ผี-ซ่อน-ศพ 2 CHAPTER 3rd : โรงเรียนสตรีวิทสาร

ผี-ซ่อน-ศพ 2

-A A +A

ผี-ซ่อน-ศพ 2 CHAPTER 3rd : โรงเรียนสตรีวิทสาร

เปิดขาย

H - I - D – E II

ผี ซ่อน – ศพ 2

CHAPTER 3rd : โรงเรียนสตรีวิทสาร

 

 

 

 

CHAPTER 3rd : โรงเรียนสตรีวิทสาร

     ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีม่วงสลับส้มลงไปทุกขณะ เผยให้เห็นว่าอาทิตย์อัสดงกำลังจะลาลับขอบฟ้าเพื่อให้ดวงจันทร์สีเหลืองนวลได้ขึ้นมาทำหน้าที่ในกะกลางคืน ไฟสปอตไลท์ฉายลงบนสนามหญ้าที่ขึ้นรกชัฏเพราะไม่มีใครดูแลมาเป็นเวลานาน ยามรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนค่อนไปทางใกล้ชรานั่งสูบบุหรี่อยู่ในป้อมยามเก่า ๆ มองดูผู้คนหน้าใหม่ที่เข้ามาทำรายการลี้ลับอย่างเงียบ ๆ มีนาและเจนเดินทางมาที่นี่ก่อนคนอื่นเพื่อแจ้งขอใช้สถานที่พร้อมกับเงินและอาหารเล็กน้อยเพื่อให้การเจรจาในครั้งนี้สำเร็จผลไปได้ด้วยดี ทั้งสองใช้เวลาในการพูดคุยไม่นานนักก่อนจะได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำรายการได้ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครเข้ามาเป็นเวลานาน อีกทั้งเจ้าของที่หายตัวไปตั้งแต่เกิดเรื่อง จึงทำให้การเข้ามาถ่ายทำเป็นเรื่องง่าย ฝนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้สูงตระหง่าน เก้าอี้ม้าหินเผยให้เห็นตระไคร่สีเขียวที่ขึ้นเกาะตามฐานของมัน ทุกอย่างรอบ ๆ ดูเงียบเชียบและวังเวงอย่างน่าประหลาดใจ เธอนั่งมองไปยังอาคารสูงที่เคยสวยงามและคราคร่ำไปด้วยนักเรียน หากแต่บัดนี้มันมีเพียงความมืดมิดและความว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงความทรงจำให้กับคนรุ่นหลัง

     มันคือโรงเรียนสตรีวิทสารที่เคยเลื่องชื่อ

     “มานั่งทำไรคนเดียว บิวท์อารมณ์ก่อนเข้าฉากเหรอ?” เบสต์เดินเข้ามาพร้อมกับวางน้ำอัดลมขวดเล็กไว้ตรงหน้าเธอ

     “บ้าเหรอพี่ หนูก็แค่เด็กฝึกงานป่ะ ....” เธอพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะมองไปยังตึกเดิม “ตึกนั้นน่ะเหรอที่เคยมีคนถูกฆ่าตาย” สายตาที่จับจ้องไปยังอาคารมืดสนิททำให้เบสต์ถึงกับต้องมองตามไป

     “เห็นว่ามันเคยเป็นตึกคณิตศาสตร์เก่า พอหลังจากเกิดเรื่องก็บูรณะให้มันเป็นตึกคหกรรมจนถึงช่วงที่มันปิดตัวลง” เขาพูดพร้อมกับยกน้ำอัดลมเข้าปากอย่างกระหาย

     อาคารที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง มันคือตึกเรียนเก่าของหมวดวิชาคณิตศาสตร์ที่เคยมีคดีฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้นซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึงสี่คน นับเป็นคดีที่ได้รับความสนใจในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก ทุกสื่อต่างประโคมข่าวต่าง ๆ นานา ถึงอาถรรพ์ของโรงเรียนที่มีสุสานตั้งอยู่ภายใน หรือจะเป็นการฆาตกรรมของคนโรคจิต ซึ่งเหยื่อผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้นไม่ได้เล่ารายละเอียดใด ๆ ให้ทางตำรวจฟัง นอกจากสี่ศพที่ถูกพบรอบ ๆ อาคารแล้ว ทางมูลนิธิกู้ภัยยังเจอโครงกระดูกของเด็กสาวที่หายไปเมื่อหลายปีก่อน เรื่องราวของเหตุการณ์นี้ดังอยู่พักใหญ่ สื่อต่าง ๆ พยายามเชิญตัวผู้รอดชีวิตมาเป็นแขกรับเชิญในรายการต่าง ๆ หากแต่ถูกปฏิเสธเพราะเธอเองก็คงไม่อยากจะพูดถึงมันเช่นกัน ยิ่งอดีตที่คนพยายามขุดขึ้นมามากเท่าไร มันก็เหมือนกับดินที่กลบฝังในใจของเธอให้ยากจะลืมมัน

