บทที่๓๓

สุภาพบุรุษสุดดวงใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่๓๓

วันถัดมา...หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้วคุณนภาลัยก็ไปนั่งเล่นรับลมที่ศาลาตรงสวนหย่อม ซึ่งเป็นที่นั่งพักผ่อนของทุกคนในบ้าน

เมื่อคืนท่านนอนไม่ค่อยหลับเพราะเป็นห่วงลูกสาวกับหลานชาย จนถึงขั้นลุกเข้าห้องพระเพื่อสวดมนต์ตอนดึกๆ ดื่นๆ ท่านภาวนากับพระพุทธรูปว่าขอให้ประภากับภูริชไปมอบตัวกับตำรวจ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา และคดีฆ่าคนตายมันร้ายแรงนัก...คงเป็นเพราะความโลภทำให้ประภาตัดสินใจทำเช่นนั้น โดยไม่สนใจว่ามันจะผิดหรือจะถูก ขอให้ได้สิ่งที่ต้องการมาก็พอ

“อ้าว! คุณแม่ มานั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง” ปราภพเดินตามมา

เมื่อลูกชายนั่งลงคุณนภาลัยก็ถามว่า

“มีอะไรเหรอตาปราภพ”

“คือผมจะมาบอกคุณแม่ว่า คุณตำรวจโทรมาบอกผมว่าเมื่อคืนไม่พบรถของตาภูตามจุดตรวจต่างๆ คาดว่าตาภูมันน่าจะรู้ตัวทันก็เลยใช้ทางลัดครับ” เขาบอก

“แล้วสองคนแม่ลูกนั่นจะไปอยู่ที่ไหน” คล้ายกับท่านจะพูดกับตัวเองมากกว่า

ปราภพได้ยินจึงตอบว่า

“ผมคิดทั้งสองคนไม่น่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วนะครับคุณแม่ เพราะยายภามันรู้ว่าถ้ายังอยู่ในกรุงเทพฯ ยังไงตำรวจก็ต้องตามหามันกับลูกเจอ คาดว่าตอนนี้มันน่าจะกบดานอยู่ที่ต่างจังหวัดครับ”

“ถ้ามันยอมมอบตัวกับตำรวจตั้งแต่ทีแรก มันก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้หรอก”

“คุณแม่ก็รู้นี่ครับว่ามันไม่ยอมถูกจับง่ายๆ ยายภามันฉลาดจะตาย มันเอาตัวรอดไปได้ทุกสถานการณ์เสมอ”

“แม่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ ถึงขนาดฆ่าคนตายได้ แม่หมดคำจะพูดจริงๆ” ท่านพูดพลางร้องไห้อย่างเสียใจ

ผู้เป็นลูกชายรีบกอดปลอบใจแม่

“คุณแม่ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ผมก็เคยบอกคุณแม่ไปแล้วว่ายายภามันทำตัวของมันเองทั้งนั้น ทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกับคุณแม่สักนิดเลยครับ คุณแม่แค่เป็นคนคลอดมันออกมา ส่วนความคิด...มันจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องของมันครับ”

“แต่แม่...”

“คุณแม่เชื่อผมเถอะนะครับ คุณแม่ไม่ต้องไปคิดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวอาการโรคหัวใจของคุณแม่จะกำเริบอีก...นะครับคุณแม่ ผมเป็นห่วง” เขาคลายอ้อมกอดจากแม่

“จ้ะ แม่พยายามจะไม่คิดนะ” ท่านปาดน้ำตาทิ้งทันที พลางยิ้มให้ลูกชาย

ปราภพยิ้มพอใจ

“ดีครับคุณแม่”

 

ปาณัทมาทานข้าวเที่ยงกับคุณหมอรินรดาที่ร้านอาหารประจำใกล้กับโรงพยาบาล อาหารบนโต๊ะมีเพียงห้าอย่างเท่านั้น เพราะคุณหมอรินรดาบอกว่าไม่ทานเยอะเดี๋ยวกลัวอ้วน ชายหนุ่มจึงตามใจ

หลังจากทานข้าวเสร็จปาณัทก็พูดขึ้นว่า

“อีกสองวันเราไปเที่ยวทะเลกันนะน้องริน เตรียมลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ได้เลย”

“ไปเที่ยวทะเลงั้นเหรอคะพี่ป้อง ว้าว! น่าสนุกจัง ตกลงค่ะ ไปค่ะไป รินไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้วค่ะ เดี๋ยวรินจะทำเรื่องลาพักร้อนนะคะ” หญิงสาวทำท่าตื่นเต้น

อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ

“ครับ เตรียมชุดไปเล่นน้ำเยอะๆ เลยนะ”

“ได้ค่ะ รินจะเตรียมชุดที่สวยที่สุดไปหลายๆ ชุดเลยค่ะ”

“สำหรับน้องรินใส่ชุดไหนก็สวยหมดแหละครับ”

