เด็กหนุ่มผู้มาพร้อมไฟ

หมากสามโลก ภาค ความทรงจำจากน้ำหมึกเรืองแสง

-A A +A

เด็กหนุ่มผู้มาพร้อมไฟ

          ห้องเรียนกลับสู่สภาวะปกติ   ไม่มีเปลวไฟหลงเหลือ   แม้แต่ร่องรอยความเสียหายบนสิ่งของที่ถูกปกคลุมด้วยไฟเป็นเวลากว่าชั่วโมงก็ไม่มี   “ไหวไหมครับ?”   วิลเลี่ยมหันมองโทมัสและซาคาเรียสที่กำลังฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ   “ผม…ไม่ไหว...ครับ”   ซาคาเรียสกล่าวอย่างเหนื่อยหอบและสิ้นหวัง   “ฮึ่มๆ”   เสียงกระแอมจากบนเวทีเรียกความสนใจของพวกเขาให้มองตาม   “การฝึกวันนี้มีผู้ผ่านคือคุณโทมัส   คุณวิลเลี่ยมและคุณรูบี้...”   โทมัสผงกหัวขึ้นโดยพลัน   นัยน์ตาสีเงินกวาดมองโดยรอบ   วิลเลี่ยมแม้จะเห็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร   “....ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ”   รู้ตัวอีกทีก็พลาดการบรรยายของนิโคลัสไปแล้ว   เขาลุกขึ้นหลังเสียงประกาศทำความเคารพของหัวหน้าห้องแต่ต้องตกใจกับภาพที่เห็นเพราะมีแค่พวกเขาและเด็กสาวแถวหน้าสุดที่ทำตามคำสั่งในขณะที่ที่เหลือยังคงหน้าฟุบโต๊ะเหมือนเดิม   ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนิโคลัสออกจากห้องไปแล้วก็ยังไม่มีใครลุกออกจากห้องทันที  

 

          บนระเบียงที่ยื่นออกห้องนอน   สายลมเย็นนำพากลิ่นอายของผืนหญ้ามาให้   ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและสงบจิตใจที่ฟุ้งซ่านจนมีสมาธิกับสิ่งที่ตากำลังมองเห็น   ความมืด   ไร้แสงจากดวงดาวบนท้องฟ้ายามวิกาล   เพลิดเพลินไปกับมันจนไม่ทันได้ยินเสียงเคาะประตูและขานชื่อที่ดังอยู่   “....เข้ามาได้ครับ”   ใบหน้ายังคงมองไปข้างหน้า   หูรับฟังเสียงเยื้องย่างไปยังมุมหนึ่งตามด้วยเสียงกระทบก่อนที่เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นอีกครั้ง   กำลังตรงมาที่ระเบียงที่เขากำลังยืนแอ่นตัวพิงกับขอบระเบียง   “นมอุ่นมาแล้วครับ”   ร่างที่หันหลังให้ไม่ได้กล่าวหรือแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ   “คิดอะไรอยู่หรือครับ?”   ยังคงไร้วี่แววของคำตอบจนเมื่อโทมัสหันกลับมาและพบเพียงความว่างเปล่าตรงหน้า   ซาคาเรียสไปแล้ว  

          โทมัสทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม   ตาปิดลงเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการฝึกหฤโหดในวันนี้   แสงจากโคมไฟระย้าอ่อนกำลังลงราวกับรับรู้ถึงความต้องการของเขา   เมื่อทุกอย่างมืดสนิท   เป็นเวลาที่โสตประสาทหูทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด   ความเงียบงันภายในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงปริศนา   เบาหวิวเหมือนเสียงลมแต่ไม่ใช่   โทมัสลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนดังอยู่ไม่ไกลแต่ไม่สามารถจับใจความได้   เขาไม่ได้นอนหลับอยู่บนเตียงนอนแต่กำลังยืนอยู่ที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง   โบสถ์เก่าตั้งตระหง่านตรงหน้า   ใบไม้แห้งตามพื้นและต้นไม้หัวโล้น   ทันใดนั้นหางตามองเห็นเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งเล่นกับเด็กชายอีกคนผู้มีร่างกายเป็นมนุษย์หากแต่ถูกแต่งแต้มด้วยสีขาวราวแผ่นกระดาษ   ไม่มีใบหน้าให้จ้องมอง   พวกเขาวิ่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เด็กชายผมดำ   ร่างกายเปล่งสีสันราวสายรุ้งจะหยุดและหันมองโทมัสจนเขารู้สึกขนลุกซู่   “-----!!”   เด็กชายกล่าวบางอย่างพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า   วิ่งตรงเข้าหาโทมัสจนโทมัสต้องเบนตัวหลบแต่แล้วตาเผลอเหลือบเห็นเด็กอีกคน   ยืนอยู่ด้านหลังเขา   โทมัสสะดุ้งตัวตื่นจากความฝัน   พบความมืดภายในห้องที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่ด้านล่างของบานหน้าต่าง   ยกมือขึ้นทาบหน้าผาก   หูเริ่มได้ยินเสียงนกร้องเพลงและแสงไฟที่กำลังส่องสว่างอย่างช้าๆ

 

          “วันนี้เราจะมาเรียนวิชาศาสตร์การป้องกันตัวพื้นฐาน   จะเป็นภาคปฏิบัติทั้งหมดดังนั้น...”   นิโคลัสหยิบบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อและชูมันขึ้นกลางอากาศ   หลุมดำปรากฏขึ้นบนพื้นเวทีก่อนจะมีวัตถุคล้ายซุ้มประตูที่สร้างจากหินผุดขึ้นจากหลุมดำ   “เทเลพอร์เทชั่น ดอร์   ไอเทมพลังจิตระดับสูงที่มีเพียงหน่วยงานขององค์กรฮาร์ท   กลุ่มบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตและราชวงศ์ของทั้ง   4   เขตเท่านั้นที่จะครอบครองมันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”   นิโคลัสกล่าวอย่างตื่นเต้น   เขาสัมผัสที่จับทั้งสองฝั่งของซุ้มประตู   เปลวไฟสีแดงจากมือลุกไหม้และลามไปทั่วซุ้มอย่างรวดเร็วก่อนที่เปลวไฟตรงที่จับจะค่อยๆ แบ่งส่วนและลอยมารวมตัวกันที่กึ่งกลางของช่องว่างและกระจายตัวออก   ปรากฏภาพที่กำลังขยายออกตามอาณาเขตเปลวไฟ   สีเขียวจากทุ่งหญ้า   กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

          นักเรียนถูกสั่งให้เรียงแถวและเดินก้าวผ่านประตูมิติซึ่งแต่ละคนที่ก้าวผ่านออกมาต่างแสดงอาการตกใจผ่านสีหน้าหรือน้ำเสียง   “พร้อมกันแล้วนะครับ”   นิโคลัสก้าวผ่านประตูมิติคนสุดท้าย   พานักเรียนเดินเข้าไปยังสิ่งก่อสร้างตรงหน้า   โคลอสเซียม   พื้นด้านในมีสีขาวแตกต่างจากผิวภายนอกที่เป็นสีเหลือง   มีทางเข้า   4   ทิศ   สูงขึ้นไปจากลานประลองคืออัฒจันทร์   ที่ชั้นบนสุดมีเพดานเยื้องออกเป็นกำบังสำหรับกันแสงแดดและฝน   กึ่งกลางลานประลองในวันปกติจะโล่งตาแต่ในวันนี้มีกองอาวุธทับถมอย่างไม่เป็นระเบียบซึ่งนิโคลัสเรียกนักเรียนมารวมตัวกันที่ด้านหน้าของมันโดยให้ล้อมเป็นวงกลม

