เนื้อที่แข็งกระด้าง

หมากสามโลก ภาค ความทรงจำจากน้ำหมึกเรืองแสง

-A A +A

เนื้อที่แข็งกระด้าง

          “ภารกิจจับกุมเสร็จสิ้นแล้วเช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับครับ   ท่านผู้บัญชาการกองกำลังแคปิตอล คอป สังกัดทิศใต้ ท่านโบนกิน”   ชายวัยกลางคนผู้สวมเครื่องแบบสีดำเต็มยศโค้งตัวทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมและเดินจากไปพร้อมผู้ติดตามและชายร่างท้วมที่ในตอนนี้มีอาการนิ่งสงบ   ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เหมือนพลิกฝ่ามือ   เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มแคปิตอล คอป แผนกรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ   สวมกำไรสีดำบนข้อมือของเขา   คงไม่ใช่กำไรธรรมดาแต่เป็นไอเทมพลังจิตที่สามารถสะกดจิตผู้ที่ถูกมันสวมใส่  

          โทมัสยืนดูเหตุการณ์การจับกุมทุกขั้นตอนจนจบ   ความรุ่มร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพานให้ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ   ปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นกับตัวเขาสวนทางกับบรรยากาศหนาวเย็นภายนอกในตอนนี้อย่างน่าประหลาด   นัยน์ตาที่ไม่เป็นมิตรมองจ้องไปที่กลุ่มแคปิตอล คอป   ‘พวกมันไง   โทมัส   พวกมัน!’   ไม่ใช่เสียงของใครอื่นแต่เป็นเสียงจากจิตใต้สำนึกของตัวเขาเอง   ‘แคปิตอล คอปทุกคนต้องหายไป   พวกมันต้องชดใช้…’   สีสันทั้งหมดของภาพที่ดวงตามองเห็นแปรเปลี่ยนเป็นความมืดแม้ไม่ได้กำลังหลับตา   มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทัศนวิสัยอื่นใดนอกจากรัตติกาลอันเป็นนิรันดร์   ไม่มีทั้งกลิ่นและเสียง   ไม่อาจบอกได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายว่าอุ่นหรือเย็น   มันว่างเปล่า   ทุกอย่างว่างเปล่า   ไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่า…  

          ‘ฝันหรือ?’   โทมัสคิดในใจ   ‘กลัว’   เสียงที่ทั้งแผ่วเบาและหดหู่ดังขึ้น   มันเบาราวเสียงกระซิบ   ‘กลัวการถูกลืม   เรา....’   เสียงนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงเสียงหัวเราะแผ่วๆ ดังขึ้น   ฟังแล้วทำให้ขนลุกตั้งชัน   มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูสะใจมากราวกับคนบ้า   ‘นายคือใคร?’   เสียงหัวเราะเงียบหายไปอีกครั้ง   ครั้งนี้ใช้เวลาอยู่นานกว่าเสียงปริศนาจะดังขึ้นอีกครั้ง   ‘เราคือเรา   ร่างกายนี้เป็นของเรา   แล้วนายล่ะ…คือใคร?’   ความมืดจางสีลงราวกับสิ่งที่บดบังเปลือกตาที่ปิดอยู่ทั้ง   2   ได้หายไปแล้ว  

          โทมัสลืมตาด้วยความตกใจ   สิ่งแรกที่นัยน์ตาสีเงินมองเห็นคือแสงจากโคมไฟที่ห้อยอยู่บนเพดาน   มันมีกำลังแสงพอแค่แสดงสิ่งของภายในห้องแต่ก็ไม่มากนัก   เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง   ผนังกำแพงห้องโล้นๆ ไร้ซึ่งการตกแต่ง   ด้านล่างข้างเตียงคือเพื่อน   2   คนที่กำลังมีความสุขกับการหลับใหลอยู่บนพื้นห้อง   เขาหย่อนขาลงจากเตียงและเดินไปเปิดประตู   เพียงเสี้ยวนาที   แรงลมขนาดมหึมาซัดเข้ากระทบใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวและต้องยกมือขึ้นบังลมกระโชก   ภาพที่เห็นเพียงชั่วขณะก่อนที่ลมจะกระแทกเข้าใส่คือป่าทึบที่กำลังเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับมีขา   หมายความว่าเขากำลังอยู่บนยานพาหนะบางอย่างที่ไม่น่าจะใช่รถม้าหรือสัตว์ขี่หรือนี่จะเป็นบ้านเคลื่อนที่หรือไอเทมพลังจิตอะไรเทือกนั้น?