“พี่ป้องปากหวานจังเลยนะคะ เล่นชมรินแบบนี้รินก็เขินแย่น่ะสิคะ” เธอยิ้มเขิน

ปาณัทจับมือแฟนสาวขึ้นมา พลางพูดว่า

“ถึงปากพี่จะหวาน แต่ก้นพี่ไม่เปรี้ยวนะครับ”

“ไม่ต้องพูดถึงก้นค่ะ เราอยู่ในร้านอาหาร”

“โทษทีครับ พี่ลืมตัว” เขาได้แต่ยิ้มแหยๆ

หญิงสาวถึงกับหัวเราะ

“เวลาพี่ป้องยิ้มแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะคะเนี่ย”

“จริงเหรอครับ ถ้าน้องรินชอบละก็ เดี๋ยวพี่จะยิ้มให้ดูอีกนะ” ว่าแล้วเขาก็ยิ้มอีก

ศัลยแพทย์สาวก็หัวเราะอีก ก่อนจะโบกมือ

“พอแล้วค่ะ พอแล้ว ไม่ต้องยิ้มแล้ว”

“อ้าว! พอแล้วเหรอ”

“ค่ะ”

“ครับ พอก็พอ” เขายิ้ม “ส่วนเรื่องไปเที่ยวทะเลก็ตกลงตามนั้นนะครับ อีกสองวันไปกัน”

“โอเคค่ะ” เธอพยักหน้า

“แต่...”

“แต่อะไรคะ”

“แต่ไม่ได้ไปเที่ยวแค่เราสองคน”

“แล้วใครไปด้วยล่ะคะพี่ป้อง”

“นายเอกกับคุณนิชาจะไปด้วย”

“อย่าบอกนะคะ ว่าสองคนนั้นเขาคบกันแล้ว”

“ครับ พวกเขาคบกันแล้ว” เขาพยักหน้ายิ้มๆ

“ก็ดีนะคะ ทั้งสองคนเหมาะสมกันดี และอีกอย่าง เวลาไปเที่ยวทะเลรินจะได้มีเพื่อนผู้หญิงคุยด้วยค่ะ”

“อ้าว! แล้วพี่ล่ะ”

“พี่ป้องเป็นผู้ชายค่ะ บางเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงพี่ป้องไม่รู้หรอกค่ะ ต้องผู้หญิงกับผู้หญิงคุยกันถึงจะรู้”

“งั้นเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“โอเคครับ” เขาพยักหน้าอีกครั้ง

แล้วคุณหมอรินรดาก็พูดว่า

“กลับกันเถอะค่ะ จะนั่งอยู่ในร้านทั้งวันเลยหรือไงคะพี่ป้อง อาหารหมดตั้งนานแล้วค่ะ”

“อ้อๆ กลับสิครับ...ต้องกลับ” ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกบริกรหนุ่ม “น้องครับ มาเก็บเงินที่โต๊ะนี้หน่อยครับ”

หลังจากบริกรมาเก็บเงินแล้วทั้งสองคนก็ลุกขึ้น

“พวกเรากลับกันดีกว่านะ”

“ควรจะกลับทานข้าวเสร็จแล้วค่ะ พี่ป้องมัวแต่ชวนรินคุยอยู่นั่นแหละ” เธอดุแบบไม่จริงจังนัก

ปาณัทถึงกับยิ้มแหยๆ

“น้องรินดุจังเลยครับ”

“หลังจากแต่งงานรินจะดุมากกว่านี้อีกค่ะ จะดุให้เหมือนแม่เสือ พี่ป้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกันค่ะ”

“ครับ พี่จะเตรียมตัวเตรียมใจไว้” เขายิ้มแหยๆ อีกครั้ง ก่อนจะพึมพำ “ดุแบบนี้ต้องคิดหนักเลยเรา”

คุณหมอสุดสวยเหมือนจะได้ยิน

“พี่ป้องว่าอะไรนะคะ”

“อ้อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร พี่ว่าพวกเรารีบกลับกันดีกว่าเนอะ” พูดจบเขาก็จูงมือแฟนสาวเดินออกไปจากร้านอาหารทันที ช่างเป็นภาพที่น่ารักเสียจริงๆ

 

ตั้งแต่ประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเป็นแฟนกันแล้ว เป็นเอกก็แวะมาหานิชาภัทรทุกเย็นหลังเลิกงาน ขนาดลูกสาวแม่ค้าบางคนที่แอบชอบเป็นเอกมานานก็ถึงกับอกหักเมื่อรู้ว่าเขามีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว และถึงกับต้องถอยหนีไปรักษาแผลใจกันเลยทีเดียว

“มาอีกแล้วเหรอคะ...คุณเป็นเอกขา” ทันทีที่ชายหนุ่มเดินมาถึงแผงขายผักนิชาภัทรก็ถามทันที

คนถูกถามยิ้มชอบใจ

“พูดเพราะจังเลยวันนี้ ฟังแล้วรื่นหูหน่อย”

“หรือจะให้ฉันเรียกว่าไอ้เอกดี...”

