STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 16 ลิ่วล้อ

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 16 ลิ่วล้อ

"ถึงจะมีการเรียกตัวกลับมาก็เถอะแต่ก็อย่าเหลิงหรือประมาทเด็ดขาด หมั่นฝึกซ้อมไว้เพราะยังไงพวกนายทั้งสี่คนก็เป็นทหารของอาณาจักรแม้จะเป็นผู้คนที่มากับท่านผู้กล้าก็ไม่มีข้อยกเว้น"

แสงไฟอันน้อยนิดที่ส่องบนหัวนายทหารคนหนึ่งที่ตะโกนเสียงดังอยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของกรมทหาร

"การที่เรียกพวกเรากลับมาแสดงว่ามีเรื่องที่จะให้พวกเราทำใช่ไหมครับหัวหน้า ?" นัตโตะเอ่ยถามขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนยังยืนตรงเรียงแถวหน้ากระดาน

"ถูกต้องแล้วพลทหารนัต ฉันชอบความหัวไวของนายตอนอยู่ในค่ายก็ทำหน้าที่ได้ดี" เขาเดินเข้าประชิดยกมือขึ้นจับไหล่เหมือนกับให้กำลังใจ

"ขอบคุณครับ"

"ถึงจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นก็เถอะแต่ก็เป็นหน้าที่ของพวกทหารองครักษ์ พวกเราไปพักผ่อนเตรียมฝึกในวันพรุ่งนี้ต่อ" ไม่ทันไรก็มีเสียงโครมดังมาแต่ไกล แสงเปลวเพลิงลุกขึ้นเผาพื้นที่บริเวณนั้นยับเยินอีกทั้งยังได้ยินเสียงคนกรีดร้องวิ่งหนีตายอลหม่าน

"เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ? พลทหารเตรียมพร้อม" เขาวิ่งนำหน้าเหล่าทหารที่อยู่ตรงนั้นไม่กี่คนไปยังที่เกิดเหตุ

"เจ้านี่แข็งแกร่งมาก ถ้าเราสู้ต่อไปอีกหน่อยมานาได้หมดก่อนแน่ ๆ" ลักซ์ยืนพักหายใจรอจังหวะจู่โจมอีกครั้ง

"อะแฮ่ม ฉันว่าเธอเลิกตามได้แล้วนะแค่ดูก็รู้แล้วว่าเหนื่อยแค่ไหนแถมฉันก็ยังไม่ได้ทำร้ายใครเลยก็แค่หยิบเหรียญของเจ้านั่นมาเอง" ชาร์ลอทพยายามพูดภาษาของพวกเขาสื่อสารกับลักซ์ให้ยอมแพ้เสียก่อนจะมีใครตาย

"เหรียญเหรอ ?" ถึงจะพยายามเลี่ยงจุดที่มีคนแล้วต้อนออกไปแต่ความเสียหายก็ยังมากขนาดนี้ ลักซ์กวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นสภาพบ้านเมือง ต้นไม้ใบหญ้าที่เละเทะไปหมด

"ก็ได้ฉันจะหยุด" เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์อะไร แต่การที่มีเลเวลมากถึงเก้าแถมแข็งแกร่งขนาดนี้คงจะไม่ใช่แค่หลงมา มันจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างหรือว่าที่ประกาศฉุกเฉินคือฝีมือของเจ้านี่ 

"พลทหารเตรียมรบ !" ไม่นานนักทั้งทหารยามและองครักษ์ก็มารวมพลกันเตรียมเผชิญหน้ากับภูตตัวจิ๋วที่มองไกล ๆ แทบจะไม่เห็นด้วยซ้ำ

"เกิดอะไรขึ้นครับพลโท" นายทหารคนหนึ่งเอ่ยกับลักซ์

"ฉันเจอผู้ต้องสงสัยเป็นภูตขนาดเล็กและเป็นผู้ที่มีเลเวลเก้าด้วย" 

"ล-เลเวลเก้าอย่างงั้นเหรอครับ" นายทหารคนนั้นถึงกับเสียงสั่นเมื่อได้ยิน

"อืม...เตรียมกันป้องกันไว้เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยดูอีกที"

