บทที่๒๓

สุภาพบุรุษสุดดวงใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่๒๓

เขมนันท์กลับมาบ้านด้วยท่าทีปกติ ไม่มีพิรุธแต่อย่างใด เมื่อมาถึงเขาก็เข้าไปในห้องนอน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจเพราะทำสำเร็จแล้ว

ทันทีที่เข้ามาในห้องผู้เป็นภรรยาก็ถามอย่างตื่นเต้น

“เป็นยังไงบ้างคุณเขม...คุณทำสำเร็จไหม”

อีกฝ่ายพยักหน้าและยิ้มมุมปาก

“สำเร็จสิครับ”

“แล้วคุณจัดการมันด้วยวิธีไหนคะ”

“ผมแอบสะกดรอยตามมัน...มันเดินออกจากตลาดสดไปอีกทางหนึ่ง ทางนั้นค่อนข้างเงียบมาก ไม่ค่อยมีรถวิ่ง ผมสะกดรอยตามไม่ให้มันรู้ตัว...เมื่อเข้าใกล้ตัวมันผมก็แอบย่องเข้าไปแทงมันจากข้างหลัง แทงลึกๆ ก่อนจะชักมีดกลับ แล้ววิ่งเข้าป่าแถวนั้นไป...โชคดีตอนที่ผมแทงมันไม่มีใครเห็น ไม่มีรถวิ่งผ่าน” เขาเล่าด้วยความสะใจ

ประภายิ้มพอใจ

“คุณทำได้ดีมากเลยค่ะคุณเขม ว่าแต่เราจะแน่ใจได้ยังไงคะว่ามันจะตาย”

“ผมมั่นใจพันเปอร์เซ็นเลยว่ามันต้องตายแน่นอน เพราะผมแทงทะลุตับไตไส้พุงมัน แต่ถ้ามันรอดมาได้ก็แสดงว่ามันเป็นคนมีบุญ”

“เราจะประมาทไม่ได้นะคะ”

“คุณเชื่อผมเถอะ ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางรอดมาได้เด็ดขาด” พูดอย่างมั่นใจมาก

“แล้วไอ้ป้องล่ะ...คุณจะจัดการมันด้วยวิธีเดียวกันไหม”

“ผมจะไม่ใช้วิธีที่ซ้ำกัน...สำหรับไอ้ป้องผมจะใช้ปืนจัดการมันแทน แต่คนอย่างมันฉลาด ระวังตัวจะตาย คงยากหน่อย”

“คุณต้องคิดหาแผนดีๆ ที่จะจัดการกับมันได้สิ คุณต้องทำอย่างรอบคอบนะ”

“ครับ ผมสัญญา...ผมจะส่งไอ้ป้องไปลงนรกอีกคนให้ได้”

“ดีค่ะ” เธอยิ้มพอใจอีกครั้ง

เมื่อเขมนันท์กำจัดเสี้ยนหนามไปได้หนึ่งคนแล้ว ก็ยังเหลืออีกหนึ่งคน นั่นก็คือปาณัท...แต่สำหรับคนนี้อาจจะยากหน่อย เพราะทั้งฉลาดและระวังตัวอย่างดี...แต่คนอย่างเขมนันท์ อะไรที่ยิ่งยากเขาก็ยิ่งต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่เขาแล้วละ เขายิ้มร้าย คิดหาแผนกำจัดปาณัทอยู่ในใจ แผนนี้ต้องแยบยล และต้องไม่พลาดอย่างเด็ดขาด!

 

คุณนภาลัย ปราภพและพรรณนิภาเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหน้าห้องฉุกเฉิน เห็นปาณัทนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ ตามเสื้อผ้าเขาเปื้อนเลือดของเป็นเอก ใบหน้าของเขาในยามนี้จะเห็นได้ว่าเครียดมาก เพราะเป็นห่วงน้องชายฝาแฝด ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง

แล้วปราภพก็ถามลูกชาย

“ตาเอกเป็นยังไงบ้างลูก”

“ผมยังไม่รู้เลยครับคุณพ่อ...คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

คุณนภาลัยประนมมือไหว้ท่วมหัว

“สาธุ ขอให้ตาเอกปลอดภัยด้วยเถอะ ขอให้เขาอย่าเป็นอะไรเลย...พวกเราเพิ่งจะได้พบกันเมื่อวานแท้ๆ วันนี้เขากลับถูกทำร้าย ย่าว่ามันมีอะไรแปลกๆ นะ...เอ้อ แล้วรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำร้ายตาเอก”

“ไม่รู้ครับคุณย่า” เขาสั่นศีรษะ “ตอนที่ไปถึงตรงนั้นก็เห็นเขานอนหมดสติอยู่กลางถนน เลือดออกเยอะ เหมือนเพิ่งถูกแทงได้ไม่นาน เขาคงจะถูกแทงก่อนที่ผมจะไปถึงตรงนั้นสักพัก...และไม่เจอร่องรอยของคนร้ายเลยครับ เหมือนมันวางแผนมาอย่างดี รีบแทงแล้วก็รีบหนีไป เพราะกลัวคนจะมาเห็น...แต่ต้องรอให้เป็นเอกฟื้นก่อน ค่อยถามจากปากเขาครับ”