“โอ๊ะ ไม่ต้องจ้ะ ไม่ต้อง...ฉันว่าเรียกแบบเมื่อกี้ก็ดีแล้วจ้ะ” เขายิ้มแหยๆ

แล้วหญิงสาวก็ถามอีกว่า

“ว่าแต่นายเถอะ มาหาฉันเนี่ยมีธุระอะไร”

“โธ่! คนเป็นแฟนกัน ถ้าจะมาหากันแต่ละทีก็ต้องมีธุระก่อนงั้นสินะ” แอบทำหน้าเซ็ง

อีกฝ่ายโบกมือ

“เปล่า! ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

แล้วนางต้อยก็พูดขึ้นว่า

“คนเป็นแฟนกัน ถ้าจะมาหากันมันก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”

“อะไรเหรอจ๊ะแม่” ผู้เป็นลูกสาวถาม

นางต้อยยิ้ม ก่อนจะตอบลูกสาวว่า

“ก็เพราะว่าคิดถึงยังไงล่ะ”

“ถูกต้องที่สุดเลยครับแม่” เป็นเอกดีดนิ้วและยิ้มแฉ่งให้ว่าที่แม่ยาย

นิชาภัทรส่งค้อนให้แฟนหนุ่มวงใหญ่ๆ

“อะไรกันเนี่ย มาหาทุกวันยังจะบอกว่าคิดถึงอีกเหรอ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก”

“คนเป็นแฟนกันเขาก็คิดถึงกันทุกวันละนะ หรือว่าที่รักไม่คิดถึงฉัน”

“คิดถึงสิจ๊ะ...คิดถึงจนอยากจะไปหาถึงบ้านเลย”

“โอ้โห! ที่รักพูดจริงเหรอจ๊ะ”

“ฉันพูดเล่นน่ะ” พูดจบเธอก็หัวเราะ

คนที่ได้ยินถึงกับทำหน้าเซ็ง

“โธ่! ไอ้เราก็นึกว่าพูดจริง ที่ไหนได้กลับพูดเล่นเฉยเลย”

“ฉันล้อเล่นน่ะที่รัก ความจริงแล้วฉันก็พูดเล่น เอ๊ย ความจริงแล้วฉันก็พูดจริงๆ นั่นแหละ”

เป็นเอกยิ้มกว้างดีใจ

“จริงเหรอจ๊ะ โอ้โห! นี่ถึงขนาดเรียกที่รักกลับ ฉันได้ฟังแล้วรื่นหูดีจังเลย”

“แล้วนายชอบไหมล่ะ”

“เอ้อ ชอบสิจ๊ะ ช้อบชอบ”

“ถ้านายชอบละก็...งั้นฉันจะเรียกนายว่าที่รักๆๆๆ จะเรียกแบบนี้จนกว่านายจะเบื่อ”

“เรียกไปให้นานๆ เลย เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันเบื่อ”

แล้วลูกสาวของแม่ค้าที่ขายผลไม้ก็พูดขึ้นว่า

“โอ๊ย! ฉันละอิจฉาคนแถวนี้จังโว้ย”

ทั้งสองคนหันขวับไปมองทางคนพูด

“เธอจะอิจฉาพวกฉันทำไมอ้อม เธอก็รีบแฟนเลยสิ” นิชาภัทรถาม

คนที่ถูกเรียกว่า ‘อ้อม’ ถึงกับเบะปาก

“ฉันจะหาแฟนที่ไหนได้หล่อเท่าพี่เป็นเอกล่ะยะ ผู้ชายอย่างพี่เป็นเอกหล่อสุดแล้ว”

“ยังมีคนที่หล่อกว่าพี่อีกเยอะ เพียงแค่อ้อมลองเปิดใจให้พวกเขาดู” เป็นเอกยิ้มให้

นิชาภัทรจึงบอกว่า

“ไอ้มังกรก็หล่อดีนะ เธอลองไปคบกับมันสิ”

“ถ้าไอ้มังกรหล่อก็แล้วทำไมแกไม่คบกับมันเองล่ะยะ” เจ้าหล่อนถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ

อีกฝ่ายจึงกอดแขนเป็นเอกโชว์

“เรื่องอะไรฉันจะไปคบกับมัน ก็ตอนนี้ฉันมีเป็นเอกอยู่ทั้งคน และรักมากด้วย” พลางยิ้มหวานใส่

อ้อมทนไม่ได้ ลุกขึ้น

“โอ๊ย ฉันทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ได้ ขอตัวก่อน” เธอเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างอารมณ์เสีย

นิชาภัทรมองตามหลังคนที่เพิ่งจะเดินออกไปแล้วสั่นศีรษะ ก่อนจะพูดกับแฟนหนุ่มว่า

“ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวจัง”

“ได้สิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองนะที่รัก”

“อุ๊ย น่ารักอะ”

“อย่าเพิ่งดีใจไป...ฉันบอกว่าฉันเป็นคนเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว แต่เธอเป็นคนจ่ายเงินนะจ๊ะ”

