บทที่ 9...2/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 9...2/3

          หลังจากรอมาหลายวัน สิ่งที่พริมาขอให้เพื่อนที่เป็นทนายซึ่งพอจะมีการติดต่อกับบริษัทนักสืบช่วยสืบความเป็นมาของมีนา เธอก็ได้เป็นเอกสารที่มีประวัติของมีนาทั้งหมด รวมทั้งล่าสุดมีนาทำงานที่ไหนอีกด้วย พอพริมานำมาเทียบกับชื่อของมัณฑนากรที่บริษัทรักษ์บ้านส่งมาให้เธอพร้อมการนัดหมายก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เพียงแค่ 5 ปี อะไรๆ ช่างเปลี่ยนแปลงไป เด็กคนนั้นกลายเป็นคนที่เธอต้องให้ความสนใจไปได้อย่างไร

“ก็แค่เด็กข้างบ้านของเขมเท่านั้น”

พริมาวางเอกสารพลางคิดในหลายๆ ทางที่อาจเป็นไปได้ หนึ่งในนั้นคือหากใครสักคนทำบางอย่างเพราะจงใจให้คนอื่นเชื่อล่ะ แล้วใครสักคนนั้นเป็นเขมินท์ที่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภาคินและนางแบบคนนั้น การที่เขาพาตัวเองเข้ามาในจุดที่ทุกคนให้ความสนใจ แล้วจงใจบอกทุกคนไปว่าเป็นแฟนของมีนาจะมีเหตุผลอะไรได้นะ พริมาขบคิดอย่างพึงพอใจ สิ่งที่เขมินท์ทำไม่ต่างจากการโรยขนมปังให้เธอตามไปเพื่อพบคำตอบ

“เรื่องจ้อจี้กระมัง เขมจะไปสนใจเด็กกะโปโลที่เห็นมาตั้งแต่เด็กได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะ...”

พริมาอยากจะปรบมือให้ตัวเอง เมื่อคิดว่ารู้คำตอบของเหตุผลที่เขมินท์ทำแบบนั้น การแอบชอบเขามานานกว่าจะมีโอกาสได้เป็นคนที่เขาคุยด้วยจนแทนคำว่าแฟนได้ ทำให้เธอรู้ดีว่าเขมินท์เป็นคนอย่างไร เขาอาจจะเก่งในการตบตาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่สำหรับมีนาคงต้องเรียนรู้อีกมาก วันพุธนี้สินะ ดูสิว่าจะมีฝีมือหรือแค่การอวยเกินจริง

          “ช่วยหาเบอร์ของนางแบบที่ก่อเรื่องในงานวันก่อนให้พริมทีสิ” พริมาสั่งงานเลขาของเธอ

          “ได้ค่ะคุณพริม”

          ตอนนี้พริมาจะวางมีนาไว้เป็นศัตรูหัวใจไปก่อน แม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม จนกว่าเธอจะคิดออกว่าควรทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ โดยยืมมือเบญญามาช่วยให้ขวากหนามเล็กๆ น้อยๆ ออกไปพ้นทาง บางทีเขมินท์อาจอยากขอบคุณเธอด้วยซ้ำ หากทำให้เขาไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองมากเกินจำเป็น

         

          มีนากำลังสบายใจเพราะส่งงานให้วรการดูแล้วมีส่วนที่แก้ไขเล็กน้อยเท่านั้น วันนี้เลยแวะซื้อของมาพะรุงพะรัง เธออยากฉลองให้ตัวเองด้วยการทำสุกี้ทะเลเพราะมันไม่ต้องหุงข้าว แค่เตรียมทุกอย่างมาผัดในกระทะใส่ซอสก็อร่อยแล้ว ที่สำคัญมันเป็นเมนูไม่กี่อย่างที่เธอทำแล้วไม่ต้องเททิ้ง

          พอเข้ามาในห้องก็ทำให้มีนานึกถึงเมื่อวาน แสงสว่างเวลามีใครอีกคนอยู่ในห้องมันทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เมื่อเทียบกับความมืดที่เธอต้องปัดเป่ามันออกไปด้วยการกดสวิตช์ไฟในวันนี้