เห...มากันเป็นโขยงเลย ถึงเลเวลจะไม่มากนักแต่หากใช้จำนวนเข้าสู้เราเองก็ลำบากเหมือนกัน ชาร์ลอทบินอยู่กับที่กวาดสายตามองเหล่าทหารจำนวนหลายสิบคนที่ยืนเรียงกันเป็นแถวเต็มไปด้วยมานาที่ก่อร่างสร้างบาเรียไว้

"ก็อย่างที่ว่าไปก่อนหน้านี้ ฉันขอรับข้อเสนอที่จะเลิกตามแต่เธอก็ต้องห้ามทำร้ายประชาชนเด็ดขาด" ลักซ์จ้องมองตาไม่กะพริบราวกับหากชาร์ลอทแตะต้องผู้คนเมื่อไหร่เธอจะทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อกำจัดโดยไม่มีความลังเลอีก

"ตัวข้ายอมรับข้อเสนอแต่หากเป็นเจ้าเองที่ผิดสัญญา ข้าก็จะไม่ออมมือให้อีกแล้ว" สายลมพลิกผันพัดจากข้างล่างดันตัวชาร์ลอทขึ้นไปข้างบนท้องฟ้า กระแสลมนั้นพัดเอาเศษไม้เศษเหล็กปลิวว่อนอย่างกับจะแสดงความแข็งแกร่งให้ได้เห็น

เฮ้อ...หวังว่าพวกมันจะเลิกตามจริง ๆ นะแต่บินขึ้นมาสู่ขนาดนี้คงไม่เห็นหรอก ขณะที่ชาร์ลอทก้มมองลงไปยังพวกทหารเธอก็ถึงกับตกใจจนช็อกนิ่งไปครู่หนึ่ง

"น-นั่นมัน...ไม่ใช่หรอกน่าอาจจะแค่หน้าเหมือนหรือไม่ก็คิดไปเอง" ถึงแม้เธอจะพูดกับตัวเองแบบนั้นแต่สุดท้ายชาร์ลอทก็โผบินลงไปอย่างรวดเร็วขณะที่นายทหารกระจายตัวเก็บกวาดพื้นที่บริเวณนั้น 

"รีบเก็บกวาดให้เร็ว ส่วนพวกนายน่ะไปช่วยพลเรือนกลางเต็นท์เลย" หัวหน้าหน่วยทหารคนหนึ่งตะโกนบอกกลุ่มของนัตโตะ

"รับทราบครับ" เขานำคนในกลุ่มเดินไปยังเขตปลอดภัยที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรพร้อมกับแบกกระเป๋าเต็นท์มาพะรุงพะรัง

"คุณทหารบ้านดิฉันโดนไฟไหม้ไปแบบนี้จะชดใช้ยังไง ? ของในนั้นไม่ได้มีแค่เงินอย่างเดียวนะคะ"หญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งตะคอกใส่ด้วยความโกรธ

"ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับทางการจะมีการชดเชยให้อย่างแน่นอนแต่วันนี้ขอให้นอนกันในเต็นท์ไปก่อนนะครับ มันกะทันหันจนจัดหาที่พักไม่ทันจริง ๆ" นัตโตะพูดด้วยเสียงนอบน้อมดูมีมารยาท น้ำเสียงที่ฟังสบายหูช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทำให้อารมณ์ของหญิงสาวคนนั้นเย็นลงเช่นเดียวกับพลเรือนผู้โชคร้ายที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วย

ใจดีมีมารยาทดูพึ่งพาได้ ชาร์ลอทที่แอบฟังอยู่ใกล้ ๆ กำลังหวนคิดถึงเรื่องบางอย่าง

"อีกหน่วยหนึ่งกำลังไปเอาเสบียงมาให้ระหว่างนี้พวกเราต้องกางเต็นท์ให้เสร็จ" นัตโตะเหลือบสายตามองเจา วาและแก้วโดยที่พวกเธอพยักหน้าตอบรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

เหล่าทหารใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อจัดการกับพื้นที่ที่ลักซ์และชาร์ลอทปะทะกันให้กลับมาเหมือนเดิมเหลือเพียงแต่การสร้างบ้านใหม่ให้กับพลเรือนผู้โชคร้ายทั้งหลายซึ่งจะเริ่มทำในวันต่อไปเพราะยิ่งดึกก็ยิ่งมืดทำอะไรก็ลำบากไปหมด