“โห! ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย ให้ผู้หญิงจ่ายเงิน นิสัยไม่ดี” หญิงสาวรีบปล่อยแขนและทำหน้างอนใส่เขา

เป็นเอกจึงชูนิ้วก้อยตรงหน้าแฟนสาว

“โอ๋ๆ ไม่งอนนะจ๊ะที่รัก ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ฉันบอกว่าฉันจะเป็นคนเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนจ่ายเงินด้วยสิ อย่างอนฉันเลยนะ นะๆ”

“ฉันไม่หายงอนง่ายๆ หรอก” เธอว่า

“อ้าว! แล้วต้องทำยังไงเธอถึงจะหายงอนล่ะ”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะยังไงฉันก็ไม่มีวันหายงอนนาย”

“โห ใจแข็งมากเลยนะเนี่ย...ถ้างั้นก็คงต้องใช้วิธีนี้ละมั้ง” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะจัดการหอมแก้มแฟนสาวทันที แบบไม่ให้รู้ตัว

นิชาภัทรตกใจ รีบตีแขนอีกฝ่ายแรงๆ

“นี่แน่ะ ทำบ้าอะไรของนาย ฉันอายแม่นะ”

“ฉันก็กำลังง้อแฟนไง ไม่เห็นต้องอายเลย หรือจะให้ฉันหอมแก้มอีกข้างเธอถึงจะหายงอน”

“ไม่ต้องๆ ฉันหายงอนแล้ว”

“หายงอนเร็วจัง หรือกลัวจะถูกฉันหอมแก้มอีกข้าง” เขาหัวเราะ

หญิงสาวตีแขนแฟนหนุ่มอีกครั้ง

“นี่แน่ะ ไม่ต้องพูดมากได้ไหม ไปกินก๋วยเตี๋ยวดีกว่า” พูดจบเธอก็เดินออกไปก่อน

เป็นเอกมองตามหลังแฟนสาวแล้วยิ้มชอบใจ ก่อนจะบอกกับนางต้อยว่า

“ผมขอตัวก่อนนะครับแม่”

“จ้ะ ไปเถอะ” นางพยักหน้ายิ้มๆ

แล้วชายหนุ่มก็เดินออกไปทันที

นางต้อยมองตามแล้วอมยิ้ม เมื่อเห็นลูกสาวมีความสุขนางก็พลอยมีความสุขไปด้วย แล้วจากนั้นนางก็เก็บแผงต่อทันที

 

 

“เธอกินลูกชิ้นเยอะๆ เลย ฉันยกให้เธอหมดเลย ส่วนฉันกินแต่เนื้อกับผักก็พอ” เป็นเอกตักลูกชิ้นในถ้วยของตัวเองทั้งหมดใส่ในถ้วยของแฟนสาวทันที

นิชาภัทรพยักหน้ายิ้มๆ

“ขอบคุณค่ะที่รัก”

“ได้ยินแบบนี้ฉันถึงกับไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยวต่อเลย”

“อ้าว! ทำไมล่ะ”

“ก็เพราะว่ามันอิ่มแทนก๋วยเตี๋ยวไปแล้วน่ะสิ”

“นายก็พูดเว่อร์ไปละ” เธอค้อนขวับ

อีกฝ่ายหัวเราะ

“ฉันพูดจริงๆ นะ”

แล้วเจ๊วิภา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็แซวทั้งสองคนว่า

“แหมๆ ตั้งแต่พวกแกเป็นแฟนกันเนี่ย หวานกันเชียวนะยะ หวานจนมดขึ้นไปทั่วแล้ว”

“เป็นธรรมดาครับเจ๊วิ” ชายหนุ่มยิ้ม

เจ๊วิภาถึงกับหัวเราะ

“จ้า เป็นธรรมดาสำหรับคนเห่อความรักอะนะ”

ทั้งสองคนยิ้มให้เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่พูดอะไร

“กินก๋วยเตี๋ยวต่อดีกว่า มัวแต่กินไปคุยไปเดี๋ยวเส้นก็อืดกันพอดี” หญิงสาวว่า

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ครับที่รัก” ก่อนจะกินก๋วยเตี๋ยวต่อทันที แต่ตายังจ้องมองแฟนสาวไม่กระพริบ

เมื่อถูกจ้องนานๆ นิชาภัทรก็ถามว่า

“นายจะจ้องฉันอีกนานไหม เดี๋ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ติดคอตายหรอก”

พูดไม่ทันขาดคำเป็นเอกก็ถึงกับสำลัก จนต้องคว้าน้ำมาดื่มอย่างเร็ว

“เห็นไหม ฉันพูดผิดซะเมื่อไหร่”

เมื่อหายจากอาการสำลักแล้วก็พูดว่า

“เธอใจร้ายอะ”

“ตรงไหน”

“ก็เธอพูดว่าจะจ้องฉันอีกนานไหม เดี๋ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ติดคอตายหรอก...พอเธอพูดฉันก็สำลักเลย ที่รักแช่งเค้าทำไม”