          “บทเรียนที่หนึ่งสัญชาตญาณสัตว์”   นักเรียนต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก   มีเพียงไม่กี่คนที่พอจะคาดเดาสถานการณ์ออกและเตรียมพร้อมสำหรับมัน   “หลังจากเสียงปืนพวกคุณทุกคนจะต้องหยิบอาวุธขึ้นมาคนละชิ้นครับ”   บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันที   ดวงตาแทบทุกคู่จ้องเขม็งไปที่กองอาวุธ   มือขยุกขยิกเหมือนจะเอื้อมไปคว้าอาวุธได้ทุกเวลา  

          เสียงปืนที่ดังขึ้นบังคับให้พวกเขาพากันพุ่งตัวเข้าไปหยิบอาวุธตรงหน้า   ไม่ต่างจากสัตว์ป่ายกเว้นโทมัสผู้เพียงแต่มองอย่างใจเย็นจนเป็นที่สังเกตของนิโคลัส   ที่สุดก็เหลือเพียงอาวุธชิ้นเดียวนั่นคือดาบสั้นสภาพเก่าและโทรมจนเห็นสนิม   โทมัสหยิบมีดและเดินกลับมายืนที่เดิม   ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้เพื่อนร่วมชั้นที่กำลังมองมาที่เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก   เป็นสายตาที่ปนความสงสัย   เย้ยหยันและไม่ชอบใจ   “หลังเสียงปืนครั้งที่   2   พวกคุณต้องเข้าต่อสู้กับใครก็ได้   ผู้ที่ล้มลงจะถูกปรับแพ้และเหมือนกับบทเรียนเมื่อวาน...”   นิโคลัสดึงปลายหมวกลง   “จนกว่าจะไม่มีใครล้มจนจบชั่วโมงเรียน   ผมถึงจะขึ้นบทเรียนต่อไปครับ”   ปืนที่ถูกจ่อขึ้นฟ้า   มือแต่ละข้างจับอาวุธแน่น   ความตึงเครียดที่ไม่ต่างจากบทเรียนเมื่อวันก่อนกลืนกินบรรยากาศโดยรอบลานประลอง  

          สัญญาณปืนครั้งที่สองพร้อมเสียงปะทะของอาวุธ   ฝุ่นลอยคลุ้งทั่วบริเวณ   การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง   ท่ามกลางฝูงสิงโตที่กำลังยื้อแย่งความเป็นใหญ่ในผืนป่าเล็ก   กลุ่มหงส์ขาว   3   ตัวที่ต่างแสดงความสุขุมในการต่อสู้โดยไม่ถูกบงการด้วยสัญชาตญาณดิบ   โทมัส   ซาคาเรียส   วิลเลี่ยมและรูบี้ต่อสู้กับคู่ปรับได้อย่างชำนาญ   รูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   ทุกท่วงท่าของวิลเลี่ยมทั้งพลิ้วไหวและสง่างาม   ทุกการเข้าปะทะของอาวุธก่อร่างความคิดสร้างสรรค์ที่แฝงอยู่ในคมดาบและปรากฏสู่โลกภายนอกด้วยการตวัดดาบ   หันไปชมอีกฝั่งจึงพบกับบรรยากาศอันหนักหน่วงแม้เพียงใช้สายตามองจากระยะไกลก็ทำให้รู้สึกอึดอัดกับเสียงปะทะอาวุธ   โทมัสตั้งรับการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม   ไม่คิดตอบโต้เมื่อมีโอกาสแต่ก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาดแม้จะมีอาวุธไร้ประสิทธิภาพในมือ   ซาคาเรียส   ดั่งเงาตามกายและอารักขาของโทมัส   ทำหน้าที่เป็นดั่งโล่คุ้มกันอันแข็งแกร่งหากแต่เพลงดาบกลับแกร่งยิ่งกว่า    รูบี้ผู้กวัดแกว่งคันธนูไร้ลูกต่อสู้กับดาบยาวของนักเรียนหญิงคู่มือได้อย่างชำนาญและไม่ดูเสียเปรียบตามศักยภาพของอาวุธ  