21 ตุลาคม พ.ศ.2575

"ดีมากยูกิวันนี้ก็พักก่อน" ซึฮากิใช้มือหยาบ ๆ ลูบหัวปัดเศษดินที่เปื้อนผมยูกิออกให้

"มีอะไรให้กินมั้ง ?" ยูกิไม่ได้สนใจอะไรเพียงแค่ต้องการอาหารเท่านั้น

"น่ารักจริง ๆ อย่างกับเลี้ยงลูกเลย" คานะที่ยืนมองอยู่เอ่ยพร้อมด้วยท่าทางดีอกดีใจ

ซึฮากิช่วยยูกิปีนขึ้นมาจากหลุมท่อระบายน้ำในจุดที่ห่างไกลสายตาผู้คน

"ไปกินเติมแรงกันเถอะ แผนต่อไปจะเริ่มทำในตอนเย็น" เขาเหลือบตามองหน้าเฟย์ที่คานะกับสเตล่ายืนคุมอยู่ตลอด

"ให้มันได้อย่างงี้สิฉันหิวข้าวแทบแย่แล้ว" เซนรีบร้อนเดินนำหน้าไปก่อนใครเพื่อนเลย

"แหม่เหนื่อยตายแหละฉันต่างหากที่ทำงานหนักสุด" เสียงพูดเหน็บแนมท่าทางประชดประชันของยูกิที่พูดแทรกขึ้นมากะทันหันแต่เซนก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแถมยังยิ้มหัวเราะไม่หยุดอีก

"เซนมันก็บ้า ๆ แบบนี้แหละยูกิไม่ต้องคิดมากหรอก" เสียงหัวเราะคิกคักสนุกพร้อมกับเอ่ยต่อทันทีจากคานะ

"บ้าตรงไหนฉันก็ปกติดีนี่" 

"ก็บ้าตรงที่หัวเราะได้ตลอดเวลาไง ดูอย่างกิสิเรียบร้อยสุขุมพึ่งพาได้"

"นี่เธอจะบอกว่าฉันพึ่งพาไม่ได้เหรอ !" เซนตะโกนใส่คานะท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ 

"ฮ่าฮ่าฮ่าต้องแบบนี้สิสมเป็นเซน" แววตาของพวกเขาที่มองเซนกับคานะคุยกันก็คงคิดว่าทั้งสองคนเริ่มเหมือนกันมากขึ้น ลักษณะนิสัยที่ปรับตัวเข้าหากันถ้าเป็นผู้ชายทั้งคู่คงแยกไม่ออกแน่ ๆ

พวกเขากินอาหารที่ร้านประจำที่ที่เขาจะมาทุกวัน นั่นทำให้พ่อครัวจำหน้าและทักทายทุกครั้งเมื่อเห็นถึงแม้เฟย์จะไปไหนมาไหนด้วยแต่แค่การไม่แต่งหน้าก็ทำให้ชาวเมืองจำเธอไม่ได้แล้ว

"ว่าไงวัยรุ่น วันนี้กินอะไรล่ะ ?" พ่อหนุ่มท่าทางยียวนเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับใบเมนู

"ผมขอแบบเดิม" เซนรีบตอบกลับทันที

"ฉันขอเนื้อย่าง" ยูกิก็รีบร้อนเหมือนกับรอช่วงเวลานี้มายาวนาน

"ครับ ๆ ก็เหมือนทุกวันเลยไม่ใช่หรือไง" พ่อครัวยืนจดเมนูตามที่พวกเขาสั่ง

หลังจากได้อาหารแล้วก็กินกันเงียบเฉียบของใครของมัน

"อืม...ว่าแต่พวกกลุ่มคิวเทเป็นอย่างไงบ้างหลังจากส่งเฟย์เข้าไป" ซึฮากิเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบขรึม

"เรียบร้อยดีนะพวกมันไม่สงสัยเลยสักนิดพอทำงานของเฟย์เสร็จก็กลับมาตามแผนที่นายบอกไว้" สเตล่าตอบกลับ