“แล้วนี่แกได้บอกคุณเพียรไหมตาป้อง” ปราภพถามลูกชาย

อีกฝ่ายสั่นศีรษะอีกครั้ง

“ยังครับคุณพ่อ...ผมว่าจะรอให้คุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินก่อน แล้วค่อยไปบอกน้าเพียร”

ส่วนพรรณนิภาก็ได้แต่ร้องไห้ และพูดว่า

“ขออย่าให้ตาเอกเป็นอะไรไปเลย ขอให้พระคุ้มครองให้เขาปลอดภัย...พวกเราอุตส่าห์ได้พบเขาแล้ว ก็อย่าให้เขาจากพวกเราไปไหนอีกเลย”

ปราภพโอบไหล่ปลอบภรรยา

“ไม่ต้องร้องไห้นะคุณ ยังไงตาเอกก็จะต้องปลอดภัย พระต้องคุ้มครองคนดีๆ อย่างเขา...นะ...คุณไม่ต้องร้องไห้นะ”

ทันใดนั้นเองประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมา แล้วคุณนภาลัยก็เข้าไปถามคุณหมอเป็นคนแรก

“คุณหมอคะ หลานชายของดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

อีกฝ่ายจึงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า

“ปลอดภัยแล้วครับ...โชคดีที่คนไข้ไม่ได้ถูกแทงถูกจุดสำคัญ และไม่ถูกกระดูกสันหลัง ตอนนี้หมอได้ทำการล้างแผลและเย็บให้เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวสักพักหมอจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” แล้วคุณหมอก็เดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

ใบหน้าทั้งสี่คนในยามนี้บ่งบอกได้ว่าโล่งอกมากที่เป็นเอกปลอดภัยแล้ว พรรณนิภารีบปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะพูดกับสามีและลูกชายว่า

“ตาเอกปลอดภัยแล้ว...ตาเอกไม่เป็นอะไรแล้ว”

“เห็นไหม ผมบอกคุณแล้วว่าพระจะต้องคุ้มครองตาเอกให้ปลอดภัย แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมบอก” ปราภพว่า

ผู้เป็นภรรยาพยักหน้า

“ค่ะ...พระคุ้มครองลูกของเรา”

แล้วปาณัทก็แกล้งทำเป็นพูดกับพ่อและแม่ว่า

“น่าน้อยใจจัง คุณพ่อกับคุณแม่ได้ลูกคนใหม่ คงจะลืมผมแล้ว”

พรรณนิภาจึงหันมาทางลูกชาย

“ลืมที่ไหนกันล่ะ พ่อกับแม่ก็รักลูกทั้งสองคนเท่ากันนั่นแหละ ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกจ้ะ”

ผู้เป็นลูกชายยิ้มแฉ่ง

“ผมพูดเล่นครับ ผมไม่ได้น้อยใจคุณพ่อกับคุณแม่จริงๆ หรอกครับ เพราะคนอย่างผมไม่ใช่คนที่ขี้น้อยใจ”

“นี่แน่ะ! พูดเล่นเหรอ” เธอตีแขนลูกชายเบาๆ

ปราภพถึงกับหัวเราะให้ลูกชาย

“เออ แกก็เข้าใจพูดเล่นนะตาป้อง”

“น่าตีจริงๆ ลูกชายคนนี้” พรรณนิภาค้อนขวับ

ปาณัทก็หัวเราะบ้าง

“ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับคุณแม่ เพราะฉะนั้นตีไม่ได้แล้ว และที่สำคัญ ผมเป็นถึงประธานบริษัทครับ”

“จ้ะ ถึงจะโตแล้วแต่ก็น่าตี”

“รีบไปเถอะตาป้อง ก่อนที่แกจะโดนแม่ของแกตี” ผู้เป็นพ่อบอกพลางหัวเราะอีก

ผู้เป็นลูกชายพยักหน้ายิ้มๆ

“ครับๆ คุณพ่อ...ถ้างั้นขอตัวไปบอกน้าเพียรก่อนนะครับ” แล้วก็ผละไป

คุณนภาลัยมองทั้งสามคนพ่อแม่ลูกแล้วยิ้มมีความสุข เห็นภาพทั้งสามคนพูดเล่นหยอกล้อกันแล้วช่างน่ารักและอบอุ่นจริงๆ นี่ถ้าเป็นเอกยอมมาอยู่ด้วยอีกคนก็คงอบอุ่นกว่านี้แน่นอน และครอบครัวคงจะเต็มไปด้วยความสุข แค่คิดท่านก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแทนแล้ว

 

ปาณัทจอดรถตรงตลาดสด จากนั้นก็ลงจากรถและเดินไปหลังตลาด เดินตรงไปที่สลัม...เดินไปยังบ้านของนางเพียร เมื่อไปถึงก็เห็นประตูบ้านเปิดอยู่ เขาจึงตะโกนเรียก

