื่อฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าเขา

 

“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะปลายนา ทุกอย่างที่บอกเธอน่ะเรื่องจริงทั้งนั้น ส่วนกุหลาบนี่” เขารีบอธิบายเมื่อฉันทิ้งสายตาลงบนกุหลาบในมือของเขา

 

“เราไม่ได้เตรียมกุหลาบมาเหมือนนีโอ”

 

“แล้วนายก็เลยเอากุหลาบของคนอื่นมาให้เราเนี่ยนะ” ฉันเค้นเสียงถาม หยาดน้ำคลอคลองจนต้องยกนิ้วกรีดทิ้งก่อนที่ใครจะทันเห็น

 

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ งั้นเธอก็เลือกเลย ระหว่างฉันกับหมอนี่ ฉันสัญญาว่าฉันจะเคารพในการตัดสินใจของเธอ แล้วจะไม่ยุ่งวุ่นวายและไม่ทำให้เธอลำบากใจถ้าเธอไม่เลือกฉัน” นีโอวางกุหลาบของเขาบนโต๊ะลงแล้วยกมือขึ้นมากอดอก ดวงตาหวานทอดมองฉันอย่างขอร้องและรอคอย

 

มอคค่าวางกุหลาบลงข้างๆ กับกุหลาบของนีโอเช่นกันเหมือนจะยอมรับข้อเสนอของนีโอ เขายืนนิ่ง แขนทั้งสองแนบข้างตัว มือทั้งสองกำแน่นเหมือนจะพยายามระงับอารมณ์ ‘เจ็บเหลือเกิน ขนาดให้ฉันเลือกมอคค่ายังเลือกที่จะใช้กุหลาบที่ไม่ใช่ของตัวเองมาเดิมพัน เขาชอบฉันอย่างที่บอกจริงหรือ’

 

“ถ้าฉันไม่เลือก...”

 

“ไม่ได้” เสียงปฏิเสธของคนทั้งสองทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองพวกเขาอีกครั้ง

 

“ทำไม” ฉันหลุดปากถาม แต่เหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีใครได้ยินเสียงของฉัน

 

“เลือกเถอะฉันขอร้อง มันจะได้ชัดเจนไปเลย” นีโอเป็นฝ่ายอธิบาย เขามองฉันอย่างอ้อนวอน

 

“ถ้าฉันเลือกใครคนใดคนหนึ่ง แล้วจะเกิดอะไรกับฉันกัน”

 

“ถ้าเธอเลือกฉันเราก็เป็นแฟนกัน แต่ถ้าเธอเลือกหมอนี่ฉันก็จะได้ตัดใจจากเธอไง” สายตาอ่อนโยนของนีโอดั่งปลอบประโลมหัวใจที่กำลังสับสนของฉัน

 

ฉันไม่คิดว่าเรื่องสมมุติที่ฉันพูดกับจินนี่ในวันนั้นจะเกิดขึ้นจริง ฉันเลือกมองกุหลาบสองดอกแทนการมองหน้าคนทั้งสอง แอบช่างน้ำหนักคำพูดของสองคนนี้ในใจ ว่าใครกันที่พูดความจริงกับฉันมากที่สุด แต่ในสภาวะกดดันจากคนทั้งสอง กอรปกับฉันที่ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่กดดันมากขนาดนี้ ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด

 

“ทำไมจะต้องคิดนานด้วยล่ะปลายนา ก็เราดีกับเธอขนาดนี้ ไปกินข้าวกับเธอเกือบทุกเที่ยง แล้วหมอนี่มันทำอะไรให้เธอบ้าง เราไม่เห็นว่ามันจะทำอะไรให้เธอเลยสักอย่าง ระหว่างเรากับมันเธอก็รู้ๆ กันอยู่” มอคค่าโพล่งขึ้น นี่เขาคงจะเหลืออดเต็มที

 

“เรื่องโกหกทั้งนั้นแหละ” นีโอเปรยนั่นทำให้มอคค่าถึงกับโพร่งขึ้นอย่างเดือดดาน

 

“นี่...ไอ้...” มอคค่าชี้หน้านีโอด้วยท่าทางพร้อมจะกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายเต็มที่ ฉันตกใจเกิดมาก็ไม่เคยเห็นคนต่อยตีกันต่อหน้าสักที ถ้าสองคนนี้ตีกันเพราะเรื่องฉันคงแย่แน่ๆ

 