"ก็ดีในเมื่อร่างโคลนใช้ได้ผลแสดงว่ามันสามารถเอามาทำอย่างอื่นได้อีกเยอะนอกจากต่อสู้...คืนนี้ฉันจะไปเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อจะได้ทำตามแผนได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อมูลเรื่องแผนผังที่เฟย์เอามาให้กับทางลับที่ทำไว้เราจะช่วยนาธาออกมาได้ก่อนประหาร"

"คิดจะเป็นตัวล่อสินะ...นายมั่นใจใช่ไหมว่าจะไม่พลาดโดนจับได้ ?" คานะที่กำลังเคี้ยวเนื้ออยู่เต็มปากพยายามจะพูดทั้งอย่างงั้น

"แน่นอนฉันไม่ใช่พวกที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด ถ้าจะเป็นตัวล่อฉันก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้างโอกาสที่จะพลาดจึงน้อยลงไป"

"ในเมื่อพูดขนาดนั้นฉันก็วางใจ แต่หน้าที่หลักของพวกเราก็คือทำทางลับให้เสร็จภายในคืนนี้สินะถ้าหากแผนผังที่ได้มาผิดก็พังหมดเลยสิ" สายตาที่เหลือบมองเฟย์ด้วยความสงสัยยังไม่ไว้ใจนัก

"นั้นก็คงต้องจัดการเธอซะอำพรางให้เป็นการฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุได้ไม่ยากเพราะมีร่างโคลนอยู่ เธอคงจะรู้ถึงเรื่องนั้นอยู่แล้วคงจะไม่ผิดคำพูดหรือเล่นตุกติกหรอก ที่เราจะทำก็แค่ช่วยคนจากเรือนจำคนเดียวไม่ได้ส่งผลเสียให้กับกลุ่มปกครองคิวเทมากขนาดนั้น" เฟย์เองที่กำลังกินข้าวอยู่ก็สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินคนพูดถึง เธอเงยหน้ามองซึฮากิและคนอื่น ๆ เห็นแววตาหลายอารมณ์หลากความคิดที่มีต่อตัวเธอ

"อืม...ก็ตามที่ซึฮากิพูดฉันไม่หลอกแน่นอน แค่คนจากเรือนจำหายไปคนหนึ่งจะไปสนใจทำไม ?" หือ...แต่เดี๋ยวนะ ที่เรือนจำมีอดีตทหารยศสูงอยู่คนหนึ่งหรือจะเป็นเขากันนะที่จะช่วยออกมา

"ยังไงฉันก็เตรียมแผนสำรองไว้แล้วหากแผนผังผิดพลาด อีกอย่างที่เรารีบทำให้เสร็จก่อนหลายวันก็เพราะเผื่อเวลาไว้แล้วด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือประเมินสถานการณ์หากเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่ามากให้หาทางหนีไว้แต่เลี่ยงการปะทะเลยจะดีกว่า"

"เป็นแผนที่ดีแต่ฉันยังงง ๆ อยู่นิดหน่อยค่อยให้คานะเป็นคนนำละกัน" เซนพูดแทรกขึ้นมางง ๆ โดยไม่รู้ตัวเหมือนไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดมากเกินไป

"แล้วก็สเตล่า ฉันอยากจะให้เธอไปตรวจสอบดูจุดตรวจ จำนวนคนและช่วงเวลาของทหารยามทางฝั่งเรือนจำแล้วก็จำไว้ด้วยล่ะว่าอย่าเผยตัวตนหรือปะทะกับพวกมัน ตอนที่ให้ไปดูเฟย์พลาดไปแต่ถ้ากับพวกทหารยามคงไม่ใช่แค่หนึ่งแต่อาจจะได้สู้กับคนสามถึงสี่คนเลย เพราะฉะนั้นห้ามปะทะตรง ๆ ให้หนีมาหาฉันก่อนค่อยว่ากันทีหลัง" ถึงแววตาของซึฮากิจะดูดุดันไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้สเตล่ารู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด

"อืมฉันจะระวังให้มากกว่านี้" ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาในร้านอาหาร พวกเขาเป็นทีมนักผจญภัยที่ประจำอยู่ในเมืองยานแห่งนี้และมักจะมากินอาหารที่ร้านนี้เช่นกัน