          ยิ่งปล่อยให้เวลาเดินผ่าน   ก็ยิ่งเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา   นักเรียนคนแล้วคนเล่าล้มลง   คนที่เริ่มน้อยเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ก็เปลี่ยนผันไปตามเช่นกัน   ดาวรุ่งทั้ง   4   ถูกนักเรียนที่เหลือพร้อมใจกันรุมปะทะ   จำนวนที่มากขึ้นทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของวิลเลี่ยมและรูบี้ลดลงอย่างชัดเจน   ยิ่งกับรูบี้ที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถรับมือคู่ต่อสู้จำนวนมากพร้อมกันจนพ่ายแพ้ในที่สุด   ตามมาด้วยวิลเลี่ยมที่ทิ้งระยะห่างเพียงไม่นาน   เหลือก็แต่โทมัสและซาคาเรียสที่ยังคงยืนหยัดกับคู่ต่อสู้ได้อย่างหน้าตาเฉย  

          นิโคลัสที่กำลังจดจ่อกับการแสดงตรงหน้ารู้ตัวอีกทีเกือบหลบลูกบอลไฟขนาดมหึมาที่พุ่งด้วยความเร็วสูงไม่ทัน   เฉี่ยวหลังไปอย่างหวุดหวิด   “เฮ้ยๆ”   ซีสจ์   นักเรียนชายตัวเล็ก   สีควันบุหรี่ของเส้นผมที่ยุ่งเหยิง   เดินนำทัพกลุ่มนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งมาจากอีกฟากที่ดวงตามองเห็น   “สวัสดีครับ”   นิโคลัสเดินเข้าหาอย่างใจเย็น   ซีสจ์จ้องหน้านิโคลัสเพียงชั่วครู่   นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงพักเที่ยงของวันนี้   ที่สวนพฤกษชาติในเขตโรงอาหารตะวันออก   โต๊ะอาหารมากมายรายล้อมด้วยโซนดอกไม้ที่จัดเรียงเป็นโซนตามโทนสี   กึ่งกลางคือเขตเสาไม้   4   ด้าน   มันเป็นที่ตั้งของน้ำพุมังกรจำลองและเป็นที่รู้กันดีว่าคืออาณาเขตของโลกอีกใบที่มีเพียงผู้ถูกเลือก   4   คนเท่านั้นที่จะย่างกรายเข้าไปโดยไม่ถูกอำนาจแห่งเปลวไฟทำลาย   มีข่าวอะไรบ้าง?”   ชายผมดำเอ่ยขึ้นลอยๆ   “ไม่มี   ซีสจ์กล่าวอย่างไม่พอใจ   ได้ข่าวอาจารย์พิเศษที่พระราชินีฟรานซิสโก้จ้างมารึเปล่า?”   เสียงจากชายผมแดงผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา   “ได้ยินว่าสอนแค่ห้องเดียวด้วยนี่   ทำไมรึ?”   ชายคนแรกถามเสียงเรียบ   “ว่าไงซีสจ์   ถ้าแกอยากรู้ว่าเจ้าชายอยู่ไหนก็ลองหาดูสิว่าอาจารย์พิเศษคนนั้นสอนห้องอะไรเป็นพิเศษ   ชายผมแดงแสยะยิ้ม