     ตอนนี้ฉากและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงการเซตผีหรือเอฟเฟคในรายการเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรออกมาให้เห็น ก็ใช้เอฟเฟคพวกนี้แหละสร้างความน่ากลัว มันคือธรรมดาของรายการแนวนี้อยู่แล้ว ไม่น่ากลัวมันจะไปดังได้อย่างไร จุ้นคิดแบบนั้น ชายวัยกลางคนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าใกล้ได้เวลาในการถ่ายทำแล้ว

     “แขกรับเชิญมาแล้วใช่ไหมมีนา?” เขาถามกลับไปก่อนจะยื่นไวเลทให้กับหญิงร่างท้วม

     “ครบทั้งสองคนแล้วค่ะพี่” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนจะรับมันมา

     แขกรับเชิญที่มีนาหามาในวันนี้คือแขกรับเชิญจากทางบ้านหนึ่งคนและคนในวงการหนึ่งคน เหตุผลก็คือหารเรียกเรตติ้งนั่นแหละ ซึ่งแขกรับเชิญจากทางบ้านก็คือแฟนคลับของดารารับเชิญคนนี้ เขาเป็นผู้ชายสวมแว่นตาหนา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสิวที่เป็นแผลเป็นแบบคนที่ไม่ได้รับการรักษา ส่วนอีกคนเป็นนักร้องที่มีฐานแฟนคลับแน่นมากในเวลานี้ เธอเป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขา หากแต่บุคลิกนั้นช่างดูเย่อหยิ่งไม่เหมือนกับที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ ความเรื่องมากของเธอเป็นที่พูดถึงของคนในวงการบันเทิงมานักต่อนัก

     ถ้าไม่ดังคงไม่เชิญให้เสียเวลาหรอก!

     “อีกสามนาทีจะเริ่มการถ่ายช่วงที่สองนะคะทุกคน!” มีนาเป็นคนให้สัญญาณก่อนจะเขียนรายละเอียดของช่วงดังกล่าวลงในสเลทเพื่อใช้ในการตัดต่อ ปาร์คที่เซตกล้องตามจุดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วได้มาประจำที่กล้องของตัวเองเพื่อเตรียมการถ่ายทำ ส่วนจุ้นนั่งรออยู่ที่มอนิเตอร์เพื่อเตรียมเข้ารายการเช่นกัน ในขณะที่เบสต์รับบทเป็นคนถือไมค์บูม เนื่องจากเป็นคนตัวสูงทำให้เขาต้องรับหน้าที่นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนหน้าที่ของเจนเมื่อเสร็จสิ้น เธอจะต้องมารับบทเป็นพิธีกรภาคสนามเพื่อส่งต่อช่วงต่าง ๆ ให้กับแขกรับเชิญทั้งสองและฝน นักศึกษาฝึกงานได้ประสานงานภาพรวมตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วยเช็คความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้าย

     “นี่! ฉันขอเทคเดียวผ่านนะ ฉันไม่อยากจะต้องมาอยู่ในที่ที่น่าขนลุกแบบนี้นาน อีกอย่าง ฉันมีคิวงานจะต้องไปต่อด้วย เพราะฉะนั้นช่วยเป็นมืออาชีพให้สมกับเป็นรายการผีอันดับหนึ่งด้วยนะคะ!” นักร้องสาวกระแทกเสียงก่อนจะพยายามขยับไวเลทให้เข้าที่ มีนาที่พยักหน้ารับเดินออกมาก่อนจะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ เธอเองก็อยากจะให้ช่วงนี้ราบรื่นเช่นกัน จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก!

