วาเลนไทน์สีจาง

อีกฟากของสายฝน

-A A +A

วาเลนไทน์สีจาง

        เสียงอันน่ารำคาญทุกเช้าที่สมองตื่นตัว   ไหนจะแสงสว่างจ้าที่เปลือกตาปิดไม่มิด   พวกมันชั่งน่ารำคาญ   ฉันขยับตัวเพียงเล็กน้อย   คลำหาผ้าห่มที่กระจัดกระจายบนเตียงมาคลุมขา   ลมเย็นที่สัมผัสได้ในยามดึกตอนนี้มันชักจะร้อนขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว   ฉันลืมตาขึ้น   แสงไฟบนเพดานมันทำให้ฉันรำคาญแต่จะให้ว่าไงได้ก็ฉันมักสายกว่าใครเพื่อนในบ้าน   แต่จะเป็นห่วงทำไมเพราะสุดท้ายก็ยังตกงานเหมือนเดิม   เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างๆ แสงไฟของหน้าจอมันทำให้ใจฉันหดหู่กว่าเก่า   ไม่มีข้อความใดส่งกลับมา......   รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที   ทำไมถึงยังไม่อ่าน   ขาหย่อนลงพื้น   ก้าวออกไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเตียงที่ยังไม่ได้เก็บ   ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น  

          เดินขึ้นไปชั้น   2   ที่ห้องนอนส่วนตัวนั้นเต็มไปด้วยแสงและความร้อนจากภายนอก   ฉันรูดม่านปิดด้วยแรงที่มากกว่าปกติ   คลานลงนอนบนเตียงภายในห้องที่ยังมีแสงลอดผ่านใต้ผ้ามู่ลี่หนา   พัดลมพอช่วยให้หายร้อนแต่ไม่ทำให้จิตใจฉันสงบ   แสงไฟจากโทรศัพท์เปิดขึ้นอีกครั้ง   ตอนนี้เวลาบ่าย   2   กว่า   น่าจะได้เวลาที่เขากลับมาแล้วจากที่ทำงาน   ฉันเปิดไลน์ขึ้น   มีอยู่แชทเดียวที่ค้างอยู่ในนั้น   ปักหมุดไว้อย่างกับกลัวหาย   Josh McGurk   กับข้อความสุดท้ายเมื่อคืน   คงอาบน้ำอยู่ละมั้ง......

          ฉันหลับตาลง   ฝืนตัวเองจนหลับ   ตื่นมาอีกทีเพราะเหงื่อตามตัว   ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลับในวันที่อากาศร้อนแบบนี้   ยิ่งในประเทศไทย   บ่าย   4   แล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรอยู่บนหน้าจอที่ฉันต้องการ   ฉันลุกขึ้นจากที่นอนและเดินลงมา   เปิดคอมและเริ่มหางานบนเว็บไซต์กว่า   7   แห่ง   กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มืดแล้ว   ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ของวัน   ผ่านมา   24   ชั่วโมงแล้วนะกับความเงียบนี้   ทั้งที่เป็นวาเลนไทน์ที่ควรจะมีแต่ความสุขจากความรักที่ถูกเติมเต็มแต่ทำไมใจฉันมันถึงเหี่ยวแห้งเหลือเกิน 

          ฉันไม่รอให้คอมปิดตัวโดยสมบูรณ์   มันช้าเกินไป   ฉันคว้าโทรศัพท์   มองหน้าจอที่ส่องแสงอีกครั้งและเดินขึ้นไปชั้น   2   เปิดพัดลมจ่อหน้า   ความเงียบเหงามันกลืนกินจิตใจของฉันจนใกล้จะหมดแล้ว   กลีบดอกไม้ค่อยๆ ร่วงหล่นและเหลือเพียงกลีบเดียว   ฉันรู้สึกได้ว่ามันกำลังร้องไห้ฉันดึงมันออกและพูดว่าปล่อย   ฉันจ้องหน้าจอ   เพียงชั่วขณะที่มองเห็นใบหน้าตนเอง   เศร้าสร้อย   หน้าจอมันปลดล็อกตัวเองและที่หน้าโฮม สกรีน   นั้นก็ยังไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ   นี่มันผ่านมากว่าหนึ่งวันแล้ว   ทำไมเขาถึงไม่สังเกตณ์เห็นความผิดปกติ   นี่ฉันกำลังรออะไรกันแน่?   สมองฉันทำงานหนักทั้งวันตั้งแต่ตื่นกับเรื่องๆ เดียวที่ฉันไม่กล้าจะทำมัน  