“น้าเพียรครับ อยู่ไหมครับ”

สักพักก็มีคนออกมาต้อนรับ เป็นนิชาภัทรนั่นเอง เธอเห็นปาณัทก็นึกว่าเป็นเอกจึงทัก

“อ้าว! ไอ้เอก ทำไมกลับบ้านเร็วจังวะ ร้านปิดเร็วเหรอ...เอ๊ะ เมื่อเช้าแกไม่ได้ใส่ชุดนี้ไปทำงานนี่ นั่นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดเหรอ แกไปทำอะไรมาน่ะ บอกฉันมา” เธอมองสำรวจเสื้อผ้าอีกฝ่ายก็ทำหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นเสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือดเธอก็ยิ่งตกใจ

ชายหนุ่มมองหน้าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างงงๆ เพราะเขาไม่รู้จักเธอ แถมเธอทักเขาว่าเป็นเอกอีกต่างหาก

“ขอโทษนะครับ...ผมไม่ใช่เป็นเอก...ผมชื่อปาณัท เป็นพี่ชายฝาแฝดของเป็นเอก และผมก็มาหาน้าเพียร”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็หน้าซีดเผือด รู้สึกหน้าแตกที่ทักคนผิด เธอรีบประนมมือไหว้อีกฝ่าย พลางส่งรอยยิ้มแห้งๆ ให้

“เอ้อ ขอโทษค่ะ ฉันทักคนผิด ฉันนึกว่าคุณคือเป็นเอก...เอ้อ เชิญเข้ามาในบ้านก่อนสิคะ น้าเพียรอยู่ข้างในบ้าน” เธอผายมือเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้าบ้าน

ปาณัทพยักหน้า

“ขอบคุณครับ” แล้วก็ถอดรองเท้าเดินเข้าไปข้างในบ้าน เมื่อเขาเห็นนางเพียรนั่งอยู่ก็ประนมมือไหว้

“สวัสดีครับน้าเพียร”

อีกฝ่ายรับไหว้ยิ้มๆ

“สวัสดีค่ะ ที่คุณมาหาน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ เอ้อ เป็นเอกไม่อยู่นะคะ เขาออกไปทำงาน”

“ผมไม่ได้มาหาเป็นเอกครับ ผมมาหาคุณน้า...ผมจะมาบอกคุณน้าว่า...เอ้อ เป็นเอกถูกแทงครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”

“คุณว่าอะไรนะคะ” นางตกใจ แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก “โอ๊ย!” ฉับพลันก็ช็อกหมดสติไป

ทั้งปาณัทและนิชาภัทรต่างก็พากันตกใจ ฝ่ายหญิงสาวเข้าไปเขย่าเรียกสติ

“น้าเพียรจ๊ะ...น้าเพียร...น้าเพียรเป็นอะไร” ก่อนจะหันไปทางปาณัท “ที่คุณบอกว่าไอ้เอกถูกแทง มันเรื่องจริงเหรอคะ”

“จริงครับ” เขาพยักหน้า “ตอนนี้เรารีบพาน้าเพียรไปโรงพยาบาลดีกว่า น้าเพียรคงจะตกใจที่ผมบอกก็เลยช็อกหมดสติไป”

“ฉันขอไปด้วยนะคะ”

ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้า ก่อนจะอุ้มนางเพียรออกไปจากบ้านเพื่อพาไปโรงพยาบาล นิชาภัทรเดินตามออกไป เธอปิดประตูบ้านและล็อกให้

เมื่อรู้ว่าเป็นเอกถูกแทง อยู่ๆ นางเพียรก็ช็อกหมดสติ คงเป็นเพราะนางตกใจมากนั่นเอง!

 

หน้าห้องฉุกเฉิน...ปาณัทกับนิชาภัทรยืนรออยู่อย่างกระวนกระวาย เพราะเป็นห่วงนางเพียร โดยเฉพาะนิชาภัทรที่เป็นห่วงนางเพียรมากกว่าปาณัท เธอมีสีหน้าเศร้า เดินไปเดินมา

“ขออย่าให้น้าเพียรเป็นอะไรไปเลย”

“น้าเพียรไม่เป็นอะไรหรอกคุณ” ปาณัทบอก

แล้วประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมา พร้อมกับบอกว่า

“คนไข้หัวใจวายเฉียบพลันครับ แต่ตอนนี้หมอได้ทำการกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้แล้ว และหมอตรวจพบว่าคนไข้มีโรคหัวใจร่วมกับโรคมะเร็งด้วยครับ...และสาเหตุที่ทำให้หัวใจวายเฉียบพลันมาจากการที่คนไข้ตกใจมากๆ และเครียดมากๆ ครับ”

“แล้วน้าเพียรจะฟื้นเมื่อไหร่คะคุณหมอ” นิชาภัทรถามด้วยสีหน้าเครียด

ฝ่ายคุณหมอจึงบอกว่า

“หมอยังให้คำตอบไม่ได้ครับ”