“ฉันไม่ได้แช่งนะ ฉันแค่พูดเฉยๆ และบังเอิญว่าปากของฉันมันศักดิ์สิทธิ์อะนะ ช่วยไม่ได้เนอะ” พูดจบเธอก็หัวเราะ

เป็นเอกมองแฟนสาวอย่างเอ็นดู

“แสบจริงๆ แฟนฉัน มันน่านัก”

“น่าอะไร...พูดออกมาดีๆ นะ”

“ก็น่ารักไงจ๊ะที่รัก” เขายิ้มให้

หญิงสาวจับหน้าตัวเองและยิ้มหวาน

“อ้อ ไม่ต้องชมฉันหรอกจ้ะ ฉันรู้ตัวเองดีที่สุด”

“ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยจริงๆ” หันไปพึมพำทางอื่น

อีกฝ่ายเหมือนจะได้ยินแว่วๆ จึงถามว่า

“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ”

“อ้อ เปล๊า ไม่มีอะไรเลย” ปฏิเสธเสียงสูง

นิชาภัทรจ้องหน้าแฟนหนุ่มอย่างจับผิด

“ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมต้องพูดเสียงสูงด้วย”

“อ้อ ก็เมื่อกี้สำลักก๋วยเตี๋ยวไง ฉันก็เลยรู้สึกระคายคอนิดหนึ่ง แล้วเวลาพูดมันทำให้เสียงสูงขึ้นอัตโนมัติ”

“มันเกี่ยวกันไหม”

“เอ้อ เกี่ยวสิจ๊ะ ฉันว่าเรากินก๋วยเตี๋ยวต่อดีกว่าเนอะ ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่นหรอก...นะ”

“อืมม์...” เธอพยักหน้า ก่อนจะก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวต่อไป

ส่วนเป็นเอกกินก๋วยเตี๋ยวต่อเช่นกัน กินอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองคนมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้ด้วยกันบ่อยมาก ทั้งตอนเป็นเพื่อนกันและตอนเป็นแฟนกัน จนถูกเจ๊เจ้าของร้านแซวทุกครั้งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทั้งคู่น่ารักกันมากๆ เหมาะสมที่จะเป็นแฟนกันที่สุด ใครเห็นก็ต้องชอบคู่ของเป็นเอกกับนิชาภัทรกันทั้งนั้น และที่สำคัญ...ต้องอมยิ้มกับความฟรุ้งฟริ้งของทั้งคู่แน่นอน

 

แล้ววันที่จะไปเที่ยวทะเลก็มาถึง...วันนี้รินรดาแต่งชุดสวยหรูสมกับจะไปเที่ยว และหญิงสาวเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ไป เพราะปาณัทบอกว่าจะไปเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นเธอจึงต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะแยะเลยทีเดียว ทั้งชุดว่ายน้ำ ชุดเที่ยว และอีกหลายชุด

หญิงสาวยกกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาจากบนห้องนอน เอาไปตั้งไว้หน้าบ้านเพื่อรอแฟนหนุ่มมารับ เขาโทรมาบอกล่วงหน้าว่าอีกสิบห้านาทีจะมารับ ให้เตรียมตัวรอได้เลย

ชัชรินทร์กับรวัลยาเดินออกมาจากห้องรับแขกก็เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปทัก

“อ้าว! จะไปเที่ยวแล้วเหรอยายริน” ผู้เป็นพ่อถาม

รินรดาหันไปยิ้มให้พ่อกับแม่

“ค่ะ คุณพ่อ”

ส่วนผู้เป็นแม่ก็ถามว่า

“แล้วตาป้องจะมารับตอนไหนล่ะจ๊ะลูก”

“เดี๋ยวก็มาแล้วค่ะคุณแม่” เธอตอบแม่ยิ้มๆ

“จะไปเที่ยวทะเลที่ไหนกันล่ะ” ชัชรินทร์ยังคงถามลูกสาว

อีกฝ่ายจึงตอบว่า

“ไปเที่ยวทะเลชลบุรีค่ะคุณพ่อ”

“อ้อ” เขาพยักหน้า

ทันใดนั้นเองรถเบนซ์ของปาณัทก็แล่นมาจอดหน้าบ้าน

“นั่นไงคะ พี่ป้องมาแล้ว” เธอยิ้ม

แล้วเจ้าของรถลงมาประนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน พร้อมกับเป็นเอกและนิชาภัทร

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” เป็นเอกก็ประนมมือไหว้เช่นกัน

นิชาภัทรก็ไหว้เช่นกัน

“สวัสดีค่ะ”

ชัชรินทร์กับรวัลยารับไหว้ยิ้มๆ

แล้วปาณัทก็เข้าไปยกกระเป๋าเสื้อผ้าของแฟนสาว

“เดี๋ยวพี่จะเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ที่รถให้”

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า

แล้วจากนั้นชายหนุ่มก็เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ท้ายรถทันที ก่อนจะเดินกลับไปที่แฟนสาว

“ไปกันเถอะครับ”