เธอวางกระเป๋าและโน้ตบุ๊กไว้ที่ห้องนั่งเล่น แล้วเดินเข้าห้องครัวเพื่อเอาของสดเข้าตู้เย็น พอจับบานตู้เย็นเธอจึงพบโพสต์อิทที่รู้ได้ทันทีว่าใครมาแปะไว้

          ‘ของหวานช่วยให้หายเครียด’

          มีนาเปิดบานตู้เย็นแล้วนั่งลงยองๆ มองเค้กรสต่างๆ ที่บรรจุมาในกล่องพลาสติกใส ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเปิดตู้เย็น ถึงได้รู้ว่าเขมินท์เตรียมอะไรไว้ให้เธอบ้าง เขาไม่พูดว่าทำอะไรให้ แต่รอให้เธอมาเห็นเอง เขาคงไม่รู้ตัวจริงๆ นั่นล่ะว่าทำแบบนี้ใครต่อใครจะตกหลุมรัก

         

          เจนจิราเป็นผู้ช่วยเลขาซึ่งทำงานที่บริษัทของเขมินท์และมีหน้าที่อีกอย่างคือซื้อของกินและของใช้ที่เขมินท์ลิสต์มาไว้ที่ห้องในคอนโดกลางใจเมือง โดยในส่วนนี้เขาจ้างต่างหาก ทำให้เขมินท์ไม่ต้องเสียเวลาในเรื่องพวกนี้เมื่อกลับมาถึงคอนโดในตอนค่ำ ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ชายหนุ่มมักมาเปิดตู้เย็นเพื่อเลือกว่าจะกินอะไรระหว่างอาหารแช่แข็งหรือสั่งอาหารจากโรงแรมที่อยู่ติดกับคอนโด

          เขาหยิบอาหารแช่งแข็งที่อยู่อันแรกสุดออกมาใส่เครื่องไมโครเวฟ ไม่อยากวุ่นวายสั่งอาหารจากโรงแรมจนต้องรออีก ชายหนุ่มหยิบหนังสือมาอ่าน น้อยมากที่เขาจะพางานกลับมาที่ห้องพัก หลังจากสร้างระบบต่างๆ ที่บริษัทให้รัดกุมอยู่ 3 ปีกว่าๆ เขาจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติได้ ไม่ใช่ว่ามีงานอยู่ทุกลมหายใจ แม้กระทั่งตอนนอนอย่างที่ผ่านมา

          เสียงเตือนไมโครเวฟดังพอดี เขมินท์หยิบจานอาหารออกมาแล้วเดินไปที่ระเบียงของห้องซึ่งอยู่ชั้นที่สูงที่สุดของคอนโดแห่งนี้ ทำให้เห็นบรรยากาศในยามค่ำคืนได้ไกลจนถึงอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาและไกลออกไปสุดสายตา ชายหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์แค่จะเช็คว่าเขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ตลอดทั้งบ่ายเขาประชุมจึงปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ตลอด

          ทว่าในสายที่ไม่ได้รับ อีเมลหลายฉบับที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ข้อความต่างๆ ที่ขึ้นเตือนเต็มไปหมดนั้น แต่มีเพียงข้อความเดียวที่ทำให้เขมินท์สนใจและกดอ่านเป็นอย่างแรก

          ‘กินเค้กแล้วนะคะ อร่อยมาก ยิ้มหน่อย’

          มีนาส่งรูปเค้กที่ถูกกินไปจนเหลือคำสุดท้ายและข้างๆ เค้กมีโพสต์อิทที่เธอวาดรูปไว้ ซึ่งพอจะมีเค้าใบหน้าของเขากำลังยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ เขมินท์เห็นแล้วยิ้มตามทันที มีนาเป็นเด็กประหลาดคือนิยามที่เขมินท์คิดมาตลอด เธอมักพาความสุขและรอยยิ้มไปในทุกที่ แม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาและเธอห่างไกลกัน วิวที่เขาเห็นจนชิน แต่เพราะข้อความสั้นๆ จากเธอกลับทำให้วิวดูสวยกว่าทุกวัน

         

          แม่บ้านมาช่วยเตรียมห้องประชุมไว้ให้มีนาตั้งแต่เช้า ตอนนี้หญิงสาวกำลังเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์กับโน้ตบุ๊กไว้รอ เวลานัดคือ 9 โมงเช้า โดยพริมาจะเดินทางมาที่บริษัทรักษ์บ้าน หลังจากนั้นค่อยวางแผนกันต่อ หากงานผ่านในครั้งแรกจะถือว่าดีมาก แต่ว่าส่วนใหญ่มีการแก้ไขทั้งนั้น มีนาคิดว่าเธอคงไม่โชคดีถึงขนาดงานผ่านในครั้งแรกอยู่แล้ว