“หมายความว่ายังไงครับ” คราวนี้ปาณัทเป็นคนถามบ้าง

คุณหมอมีสีหน้าเครียดเล็กน้อย ก่อนจะบอก

“เอ้อ...คนไข้อาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราครับ”

“คุณหมอว่ายังไงนะคะ” เธอตกใจมาก พลันน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“แต่ถ้ามีปาฏิหาริย์คนไข้ก็อาจจะฟื้นครับ...หมอขอตัวก่อนนะครับ” แล้วคุณหมอก็เดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

คล้อยหลังคุณหมอนิชาภัทรก็พูดว่า

“เป็นเอกก็ถูกแทง ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น...แล้วนี่น้าเพียรก็กลายมาเป็นแบบนี้อีก มันเวรกรรมอะไรของพวกเขากันเนี่ย ถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”

“ผมผิดเองที่เอาเรื่องของเป็นเอกไปบอกคุณน้า...ถ้าผมไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้” ปาณัทพูดอย่างรู้สึกผิด

อีกฝ่ายปาดน้ำตา ก่อนจะบอกว่า

“คุณไม่ผิดเลย...คุณมีสิทธิ์ที่จะเอาเรื่องของเป็นเอกไปบอกน้าเพียร เพราะน้าเพียรเป็นแม่...เอ้อ ฉันหมายถึงน้าเพียรเป็นแม่ที่เลี้ยงเป็นเอกมาน่ะค่ะ เขาควรที่จะต้องรู้”

“แต่ผมรู้สึกผิด”

“พวกเราทำได้แค่ภาวนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับน้าเพียรค่ะ”

“ครับ...ผมขอภาวนาให้ปาฏิหาริย์มีจริง”

“เอ้อ คุณคะ คุณช่วยพาฉันไปหาเป็นเอกหน่อยได้ไหมคะ” เธอยิ้ม

ปาณัทพยักหน้า

“ครับ...ได้ครับ ไปครับ” แล้วเดินนำหน้าไปอีกทาง โดยมีหญิงสาวเดินตามไป

 

เป็นเอกถูกย้ายมาอยู่ในห้องพักฟื้นพิเศษ โดยมีคุณนภาลัย ปราภพและพรรณนิภาเฝ้าอยู่ ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง ยังไม่ฟื้น หลังมือของเขาถูกเจาะใส่น้ำเกลือ

พรรณนิภานั่งข้างๆ เตียง พร้อมกับจับมือลูกชายฝาแฝดอีกคนของเธอ และพูดว่า

“รีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะลูก ทุกคนรออยู่ อย่าหลับนานนักนะ”

ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ปาณัทเดินเข้ามาพร้อมกับนิชาภัทร ปราภพจึงทัก

“อ้าว! ตาป้อง มาแล้วเหรอ...แล้วหนูคนนี้เป็นใครกันล่ะ” เขามองผู้หญิงที่มากับลูกชายอย่างแปลกใจ

ชายหนุ่มจึงบอกว่า

“อ้อ นี่เพื่อนของเป็นเอกครับ”

นิชาภัทรประนมมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าทั้งสามคน

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อนิชาภัทร...เป็นเพื่อนของเป็นเอกค่ะ”

ทั้งสามคนรับไหว้ยิ้มๆ

“อ้าว! หนูคนที่ขายผลไม้ให้ฉันนั่นเอง” พรรณนิภาจำหน้าหญิงสาวที่ขายผลไม้ได้

นิชาภัทรเองก็จำพรรณนิภาได้เช่นกัน

“คุณน้าที่เป็นคนใจดีเหมาผลไม้จนหมดแผงนั่นเอง สวัสดีอีกครั้งค่ะ” เธอประนมมือไหว้อีกครั้ง

อีกฝ่ายรับไหว้

“สวัสดีจ้ะ โลกกลมจังเลยทำให้ฉันได้พบกับหนูอีก เป็นเรื่องบังเอิญมากนะจ๊ะ ฉันไม่คิดว่าหนูจะเป็นเพื่อนกับตาเอก”

“ผลไม้ที่คุณน้าไปเหมาซื้อก็ของนายเป็นเอกนั่นแหละ เขาขายแทนแม่ของเขา”

“ตายจริง! นั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องบังเอิญมากขึ้นไปอีก แต่เสียดายที่วันนั้นไม่ได้พบเขา แต่ช่างเถอะ ยังไงวันนี้ก็ได้พบเขาแล้ว”

“เดี๋ยวๆ นะครับ นี่คุณแม่กับคุณนิชาภัทรเคยเจอกันมาก่อนเหรอครับ” ปาณัทถามอย่างแปลกใจ

ผู้เป็นแม่พยักหน้า

“จ้ะ วันนั้นแม่ไปเหมาผลไม้ที่ตลาด วันนั้นเจ้าของแผงผลไม้ไม่อยู่หนูคนนี้ก็เลยเป็นคนขายผลไม้แทน เขาฝากแผงไว้กับหนูคนนี้จ้ะ และแม่ไม่คิดเลยว่าเจ้าของแผงผลไม้คือเป็นเอก บังเอิญจริงๆ แต่น่าเสียดายที่วันนั้นไม่ได้พบเขาไม่งั้นคงจะรู้เรื่องเร็วกว่านี้”