     เมื่อทุกอย่างเข้าที่และถึงเวลาที่ต้องถ่าย มีนาได้ให้สัญญาณกับทุกคน เบสต์นั่งประจำที่มอนิเตอร์กับจุ้นเพื่อคอยตรวจสอบความถูกต้องตามสคริปต์ที่เขาเป็นคนเขียนเอาไว้ เสียงนับถอยหลังจากสาวร่างอ้วนเอ่ยขึ้นก่อนจะเข้าสู่รายการในทันที

     “สวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุกท่าน และนี่คือช่วงเดินสายล่าผีนะคะ และตอนนี้เจนกับทีมงานก็ได้อยู่กันที่โรงเรียนสตรีวิทสาร โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดกรุงเทพมหานครที่เคยโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นโรงเรียนร้างไปเพราะเกิดคดีฆาตกรรมหมู่ของศิษย์เก่า ทำให้ตอนนั้นเป็นข่าวใหญ่ และแน่นอนค่ะว่าโรงเรียนแห่งนี้ล่ำลือกันเรื่องอาถรรพ์ของเหตุการณ์ในครั้งนั้น และช่วงเดินสายล่าผีในค่ำคืนนี้ เราจะมาพิสูจน์ความหลอนของสถานศึกษาแห่งนี้กันค่ะ” เธอพูดไหลลื่นไม่มีสะดุดก่อที่กล้องจะค่อย ๆ ขยายเลนส์กว้างมากขึ้น

     “และแขกรับเชิญที่จะมาเดินสายล่าผีกับเราในวันนี้ เป็นผู้ชมจากทางบ้านที่ได้เข้ามาร่วมเปิดประสบการณ์กับเรา และอีกท่านหนึ่งเป็นดารานักร้องระดับแถวหน้าของเมืองไทย คุณมีมี่ และ คุณติณนั่นเองค่ะ”

     “สวัสดีค่ะคุณเจน สวัสดีค่ะคุณติณ” นักร้องสาวยกมือเอ่ยเสียงหวานก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติให้กับกล้องที่กำลังจับใบหน้าของหล่อนอยู่

     “รู้สึกอย่างไรบ้างคะที่จะต้องมาทำภารกิจเดินสายล่าผีในวันนี้?” เจนถามคำถามปลายเปิด

     “ตื่นเต้นค่ะ เพราะมันเป็นรายการแรกของมี่เลยที่มาทำอะไรแบบนี้” เธอกล่าวสั้น ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะรักษาลุคนักร้องขวัญใจวัยรุ่นเอาไว้ด้วย

     “ส่วนผมก็กลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ แต่พอได้รู้ว่าจะทำภารกิจกับคุณมีมี่ ถึงไหนถึงกันครับ” ติณรีบพูดขึ้นก่อนจะมองไอดอลขวัญใจของเขาอย่างไม่วางตา

     การพูดคุยเริ่มอีกสักครู่ก่อนที่แขกรับเชิญทั้งสองจะเข้าไปในตัวตึกเรียนเก่าที่เคยมีเหตุฆาตกรรมขึ้น กล้องวงจรปิดที่ปาร์คติดเอาไว้จับภาพทุกวินาทีที่เกิดขึ้นในนั้นโดยที่ตัวเองก็ยังคงเดินตามอยู่ห่าง ๆ

     “พี่ขอเอฟเฟคกลิ่นหน่อย” จุ้นวิทยุไปหาสาวร่างอ้วนที่อยู่ไม่ไกล หล่อนตอบกลับมาก่อนที่ค่อย ๆ เปิดถุงไก่เน่าที่ตนเก็บไว้ในมุมอับของตึก ฝนที่นั่งอยู่ด้านข้างจุ้นได้แต่อมยิ้มเบา ๆ

     ไม่ว่าจะรายการไหนก็คงต้องใช้เอฟเฟคเพื่อกระตุ้นความน่ากลัวกันทั้งนั้นแหละ สมัยนี้ถ้าเรตติ้งไม่ดี คนไม่พูดถึงก็อยู่ยากเช่นกัน หล่อนเข้าใจดี ธุรกิจทางสื่อก็เป็นแบบนี้แหละ