          พอถึงเวลานัดหมายพริมาก็มาถึงพอดี มีนาเป็นคนออกไปต้อนรับตามหน้าที่เพราะเป็นคนดูแลโปรเจคนี้ วรการมารออยู่ในห้องประชุมแล้ว พริมายิ้มให้วรการราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน

          “พอดีว่าเขมแนะนำพริมมาน่ะค่ะ พริมถึงได้เลือกบริษัทของคุณวรการมาตกแต่งห้องเสื้อ” พริมาจงใจพูดแบบนี้เพื่อให้มีนาได้ยิน

          มีนาเพิ่งรู้ในตอนนี้เอง แสดงว่าเขมินท์ยังคงติดต่อกับพริมางั้นหรือ น่าแปลกที่ภาคินเคยบอกเธอว่าตั้งแต่พริมาเดินทางไปต่างประเทศ พี่ชายก็ไม่เคยพูดถึงชื่อนี้ แต่เรื่องของคนสองคน คนนอกคงไม่รู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว

          “นี่มีนาครับ มีนาเป็นคนที่ดูแลโปรเจคนี้ให้คุณพริม”

          มีนายกมือไหว้ตามมารยาท รอดูท่าทีพริมา งานคืนนั้นที่เขมินท์ประกาศว่าเธอเป็นแฟนของเขา พริมาก็อยู่ที่นั่นด้วย หากเขมินท์กับพริมายังติดต่อกันอยู่ เธอจะถูกหมายหัวตั้งแต่ยังไม่ทันได้นำเสนองานหรือเปล่านะ

          “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” พริมายิ้มอย่างเป็นมิตรราวกับไม่รู้ว่ามีนาคือเด็กข้างบ้านของเขมินท์คนนั้น

          สายตาและรอยยิ้มสดใสของพริมาทำให้มีนาค่อยโล่งอก บางทีพริมาคงแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนได้และมีความเป็นมือาชีพ ที่เธอคิดอะไรมากมายเพราะกังวลเกินไปเองเท่านั้น

          มีนาเริ่มการนำเสนองานที่เตรียมมา โดยใช้เวลาอธิบายการออกแบบในส่วนต่างๆ เพียง 20 นาที ก่อนที่พริมาจะถามในส่วนที่สงสัย และขอเพิ่มในส่วนที่คิดว่าจำเป็น

          “สวยและถูกใจพริมนะคะ แต่ยังขาดความชัดของตัวแบรนด์อยู่บ้าง พริมอยากจะให้ลูกค้าแค่เข้ามาในร้านเป็นครั้งแรกก็จดจำได้ทันทีว่านี่เป็นแบรนด์ของพริม”

แม้จะปรามาสมีนาไว้ก่อนที่จะได้เห็นผลงาน แต่พอพริมาได้เห็นแบบที่จะนำมาใช้ตกแต่งร้านจริงๆ พริมายอมรับว่ามีนาเก่งจริง ซึ่งดีไม่น้อย เธอจะได้ทั้งงานที่ดีและได้ทวงของตัวเองคืนด้วย

          “เพิ่มรูปของคุณพริมที่พื้นหลังของผนังร้านดีไหมคะ” มีนาเสนอ ในเมื่อตัวแบรนด์ผูกติดกับภาพลักษณ์ของพริมาอยู่แล้ว

          พริมาขมวดคิ้วแม้ว่าจะชอบไอเดียนี้ เธอชอบให้มีรูปของเธอในที่ต่างๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสไตล์อะไร แค่ชอบให้คนรู้จักเธอพร้อมกับตัวแบรนด์เท่านั้น แต่ไม่ล่ะ ตอนนี้เธออยากให้งานของมีนายากขึ้นอีกสักหน่อย

          “พริมไม่ชอบค่ะ ดูคิดน้อย ไม่สร้างสรรค์และไม่แปลกใหม่ พริมอยากได้อะไรที่มันลึกซึ้งและน่าจดจำมากกว่านั้น”