“เอาเถอะ ยังไงวันนี้ก็พบเขาแล้วไง” คุณนภาลัยว่า

แล้วปราภพก็ถามลูกชาย

“เอ้อ แกไปบอกคุณเพียร แล้วคุณเพียรว่ายังไงบ้างล่ะ”

ปาณัทมีสีหน้าเศร้าเล็กน้อย และตอบคำถาม

“พอผมไปบอก...คุณน้าก็ถึงกับช็อกหมดสติไปเลยครับ ผมก็เลยรีบพามาส่งโรงพยาบาล”

“หา!” ทั้งคุณนภาลัย ปราภพ และพรรณนิภาอุทานพร้อมกันอย่างตกใจ

“แล้วคุณหมอว่ายังไงบ้างล่ะ” คุณนภาลัยถาม

ผู้เป็นหลานชายจึงบอกว่า

“คุณหมอบอกว่าคุณน้าหัวใจวายเฉียบพลันครับ และสาเหตุที่ทำให้คุณน้าหัวใจวายเฉียบพลันเกิดจากการที่คุณน้าตกใจมากๆ แล้วก็เครียดมากๆ ด้วยครับ แต่คุณหมอได้ทำการกระตุ้นให้แล้วครับ”

“นี่เธอคงรู้เรื่องของเป็นเอกก็เลยช็อกหัวใจวายเฉียบพลัน น่าสงสารเธอนะ” ปราภพว่า

พรรณนิภาจึงถามบ้าง

“แล้วคุณหมอได้บอกไหมลูกว่าคุณเพียรจะฟื้นเมื่อไหร่”

“คุณหมอบอกว่ายังให้คำตอบไม่ได้ครับคุณแม่”

“โธ่!” เธอทำหน้าเศร้าเพราะรู้สึกสงสารนางเพียร

แล้วปาณัทก็พูดต่อ

“คุณหมอบอกว่าคุณน้าอาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา...แต่ถ้ามีปาฏิหาริย์เขาก็อาจจะฟื้นครับ”

“น่าสงสารเพียรจริงๆ” คุณนภาลัยว่า “ย่าว่าเดี๋ยวย่าไปคุยกับคุณหมอเรื่องการรักษาโรคมะเร็งของเพียรดีกว่า ย่าจะเป็นคนจ่ายค่ารักษาเอง”

“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนครับคุณย่า” เขาบอก

ท่านพยักหน้า

“จ้ะ” แล้วท่านก็เดินออกไปพร้อมกับหลานชาย

ในห้องจึงเหลือเพียงปราภพ พรรณนิภา และนิชาภัทร...นิชาภัทรเดินไปยืนข้างๆ เตียงเป็นเอก มองหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วเศร้า และพูดด้วย

“รีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะเว้ย...เป็นเอก...แกรู้ไหมว่าทุกคนรอแกอยู่ แกตื่นขึ้นมาเถียงกับฉันสิวะ...อ้อ ตอนนี้น้าเพียรก็หัวใจวายเฉียบพลัน แต่คุณหมอทำการกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้แล้ว และไม่รู้ว่าน้าเพียรจะฟื้นหรือเปล่า เพราะคุณหมอบอกว่าน้าเพียรอาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ถ้ามีปาฏิหาริย์ก็อาจจะฟื้น ฉันก็ได้แต่ภาวนาให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น...แกล่ะ...เมื่อไหร่แกจะฟื้นขึ้นมาสักที ฮึ!”

ปราภพกับพรรณนิภาได้แต่มองดูนิชาภัทรที่พูดคุยกับคนที่นอนอยู่บนเตียง ที่ยังไม่ฟื้น แต่พวกเขาไม่พูดอะไร...ได้มองและฟังเท่านั้น

หลังจากปรึกษาหมอเสร็จแล้วคุณนภาลัยกับปาณัทก็เดินออกมาจากห้องตรวจของหมอ ระหว่างเดินกลับห้องพักฟื้นของเป็นเอกก็พูดคุยเรื่องการรักษานางเพียรกันไป

“คุณหมอบอกว่าถ้าจะรักษาโรคมะเร็งก็ต้องรอให้เพียรฟื้นก่อน ถ้ายังไม่ฟื้นก็รักษาไม่ได้”

“ใช่ครับคุณย่า...ผมก็ได้แต่ภาวนาให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้คุณน้าฟื้นเร็วๆ จะได้รักษามะเร็งสักที” ปาณัทพูดอย่างมีความหวัง

ผู้เป็นย่าพยักหน้า

“ใช่...ย่าเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะต้องมีจริง เพราะย่าก็เคยเห็นเพื่อนของย่า เขาก็หัวใจวายเฉียบพลันแบบนี้แหละ นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่หลายเดือน ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่งอยู่ๆ เขาก็ฟื้นขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์ โดยที่ญาติๆ ของเขาไม่คิดว่าจะฟื้นและไม่เชื่อในปาฏิหาริย์ ย่าคิดว่าเพียรก็คงจะเป็นเหมือนเพื่อนของย่า เขาต้องฟื้นแน่นอนจ้ะ”