          “เป็นจริงอย่างที่แฟรงก์ว่ามาจริงๆ”   สิ้นเสียงจากซีสจ์   ใบหน้าขมึงตึงของเขาพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว   มีรอยยิ้มอันน่าหวาดผวาปรากฏอยู่บนนั้น   ซีสจ์พุ่งตัวกลับอย่างรวดเร็ว   เปลวไฟประกายส้มพวยพุ่ง   คลุมทุกส่วนของร่างกาย   เส้นใยหนาที่ยืดออกจากออร่าลุกไหม้พุ่งจู่โจมนักเรียนทุกคนในเวลาเดียวกัน   หนึ่งในนั้นกำลังพุ่งเข้าใส่โทมัสผู้กำลังเบิกตากว้าง   แม้จะมีอาวุธอยู่ในมือแต่จะทำอะไรกับสิ่งไร้ตัวตนนั้นได้?   สายลมที่ซัดเข้าใส่ใบหน้าบ่งบอกถึงแรงเหวี่ยงอันมหาศาลแต่กระนั้นดาบของซาคาเรียสก็มิอาจตัดสิ่งไร้ร่างได้อยู่ดี   เมื่อเป็นแบบนั้นจึงคิดจะใช้ร่างตัวเองเป็นโล่ป้องกันให้โทมัสอย่างไม่หวาดกลัวทว่า   เสี้ยววินาทีก่อนที่ลำกล้องปืนของนิโคลัสจะยิงออกไปเพื่อยับยั้งการโจมตีของซีสจ์   ปรากฏคลื่นไฟปริศนาสีเดียวกันพุ่งผ่านหน้าซาคาเรียสและรับการโจมตีแทน

          ซีสจ์มองลำธารไฟในขณะที่มันดูดการโจมตีของเขาเข้าไปจนหมดก่อนจะเบนตามองเจ้าของพลัง   “แกเป็นใคร?!!”   ซีสจ์ตะโกนอย่างโผงผาง   หนึ่งในผู้ติดตามของเขากระซิบที่ข้างหู   สีหน้าของซีสจ์เปลี่ยนไปทันใด   “คาร์เนตโต วิลเลี่ยม....คาร์เนตโต วิลเลี่ยม   ทายาทผู้ก่อตั้งกลุ่มจัสติค....แกเองรึ?!!”   ใบหน้าของวิลเลี่ยมในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก   ไม่ใช่หน้าของคนที่ซาคาเรียสเคยเห็นมาร่วม   3   วันแต่เป็นอีกคน   จริงจังและให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด  

          “แสดงว่าเจ้าชายฟรานซิสโก้อยู่ที่นี่จริงๆ สินะ”   ซีสจ์เพ่งมองที่ซาคาเรียส   ส่วนสูงที่มากโขและสีผมนั่นมีความน่าเชื่อถือพอให้เขาหลุดความสนใจจากโทมัสที่ถูกบังจนมิด   เขาแสยะยิ้ม   “แกสินะ   เจ้าชายฟรานซิสโก้!!!”   ซีสจ์พุ่งเข้าใส่ซาคาเรียส   มือที่กำหมัดคืออาวุธที่ลุกโชติด้วยเปลวไฟสีเหลืองแต่แล้ว   ยังไม่ทันถึงตัว   กำปั้นนั้นได้ปะทะเข้ากับผิวดาบยาว   เจ้าของนัยน์ตาอำพันเหลือบมองที่เจ้าของดาบอย่างหงุดหงิด   “อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง...”   แรงที่มากขึ้นทำให้ดาบเริ่มสั่น   มันเปล่งแสงสีส้มเฉพาะส่วนที่ถูกสัมผัสราวกับกำลังถูกลนด้วยไฟร้อนของเตาหลอม   “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณมีธุระอะไรกับเจ้าชายฟรานซิสโก้ถึงได้ลงไม้ลงมือแบบนี้และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าชายในชั้นเรียนนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า....”   ดาบหยุดสั่น   มันทำให้ซีสจ์รู้สึกประหลาดใจในพละกำลังที่ตอนแรกเป็นต่อแต่ตอนนี้คนละเรื่อง   เปลวไฟสีเหลืองสว่างพวยพุ่งจากมือที่กำด้ามดาบแน่น   ลามมาถึงผิวดาบ   บังคับให้ซีสจ์ต้องถอนมือออกก่อนจะถูกเปลวไฟนั้นกลืนกิน   วิลเลี่ยมตวัดดาบที่กำลังติดไฟ   “แต่ในฐานะของหัวหน้าห้อง   ผมต้องปกป้องนักเรียนทุกคนจากภัยอันตรายครับ”   ถ้อยคำที่แสนพระเอกของเขาทำให้ซีสจ์มีสีหน้าดุดันกว่าเดิม

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.