"เฮียผมขอแบบเดิม" เสียงตะโกนบอกไปยังห้องครัวด้วยท่าทางสนิทสนมไม่ได้เกรงใจอะไรขนาดนั้น

"ช่วงนี้ลูกค้าไม่ค่อยมีเลยเหรอ ? เห็นอยู่แค่โต๊ะเดียวเอง"

"โอ๊ยคนเขาย้ายไปอยู่แถวกลาง ๆ เมืองหมดแล้ว ร้านใกล้ทางไปเรือนจำมันดูเป็นลางไม่ดีคนเขาเลยไม่ชอบกัน" พ่อครัวคนเดิมกำลังเอาอาหารออกมาเสิร์ฟโต๊ะของนักผจญภัยหลังจากได้อาหารครบทุกคนแล้วเขาเองก็มานั่งคุยด้วยเหมือนกัน

"อีกไม่นานก็จะมีงานประหารนักโทษ ถ้าเป็นตอนนั้นที่นี่คงจะมีลูกค้าเยอะแน่ ๆ งานเทศกาลที่กว่าจะได้จัดทีนานแสนนาน ถ้าเทียบกับการประลองของพวกทาสหรือนักโทษแล้วมันต่างกันมากเพราะเหล่าผู้คนที่จะถูกประหารทำให้นำมาใช้เป็นเครื่องมือได้อย่างอิสระจะต้มยำทำแกงอะไรก็ได้"

"แต่ก็ดีนะเวลาที่มีงานพวกนี้นักผจญภัยเองก็อาจจะเข้าไปแจมด้วยก็ได้ เพราะส่วนหนึ่งก็จะมีการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แบบทีมและตะลุมบอนซึ่งก็จะแยกหรือรวมกับพวกนักโทษก็ได้แล้วแต่ความประสงค์ แต่หากเป็นกลุ่มของนักผจญภัยเขาก็จะสู้กันจนหมดสภาพหรือยอมแพ้ไม่เหมือนกับพวกนักโทษกับทาสที่ต้องสู้สุดชีวิต"

"ลงไปในโคลอสเซียมมันได้เงินเยอะจริงนั่นแหละแต่สำหรับฉันมันไม่คุ้มยังไงไม่รู้สิขอเป็นพ่อครัวทำอาหารอยู่เหมือนแล้วกัน อ้อแล้วก็ถ้ามีเพื่อน ๆ ก็อย่าลืมพามาหรือแนะนำมาที่ร้านนี้ก็ยังดี" เขาเทเหล้าใส่แก้วให้กับเพื่อน ๆ นักผจญภัยก่อนจะยกดื่มกันสนุกสนาน

อีกด้านหนึ่งของเมืองขณะที่พวกซึฮากิกำลังกินอาหารแล้วกลับไปพักผ่อนที่ห้อง พวกกลุ่มปกครองก็ได้เคลื่อนไหวทำบางสิ่งบางอย่างอยู่

"ท่านกุสตาฟเรามีรายงานมาจากพวกพ่อค้าว่ามีกองโจรดักปล้นอยู่กลางป่าทางทิศใต้ นี่คงเป็นสาเหตุที่มีคนหายตัวไปด้วย" เสียงจากหนึ่งในพรรคพวกของกลุ่มคิวเท คำพูดคำจาไม่ได้พิธีรีตองมากนักแต่ก็ยังมีการให้เกียรติผู้เป็นนายอยู่

"เฮ้อ...กล้ามากเลยนะที่เข้ามาเหยียบในเขตของฉัน" กุสตาฟก้าวเดินตรงไปนำพรรคพวกหลายสิบคนไปยังสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาขี่ม้ากันได้อย่างคล่องแคล่วเข้าออกเมืองได้อิสระโดยไม่มีการตรวจจากพวกทหารยามและไม่นานนักก็มาถึงที่

"ใช่แถวนี้ไหม ?" กุสตาฟกระโดดลงจากม้าให้ลูกน้องเป็นคนพาม้าของตนเองไปผูกให้ ส่วนตัวเขานั้นได้เดินไปรอบ ๆ มองดูรอยเท้าคน รอยเท้าม้าและรอยล้อรถคาดการณ์จำนวนไว้