     “มี่ว่ามี่รู้สึกเหมือนได้กลิ่นอะไรที่เหม็นมาก ๆ อยู่แถวนี้ เหมือนกับอะไรตายเลยค่ะ!” มีมี่กล่าวเสียงสั่น หล่อนเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันคือกลิ่นประดิษฐ์ที่ทีมงานได้บอกกับคนทั้งสองเอาไว้ เธอก็จำเป็นต้องเล่นไปตามน้ำ อยู่ต่อหน้ากลัวสร้างความน่ากลัวไปก่อน ถ้าเรตติ้งมันดี เธอก็จะได้อนิสงค์จากรายการเช่นกัน สำหรับติณนั้น เขาได้เอามือปิดจมูก เดินนำหน้าทำหน้าที่ปกป้องนักร้องสาวราวกับเป็นอัศวินขี่ม้าขาวอย่างไงอย่างงั้น

     และแล้วพวกเขาทั้งสองก็เดินมาถึงหัวมุมทางออกไปยังสนามหญ้าหลังตึก แวบหนึ่งเขามองเห็นอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด ‘บางอย่าง’ ที่ว่านั้นโงนเงนไปมาราวกับถูกสายลมพัดผ่านจนไม่สามารถประคองร่างของตัวเองเอาไว้ได้ มันเหมือนกับผ้าหรือว่ากิ่งไม้ที่ร่ายรำอยู่ในความมืด ไฟฉายในมือของเขาเริ่มทำงาน มือขวาสาดไฟฉายไปยังจุดนั้นเพื่อคลายความสงสัย และในตอนนั้นเองที่เขามองเห็นขาคู่หนึ่งก้าวผ่านหัวมุมไปพอดิบพอดี!

     “เฮ่ย!” เขาร้องเสียงหลง เล่นเอามีมี่ถึงกับสะดุ้งและเผลอกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว

     “เกิดอะไรขึ้นคะคุณติณ?” เจนวิทยุเข้าไปเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของเขา

     “ผมว่าผมเห็นใครไม่รู้เดินผ่านไปทางนั้น ไปทางที่พวกเรากำลังจะไป!” เขากล่าวเสียงสั่น ทีมงานทุกคนหันมามองหน้ากันก่อนจะนับจำนวนคนที่อยู่ตอนนี้

     ไม่มีใครอยู่ในตึกนั้นแล้วนอกจากมีมี่ ติณ และปาร์ค....

     “ไอ้นี่! เห็นเงียบ ๆ ก็แสดงใช้ได้นี่หว่า” จุ้นคลี่ยิ้ม

     “ก็คงจะเป็นอรรถรสแหละมั้งพี่ เสริมเข้าไปให้มันน่ากลัว” เบสต์เห็นด้วยกับชายวัยกลางคนก่อนจะมองที่มอนิเตอร์ต่อ

     ทั้งติณและมีมี่หยุดเดินสักพัก เขาเองพยายามประมวลภาพว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ หรือว่ามันจะเป็นพวกทีมงานที่เข้ามาแกล้งให้พวกเขาตกใจเสียขวัญเหมือนกับเอฟเฟคที่ทีมงานได้บอกเอาไว้กับพวกเขาก่อนเข้ารายการ เขาแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อคิดเข้าข้างตัวเอง เขาหันมาพยักหน้าให้มีมี่ก่อนจะเดินไปยังหัวมุมอาคารนั้นเพื่อทะลุไปยังสนามหญ้าหลังตึกซึ่งเคยมีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่ และไม่นานนักคนทั้งคู่ก็เดินเท้าเข้ามาจนถึงจุดที่ต้องทำภารกิจเดินสายล่าผีในวันนี้ สายลมเอื่อย ๆ พัดต้นคอของมีมี่จนเธออยากจะร้องกรี๊ดออกมาซะตรงนั้น หากแต่เธอต้องพยายามรักษามาดนักร้องเอาไว้เพราะไม่อยากหลุดลุคที่ตัวเองไม่อยากให้ใครเห็นออกมาเท่าไหร่นัก หญ้าที่ขึ้นรกชัฏระดับเข่าของเธอทำให้เธอเริ่มจะแบคันตรงช่วงน่อง ถ้าเกิดเป็นรอยขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ฉันเรียกค่าเสียหายเป็นล้าน ๆ แน่ คอยดูเถอะ!