“ค่ะ พี่ป้อง” เธอยิ้ม ก่อนจะหันไปประนมมือไหว้พ่อกับแม่ “หนูไปเที่ยวก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่”

“จ้ะลูก เที่ยวให้สนุกนะ” ผู้เป็นแม่ว่า

“ค่ะ คุณแม่”

“อย่าลืมของฝากกลับมาให้พ่อกับแม่ด้วยนะ” ผู้เป็นพ่อบอก

รินรดาพยักหน้า

“ได้เลยค่ะคุณพ่อ ถ้างั้นรินไปก่อนนะคะ”

ปาณัทกับเป็นเอก และนิชาภัทรไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนจะพากันเดินไปขึ้นรถ รินรดานั่งคู่กับคนขับ ส่วนเป็นเอกกับนิชาภัทรก็นั่งเบาะหลัง ก่อนที่รถจะแล่นออกไปปาณัทก็ถามทุกคนว่า

“พร้อมนะทุกคน”

“พร้อม!” ตอบพร้อมเพรียงกัน

“ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย” สิ้นสุดคำพูดชายหนุ่มก็สตาร์ทรถขับออกไปทันที

ชัชรินทร์กับรวัลยามองตามรถเบนซ์ที่เพิ่งจะแล่นออกไปแล้วยิ้มกว้างมีความสุข ก่อนจะพากันเดินกลับเข้าไปข้างในบ้าน

 

 

ใช้เวลาในการเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า โดยออกมาจากกรุงเทพฯ เก้าโมงครึ่ง มาถึงชลบุรีเกือบสิบเอ็ดโมง เมื่อมาถึงปาณัทกับเป็นเอกก็อาสาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งหมดไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อติดต่อเข้าพักในรีสอร์ท โดยรินรดากับนิชาภัทรเดินตามหลังมา

ปาณัทเป็นคนเลือกสถานที่ท่องเที่ยว โดยเขาเลือกเกาะสีชัง เพราะเขาดูจากในกูเกิลแล้วเห็นน้ำใสและน่าลงเล่นมาก แถมที่พักยังสวยหรูอีก เขาก็เลยตัดสินใจว่าจะมาเที่ยวเกาะสีชังนี่ละ

“สวัสดีครับ ผมจะมาติดต่อเข้าพักครับ มีห้องว่างไหมครับ” ปาณัทบอกกับพนักงานสาว พลางประนมมือไหว้

อีกฝ่ายรับไหว้

“สวัสดีค่ะ...รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวบอกยิ้มๆ ก่อนจะหันไปกดคอมพิวเตอร์

ระหว่างรอพนักงานรินรดาก็พูดว่า

“รินขอพักกับคุณนิชานะคะ ผู้หญิงด้วยกัน ส่วนพวกพี่ก็พักห้องเดียวกัน”

“อ้าว! ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ” ปาณัทถึงกับหน้าเหวอเลยทีเดียว

อีกฝ่ายยิ้ม

“ก็เพราะว่าเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ดังนั้นจึงยังนอนห้องเดียวกันไม่ได้ค่ะ”

“แต่เราเป็นแฟนกันนะ”

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อีกอยู่ดีค่ะ”

เป็นเอกจึงพูดกับแฟนสาวว่า

“นี่เราต้องนอนแยกห้องนอนกันเหรอ”

“พูดยังกับที่ผ่านมาเรานอนห้องเดียวกันงั้นแหละ” นิชาภัทรส่งค้อนวงใหญ่ๆ

“ก็ฉันอยากนอนจับมือแฟนนี่” เขาว่า

หญิงสาวหัวเราะ

“ต้องรอถึงวันที่เราแต่งงานกันก่อนนะ”

“โห! อีกนาน” ทำหน้าท้อแท้

“ทำไม แค่นี้รอไม่ได้หรือไง”

“รอได้ แต่...”

เป็นเอกยังพูดไม่จบพนักงานสาวก็บอกว่า

“เหลือบ้านพักว่างอยู่หนึ่งหลังค่ะ จะอยู่ติดกับชาดหาด บรรยากาศดีมากเลยค่ะ มีสองห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ในตัวห้องนอน มีหนึ่งห้องนั่งเล่นและอีกหนึ่งห้องรับประทานอาหารค่ะ และที่นี่จะมีบริการส่งอาหารให้ลูกค้า เพียงแค่ลูกค้าสั่งออเดอร์มาค่ะ...ตกลงจะเข้าพักใช่ไหมคะ”

“ครับ” เขาพยักหน้า ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน “ผมใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดครับ”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวรับบัตรเครดิตมา ก่อนจะกดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง รอไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เธอยื่นบัตรเครดิตคืนให้เจ้าของพร้อมกับกุญแจ “เรียบร้อยค่ะ นี่คือกุญแจบ้านพักค่ะ เดี๋ยวจะมีพนักงานพาเดินไปที่บ้านพักค่ะ”

ปาณัทรับบัตรเครดิตกับกุญแจมา ก่อนจะประนมมือไหว้

“ขอบคุณมากครับ”