"น่าจะใช่นะครับ แถวนี้เป็นเส้นทางผ่านป่าใหญ่ถึงแม้จะไม่ยาวนักแต่เพราะมันตัดผ่านป่านี่แหละทำให้พวกมันมีที่ซ่อนตัวเยอะ จะวางกับดักหรือดักปล้นก็ทำได้ง่ายขึ้น"

"อือ..." กุสตาฟยังคงนิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่

"พวกมันมากันแล้ว" สิ้นเสียงของกุสตาฟกระสุนหลากชนิดก็พุ่งตรงมายังกลุ่มคิวเทจากป่าข้าง ๆ เขาสามารถร่ายเวทน้ำขนาดใหญ่กางโล่กำบังล้อมรอบพรรคพวกได้อย่างรวดเร็ว

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องชาย" เสียงอันเข้มขรึมดังกระหึ่มเข้าไปในหัว ชายวัยกลางคนร่างกายผอมเพรียวดูไม่น่าจะมีแรงมากนักก้าวเดินออกมาจากป่าข้างทางพร้อมกับกองโจร

"ชาค...ทำไมแกถึงยังไม่ออกไปให้พ้นหูพ้นตาหะ !" กุสตาฟถึงกับเก็บอารมณ์ไม่อยู่เมื่อได้เห็นใบหน้าของชาค

"น้องพี่ใจเย็น ๆ ก่อน ทำไมถึงเกรี้ยวกราดนักล่ะเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว" ขณะที่ชาคกำลังพูดอยู่กุสตาฟก็ไม่รีรอคว้าดาบเล่มหนึ่งจากลูกน้องกระโจนเข้าใส่

"แหม่ ๆ พัฒนาขึ้นเยอะเลยนะก็ต้องแบบนั้นแหละ กุสตาฟผู้ที่สามารถปกครองเมืองยานร่วมกับพวกรัฐได้อีกทั้งยังสร้างผลงานไว้มากมายจนใคร ๆ ก็เกรงกลัว" เสียงและท่าทางที่ประชดประชันสร้างความโกรธให้กับกลุ่มคิวเทที่ได้ยินไม่น้อยและแม้คมดาบจะพุ่งเข้ามาหาตัวแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังหลบหลีกถอยออกไปได้

"เลิกพูดจาแบบนั้นได้แล้ว ! แกต้องการอะไรถึงกลับมาเมืองยานแล้วก็เป็นพวกแกใช่ไหมที่ปล้นพ่อค้าและนักเดินทางที่ผ่านไปมาทางนี้" กุสตาฟพยายามจะสงบสติอารมณ์ไม่หุนหันพลันแล่นอย่างที่ทำไปเมื่อกี้

"ฉันก็พยายามจะไม่ทำร้ายใครมากนักเพราะรู้ว่านายเป็นคนปกครองเมืองแต่ข้าวของทรัพยากรหลายอย่างที่พวกเราจำเป็นต้องใช้เลยต้องปล้นสักหน่อยละกันแฮะแฮะ" เสียงหัวเราะเขิน ๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใดยิ่งไปปลุกอารมณ์ของกุสตาฟมากขึ้น

"ฉันจะถามอีกครั้ง แกมาทำอะไรที่นี่ ?" กุสตาฟยกดาบขึ้นชี้หน้าชาค

"นายคงจะรู้เรื่องดันเจี้ยนในป่าแถวนี้แล้วสินะ ดันเจี้ยนใหม่ที่พึ่งมีการค้นพบและยังไม่ได้สำรวจเพราะมันยากต่อการเดินทาง" ชาคเดินเข้าประชิดตัวกุสตาฟใช้มือดันดาบลงไป

"พวกฉัน...ไม่สิต้องบอกว่าหัวหน้าของฉันต้องการพิชิตดันเจี้ยนแห่งนั้น ถ้าอยากจะพิชิตดันเจี้ยนจำเป็นต้องใช้กองกำลังที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรและเสบียงมากมายเพื่อการเดินทางติด ๆ กันหลายวันหลายสัปดาห์ หากนายสามารถจัดหาเรื่องพวกนั้นให้ได้ฉันก็อาจจะไม่ปล้นคนที่ผ่านไปมาแล้วก็ได้นะ"