“ไอ้อะไรฮะ เอาซิถ้านายทำฉันก่อนฉันไม่เอานายไว้แน่ ระหว่างรอปลายนาตัดสินใจหาอะไรทำค่าเวลาก็ดีเหมือนกัน” นีโอถูมือไปมาด้วยท่าทางสบายๆ ซึ่งขัดกับน้ำเสียงของเขา

 

“ปลายนามานี่” มอคค่าเข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรง เล็บแหลมๆ ของเขาจิกเข้าเนื้อแขนของฉันตามแรงอารมณ์ ฉันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ นีโอปราดเข้ามากระชากมือของมอคค่าออกจากแขนของฉันไม่เบานัก และนั่นทำให้แขนของฉันหลุดจากมือของมอคค่า

 

“นี่นายทำบ้าอะไรฮะ เห็นไหมว่าแขนปลายนาเลือดออก” นีโอตวาดพลางประครองแขนของฉันที่ถูกเล็บของมอคค่าครูดตอนถูกกระชากขึ้นมา ฉันเหลือบมองบาดแผลของตัวเองแว็บหนึ่งแล้วก็เงยหน้าสบตากับมอคค่าที่มองมาทางฉันอยู่ก่อนแล้ว ความรู้สึกผิดหวังคงฉายชัดในแววตาของฉันเพราะนั่นทำให้เขาหันไปเล่นงานนีโอทันที

 

“แกมันก็ไม่ต่างจากฉันหรอกโว้ย เสือกใช่ไหม” หมัดลุ่นๆ ของมอคค่าชกเข้าครึ่งจมูกครึ่งปากของนีโออย่างแรงจนนีโอเสียหลักล้มกระแทกพื้น ฉันหวีดร้องอย่างตกใจ หลับตาแน่น ภาพนีโอล้มลงยังคงติดตาอยู่ น้ำตาไหลลงสองข้างแก้ม มือทั้งสองยังคงยกปิดตาเพื่อปิดกั้นภาพทุกอย่าง เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังต่อเนื่อง เสียงเก้าอี้กระแทกพื้นดังปึงปังทำให้ฉันต้องตัดสินใจยุติทุกอย่างก่อนที่อะไรอะไรมันจะเกิดขึ้นไปมากกว่านี้

 

“ฉันเลือกแล้ว ฉันเลือกแล้ว พอสักทีเถอะได้โปรด” เสียงของฉันดังพอที่จะยุติเหตุการณ์ได้

 

“ฉันเลือกนีโอ ฉันเลือกนีโอ ฮือๆๆ ฮือๆ” ภาพที่เห็นคือนีโอยืนประจันหน้ากับมอคค่าคนละฝั่งโดยมีฉันอยู่ตรงกลางเมื่อฉันตัดสินใจลดมือทั้งสองลงจากการปิดตา เลือดสีแดงข้างมุมปากของคนทั้งคู่ทำให้น้ำตาไหลทลักออกมาอีกครั้ง

 

“เธอเลือกใครนะ” น้ำเสียงถามอย่างกระตือรือร้นของคนทั้งสอง ไม่ได้ทำให้ฉันฉุกคิดถึงสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อย ได้แต่ห่วงกังวลเพียงความปลอดภัยของคนทั้งคู่เท่านั้น

 

“คือว่าฉัน” ความกล้าเมื่อครู่ลดลงเมื่อตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง

 

“จะเลือกใครก็รีบๆ พูดมาเถอะ มัวอ้ำอึ้งทำไมฮะ” เสียงตวาดของมอคค่าดังพอที่จะทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัว

 

“ฉันเลือกนีโอ พอใจกันหรือยังฮะ” ฉันสวนกลับอย่างเหลืออด อาการประหม่าเมื่อครู่กลายเป็นความโมโห หงุดหงิด น้อยใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“เธอเลือกฉัน” นีโอทวนอย่างไม่เชื่อหูตัวเองผิดกับมอคค่าที่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

 

“ทำไมไม่ใช่เรา” มอคค่าพูดรอดไรฟัน มือทั้งสองกำแน่น เขายืนตัวสั่น ดวงตาจ้องฉันไม่วาง

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย อ้อนายก็ควรทำตามกฎกติกาและเงื่อนไขด้วยแล้วกันนะ” ประโยคหลังนีโอหันไปพูดกับมอคค่าก่อนที่จะคล้องแขนของฉันพาเดินออกจากห้องไป

 