     “ตอนนี้ผมกับมีมี่อยู่ที่จุดทำภารกิจแล้วครับพี่” ติณส่งสัญญาณผ่านวิทยุที่ทีมงานให้ติดตัวเอาไว้

     “ภารกิจของเราในวันนี้คือการดึงยันต์ทำพิธีที่ติดอยู่ตรงปากบ่อออกมา เมื่อทำการดึงยันต์เขมรออก จากนั้นให้พวกคุณทั้งสองคนมองลอดใต้หว่างขาเป็นเวลายี่สิบวินาที จากนั้นเป็นอันจบภารกิจสำหรับการเดินสายล่าผีในวันนี้ค่ะ”

     “ดึงยันต์เขมรออกเลยเหรอพี่ มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ!” ติณไม่เห็นด้วย เขาเคยอ่านเรื่องราวของการทำพิธีสะกดวิญญาณของทางฝั่งนั้น มนต์ดำมันน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ และเขาจะต้องมาทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้น่ะเหรอ?

     “เราจะได้รู้ค่ะว่ามีวิญญาณที่สิงอยู่ที่นี่จริงไหม?” เจนพูดกลับไป

     “แต่...”

     “เอาน่าติณ เรามารีบทำภารกิจกันดีกว่านะคะ มีมี่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว” เธอกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือที่เจือไปด้วยความมารยา เล่นเอาติณถึงกับอ้ำอึ้ง ทั้งฝั่งของพวกจุ้นไม่ได้พูดอะไรออกมา เอาจริง ๆ พวกเขาไม่ได้กลัวเลยว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรตามมาด้วยซ้ำ

     เพราะว่ายันต์ที่ใช้ในการทำภารกิจเป็นยันต์ที่ทำมาจากผ้าดิบและลงอักขระมั่ว ๆ ด้วยฝีมือของเบสต์ตั้งแต่แต่แรกแล้ว เขาเองก็ไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นกัน ยันต์ผืนนั้นไม่ใช่ฝีมือของหมอผีเขมรอย่างที่ติณเข้าใจ หากแต่มันคือยันต์จากฝีมือของหมอผีเบสต์ต่างห่างล่ะ ส่วนมีมี่ที่ไม่ได้แสดงตื่นกลัว เพราะเธออยู่แล้วว่ายันต์นั้นเป็นของปลอม สงสัยมัวแต่มองหน้าอกจนไม่ได้ฟังใจความสำคัญของรายการ พวกแฟนคลับหน้าโง่!

     ติณอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ เดินยังไปยันต์โบราณ ความเก่าของผ้าแสดงให้เห็นถึงมนต์ดำที่ไหลเวียนอยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้ มีมี่แบบมือของเขาเบา ๆ เพื่อเป็นการแสร้งว่าตนเองก็หวาดกลัวเช่นกัน ติณสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแกะผ้ายันต์ผืนนั้นออก

     วูบบบบบบบ.... จู่ ๆ ลมไร้ทิศทางกับพัดปะทะเข้าที่ใบหน้าของคนทั้งสองจนพวกเขามองหน้ากัน ลมมันออกมาจากปากบ่อที่ตอนนี้ปิดสนิท ไร้ช่องทางที่ลมพัดผ่านออกมาได้เลย

     เสียงเอฟเฟคหมาหอนถูกเปิดขึ้นจนพวกเขาทั้งสองเริ่มที่จะกลัวขึ้นมาแล้วจริง ๆ ทั้งติณและมีมี่รีบโก่งโค้งมองลอดใต้หว่างขาพร้อมกับช่วยกันนับตัวเลขพร้อม ๆ กัน

     หนึ่ง...สอง...สาม

     ขนแขนของติณลุกเกลียวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหงื่อเม็ดใหญ่หยอดลงไปอาบใบหน้าทั้งสองจนเขาต้องพยายามขยับแว่นที่จะหลุดตลอดเวลา

     เจ็ด...แปด...เก้า

     มีมี่สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เธออยากจะให้จบรายการนี้ไว ๆ ทั้งเหม็น ทั้งอับแบบนี้ เธอคงไม่รับงานที่ต้องเหยียบย่ำสิ่งสกปรกแบบนี้ตลอดชีวิต

     สิบสอง...สิบสาม...สิบสี่

     สายลมพัดมาเอื่อย ๆ จนคนทั้งสองรู้สึกถึงกลิ่นที่เหม็นอยู่บริเวณนั้น กลิ่นมันช่างใกล้ราวกับว่าอยู่รอบ ๆ ตัวของพวกเขา

     สิบห้า...สิบหก...สิบเจ็ด

     และแล้วก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในโพรงหญ้าตรงหน้าของมีมี่ ใจของเธอเต้นโครมครามเพราะไม่อยากจะคิดว่านั่นคืออะไร

     สิบแปด....สิบเก้า...ยี่สิบ!