“ครับ ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”

 

“โธ่เว้ย! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้...ทำไมไอ้ฝาแฝดอีกคนมันถึงไม่ตาย ทั้งที่ผมคิดว่ายังไงมันก็ไม่รอด แต่มันกลับรอด” เขมนันท์โวยวายกับภรรยาขณะนั่งอยู่ที่ศาลาตรงสวนหย่อม โดยมีลูกชายอยู่ด้วย

เมื่อรู้ข่าวว่าเป็นเอกปลอดภัยแล้วเขาก็ไม่พอใจมาก ทั้งที่ตอนเขาแทงเขาก็คิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่รอด และอย่างไรก็ต้องตาย...เขาแทงลึกมาก แต่ตอนนี้กลับปลอดภัยเสียอย่างนั้น เป็นไปได้อย่างไร...นี่ดวงแข็งขนาดนั้นเลยหรือ เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยหรือ

“ทำไมมันตายยากจัง” ประภาว่า “เราไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยหรือไง มันดวงแข็งขนาดนั้นเลยเหรอ...วันนี้มันปลอดภัย แต่ถ้าวันหน้าเราคิดจะจัดการมันอีกก็คงจะยากขึ้น เพราะมันคงจะระวังตัวมากขึ้น”

“ต่อให้มันระวังตัวแค่ไหน ยังไงมันก็ไม่รอดน้ำมือของผมอีกอยู่ดี”

“คุณก็พูดแต่แบบนี้...ไม่เห็นจะได้เลยสักครั้ง ถ้าคุณทำให้มันตายไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดออกมา”

“คุณรอดูคราวหน้าเถอะ”

“รอดูความโหลยโท่ยของคุณน่ะเหรอ”

“คุณชักจะดูถูกผมเกินไปแล้วนะ” เขมนันท์ไม่พอใจ

เมื่อเห็นพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกันภูริชก็รีบห้าม

“ใจเย็นๆ กันก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่ ค่อยๆ คิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี”

“แล้วจะทำยังไงล่ะ ตอนนี้แม่มองไม่เห็นทางเลย ต่อไปมันคงจะระวังตัวมากยิ่งขึ้น เราคงทำอะไรมันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนอย่างวันนี้แน่” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

ผู้เป็นลูกชายจึงบอกว่า

“มันต้องมีสักทางสิครับคุณแม่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรื่องนี้ผมขอจัดการเอง”

“อย่าให้ล้มเหลวเหมือนพ่อของแกล่ะ”

“ผมรับรองได้ครับคุณแม่”

“ดี” เธอยิ้มพอใจ “แม่หวังว่าแกจะไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวังเหมือนพ่อของแกนะ” พร้อมกับปรายตาไปทางสามี

เขมนันท์ทนไม่ไหว รีบผลุนผลันออกไป ไม่นั่งให้ภรรยาดูถูกเขาอีกแล้ว

ประภามองตามสามีอย่างไม่พอใจ พร้อมกับตะโกนถาม

“นั่นคุณจะไปไหนน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

อีกฝ่ายตะโกนกลับมาว่า

“ไปหาอะไรทำแก้เครียด”

เธอจึงหันมาพูดกับลูกชาย

“แกดูพ่อของแกสิตาภู แม่ว่าอะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ โมโหท่าเดียว”

ภูริชไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าเท่านั้น

 

ที่เขมนันท์บอกว่า ‘ไปหาอะไรทำแก้เครียด’ นั่นก็คือการที่เขามาเข้าบ่อนการพนัน เขามาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่คนทางบ้านไม่รู้ วันนี้เขามาแต่ไม่ได้พกเงินมา จึงไปขอกู้เงินเสี่ยขจร ซึ่งเป็นเจ้าของบ่อน

“เสี่ยครับ ผมขอกู้เงินไปเล่นหน่อยครับ”

“เท่าไหร่!” เสี่ยถาม

เขมนันท์จึงตอบว่า

“สองแสนครับ”

“แล้วลื้อจะคืนอั๊วเมื่อไหร่”

“เอ้อ...ไม่นานหรอกครับเสี่ย”

“ไม่นานนี่คือถึงเดือนไหม” เสี่ยหยิบปืนขึ้นมาลูบเล่น ก่อนจะพูดต่ออีก “คงรู้นะว่าถ้าไม่มีเงินคืนอั๊วมันจะเกิดอะไรขึ้น”

“เอ้อ...รู้...รู้ครับ” เขาแอบกลืนน้ำลายเพราะกลัว และพูดเสียงสั้นเล็กน้อย “ผมมีเงินคืนแน่นอนครับ...เพราะผมเป็นถึงเขยของเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องประดับชื่อดัง ร่ำรวยพันล้าน”