ฉันอยากจะหันไปมองมอคค่าแต่ความเงียบข้างหลังทำให้ฉันต้องการจะประชดเขา อยากให้เขาเจ็บปวด ผิดหวังอย่างที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงมองตรงไปข้างหน้า ก้าวตามนีโอไปโดยเลือกที่จะทิ้งเขาไว้ข้างหลัง แต่ไม่มีใครบอกฉันว่าช่วงเวลาของความสุขนั้นมักจะเดินเร็วเสมอ

 

นีโอพาฉันมาหยุดอยู่ประตูเล็กหลังโรงเรียน เขาปล่อยแขนที่คล้องแขนฉันออก บรรยากาศก่อนธงจะลงจากยอดเสาในเวลานี้ค่อนข้างเงียบ นักเรียนทยอยกลับบ้านจนเหลือไม่กี่สิบคนที่จะต้องอยู่สอบซ่อมเพื่อเก็บคะแนน บรรดาครูอาจารย์ต่างขมักเขม้นเร่งทำข้อสอบกันอยู่ในห้องหมวดรายวิชาต่างๆ เพื่อให้ทันวันสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

“เอาล่ะปลายนา ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” นีโอเอนหลังพิงรั้วประตูที่ปิดไว้ สายตากลมหวานที่ทอดมองฉันนั้นแปลกไป ฉันพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต

 

“เหตุการณ์เมื่อครู่น่ะ เป็นการแสดงละครของฉันเอง ไอ้ที่บอกว่าชอบเธอฉันพูดไปอย่างนั้นแหละ มันเป็นแค่เกมส์ระหว่างผู้ชายน่ะ” ฉันจ้องเขานิ่งเหมือนคนปัญญาอ่อน สมองประมวลคำพูดของเขาทีละคำ ดูเหมือนว่าเวลาของฉันลดเหลือน้อยลงหรืออย่างไรก็สุดรู้เมื่อเขาย้ำประโยคนั้นอีกครั้ง

 

“ฉันไม่ได้ชอบเธอ” ฉันยังคงมองเขานิ่ง ภายในใจกลับแตกเป็นเสี่ยงๆ ความสุขก่อนหน้าถูกม่านของกาลเวลาปิดฉับลงเหลือเพียงความมืดหม่น

 

“แล้วทำไม” กว่าที่ฉันจะหาเสียงตัวเองเจอก็ยากเต็มที เค้นถามออกไปเพียงหวังว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นมันจะเป็นคำลวงก็เท่านั้น

 

“ก็อย่างที่บอกไง มันเป็นเกมส์ระหว่างฉันกับหมอนั่น เป้าหมายคือเธอ ถ้าใครทำให้เธอชอบได้ คนนั้นก็จะได้เดตกับเมมี่ แถมยังได้เป็นแฟนกับเมมี่ตั้งหนึ่งเดือนแหนะ แต่โชคร้ายของผู้ชนะคือจะต้องบอกความจริงทั้งหมดให้กับเธอรู้ด้วย ฉันหวังว่าหลังจากที่รู้ความจริงแล้ว เธอจะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตของฉันนะ” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงแฝงความหงุดหงิด ห่างเหิน และไว้ตัวอยู่ในที คำพูดของเขามันทำลายจิตใจของฉันลงช้าๆ

 

“ใจร้าย...พะ...พวกนาย...จะ...ใจร้ายมาก” ฉันเค้นคำพูดอย่างยากเย็น พยายามแล้วที่จะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ แต่มันก็ยากเหลือเกิน

 

“โชคร้ายหน่อยนะ หมอนั่นดั๊นเลือกเธอซะด้วย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเธอ เอาล่ะยังไงก็ขอบใจที่เลือกฉัน ฉันไม่คิดว่าเธอจะชอบฉันจริงๆ หรอกนะ เพราะฉันเองตั้งสเปคผู้หญิงไว้ค่อนข้างสูง” เขามองฉันขึ้นลง ปราศจากแววหวานในดวงตา พลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา

 

“ฉันคิดว่าหมอนั่นคงชอบเธอเข้าแล้วล่ะ เพราะตอนที่เธอบอกว่าเลือกฉัน หมอนั่นดูโกรธมาก เธอลองไปง้อดูซิ ไม่แน่นะหมอนั่นอาจจะให้อภัยเธอ แล้วเธอก็จะได้เป็นแฟนกับหมอนั่นแทนฉันไง โอ๊ะ!...ได้เวลาแล้ว ฉันไปล่ะ ขอให้โชคดีนะ”

 