"อาจจะเหรอ ?" เขายืนประชิดตัวกุสตาฟไม่แม้แต่จะกลัวดาบที่ถืออยู่ในมือเป็นเพราะประมาทหรือเพราะมั่นใจในฝีมือกันแน่

"เหอะ แกไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้นเพราะวันนี้ฉันจะไล่ล่าพวกแกแล้วจับเข้าคุกให้หมด" กุสตาฟกระชากเสื้อชาคลงมาในระดับสายตา

"ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ" รอยยิ้มที่แหยะออกพร้อมกับกุสตาฟที่ยกดาบขึ้นหวังจะแทงแต่ชาคก็เบี่ยงตัวหลบแล้วใช้แขนกระแทกข้างดาบหักไปในทันที

"จัดการพวกมันให้หมด !" ทันทีที่กุสตาฟเอ่ยขึ้นพรรคพวกของเขาและกองโจรก็เข้าปะทะตะลุมบอนกันเละเทะสร้างความเสียหายให้กับป่าไม้และถนนจนดูไม่ได้

"ไปตายซะชาค ! [วารีหวนคืน-เจาะทะลวง]" หอกแหลมที่ก่อเกิดจากเวทน้ำขณะที่มองดูก็เหมือนกับมันกำลังหมุนวนอยู่ราวกับสว่านก่อนที่กุสตาฟจะขว้างมันออกไปพุ่งตรงไปหาชาคที่อยู่ไม่ไกล

หอกสว่านถูกหยุดไว้ก่อนจะถึงตัวชาค ชายหนุ่มผิวสีขาวซีดอย่างกับเอาแป้งขาวมาทาตัวใบหน้าสูบโทรมดูไร้ชีวิตชีวาดูแล้วไม่น่าจะมีแรงเดินด้วยซ้ำแต่เขากำลังใช้มือเปล่า ๆ ต้านเวทน้ำจากกุสตาฟไว้ก่อนจะบีบมันแตกสลายหายไปในพริบตา

"ป-เป็นไปไม่ได้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้แกมันแวมไพร์สินะ" กุสตาฟที่ปกติจะดูสุขุมเยือกเย็นยังต้องสั่นกลัวเมื่อได้เห็นอมนุษย์ตนนี้ เผ่าพันธุ์ที่หาได้ยากแถมยังแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของสิ่งมีชีวิตได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า

"หัวหน้าไม่เห็นต้องออกมาเลยครับ ยิ่งตอนกลางวันแดดออกแบบนี้ท่านยิ่งใช้พลังงานมากนะครับ" ท่าทางที่ดูเคารพยำเกรงของชาคที่มีต่อหัวหน้าของตนแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก

"ไม่เป็นไรหรอกน่าชาค ถึงแกจะพูดอย่างงั้นแต่คงหลบไม่พ้นเวทมนตร์เมื่อกี้หรอกถ้าแกเป็นอะไรไปกองกำลังของเราคงเสียศูนย์แน่ ๆ" เสียงที่พูดออกมาดูแหบแห้งเหมือนกับขาดน้ำหรือคอมีปัญหาเลย

"ขอบคุณครับหัวหน้า" แวมไพร์ตนนั้นเดินเข้าประชิดตัวชาคใช้มือจับคางของเขาแล้วยกเงยขึ้น

"ไม่ต้องเรียกหัวหน้าก็ได้" ชาคที่เงยหน้ามองตาก็ได้แต่นิ่งสงบท่ามกลางเสียงโครมครามไม่หยุด

"ครับท่านวาล" เสียงตอบกลับสั้น ๆ ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะเลื่อนมาประกบกันไม่สนใจสายตาของใครแถวนั้น กุสตาฟที่ได้เห็นพี่ชายของตนเองจูบกับผู้ชายด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่

"ทำไมแวมไพร์อย่างแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?" พลังของมันสูงใช่ย่อยถ้าสู้ทั้งเจ้าชาคกับมันด้วยคงเป็นไปได้ยากที่จะชนะ 

"ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแก" เขาหันหน้ากลับมาจ้องมองเข้าไปในแววตาของกุสตาฟพร้อมกับผายมือออกมา

"อะ-" แรงของเราตกเหรอสเตตัสก็ลดลงด้วยเหมือนกันอย่าบอกนะว่ามันใช้มนตร์ดำ กุสตาฟถึงกับทรุดลงกับพื้นเพราะสเตตัสที่ลดฮวบลงกะทันหันขณะเดียวกับมือของวาลที่เอื้อมกำลังจะมาถึงตัว

"บ้าเอ๊ย !" เขาตั้งสติใหม่ใช้ดาบที่เหลือสั้น ๆ ประกอบกับเวทน้ำและลมสลัดให้วาลกระเด็นออกไปก่อนจะกลับไปรวมกลุ่มกับพรรคพวก

"ขอขวดมานาขวดหนึ่ง" ลูกน้องของกุสตาฟยื่นขวดแก้วสีแดงอ่อนให้กับเขา

"รายงานสถานการณ์สิ" กุสตาฟกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่มีทั้งร่างที่ไร้วิญญาณและรอยเลือดกระเด็นไปทั่วสนามรบ

"พวกเราเสียคนไปสามคนขวดมานาและโพชั่นฟื้นฟูเหลือแค่ห้าขวดแต่พวกมันยังมีคนมาเพิ่มไม่หยุดเลยครับ" 

แย่จริง ๆ จำนวนมันมากเกินไปแถมเลเวลแต่ละคนก็ไม่ใช่น้อย ๆ จัดการได้ยากคงมีแต่ต้องถอยไปตั้งหลักใหม่แล้วรวมคนมามากกว่านี้

"ให้ทุกคนเตรียมพร้อมเราจะใช้แผนสำรองถ้าฉันให้สัญญาณเมื่อไหร่ให้รีบกลับไปที่เมืองให้เร็วที่สุด" ขณะที่คุยกันอยู่ศรไฟก็พุ่งผ่านระหว่างทั้งสองคนไปพอดิบพอดี

"หนี !" ทันทีที่เสียงของกุสตาฟดังขึ้นลูกน้องของเขาก็พากันกลับไปยังม้าที่ผูกไว้โดยที่มีตัวกุสตาฟขวางกองโจรทั้งหมดไว้

"[วารีหวนคืน-มรสุม]" กระแสลมผนวกกับสายน้ำที่ไหลเป็นเส้นแต่กลับคมดั่งใบมีดพัดกระหน่ำดันพวกกองโจรให้ถอยออกไปได้ก่อนที่เขาจะวิ่งรีบตามพรรคพวกไปทีหลัง

"หัวหน้าไม่เป็นอะไรนะครับ ?" ลูกน้องของเขาดึงมือช่วยกุสตาฟให้ขึ้นมานั่งบนม้าได้

"เราจะจัดงานศพให้พวกเขาทุกคนมันเป็นความผิดของฉันเองที่ประมาทพวกกองโจร" 

"หัวหน้าไม่ต้องคิดมากหรอกครับพวกเราทุกคนต่างก็ได้หัวหน้าเนี่ยแหละดึงขึ้นมาจากนรกที่แสนจะทรมาน" แววตาอันมุ่งมั่นที่จ้องมองทางข้างหน้าต่อไปแม้เพื่อน ๆ ของเขาจะตายแต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกเศร้าเสียใจออกมา

ขณะเดียวกันกับที่พวกกองโจรกำลังเจ็บใจที่เสียสมาชิกไปเกือบสิบคนอีกทั้งยังปล่อยให้พวกคิวเทหนีรอดไปได้อีก

"ท่านวาลเราควรจะบุกปล้นที่เมืองเลยไหมครับ ?" ชาคที่เดินตัวติดกับวาลกำลังมองดูซากศพของทั้งกลุ่มคิวเทและพรรคพวกของตน 

"คงต้องทำแบบนั้นแหละแต่อย่าประมาทเชียวล่ะที่นั่นมีทหารจำนวนมากอยู่ด้วย ให้ส่งคนเข้าไปนิดหน่อยเพื่อดูข้อมูลการวางตำแหน่งและคลังเสบียงของเมืองด้วย" 

"ครับท่านวาล" 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.