“ถ้าร่ำรวยขนาดนั้น แล้วทำไมต้องมากู้เงินอั๊ว”

“ก็วันนี้ผมลืมพกเงินมา เสี่ยอย่าถามมากเลยนะครับ...ให้ผมกู้เถอะ” เขมนันท์ประนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างขอร้อง

เสี่ยขจรจึงพยักหน้า

“เออๆ ก็ได้” แล้วหันไปทางลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องส่วนตัว “เฮ้ย! พวกลื้อไปเอาเงินมาให้อาเขมหน่อย ด่วน”

“ครับเสี่ย” ทั้งสองคนรับคำพร้อมกัน ก่อนจะเดินไป ไม่นานนักก็เดินกลับมาพร้อมกับซองสีน้ำตาลซองใหญ่ “นี่ครับเสี่ย” แล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม

เสี่ยยื่นซองสีน้ำตาลให้เขมนันท์ต่อ

“เอ้า! นี่...แล้วอย่าลืมเอามาคืนอั๊วล่ะ”

“ครับเสี่ย ขอบคุณครับ ผมสัญญาว่าจะเอามาคืนเสี่ยให้เร็วที่สุดครับ” เขาประนมมือไหว้ ก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมา มือไม้สั่นไปหมด แล้วรีบลุกออกไป

เมื่อเขมนันท์ได้เงินมาแล้ว เขาก็เอาไปเล่นไพ่ เล่นไฮโล แรกๆ ก็เล่นพอได้...แต่พอเล่นนานๆ ไปก็เริ่มจะหมดตัว สุดท้ายก็หมด จนต้องเดินออกไปจากบ่อนอย่างหมดสภาพ

“โธ่เว้ย! มันเป็นวันอะไรของกูวะเนี่ย ทำอะไรก็ซวยไปหมด...ทำไมๆๆ วะ” เขาตะโกนขึ้นฟ้าดังๆ อย่างโมโห

 

ผ่านไปอีกวันที่เป็นเอกยังนอนไม่ได้สติ เขายังไม่รู้สึกตัว ทั้งที่คุณหมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่ฟื้น ส่วนนางเพียรก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อีกห้อง นี่เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของทั้งสองคนหรืออย่างไร ถึงได้มาเจออะไรอย่างนี้

ในห้องพักฟื้นของเป็นเอกมีคนเฝ้าอยู่หลายคน เพราะเป็นห่วงเขา ทั้งคุณนภาลัย ปราภพ พรรณนิภา ปราภพ นิชาภัทร ส่วนที่ห้องพักฟื้นนางเพียรก็มีนางต้อยคอยเฝ้าเพื่อนอยู่อย่างห่วงๆ

ทั้งห้าคนเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เป็นเอกจะฟื้นเสียที นอนแบบนี้หลายชั่วโมงแล้ว ควรจะฟื้นได้แล้ว...ขณะที่ทุกคนกำลังลุ้น อยู่ๆ นิ้วของเป็นเอกก็กระดิก เปลือกตาก็ค่อยๆ เปิด มองฝ้าเพดาน ก่อนจะหันไปรอบๆ ก็เห็นมีคนอยู่หลายคน...ทุกคนยิ้มดีใจที่เขาฟื้นแล้ว พรรณนิภารีบกดปุ่มที่อยู่บนหัวเตียงเรียกพยาบาล

“คุณพยาบาลคะ ลูกชายฉันฟื้นแล้วค่ะ”

“ที่นี่คือที่ไหนครับ...ผมอยู่ที่ไหน” เป็นเอกถาม

ปาณัทเดินเข้ามาใกล้น้องชายฝาแฝด ก่อนจะบอกว่า

“ฉันไปเจอนายนอนหมดสติอยู่กลางถนน ห่างจากตลาดสดไปหลายกิโลเมตร...นายถูกแทงข้างหลัง ฉันรีบพานายมาโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าโชคดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ ไม่ถูกกระดูกสันหลัง”

“ฉันจำได้ว่าฉันเดินไปทางนั้น ไม่มีใครเดินตามแน่นอน แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนร้ายมันมาจากทางไหน อยู่ๆ มันก็มาแทงฉันจากข้างหลัง ฉันล้มหน้าคว่ำ ไม่เห็นตัวคนร้ายสักคน จากนั้นฉันก็หมดสติและจำอะไรไม่ได้อีกเลย...นี่นายเป็นคนพาฉันมาโรงพยาบาลเหรอ” เป็นเอกถามพี่ชายฝาแฝด

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ใช่...”