     จู่ ๆ ก็มีบางอย่างแหวกกอหญ้าขึ้นมาประจันหน้ากับนักร้องสาวเสียงใสจนเธอถึงกับหน้าถอดสี มันคือใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกพ้นหญ้าขึ้นมาจองมองมีมี่ด้วยนัยน์ตาที่ขาวขุ่นไร้ชีวิต!!

     “กรี๊ดดดดดด!!!!!” มีมี่ร้องเสียงหลงก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น ตามมาด้วยติณที่วิ่งออกไปเพราะตกใจเสียงมีมี่ ไม่รู้ว่าเธอใส่ตีนผีหรืออย่างไร เวลาไม่ถึงสามนาที เธอก็มาจอดตรงหน้าสนามหน้าตึกอย่างคนไม่ห่วงสวย

     “มีมี่!! เป็นอะไร!? น้องมีมี่!!” เบสต์รีบลุกเข้าคว้าตัวนักร้องสาวที่สั่นอย่างกับลูกนกตกน้ำ ปากซีดราวกับคนที่กลัวอะไรมาก ๆ

     “ผู้หญิง! มีหน้าผู้หญิงโผล่มาจากกอหญ้า!!!” เธอร้องไห้ก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้นราวกับคนเสียขวัญ ปาร์คเก็บภาพทุกอย่างไว้ในกล้อง เมื่อเห็นดังนั้นเจนจึงรีบเข้าไปปิดรายการเพื่อส่งต่อเข้าไปยังช่วงต่อไปในทันที

 

     ขณะที่เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนหลังจากที่ส่งมีมี่และติณกลับไป ทีมงานที่เหลือต่างค่อย ๆ เคลียร์อุปกรณ์ทุกอย่างใส่กล่องให้เข้าที่ กว่ามีมี่จะได้สติก็ปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมง เธอโทรไปแคนเซิลงานที่จะไปถ่ายทำต่อโดยที่ไม่สนใจค่าตัวใด ๆ ที่ยอมใจเย็นลงเพราะเบสต์ได้เหตุผลไปว่าสิ่งที่เห็นเป็นเอฟเฟคที่ทางทีมงานจัดขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ใจเขาเองก็อยากจะหาคำตอบว่าสิ่งที่นักร้องสาวพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ กว่าพายุจะสงบลง กว่าจะได้เก็บของก็จะเข้าวันใหม่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคาใจของเขานั่นคือคำพูดของมีมี่ที่ดูเหมือนว่าไม่ได้โกหก น้ำเสียงนั่นมันแสดงถึงอาการตกใจสุดขีดจริง ๆ ....

     “พี่เบสต์ เก็บของเสร็จแล้ว พวกพี่ให้มาตามขึ้นรถค่ะ” ฝนเดินเข้ามาสะกิดจนเขาหลุดออกจากภวังค์นั้น

     “อะ...โอเค ขอบใจนะฝน” เขาพูดก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ปาร์คเป็นคนขับ พวกเขาจะต้องกลับไปยังสถานีเพราะทุกคนจอดรถไว้ที่นั่น รถตู้สีเทาเงินค่อย ๆ ทยานออกจากโรงเรียนสตรีวิทสาร ปล่อยทิ้งไว้เพียงความมืดที่ค่อย ๆ เข้ามาครอบงำแสงสว่างที่เกิดขึ้นเมื่อคู่ แวบหนึ่งก่อนที่ความมืดจะย่างกรายเข้ามา แสงสว่างจากรถนั้นสาดส่องกระทบกับวัตถุปริศนาโดยที่พวกเขาไม่ทันสังเกตุ

     มุมอาคารเรียนคหกรรมที่เคยเป็นตึกคณิตศาสตร์เก่านั้น ปรากฏร่างของใครบางคนที่ชะโงกหัวออกมามองรถที่ขับหายไปยังถนนใหญ่ มุมปากค่อย ๆ คลี่ยิ่มจนแทบจะถึงใบหูก่อนที่เงาของต้นไม้ใหญ่จะเข้ามาบดบังร่างนั้นให้หายไปในความมืดเช่นเดิม....

 

 

 

 

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.