          “ถ้าผมเป็นคุณ   ผมจะปิดประตูแล้วกลับมานอนครับ”   เจ้าของเสียงที่ยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม   นัยน์ตาสีชาจ้องมองใบหน้าของร่างที่ยังคงยืนตรง   ปล่อยให้กระแสลมพัดกระแทกใบหน้าอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นต้นไม้ไร้ความรู้สึกจนกระทั่งโทมัสปิดประตูอีกครั้งแล้วจึงเดินกลับมานอน   ไม่ได้กล่าวหรือตอบอะไรเพื่อนที่มองจ้องเขาตลอดเวลา

          “อาการตอนนี้ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?”   คำถามนั้นดังขึ้นในทันทีที่โทมัสทิ้งตัวลงนอน   “ครับ”   ในใจที่เย็นชานั้นคิดไปเองว่าบางทีอาจมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ติดอยู่ในภวังค์มืดนั้น   “ตอนที่คุณหมดสติและล้มลง   ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยนะครับ   พี่ซาคาเรียสเอาแต่โทษตัวเองที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้   เขานั่งเฝ้าคุณข้างเตียง   ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน   ใช้เวลาอยู่นานโขเลยกว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เข้านอนได้สำเร็จ”   วิลเลี่ยมยิ้มเมื่อนึกถึงความดื้อดึงของซาคาเรียสในวันนี้   “ขอโทษที่ทำให้พวกคุณเป็นห่วงครับ”   วิลเลี่ยมสะอึกทันที   “คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับแต่ก็น่าเสียดายที่คุณกับพี่ซาคาเรียสอดชมศูนย์บำบัดน้ำเสียกับธนาคารโรบัสต้าของอีกวันเลยนะครับ”   วิลเลี่ยมหัวเราะแห้งๆ พอให้แก้เขินได้   คงไม่มีใครเชื่อถ้าเขาเล่าให้ใครฟังว่าเจ้าชายเย็นชาผู้นี้สามารถพูดอะไรแบบนั้นได้ด้วย...  

          “พวกเรากำลังไปไหนหรือครับ?”   โทมัสเอ่ยถามในขณะที่ตายังปิดสนิท   “ตอนนี้พวกเราอยู่บนรถม้าคันเดิมครับ   ที่นี่เรียกว่าห้องนอน   หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกที่ติดมากับไอเทมเวทมนต์รถม้าแห่งอีเลมครับ   กลไกการทำงานก็เหมือนกับห้องรถม้าเลยครับเพียงแต่ประตูห้องนอนจะใช้ร่วมกับประตูทางออกรถม้าและห้องรถม้าครับ”   ถึงไม่มีหนอนหนังสืออย่างรูบี้แต่ก็ยังมีวิลเลี่ยมผู้เป็นดั่งพจนานุกรมฉบับสำรองของกลุ่ม   จะว่าไปแล้วรูบี้ล่ะ?  

          มันเป็นระยะเวลาที่ไม่นานมากแต่เพราะเวลาที่ไม่มีเสียงของบทสนทนาที่ดับเงียบไปนานจนเกินไปทำให้คิดว่าเวลาในความเงียบนั้นผ่านมาอย่างรวดเร็ว   แม้วิลเลี่ยมจะอยากรู้ความเป็นไปของคนบนเตียงแต่ด้วยองศาในตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรอยู่ดี   ‘….หลับแล้วรึ?’   คิดแบบนั้นก็จึงหลับตาและเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

 

          วันที่   3   ของการเดินทาง   รถม้านำนักเรียนมาถึงเมืองถัดไปตั้งแต่เช้าตรู่   หิมะยังคงมีให้เห็นตามทางที่วิ่งผ่าน   เหมือนที่เยนอม   เดดวอร์ซเป็นเมืองที่มีขุนนางปกครองเช่นกันและเป็นคนจากตระกูลที่นามสกุลคุ้นหูเป็นอย่างมากตระกูลเล็กเซอร์   แม้ในวันที่หิมะตกโปรยปรายไม่บดบังสีทองสว่างที่แสนโดดเด่นทั้งโดยรอบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และกองทัพอัครเทวทูตผู้สวมกายเนื้อทองหล่อ   โบสถ์ใหญ่แห่งเดดวอร์ซหรือรู้จักอย่างเป็นทางการว่าโบสถ์หลวงแห่งตระกูลกษัตริย์ฟรานซิสโก้   ด้านหน้าประตูที่ปรากฏสัญลักษณ์ของปีกทั้ง   2   ฝั่งที่กำลังถูกเปิดออกโดยกลุ่ม   ชายวัยหนุ่มและกลางคนในชุดยาวรุ่มร่ามสีขาว   สัญลักษณ์กากบาทที่หน้าอกเป็นสีทองที่เด่นอย่างน่าสนใจ   ภายในกลุ่มนักเรียนและนิโคลัสได้พบกับโรเบิร์ต   หัวหน้าบาทหลวงของที่นั่น   เพียงแว็บแรกก็ทำให้โทมัสจำได้ถึงใบหน้าอันใจดีของชายผู้นี้   เขาคือ   1   ใน   6   สมาชิกสภานักเรียน   ที่กำลังยืนต้อนรับขับสู้กลุ่มนักเรียนอย่างอบอุ่นร่วมกับบาทหลวงในอาณัติอีกจำนวนหนึ่ง  