ร่างของนีโอพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะค่อยๆ หายไปจากคลองสายตา ฉันเอื้อมมือคว้าประตูตรงที่เขาเคยยืนเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลง ปล่อยตัวเองให้ร้องไห้กับความโง่เง่า นี่ฉันคิดไปได้ยังไงว่าคนอย่างนีโอจะชอบฉัน ผีห่าซาตานตนไหนมาเข้าสิงฉันกันถึงทำให้ฉันคิดมโนไปไกลได้ขนาดนี้ ฉันจะทำยังไงดี ตอนนี้ฉันได้ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่มอคค่าให้ฉันไปจนหมดสิ้น คำพูดก่อนจากไปของนีโอรวมถึงดวงตาตัดพ้อละคนผิดหวังของมอคค่าที่มองฉันก่อนหน้านั้นทำให้ฉันรวดร้าวไปทั้งใจ

 

แรงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องจิ๋วในกระเป๋ากระโปรงทำให้ฉันรีบปรับน้ำเสียงและสีหน้า ยกแขนเสื้อนักเรียนเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของลีน่า แล้วรีบเดินแกมวิ่งไปที่ห้องเรียนเพื่อกลับไปเอาสมุดวาดภาพให้กับเธอ

 

บรรยากาศยามแดดผีตากผ้าอ้อมทำให้รอบๆ ตัวเย็นสบาย ซึ่งผิดกับความหม่นเศร้าภายในใจของฉันเหลือเกิน ฉันก้มหน้าซ่อนน้ำตาเมื่อเดินสวนกับอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษตรงบันไดก่อนจะก้าวยาวๆ ไปยังห้องเรียนที่อยู่ชั้นเดียวกัน ฉันเดินมาหยุดยืนหน้าห้องเรียนเมื่อเห็นแสงไฟลอดออกมาจากประตูที่ปิดไม่สนิท ฉันหลบมุมกำแพงมองลอดเข้าไปผ่านรอยแง้มของประตูแล้วก็ถึงกับตัวชาเมื่อเห็นคนข้างในนั้น มอคค่ากำลังถูกร่างเล็กๆ ของลีน่าโอบกอด เขานั่งห่อตัวซุกซบโดยมีมือของลีน่าลูบหลังปลอบโยน ความหม่นเสร้าในบรรยากาศทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวการถูกปฏิเสธจากเขา กลัวแววตาตัดพ้อคู่นั้น กลัวที่สุดคือความเกลียดชังจากเขา อยากจะเข้าไปอธิบายแต่ก็ขลาดเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

 

ฉันค่อยๆ พาตัวออกมาจากตรงนั้น ความรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างรุนแรงทำให้ฉันอยากจะทำร้ายตัวเอง ทำให้ตัวเองเจ็บเหมือนที่ฉันทำให้มอคค่าเจ็บ เกลียดที่สุดคือความขลาดกลัวของตัวเอง นี่ถ้าฉันมีความกล้าสักนิดมันคงจะไม่แย่อย่างนี้ ขาทั้งสองวิ่งด้วยความเร็วสูง ผนังตึกข้างอาคารคือจุดหมาย สมองมีแต่คำว่าขอโทษดังก้อง ผนังขยายใหญ่ขึ้นตามแรงวิ่ง ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา แต่ฉันไม่ได้ชะลอฝีเท้าลง เพราะภาพดวงตาตัดพ้อของมอคค่าเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ จึงทำให้ฉันไม่เห็นผนังตึกที่ห่างไปไม่กี่ช่วงแขน

 

ผลัก!

 

ร่างของฉันคงปะทะเข้ากับผนังตึกเข้าแล้ว แรงปะทะทำให้ร่างของฉันเสียหลักล้มกลิ้ง แต่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกเจ็บเท่าที่ควร เสียงตะโกนโหวกเหวกดังใกล้ๆ รู้สึกถึงลำแขนแข็งแรงของใครสักคนโอบกอดฉันไว้ทั้งร่าง แต่ฉันรู้สึกล้าเต็มที เสียงเอะอะค่อยๆ ถอยห่างพร้อมกับความมืดคลี่ปกคลุมสติที่เหลือของฉันจนหมด

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เอนิน

ฝากด้วยน้า

รูปภาพของ tor

นีโอเล่นแรงอะ

ส่วนมอคค่า ถึงแม้ว่าจะเริ่มรักปลายนาขึ้นมาจริงๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทีแรกก็เริ่มมาจากเกมระหว่างผู้ชายอยู่ดีอ่า

รูปภาพของ Racss

นี่โอ...เล่นแรงเกินไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.