“ยินดีให้บริการค่ะ” พนักงานรับไหว้ยิ้มๆ

แล้วชายหนุ่มก็หันไปบอกแฟนสาว เป็นเอกและนิชาภัทร

“พวกเราไปกันเถอะ”

“ค่ะ พี่ป้อง” รินรดาพยักหน้า

แล้วพนักงานชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาบอกว่า

“เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่บ้านพักครับ”

“อ้อครับ” ปาณัทพยักหน้ายิ้มๆ

พนักงานชายคนนั้นผายมือเชื้อเชิญ

“เชิญทางนี้ครับ” พูดจบเขาก็เดินนำหน้าไป

จากนั้นทั้งสี่คนก็เดินตามไปทันที...พากันเดินไปสักพักก็ถึงบ้านหลังที่จอง ซึ่งอยู่ไม่ไกล เป็นบ้านชั้นเดียวแต่หรูหรา น่าอยู่มาก หน้าบ้านมีสระว่ายน้ำอีกด้วย

“นี่คือบ้านพักของพวกคุณครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ” พนักงานชายพาทั้งสี่คนมาส่งที่บ้านพักแล้วก็เดินกลับไป

นิชาภัทรมองเข้าไปข้างในบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ

“ว้าว! สวยหรูมาก” ก่อนจะหันมองไปที่ทะเล “ส่วนทะเลน้ำก็ใส น่าเล่นมากเลย”

“วันนี้พักผ่อนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเล่นนะจ๊ะที่รัก” เป็นเอกโอบไหล่แฟนสาว

ปาณัทจึงแซวน้องชายว่า

“แหม! มีเรียกที่รงที่รักด้วย หวานเว่อร์ เห็นทีฉันต้องเรียกบ้างแล้วละ”

“เฮ้ยๆ นายห้ามมาลอกเลียนแบบฉันนะโว้ย”

“เออ ไม่ลอกเลียนแบบก็ได้” เขาว่า ก่อนจะหันไปบอกแฟนสาว “เข้าไปข้างในดีกว่านะครับน้องริน”

“ค่ะ” เธอพยักหน้า

แล้วทั้งสี่คนก็เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งข้างในบ้านนั้นกว้างขวางและน่าอยู่มาก มีสองห้องนอนอยู่ตรงข้ามกัน มีสองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่นและอีกหนึ่งห้องรับประทานอาหาร เรียกได้ครบทุกอย่างเลยทีเดียว

“พี่ป้องกับพี่เอกนอนห้องโน้นนะคะ” รินรดาชี้ไปที่ห้องนอนห้องหนึ่ง ก่อนจะชี้อีกห้อง “ส่วนรินกับคุณนิชาจะนอนห้องนั้น ตกลงตามนี้นะคะ”

“ได้ครับ” ปาณัทพยักหน้า

“ถ้างั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเองค่ะ ไปค่ะคุณนิชา” หญิงสาวรีบเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปในห้องนอนที่จองไว้ โดยมีนิชาภัทรเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองตามเข้าไป

“อ้าว! นายจะนอนข้างนอกห้องหรือไงน้องชาย” ผู้เป็นพี่ชายถาม

เป็นเอกจึงบอกว่า

“ก็ต้องนอนข้างในห้องสิ ใครจะนอนข้างนอก”

“แล้วจะยืนอยู่ทำไม”

“อ้อ! ก็กำลังเข้าห้องอยู่นี่ไงครับพี่ชาย แล้วพี่ชายล่ะครับ ไม่เข้าห้องหรือไง”

“ก็กำลังจะเข้าเหมือนกัน” ว่าแล้วเขาก็เปิดประตูเข้าห้องนอนไปก่อนทันที

ผู้เป็นน้องชายมองตามพี่ชายแล้วสั่นศีรษะยิ้มๆ

“รีบเชียวนะ” ก่อนจะเดินตามเข้าไปและปิดประตู

 

“ห้องน่าอยู่ดีนะคะคุณริน” นิชาภัทรมองไปรอบๆ ห้องหลังจากจัดของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

“ค่ะ น่าอยู่มากเลยค่ะ แถมบรรยากาศดีด้วยค่ะ เวลานอนจะได้ยินเสียงคลื่นทะเล คงจะนอนหลับสบายมากเลยนะคะ” รินรดาพูดพลางยิ้มพลาง

อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ

“ค่ะ น่าจะนอนหลับสบายค่ะ” แล้วลุกเดินไปเปิดผ้าม่าน ทำให้มองเห็นทะเลผ่านกระจกกั้นบานใหญ่ สีน้ำทะเลค่อนข้างเป็นสีน้ำเงินมากกว่าสีฟ้า แต่น้ำใสมาก น่าเล่นที่สุด

“คุณรินดูสิคะ น้ำทะเลสวยมากเลยค่ะ นิชาอยากเล่นเหลือเกินค่ะ”