          “อรุณสวัสดิ์ลูกๆ ทุกคน   พ่อชื่อโรเบิร์ตเป็นผู้สืบทอดแห่งโบสถ์หลวงแห่งตระกูลกษัตริย์ฟรานซิสโก้”   โรเบิร์ตเผยรอยยิ้มกว้าง   ภายในเป็นเสมือนท้องพระโรงขนาดใหญ่   ที่กึ่งกลางตั้งรูปปั้นทองคำของพระเจ้าที่พวกเขานับถือ   พระเจ้ามิคาเอล   รายล้อมด้วยเก้าอี้ยาว   6   แถวที่หันเข้าหาพระองค์อย่างพร้อมเพรียง   มองไปโดยรอบ   ที่ซึ่งแสงลอดผ่านและแปลงเป็นสีสันที่แตกต่างอย่างสวยงาม   เปิดเผยภาพความเชื่อที่เต็มไปด้วยสีสันที่ชัดเจน   ทองและขาวคือความดีที่มิอาจแปดเปื้อนด้วยสีแดงและดำของเหล่าปีศาจ   “มนุษย์ผู้โง่เขลามักเป็นเหยื่อของปีศาจให้ครอบงำ   คุณคิดว่ายังงั้นไหมครับ?”   คำถามที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันไม่ได้ชักชวนให้ใบหน้าเย็นชาของโทมัสหันกลับไปตามเสียง      ไม่แม้แต่จะพยักหน้ารับ   คงเพราะศิลปะกระจกตรงหน้าที่มันทำให้สติเขาถูกดึงดูดลงไปในความนิทราของมนต์สะกด

          หลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมที่โบสถ์หลวงก็ไปยังสถานที่อีกแห่ง   มันเป็นลานกว้างที่คลุมด้วยหิมะขาวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา   ภายในมีอาคารแยกย่อยถึง   16   แห่ง    ตั้งกระจัดกระจายโดยแต่ละอาคารมีรถม้าจอดอยู่ก็หลากหลายคันพอสมควร   “ที่นี่คืออาณาเขตของศาลากลางเมืองเดดวอร์ซ   พวกคุณสามารถทำอะไรได้มากมายที่นี่   เอาล่ะ   การบ้านของพวกคุณคือการสำรวจและสรุปสิ่งที่สามารถทำได้ในพื้นที่แห่งนี้มาให้ครบถ้วนนะครับ”   นิโคลัสกล่าว   “เราจะอยู่กันที่นี่สัก   2   ถึง   3   วันนะครับ”   จริงอยู่ที่มีเพียง   16   อาคาร   แต่การเดินทางไปแต่ละจุดย่อมใช้เวลาพอสมควรเช่นกัน  

          โทมัสได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับพื้นที่แห่งนี้   ทั้งหน้าที่ที่แตกต่างของแต่ละอาคาร   สัญลักษณ์กระทรวงที่ติดตั้งอยู่เหนือสุดของอาคารและเสาธงขององค์กรที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน   เฮาซ์ ออฟ อีลิทส์   ถ้าถามถึงกระทรวงไหนที่น่าสนใจก็คงมีกระทรวงคมนาคมกับงานการลงทะเบียนขอออกนอกประเทศชั่วคราวซึ่งเป็นการอนุญาตให้ผู้ลงทะเบียนสามารถออกไปทำธุระนอกประเทศได้   ธุระนั้นอาจเป็นการออกล่า   การท่องเที่ยวหรือการทำภารกิจฮอเนอร์   กระทรวงพลังจิต   กระทรวงเวทมนต์   กระทรวงพลังธาตุและกระทรวงสิ่งมีชีวิต   โดยหลังครบตามกำหนดพวกเขาก็เดินทางไปยังเมืองถัดไป

 

          รถม้าได้มาถึงยังเมืองรูปพ์   จุดหมายที่ใครหลายคนอาจเบื่อที่จะเดินทางมาเพราะความกันดารและไม่ค่อยมีสิ่งน่าสนใจเหมือนสองเมืองที่ผ่านมาแต่กับโทมัส   มันกลับเป็นจุดหมายที่เขารอคอยมาอย่างยาวนาน   รถม้าหยุดจอดที่ลานกว้างขนาดใหญ่และเงียบสงบ   อาจเรียกได้ว่าไร้ซึ่งผู้คน   จะมีก็แต่บรรดานักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ที่เดินเกาะกลุ่ม   โทมัสสังเกตเห็นสัญลักษณ์บนผืนเสื้อคลุมที่มีทั้งรูปนกอินทรี   หมาป่า   หมูป่าและแพะและดูเหมือนประชากรเหยี่ยวจะมีมากเป็นอันดับหนึ่ง   รองลงมาคือหมูป่าและหมาป่า   ส่วนแกะเห็นแค่ไม่กี่คน  