นิชาภัทรเดินเข้ามาใกล้เพื่อน พร้อมกับพูดว่า

“แกนอนหลับไปสองวันเต็มๆ เลยนะ...ฉันนึกว่าแกจะไม่ฟื้นซะอีก”

“อ้าว! ไอ้นิชา แกก็มาด้วยเหรอ”

หญิงสาวพยักหน้า

“อืมม์...ต้องมาสิ เพื่อนโดนทำร้าย...ฉันก็มาต้องมาดูสักหน่อย ว่าแกตายหรือยัง”

“ปากแกยังร้ายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว” เธอยิ้มอวดฟันขาวสะอาด

แล้วเป็นเอกมองไปรอบๆ อีกครั้งเหมือนมองหาใคร

“เอ้อ...แล้วแม่ล่ะ...แม่เพียรน่ะ”

“เอ้อ...” นิชาภัทรอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ต้องตัดสินใจบอก “ตอนที่น้าเพียรรู้ว่าแกถูกแทง เขาก็ช็อกหมดสติ คุณปกป้องก็เลยพามาส่งโรงพยาบาล...คุณหมอบอกว่าน้าเพียรหัวใจวายเฉียบพลัน ตรวจพบว่าน้าเพียรมีโรคหัวใจร่วมด้วย แต่คุณหมอได้ทำการกระตุ้นการเต้นของหัวใจแล้ว น้าเพียรคงตกใจและเครียดเรื่องของแกน่ะ”

“แกว่ายังไงนะ...แม่เพียรน่ะเหรอหัวใจวายเฉียบพลัน แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่เพื่อนบอก ไม่คิดว่าแม่เพียรของเขาจะหัวใจวายเฉียบพลัน คงเป็นเพราะตกใจเรื่องของเขาแน่ๆ เลย

แล้วปาณัทก็เป็นคนตอบ

“ตอนนี้น้าเพียรนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา คุณหมอยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่ คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์แล้วล่ะ”

เป็นเอกจะแกะสายน้ำเกลือออก แต่ถูกพี่ชายฝาแฝดดึงแขนไว้

“นายจะทำอะไร”

“ฉันจะไปหาแม่เพียร นายอย่ามาห้ามฉัน” เขาพยายามจะแกะให้ได้

คุณนภาลัยจึงบอกว่า

“ไม่ได้จ้ะ หลานยังเจ็บแผลอยู่ ต้องรอให้คุณหมอมาตรวจก่อน”

“แต่ผมจะไปดูแม่เพียรครับ” ดื้อจะไปให้ได้

แล้วประตูห้องก็ถูกเปิด คุณหมอกับพยาบาลเดินเข้ามาสองคน ทุกคนประนมมือไหว้ แล้วคุณหมอก็เดินไปข้างๆ เตียง บอกกับคนไข้ว่า

“หมอขอดูแผลหน่อยครับ”

“ครับ” เขาพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ พลิกตัว หันหลังให้คุณหมอดูข้างที่ถูกแทง นิ่วหน้าเจ็บแผล แต่กัดฟันทน

คุณหมอเปิดผ้าก๊อซออกเพื่อดูแผล พลางบอกว่า

“พยายามอย่านอนหงายนานเกินไปนะครับ เพราะมันจะทับแผล ทำให้แผลหายช้าหรืออาจทำให้แผลเน่าได้...อ้อ แผลไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ครับ...” ปิดผ้าก๊อซไว้อย่างเดิม

เป็นเอกค่อยๆ พลิกตัวนอนหงายตามเดิม ก่อนจะประนมมือไหว้คุณหมอ

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ครับ...ถ้างั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ” แล้วคุณหมอก็เดินออกไปพร้อมกับพยาบาล

คล้อยหลังคุณหมอกับพยาบาล เป็นเอกพยายามจะแกะสายน้ำเกลือออกให้ได้ แต่ถูกปราภพห้าม

“ลูกยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะแผลยังไม่หาย”

“แต่ผม...”

“ถ้านายจะไป เดี๋ยวฉันพาไปเอง” ปาณัทอาสา

จนถูกผู้เป็นพ่อปรามเบาๆ

“ตาป้อง...”

“ผมจะต้องพาเขาไปครับคุณพ่อ...คุณพ่อก็เห็นนี่ครับว่าเขาดื้อรั้นชะมัด” เขาว่า

คนที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มอย่างดีใจ

“นายจะพาฉันไปเหรอ รีบพาฉันไปสิ”

ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดพยักหน้า ก่อนจะประคองให้น้องชายลุกนั่งและประคองลงจากเตียงคนไข้อย่างค่อยๆ เพราะอีกฝ่ายกำลังบาดเจ็บอยู่ จากนั้นก็พาเดินออกไปจากห้อง โดยถอดเอากระปุกน้ำเกลือถือไปด้วย นิชาภัทรเดินตามไปทันที

คุณนภาลัย ปราภพและพรรณนิภามองตามแล้วสั่นศีรษะกับความดื้อรั้นของเป็นเอก

“ดื้อจริงๆ จะไปให้ได้เลย” คุณนภาลัยว่า

พรรณนิภาก็เลยบอกว่า

“ก็เขาผูกพันกับคุณเพียรนี่คะคุณแม่ เขาก็ต้องอยากไปดู เพราะเป็นห่วง”

“จะไปทั้งที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่แท้ๆ แล้วก็เพิ่งฟื้นอีกต่างหาก”

“เอาเถอะครับคุณแม่...ยังไงตาป้องก็เป็นคนประคองเขาไป ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” ปราภพว่า

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.