          ในบรรยากาศเงียบสงัด   ที่สุดแล้วนิ้วเรียวที่ใครหลายคนมักชมก็แตะลงไปที่ไลน์ของเขาคนนั้น   เริ่มพิมพ์ในสิ่งที่สมองสั่งการ   พิมพ์และลบและพิมพ์กลับเข้าไปใหม่เหมือนเป็นไบโพลาร์   มันตีกันอยู่ในหัว   2   เดือนแรกดีมาก   พอเข้าเดือนนี้เหมือนทุกอย่างมันพลิกผันไปหมด   ตกลงแล้วที่ผ่านมาคือฝันงั้นหรือ?   หลังจากนี้ไปมันจะดีขึ้นไหม?   ถ้าบอกออกไปเขาจะรู้สึกยังไงกันนะ?   จะเสียใจไหม?   แล้วเราจะเลิกกันรึเปล่า?   ถ้าเลิกกันแล้วฉันจะมีความสุขขึ้นใช่ไหม?   หลากหลายความคิดมันตีกันอยู่ในหัวของฉัน   เด้งไปเด้งมาราวกับพายุอารมณ์ที่รุนแรงและอันตราย  

          ฉันเริ่มแต่งแต้มความว่างเปล่าด้วยสีดำจากตัวอักษรมากมายแต่ไฉนเลยมันกลับร่นและเหลือเพียงคำๆ เดียวที่ดูแทบไม่มีความหมาย   ‘Hi’   ใช่   ฉันทำมันไปแล้ว   ในที่สุดก็ส่งอะไรสักอย่างออกไป   แม้จะไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นสิ่งที่ต้องการแต่ก็ทำไปแล้ว   ฉันทำไปแล้ว   โทรศัพท์ถูกวางลงพร้อมกับหน้าจอที่กลับมาดำอีกครั้ง   ฉันรู้ดีว่าคนที่ฉันรักมักมีเวลาที่ไม่ตายตัว   เขามักจะตอบฉันช้าประมาณ   3   ชั่วโมงแต่ก็ไม่เคยปล่อยผ่านเกิน   1   วันเหมือนอย่างวันนี้มันเลยแปลก   แม้ว่าจะเป็นฉันเองที่ไม่ยอมตอบเขากลับ   ก็ฉันงอนเขานี่นา   ฉันก็แค่อยากให้เขาถามฉันว่าเป็นอะไร  

          “เซราฟิม   เซราฟิม   เซราฟิม”   เสียงกระซิบที่กวนโอ๊ยของตัวละครในเกมโปรดที่ฉันเกลียดและอยากจะเลิกเล่นไปตลอดชีวิต   เสียงที่ฉันรอมานาน   เสียงของเขาคนนั้น   ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมองหน้าจอ   เขาส่งข้อความมาแล้ว   ทักกลับมาตามมารยาทหรือเปล่านะ?   ฉันเริ่มพิมพ์กลับไป   ในใจฉันยังสับสนว่าทำไม   ทำไมคราวนี้เขาถึงตอบฉันเร็วขนาดนี้?   มันทำให้นึกย้อนไปถึงวันเก่าๆ   ใช่   วันนั้นแหละที่เราเจอกันในแอพหาคู่   ฉันยังจำได้เลยว่าเข้าไปส่องโปรไฟล์ของเขา   ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมาก   ก็แค่ผู้ชายตัวสูงผอมคนหนึ่งกับพวงดอกไม้รอบคอ   แต่รู้อะไรไหม?   เขานั้นขี้ตื้อและนั่นทำให้หัวใจที่แตกร้าวจากรักครั้งเก่ากลับมาเต้นได้อีกครั้ง   เหมือนหน้าหนังสือชีวิตที่ถูกเปิดอ่านอีกครั้งหลังจากที่จบลง   ทุก   10   นาที   เขาถึงส่งข้อความกลับมาเพราะเขาไม่ได้สมัครพรีเมียมแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นที่โดดเด่นจากชายอื่นใดจนวันหนึ่งพวกเราก็ได้แลกเปลี่ยนไลน์   เริ่มพูดคุยกันในนั้น   เขาไม่เคยให้ฉันต้องรอเลยแม้แต่นาทีเดียว   เหมือนกับเวลาทั้งหมดนั้นคือของฉันแต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน   ช่วงเวลาหนึ่งที่ดอกไม้เบ่งบานก็ต้องมีอีกช่วงที่มันร่วงโรย  