“รอเล่นพร้อมกับรินพรุ่งนี้สิคะ” รินรดาบอก

“นี่คุณรินก็จะเล่นน้ำทะเลเหมือนกันเหรอคะ” เธอถามอย่างตื่นเต้น

อีกฝ่ายพยักหน้าและหัวเราะ

“เล่นสิคะ แหม ถ้ามาเที่ยวทะเลแต่ไม่เล่นน้ำทะเลก็แสดงว่ามาไม่ถึงนะคะเนี่ย”

“นั่นสิคะ ถ้ามาเที่ยวทะเลแล้วก็ต้องเล่นน้ำทะเลด้วยถึงเรียกว่าได้มาถึงทะเล” นิชาภัทรพลอยหัวเราะตามไปด้วย

รินรดาลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะบอกเพื่อนร่วมห้องว่า

“รินขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

“ค่ะ เชิญตามสบายค่ะ” เธอพยักหน้ายิ้มๆ

แล้วอีกฝ่ายก็เดินไปเข้าห้องน้ำ โชคดีที่มีห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน ทำให้สะดวกสบายอย่างมาก

นิชาภัทรมองออกไปดูน้ำทะเลแล้วยิ้ม พลางพูดกับตัวเองว่า

“ไม่เคยได้มาเที่ยวทะเลสักครั้งเลยเรา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นโชคดีของเราจริงๆ”

นั่นคือเรื่องจริง ตั้งแต่เกิดเธอไม่เคยมาเที่ยวทะเลเลยสักครั้ง เพราะช่วยแต่แม่ทำงานอยู่ในตลาดสด วันๆ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาทะเล ก็นับว่าเป็นบุญของเธอที่ได้เป็นแฟนกับเป็นเอก เขาถึงได้พาเธอมาเที่ยวทะเลเช่นนี้ และก็ต้องขอบคุณเขาละที่ทำให้เธอได้มาสัมผัสกับทะเล...ขอบคุณจริงๆ

 

ทางด้านปาณัทกับเป็นเอก เมื่อจัดข้าวของเข้าที่เสร็จผู้เป็นพี่ชายก็ถามน้องชายว่า

“นายเอก ฉันขอถามนายหน่อยนะ นายได้ขอคุณนิชาแต่งงานหรือยังวะ”

“ยังเลยว่ะ” เป็นเอกสั่นศีรษะ

อีกฝ่ายทำหน้าเบื่อหน่ายใส่น้องชาย

“โธ่เอ๊ย! แล้วนายมัวรออะไรอยู่เล่า ถ้ารักเธอก็รีบขอเธอแต่งงานเลยสิ”

“โธ่ ก็ฉันไม่กล้านี่” เขายิ้มแหยๆ

ผู้เป็นพี่ชายจึงตบไหล่เบาๆ

“อะไรกัน เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องกล้าๆ หน่อย อย่ามัวแต่อาย นายเคยได้ยินคำนี้ไหม ด้านได้อายอด”

“เคย...”

“นั่นแหละ...นายต้องสู้นะไอ้น้องชาย สู้เพื่อหัวใจตัวเอง อย่าให้คำว่ากลัวมาทำลายความมั่นใจของเรา”

“ครับ พี่ชาย” เขาพยักหน้า “ถ้าจะขอสาวแต่งงานมันก็ต้องขาดอยู่หนึ่งอย่าง”

“ขาดอะไร บอกฉันมาได้เลย ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย”

“ฉันยังไม่มีแหวน”

“โธ่ นึกว่าขาดอะไร” พี่ชายยิ้ม ก่อนจะแนะนำน้องชายว่า “นายก็ขอคุณนิชาแต่งงานที่นี่ไง แล้วบอกเธอว่าค่อยไปเอาแหวนที่กรุงเทพฯ เพราะฉันคิดว่าที่นี่โรแมนติกดี”

“แบบนี้ก็ได้เหรอ”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นายเชื่อฉันเถอะ”

“อืมม์ ฉันจะลองทำตามคำแนะนำของนายดู แต่ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณนายมากนะพี่ชาย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกับน้องรินจะช่วยวางแผนเซอร์ไพรส์คุณนิชาด้วย”

“ขอบคุณอีกครั้ง”

“อืมม์ ไม่ต้องขอบคุณมากมายหรอก พวกเราเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว” ปาณัทตบไหล่น้องชายเบาๆ อีกครั้ง

เป็นเอกพยักหน้ายิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร เขาคิดเพียงว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องขอนิชาภัทรแต่งงานเสียที ปล่อยไว้นานไม่ได้ เดี๋ยวจะได้รับประทานแห้วเสียก่อน ต้องรีบๆ ทำเลย และต้องขอบคุณพี่ชายที่มาให้คำแนะนำกับเขา ทำให้เขาอยากสู้เพื่อหัวใจตัวเอง ที่ผ่านมาเขามัวแต่อาย แต่ต่อไปเขาจะไม่อายอีกแล้ว เขาจะท่องคำว่า ‘ด้านได้ อายอด’ ให้ขึ้นใจเลยทีเดียว...คอยดูเถอะ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.