          นักเรียนทั้งหมดถูกสั่งให้มายืนล้อมรอบสถาปัตยกรรมรูปปั้นขนาดใหญ่   ตั้งอยู่กึ่งกลางของลานกว้าง   รูปปั้นมังกรที่ดูทรงอำนาจและน่าเกรงขาม   ลักษณะของมันดูแตกต่างจากรูปปั้นมังกรตัวอื่นที่พบเห็นได้ทั่วไปแม้จะมีความคล้ายคลึงแต่มีบางอย่างที่ทำให้มันแตกต่างออกไป   ลำตัวเพรียวไม่หนา   แขนสองข้างปรากฏที่ปีกส่วนบน   ดูคล้ายค้างคาว   หางมีลักษณะเหมือนปลายหอกแหลม   “ทุกคนฟังทางนี้นะครับ”   นิโคลัสยืนอยู่ที่ด้านหน้าของรูปปั้นมังกร   “รูปปั้นมังกรที่พวกคุณเห็นตรงหน้านี้คือรูปปั้นมังกรไวเวิร์น   พระสหายของกษัตริย์ฟรานซิสโก้ อเล็กซิน   ปฐมกษัตริย์ผู้บุกเบิกประเทศโนซาล์บจนเจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันครับ”   เพียงได้ฟังประวัติคร่าวๆ ก็ทำให้รู้สึกขนลุกด้วยความปิติยินดี

          ‘มังกรคู่ใจของบรรพบุรุษเรา   ท่านอเล็กซิน’   โทมัสแหงนหน้ามองรูปปั้นตรงหน้า   บางส่วนถูกคลุมด้วยหิมะ   ส่วนลึกในจิตใจบอกเขาว่ามันไม่ใช่รูปปั้นธรรมดาตามรูปภายนอก   โทมัสก้าวเท้าเดินตรงไปที่รูปปั้นราวกับถูกมนต์สะกด   ขาทั้งสองก้าวจนเกือบจะถึงพื้นต่างระดับซึ่งเป็นหลุมลึกราว   15   เซนติเมตรที่ใต้ฐานรูปปั้น   ในขณะที่ขากำลังจะสัมผัสพื้นด้านล่าง   เขารู้สึกถึงแรงมหาศาลที่ดึงให้เขาออกห่าง    “ตรงนั้นมันอันตรายนะครับ”   นิโคลัสเอ่ยในขณะที่มือยังคงจับไหล่ของโทมัสแน่น   ใบหน้าที่มักจะแสดงออกอย่างสุขุมดูจริงจังและตึงเครียดจนน่าฉงนใจและไม่นานก่อนที่บรรยากาศการยืนจ้องหน้าของคนทั้งสองจะทวีความตึงเครียดมากกว่านี้   เสียงร้องตะโกนเรียกชื่อของโทมัสดังขึ้นและพอหันกลับไปมองจึงพบว่าเป็นซาคาเรียสที่ยืนอยู่กับเพื่อนอีก   2   คนที่ต่างก็มองมาที่พวกเขาด้วยความสงสัย   นิโคลัสปล่อยมือจากโทมัสก่อนจะหันกลับไป

          “ทุกคนสามารถแยกย้ายสำรวจเมืองรูปพ์ได้ตามอัธยาศัยแค่อย่ากลับช้ากว่าที่เวลากำหนดครับ   สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน   ผมแนะนำให้นั่งรถม้ารับจ้างชมเมืองนะครับ   ผมเชื่อว่าความเป็นชนบทของเมืองนี้จะช่วยเพิ่มสีสันในการมองโลกของพวกคุณได้มากขึ้นครับ”   นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงนั่งปักหลักอยู่ที่ลานรูปปั้นมังกร   ในขณะที่บางกลุ่มทำตามคำแนะนำของนิโคลัส  

          วิลเลี่ยมกับรูบี้ไม่ได้มีแผนการท่องเที่ยวของเมืองนี้   ต่างจากโทมัสและซาคาเรียสผู้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีแต่ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไปตามทาง   “พวกคุณคนไหนกำลังจะไปโบสถ์บาโธโรมิวครับ?”   เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา   เป็นนิโคลัสที่คุมบังเหียนรถม้าแห่งอีเลม   ซาคาเรียสไม่รอช้า   รีบเดินไปเปิดประตูรถม้าทันที

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.