          มีนาหน้านิ่งเก็บอาการแม้จะเหมือนชาๆ ที่แก้มคล้ายถูกตบเพราะคำพูดนั้น ที่ผ่านมาเธอถูกวิจารณ์ที่ตัวงานมาตลอด แต่คราวนี้เธอไม่แน่ใจ พริมาพูดถึงงานหรือว่าเธอกันแน่ 

          “ถ้างั้นเป็นภาพร่างเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นก่อนๆ ของคุณพริมดีไหมครับ” วรการเสนอพยายามช่วยมีนา

          พริมายิ้มกว้าง ไอเดียนี้ก็นับว่าโอเคเหมือนกัน “น่าสนใจดีเหมือนกันค่ะ สร้างสรรค์ ดูไม่จำเจ ถ้างั้นพริมจะให้เลขาส่งภาพร่างเสื้อผ้าทั้งหมดที่พริมเคยออกแบบตอนอยู่อังกฤษมาให้นะคะ”

          มีนาจดสิ่งที่พริมาต้องการไว้ พยายามคิดแบบโลกสวยไว้ว่ารอบนี้ที่ว่าไม่จำเจ พริมาคงพูดไปตามเนื้องาน คงไม่เกี่ยวกับเธอหรอก (มั้ง)

          “ได้ครับ คุณพริมอยากเพิ่มเติมตรงไหนอีกไหมครับ”

          “เท่านี้ล่ะค่ะ เอาเป็นว่าเจอกันครั้งหน้าที่หน้างานเลยแล้วกันนะคะ พริมจะได้เห็นภาพการตกแต่งชัดกว่านี้” แม้จะไม่ชอบมีนาสักเท่าไหร่ แต่พริมาก็อยากให้ห้องเสื้อของตัวเองออกมาดีที่สุด

          เมื่อมีแนวทางในการแก้ไขงานครบแล้ว การนำเสนองานจึงจบลงเพียงเท่านี้ มีนารับหน้าที่ไปส่งพริมาที่รถ ถ้าไม่นับคำพูดแปลกๆ ที่อาจจะไม่มีอะไร พริมาก็นับว่าเป็นลูกค้าที่คุยง่ายและชัดเจนในความต้องการของตัวเองมาก ทำให้มีนาทำงานง่ายขึ้นไม่ต้องร่างแบบเพิ่มอีกหลายแบบๆ เพื่อให้ตรงใจลูกค้า ซึ่งบางทีก็ไม่ตรงเลย ต้องแก้งานกันมือแทบหัก

          พอพริมาปลดล็อครถ มีนาจึงช่วยเปิดประตูให้ลูกค้ารายล่าสุดเข้าไปนั่ง เธอกำลังจะบอกว่าเดินทางปลอดภัยเพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรนอกจากงาน แต่ไม่ทันพริมาที่พูดขึ้นมาก่อนว่า

          “วันนั้นพริมยังไม่ได้ยินดีกับคุณมีนาเลย การที่ได้เป็นแฟนกับเขมเป็นสิ่งที่ดีมาก คุณมีนาคือผู้หญิงที่น่าอิจฉาค่ะ”

          มีนาชะงักก่อนจะยิ้มพลางลอบถอนใจ “เอ่อ ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

พริมายิ่งยิ้มกว้างเพราะท่าทางแบบนี้คงเป็นไปได้ว่าเธอคิดถูกแล้ว แต่จะให้ดีคงต้องรอดูต่อไป

          “ไปก่อนนะคะ แล้วพบกัน”

          มีนาช่วยปิดประตูรถให้พริมา แล้วรอจนรถคันหรูขับออกไปจากที่จอดรถของบริษัท หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้องประชุมเพื่อเก็บโน้ตบุ๊กของตัวเองแล้วมานั่งทำงานต่อ พอช่วงบ่ายเลขาของพริมาก็ส่งไฟล์ภาพร่างแบบเสื้อผ้ามาให้ เธอเร่งมือเขียนแบบให้เสร็จ พรุ่งนี้เธอต้องไปตรวจงานที่โรงแรมของภูบดีในช่วงบ่าย เพราะฉะนั้นเธอต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนบ่ายของวันพรุ่งนี้

 

มีนาทำงานให้พริมาคราวนี้จะเจอกับอะไรนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.