            ‘How are you?’   ข้อความนั้นของเขา   ฉันจ้องมันจนเกือบลืมหายใจ   มันเหมือนเขามองทะลุผ่านจิตวิญญาณสีเทาและเติมเต็มความต้องการที่ฉันโหยหา   เขาไม่ใช่หมอ   เป็นแค่พ่อหนุ่มหัวไอทีที่เปิดโรงแรมที่อินเดีย   แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังวินิจฉัยโรคของฉันผ่านข้อความอันแสนธรรมดานั้น   ‘I am fine.’   ปกติฉันไม่ใช่คนชอบโกหกแต่ครั้งนี้ฉันทำมันออกไปแล้ว   การโกหกครั้งใหญ่   ‘What are you doing?’   ฉันส่งคำถามนั้นต่อไป   ไม่ได้อยากรู้หรอกแต่ก็ไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อ   มันใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง   นานเกินกว่าที่ฉันในตอนนี้จะทนได้แต่ก็ยังไม่ถึงกับถอดใจ   ‘Playing Warzone with my little bro and uni bro and you?.’   โอเค   ถึงตอนนี้ฉันเริ่มมีน้ำโหแล้ว   นี่จะบอกว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยอยากคุยกับฉันเพราะคุณกำลังเล่นเกมกับน้องๆ ของคุณใช่ไหมล่ะ?   จิตใจฉันมันเริ่มดำมืดอีกครั้ง   ‘Tried to find a job all day. You must be having fun with your brothers now.’   ‘Yes, is such a special occasion we are together to play it.’   เขาตอบช้าลงเล็กน้อยแต่ก็ยังพอรับได้   ‘Okay, enjoy.’   ฉันส่งกลับไป   ฉันหมายถึงฉันคิดแบบนั้นจริงๆ ก็พอเข้าใจแหละว่าฉันมันก็คนนอกและเขาเองก็ต้องมีเวลาให้น้องๆ ที่น่ารักของเขา

          ฉันไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ฉันจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง   เหมือนกับกำลังส่งคลื่นพลังจิตเพื่อให้เขารับรู้ว่าฉันอยากจะบอกบางอย่างกับเขา   บางอย่างที่ฉันควรทำก่อนที่มันจะสายไป   ‘Don’t beat yourself up, Lia.’   ขอบคุณที่โลกนี้มอบ   Google Search   และผู้สร้างเว็บไซต์และผู้แชร์ความคิดต่างๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต   ที่นั่นทำให้ฉันเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร   อย่าโทษตัวเองที่เป็นแบบนี้   อย่าโทษตัวเองที่ชอบคิดมาก   อย่ากดดันตัวเองที่ยังหางานที่ดีไม่เจอ   อย่าทำอะไรเกินตัว   ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนที่เพื่อนๆ ชอบขอคำปรึกษาแต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องการคำปรึกษาเช่นเดียวกัน   มันก็เหมือนเวลาที่คนชอบพูดกันปากต่อปากว่าบางครั้งคนเราก็ลืมว่านิสัยตัวเองเป็นยังไง   เหมือนกับความเคยชิน   ฉันไม่เคยถามตัวเองเลยว่าควรหยุดตอนไหน   ฉันควรทำมันเท่าไหร่แล้วเท่าไหร่ถึงพอดีเพราะฉันนั้นรู้แค่ว่าต้องทำให้เสร็จ   ต้องทำให้ได้ก็แค่นั้น

          สุดท้ายก็ไม่ได้บอกมันออกไป   ทุกอย่างที่อยู่ในใจถูกพับเก็บกลับเข้ากล่องไม้   ล็อกด้วยแม่กุญแจที่สลักข้อความเตือนใจ   มันคือยันต์ที่จะกักขังความมืดมนในจิตใจของฉันตลอดไป   ด้วยคำกล่าวอันเรียบง่ายแต่สะท้อนตลอดกาลในจิตใจที่เบิกบานนี้   ให้จำไว้ให้ดี   Lia   เธอนั้นอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเขาเพราะเธอรักเขาและไม่อยากจะหายไปจากเขา   คืนนั้นฉันจึงร่างสัญญาขึ้น   ส่งมันเข้าสู่สภาที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของจิตใจฉันเพื่อให้พวกเขาทุกคนรู้ว่าสมองไม่ใช่ศาลเตี้ยที่จะสั่งให้ร่างกายนี้ทำตาม   ยังมีหัวใจที่คอยขับเคลื่อนวิญญาณ   จงรับฟังสาส์นของฉันเสียเหล่าวุฒิสมาชิกสภาทั้งหลาย   ว่าฉัน   Luvifranc S. White Elizabeth Traeh Leumas Kikyo Lia Jugram Teresa Leeátu   จะอยู่เพื่อ   Josh McGurk   จะซื่อสัตย์และไม่ทำให้เขาเสียใจเหมือนกับรักเก่าของเขา   จะมีเขาอยู่ข้างกาย   จะทำให้เขามีความสุข   ทว่าทั้งหมดที่ฉันประกาศออกไป   ฉันกลับลืมสิ่งสำคัญของตัวเองเช่นกัน…..

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.